Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 580
บทที่ 580 มองฉันมากกว่านี้
“การเดินทางครั้งนี้ของคุณคงสำคัญมาก … ” เวินจิ้งพึมพำ
“ผมจะกลับสุดสัปดาห์นี้ คุณอยู่มหาลัยรอแล้วกัน “
งั้นก็ได้”
“อาจารย์มู่!”
ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากโทรศัพท์
หลิงเหยาหรอ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินเสียงของมู่วี่สิงพูดว่า ”ไม่ผมโทรหาคุณอีกที”
เมื่อเห็นมู่วี่สิง หลิงเหยาที่นั่งรถเข็นอยู่ก็เลื่อนมาหาเขา
“คุณมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประชุมวิจัยหรือคะ” หลิงเหยามองไปที่มู่วี่สิงด้วยรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ
มู่วี่สิงพยักหน้าอย่างเฉยเมย และรีบออกจากสนามบิน
หลิงเหยาไม่ได้รู้สึกอะไรจากความเฉยเมยของเขา เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของมู่วี่สิง เธอก็รู้สึกหลงใหลเป็นอย่างมาก
หลิงอี้เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่มองแล้วส่ายหน้า ก่อนจะเข็นรถน้องสาวไป
“แน่ใจหรอว่าจะทำ”
“ฉันแน่ใจว่า ฉันรู้ว่าตอนนี้มู่วี่สิงต้องการอะไรมากที่สุด” หลิงเหยาเม้มริมฝีปากของเธอ
สองวันต่อมา
เจียงฉีโทรหาเวินจิ้ง
ตั้งแต่เจียงฉีสารภาพรัก ทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
แต่เธอมักจะพบกันในชั้นเรียนทุกสัปดาห์ เวินจิ้งไม่สามารถเผชิญหน้ากับความอึดอัดนี้ได้ เธอจึงหลบหน้าอยู่เสมอ
เขาส่ง WeChat ให้เธอแทน เมื่อเห็นว่าเธอไม่รับสาย
เขาบอกว่า วิทยานิพนธ์ที่ทั้งคู่ทำร่วมกัน ได้รับการยอมรับและชื่นชมจากศาสตราจารย์เฉิน และพวกเขาต้องไปที่สำนักงานในช่วงบ่าย
เนื่องจากเป็นคำขอของศาสตราจารย์ เวินจิ้งจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
เมื่อมาถึงสำนักงานในตอนบ่าย เจียงฉีก็รอเธออยู่ที่ประตูก่อนแล้ว
เวินจิ้งเดินเข้าไป ก่อนที่เจียงฉีจะทันได้พูดอะไรออกมา เมื่อเห็นเวินจิ้งเดินเข้าไป เขาจึงได้แต่กลืนสิ่งที่เขาต้องพูดกลับไป
ศาสตราจารย์เฉิน เป็นที่ปรึกษาของเจียงฉี และชื่นชมเขามาก เวินจิ้งรู้ว่าโครงการวิจัยของพวกเขาได้รับเลือกให้เป็นรางวัลอันดับหนึ่งจากมหาลัย มหาวิทยาลัยจะจัดประชุมสื่อเพื่อให้พวกเขาทำโครงการวิจัยนี้อย่างละเอียด และต่อไปศาสตราจารย์เฉินหวังว่าทั้งคู่จะร่วมกันทำวิจัยนี้ต่อไป
เวินจิ้งอึ้งไป ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงสิ่งที่เธอพูดกับมู่วี่สิงได้
หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้ว เธอจะไม่ได้ติดต่อกับเจียงฉีมากนัก
ถ้าทั้งสองทำงานร่วมกันต่อไป มันก็ไม่เหมือนกับเป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง
อย่างไรก็ตาม เธอรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้สำหรับตัวเธอเอง
เจียงฉีตอบตกลงในทันที และสายตาของศาสตราจารย์เฉินก็มองมาที่เวินจิ้ง
“ศาสตราจารย์ ฉันคิดว่าฉันต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้” เวินจิ้งกัดริมฝีปากของเธอ แสดงว่าเธออึดอัดใจ
“มีปัญหาอะไร”
“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันกลัวว่าจะไม่มีเวลามากนัก” เวินจิ้งตอบกลับด้วยความเหนื่อยล้า
ที่จริงแล้วเธอไม่ใช่ลูกศิษย์ของศาสตราจารย์เฉิน เธอต้องถามมู่วี่สิงอยู่ดี
“ฉันเข้าใจแล้ว เธอสามารถคุยกับศาสตราจารย์มู่ได้ ฉันหวังว่าเธอจะสามารถทำวิจัยนี้ร่วมกับเจียงฉีได้นะ ในส่วนของการประชุมคุณทั้งสองคนก็ไม่สามารถขาดได้”
เวินจิ้งพยักหน้า และเดินออกจากห้องทำงาน โดยไม่ได้คุยกับเจียงฉี เธอเตรียมที่จะกลับไปที่หอ
แต่เจียงฉีเรียกเธอไว้ซะก่อน
“เวินจิ้งอย่าหลบหน้าฉัน” ร่างสูงของเจียงฉียืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“ฉันไม่ได้หลบหน้านาย” เวินจิ้งลดสายตาลง คำพูดของเธอดูมีพิรุธ
“ถ้าฉันทำให้เธอลำบากใจ ฉันขอโทษ” เจียงฉีขอโทษอย่างเคร่งขรึม
เวินจิ้งขมวดคิ้ว และเงยหน้าขึ้นเธอมองเจียงฉีอย่างไม่ใส่ใจ “เจียงฉีพวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันไม่ใช่เหรอ”
“ใช่เราเป็นเพื่อนร่วมชั้น”
“ก็ดีแล้ว” เวินจิ้งเผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา
“เราเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นกัน” เวินจิ้งเน้นย้ำซ้ำ ๆ
“พรุ่งนี้มีประชุมอาจารย์ ไปลองซ้อมพูดก่อนไหม”
“ดี” ทั้งคู่มาถึงห้องเรียน แต่เวินจิ้งเอาแต่มองโทรศัพท์อย่างเหม่อลอย
ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะโทรหามู่วี่สิง
เธอขัดจังหวะเจียงฉี “ฉันจะเอามันกลับไปแล้วท่องเอง”
“เดี๋ยวฉันไปส่ง” เจียงฉีพูดออกไป
“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้”
เมื่อพูดจบ เวินจิ้งก็เดินไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเจียงฉีโมโหมาก และเขาเดินตามเวินจิ้งไปตลอดทาง จนกระทั่งบอดี้การ์ดทั้งสองขวางเขาไว้
“คุณคือใคร”
“คุณมู่สั่งพวกเราให้มาปกป้องคุณเวินจิ้ง”
เจียงฉียิ้มเยาะเย้ย “ฉันไม่ได้ทำร้ายเธอ”
บอดี้การ์ดไม่สนใจสิ่งที่เจียงฉีพูด เจียงฉีสู้ทั้งสองคนไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเฝ้าดูเวินจิ้งเดินหายไปจากสายตาของเขา
ขณะนี้ ณ.เมืองเป่ยเฉิง
เนื่องจากเป็นการประชุมวิจัยที่เกี่ยวข้องกับวงการแพทย์และธุรกิจ ส้งวี่จึงมาในนามของบ้านใหญ่ตระกูลมู่ และมู่ซือซือก็ตามมาด้วย
เมื่อเห็นพี่ชาย เธอจึงเดินเข้าไปหาทันที
“โย่ว! ทำไมเวินจิ้งไม่มาด้วยล่ะ”
“เธอมีธุระ” มู่วี่สิงพูดเสียงเนือยๆ
“จริงเหรอ” มู่ซือซือไม่ได้เจอพี่ชายของเธอมาสักพักแล้ว เพราะเธอกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องเรียน
“จริง”
“โอเค งั้นฉันไปเล่นกับเหยาเหยาก่อน”
เมื่อพูดจบมู่วี่สิงก็เรียกเธอเพื่อพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไร
เธอมาที่นี่ในวันนี้ เธอถึงเพิ่งรู้ว่าขาของหลิงเหยาได้รับบาดเจ็บ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าอุบัติเหตุอะไร และคิดว่ามันคงเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์
“เหยาเหยาหมอบอกว่าจะหายเมื่อไหร่”
หลิงเหยาส่ายหัวอย่างขมขื่น “เหมือนจะได้แค่นี้แล้ว ซือซือตอนนี้ฉันได้ลิ้มรสของความสิ้นหวังแล้ว”
มู่เม้มริมฝีปากของเธอ และไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะยืนได้อีกครั้ง แต่ละวันที่นั่งอยู่บนรถเข็น มันช่างลำบากมาก
เธอสามารถเข้าใจความรู้สึกของหลิงเหยาในขณะนี้ได้ดีที่สุด
“ถ้าไม่ใช่เพราะความล่าช้าในการส่งตัวไปโรงพยาบาล มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้” หลิงเหยาพูดออกมาอย่างกะทันหัน
ดวงตาของมู่ซือซือเบิกกว้าง หมายความว่าไง
“ทำไมถูกส่งโรงพยาบาลล่าช้า”
“ตอนนั้นฉันทะเลาะกับเวินจิ้ง เธอผลักฉันออกจากถนน ต่อมาคนขับรถโทรขอสายฉุกเฉิน แต่เธอก็ขัดขวาง” หลิงเหยาพูดไปน้ำตาก็ไหลไป “ฉันคิดไม่ถึงเลย ตอนนั้นเราเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอยังจะคิดว่าฉันชอบมู่วี่สิงได้”
มู่ซือซือตัวสั่นไปหมดมองไปที่ขาของหลิงเหยา และนึกถึงเวินจิ้งอีกครั้ง
ในตอนแรกเธอไม่ได้รู้สึกดีกับเวินจิ้ง แต่ความรู้สึกก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
หลิงเหยาเป็นเพื่อนที่ดี และเธอก็รู้จักมานานหลายปี แน่นอนว่าเธอต้องเชื่ออยู่แล้ว
“เวินจิ้งจริงเหรอ”
“เหยาเหยามีเพียงพี่ชายของฉันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ อย่าบอกพี่ชายของเธอนะ ฉันไม่หวังว่าเขาจะมองฉันมากกว่านี้”
มู่ซือซือแข็งตัวทื่อเมื่อเห็นน้ำตาของหลิงเหยา เธอรู้สึกเป็นทุกข์
เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอตั้งแต่เด็ก เธอจะปล่อยให้หลิงเหยาต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ได้อย่างไร
“เหยาเหยา เธอจะไม่เจ็บตัวฟรีแน่ ฉันจะจัดการกับผู้หญิงสารเลวอย่างเวินจิ้งเอง!” หลิงเหยาพูดอย่างโกรธ ๆ
เมื่อพูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืน มันไม่ง่ายเลยที่จะข่มใจและคลายอารมณ์ลง
“ซือซือ อย่าหุนหันพลันแล่น ฉันไม่อยากให้เธอ เป็นเพราะฉัน … ”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ซือซือก็ได้ขัดจังหวะหลิงเหยา “เหยาเหยาฉันรู้ว่าเธอมีจิตใจที่ดี แต่เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เธอจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างนี้ฉันทนไม่ได้!”
เมื่อตอนที่เธอมืดมนที่สุด หลิงเหยาก็เป็นคนที่เดินเคียงข้างเธอ
ตอนนี้หลิงเหยามีปัญหา เธอก็จะอยู่เคียงข้างกับเธอด้วย