Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 557
บทที่ 557 อาจจะมีการพลิกผัน
“ตอนนั้นแม่ได้พูดอะไรกับมู่วี่สิง” หลิงเหยากะพริบตา
ได้ยินดังนั้น หลิงอี้ได้ขมวดคิ้วขึ้น
“พี่ไม่ได้อยู่ด้วยในตอนนั้น แต่พี่คิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนอ่อนไหว แม่เคยช่วยชีวิตของเขา ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่สนใจเธอ” หลิงอี้เลิกคิ้ว “เพราะฉะนั้นถ้าเติมเชื้อไฟลงไปอีกหน่อยหนึ่ง ไม่แน่อาจมีการพลิกผันเกิดขึ้น”
สิ้นประโยค หลิงอี้ได้ยื่นไวน์แดงให้น้องสาวของเขาแก้วหนึ่ง
หลิงเหยาลดสายตาลง ปากชมพูที่ค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา
ถือแก้วไวน์ มุ่งเดินไปที่โต๊ะมู่วี่สิงด้วยรองเท้าส้นสูง
สำหรับผู้ให้การหนุนบริษัทหลิงซื่อคนนี้ มีหมอศาสตราจารย์ไม่น้อยที่ให้ความเคารพ อีกทั้งหลิงเหยายังเป็นบุคคลที่เรียนด้านหมอ หลังจากการประชุมครั้งนี้ ก็คงค่อยๆจะเป็นที่คุ้นเคยสนิทสนมกับศาสตราจารย์ทั้งหลายมากขึ้น
“คุณหมอหลิง รอบนี้ลำบากคุณจริงๆแล้วนะ” มีหมอหนุ่มได้เดินเข้ามาหา
หลิงเหยาที่หน้าตาดูดีโดดเด่น มีหลายคนที่อยากเสนอหน้าแสดงออกถึงความโปรดปราน
“ต้องลำบากพวกท่านต่างหาก ที่ให้เกียรติบริษัทหลิงซื่อเช่นนี้” หลิงเหยาตอบกลับ แต่สายตายังคงสาดส่องจ้องไปที่มู่วี่สิง
เมื่อเห็นเขายืนขึ้น หลิงเหยาจึงผลักชายที่อยู่ตรงหน้าออกเบาๆ แล้วเดินไปหามู่วี่สิง
“วี่สิง” หลิงเหยาที่ยิ้มด้วยหน้าตาสดใส
สีหน้าของชายผู้นั้นกลับเฉยเมย พยักหน้าขึ้น แล้วทำท่าว่าได้เวลาที่จะกลับแล้ว
แต่หลิงเหยาได้ขัดขวางทางเดินของเขา ไม่หลบทางให้ จากนั้นแก้วไวน์ที่อยู่ในมือได้กระแทกชนกะทันหันขึ้น ทำให้ไวน์นั้นหกใส่ชุดของเธอ
“ขอโทษนะ…..วี่สิง” ใบหน้าหลิงเหยาที่ซีดเซียว กับตัวที่หนาวเย็น เธอจึงทำการพิงแอบแนบชิดมู่วิ่สิงไว้
แขกในงานต่างจ้องมองมา สุภาพบุรุษอย่างมู่วี่สิงก็ถอดเสื้อสูทของเขามาคลุมตัวเธอเอาไว้ แล้วพูดเบาๆว่า “ไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ”
“ห้องพักของฉันไม่ได้อยู่ที่นี่…..” หลิงเหยามองเขาด้วยความหงุดหงิด
“ให้หลิงอี้ส่งคุณกลับ”
จบประโยค มู่วี่สิงก็จากไปโดยไม่ได้ฟังคำพูดใดๆ
หลิงเหยากัดริมฝีปาก ยังคงวิ่งตามติดมู่วี่สิง หนำซ้ำได้ฉีกชุดของเธอให้ขาดลง
“วี่สิง คุณได้โปรดให้ฉันขึ้นไปรอพี่ชายข้างบนได้ไหม เขายังจากไปตอนนี้ไม่ได้” น้ำเสียงหลิงเหยาอ้อนวอน
สายตาที่เย็นชาจ้องมองที่หลิงเหยา เธอพูดขึ้น “คุณบอกว่าฉันเป็นฉันน้องสาวคุณไม่ใช่หรือ คุณจะดูแลน้องสาวคนนี้สักประเดี๋ยวไม่ได้หรืออย่างไร…..”
“ตามผมขึ้นมา” มู่วี่สิงหันหลัง
ใบหน้าหลิงเหยาแอบยิ้มขึ้น
แต่ในขณะนี้ เวินจิ้งที่เพิ่งจะถึงโรงแรมตงเฉิง กำลังจะโทรหามู่วี่สิง แต่สายตากลับมองเห็นร่างหลิงเหยาที่คลุมด้วยชุดสูทตามหลังมู่วี่สิงเข้าไปในลิฟต์
เธอเม้มปากชมพู เม้มแล้วเม้มอีก
ขึ้นไปถึงชั้นบนสุด หลิงเหยาพูดขึ้นอย่างมีชั้นเชิง “ฉันได้บอกพี่ชายของฉันแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงเขาก็จะมารับฉัน คุณมีเสื้อผ้าให้ฉันเปลี่ยนก่อนไหม”
“ไม่มี ให้หลิงอี้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้คุณ” น้ำเสียงมู่วี่สิงราบเรียบ
หลิงเหยาพยักหน้า แต่สายตายังคงจ้องไปที่มู่วี่สิง
เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ดูไปที่โทรศัพท์ เวินจิ้งน่าจะยังมาไม่ถึง
เขาเริ่มเคลียร์งานบางส่วน ไม่มีการสนทนาใดๆกับหลิงเหยา
“วี่สิง พี่ชายฉันมาแล้ว อย่างนั้นฉันไปก่อนนะ” หลิงเหยาที่รับโทรศัพท์จากพี่ชาย เดินใกล้ไปที่มู่วี่สิง
“อืม”
หลิงเหยาชินกับอารมณ์ที่เย็นชาของมู่วี่สิงแล้ว เธอเดินเข้าไปที่ห้องน้ำ ทำธุระก่อนเธอถึงจะออกจากห้องไป
ที่ระเบียงทางเดิน เวินจิ้งขึ้นมาแล้ว
หลิงเหยายังคงคลุมชุดสูทของมู่วี่สิง เพียงแต่ที่คอของเธอมีรอยจ้ำเป็นจุดๆที่มองเห็นไม่ค่อยชัดเจน แต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าเป็นรอยจูบ
เมื่อเห็นเวินจิ้ง ริมฝีปากอมชมพูได้ยิ้มออกมา
“มาหาวี่สิงหรือ” น้ำเสียงหลิงเหยาพูดเชิงยั่วยุ
เวินจิ้งแค่มองแวบแรกก็เห็นรอยจ้ำที่อยู่บนคอเธอ สีหน้าก็ซีดลง
เสื้อคลุมบนตัวหลิงเหยาเป็นของมู่วี่สิง เธอเพิ่งออกมาจากห้องของมู่วี่สิงมา…..
“ใช่ มาหาเขา” เวินจิ้งตอบอย่างใจเย็น
แต่ความร้อนรุ่มในใจแทบอยากจะปะทุออกมา
“อืม เขากำลังเคลียร์เรื่องงานอยู่ ฉันคิดว่าเธออย่าเพิ่งไปรบกวนมู่วี่สิงดีกว่า” สิ้นประโยค หลิงเหยาปัดไหล่เวินจิ้งแล้วเดินผ่านไป
ลมหายใจเธอดูคล้ายจะมีกลิ่นฮอร์โมนเพศชาย
เวินจิ้งสีหน้าซีดลงยิ่งกว่าเดิม แทบจะยืนไม่ขึ้น ได้แต่ยืนพิงกำแพงไว้
มองไปด้านหลังของหลิงเหยา เธอแทบอยากจะก้าวไปข้างหน้าเธอเพื่อถาม ถามว่าเธอกับมู่วี่สิงทำอะไรกันเมื่อสักครู่
แต่เหมือนลำคอเธอถูกบีบไว้ แม้แต่เสียงนิดเดียวก็ไม่สามารถเปล่งออกมาได้
เธอไม่อยากไปหามู่วี่สิงแล้ว ตอนที่ลงมาพบกับเกาเชียนเข้า เขาถามขึ้นว่า “คุณเวิน คุณไม่ใช่จะไปหาประธานมู่หรือ”
“ฉันมีธุระต้องกลับไปที่เมืองหนาน”
จบประโยค เวินจิ้งแทบจะวิ่งออกไป ไม่ไกลนักร่างของหลิงเหยาที่ยืนอยู่ข้างรถยนต์ เวินจิ้งเม้มปาก แล้วจะขึ้นรถไป
“เวินจิ้ง ฉันรู้นะว่าเธออยากจะรู้ฉันกับมู่วี่สิงได้ทำเรื่องอย่างนั้นหรือเปล่า “ หลิงเหยาที่สวมรองเท้าส้นสูง ร่างของเธอจึงดูสูงกว่าเวินจิ้ง สายตาก็ดูเหนือกว่า
เวินจิ้งยิ้มอย่างไม่แยแส “เธอบรรลุเป้าหมายของเธอแล้ว”
ไม่ว่าหลิงเหยากับมู่วี่สิงจะทำหรือไม่ทำก็ตาม แต่ตอนนี้ภายในใจเธอนั้นทรมานเหลือเกิน
เธอควรจะเชื่อใจมู่วี่สิง เธอบอกกับตัวเองอย่างนั้นซ้ำๆ
“เป้าหมายอะไรกันเวินจิ้ง เป้าหมายของฉันยังอยู่อีกยาวไกล ตอนนี้มู่วี่สิงก็ชอบเธอ ฉันเกลียดจริงๆ เกลียดตัวเองที่เมื่อก่อนเคยเป็นเพื่อนแสนดีกับเธอ เป็นเธอที่แย่งผู้ชายของฉันไป”
“ดังนั้น ตอนนี้เธอก็เลยคิดอยากจะแก้แค้นฉัน จงใจจัดฉากทั้งหมดนี้ขึ้นเพื่อให้ฉันเข้าใจผิด หลิงเหยาเธอนี่ช่างไร้สาระจริงๆ” เวินจิ้งพูดอย่างเคร่งขรึม
เวินจิ้งคิดทบทวนเรื่องราวมากมายภายในไม่ถึงหนึ่งนาที
ถ้าหากมู่วี่สิงกับหลิงเหยากระทำเกินเลยซึ่งกันและกันจริง แม้แต่คำว่าถ้าหาก ก็ไม่ได้อยากให้อยู่ในหัวสมองของเธอ
เป็นไปไม่ได้
มู่วี่สิงไม่มีทางทรยศเธอ เป็นไปไม่ได้
“แก้แค้นหรือ เวินจิ้งฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับเธอ เพียงแค่คืนมู่วี่สิงมาให้ฉัน คืนเขามาให้ฉัน! ฉันจะบอกเธอว่าเมื่อสักครู่มู่วี่สิงไม่ได้สมยอมแต่อย่างใด เพียงแต่เขาโดนฉันวางยา” น้ำเสียงหลิงเหยาที่ค่อนข้างโมโห
เธอยังคงไม่ท้อถอย
ในเมื่อเธอไม่สามารถทำให้มู่วี่สิงตัดใจได้ อย่างนั้นเธอก็จะทำให้เวินจิ้งตัดใจเอง!
ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งค่อยๆระงับอารมณ์บนใบหน้า กุมมือแน่นแล้วกัดปากตัวเอง
วางยาหรือ
ใช่สิ หลิงเหยาตอนนี้ไม่มีอะไรที่เธอจะทำไม่ได้
เธอมองดูกระโปรงของเขาที่ถูกฉีกขาด และเปียกโชกไปทั่ว ภาพแบบนี้ทำให้คนอื่นอดที่จะคิดไม่ได้
“ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม อย่างน้อยฉันก็เป็นของเขาแล้ว ตอนนี้พวกเราถือเท่าเทียมกัน”
เวินจิ้งมองเขาด้วยสายตาแหนงหน่าย แล้วง้างขึ้นตบไปหนึ่งที
อาจเป็นเพราะที่เขาเคยเป็นเพื่อนแสนดีกับหลิงเหยา จึงทำให้เธอรู้สึกผิดหวังมากในตอนนี้
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ บางทีหลิงเหยาที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ
“ตระกูลหลิงของพวกเรามีบุญคุณต่อมู่วี่สิง เขาไม่มีทางที่จะทอดทิ้งฉันโดยไม่สนใจไยดี” หลิงเหยาที่กุมหน้าตัวเองอยู่ ความเกลียดชังในแววตาของเธอค่อยๆปะทุออกมา
วินาทีต่อมา เธอทำท่ายกมือขึ้นเพื่อจะตบเข้าที่ใบหน้าของเวินจิ้ง แต่ว่ามีแขนที่เร็วกว่ายื่นออกมาคว้าข้อมือเธอไว้แน่น