Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 595
บทที่ 595 ระยะห่างระหว่างเธอกับเขา
วันรุ่งขึ้น เวินจิ้งได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า ว่าวันนี้มีประชุมพบปะกับแพทย์แผนกประสาทศัลยศาสตร์ที่โรงแรมซียี่ ผอ.โรงพยาบาลจึงส่งเธอไปเป็นตัวแทนเพื่อเข้าร่วม
ผู้ช่วยส่งตารางกำหนดการมาให้เธอ ซึ่งกำหนดการการประชุมในครั้งนี้ใช้เวลาแค่หนึ่งวัน แต่ว่าก็เป็นการประชุมหนึ่งวันที่อัดแน่นมากๆ
พลันก็ตัวแข็งค้าง เมื่อเห็นชื่อของมู่วี่สิงบนลิสต์รายชื่อ
เขา……
ใช่สิ เขาเป็นศาสตราจารย์แผนกประสาทศัลยศาสตร์นี่นา อีกอย่างเขาก็อยู่ที่ประเทศFพอดี ยังไงก็ต้องเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้อยู่แล้ว
เมื่อคิดได้ว่าบางทีอาจจะได้เจอกับมู่วี่สิง อารมณ์ของเธอก็เริ่มซับซ้อน
เธอค่อนข้างจะกลัว แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือดีใจ
เมื่ออาบน้ำเสร็จจึงลงมาข้างล่าง วันนี้หลินเวยกับโจวเซิ่งบินไปฮันนีมูนกันที่มัลดีฟส์ อีกครึ่งเดือนต่อจากนี้ก็จะมีแค่เธอและโจวเซินอยู่ที่บ้านด้วยกันตามลำพัง
“วันนี้ต้องกลับโรงพยาบาลเหรอ?” โจวเซินเอ่ยถาม
“ต้องเข้าร่วมประชุมที่โรงแรมซียี่น่ะ”
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
เวินจิ้งพยักหน้า สามปีมานี้ รูปแบบความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เป็นแบบนี้มาตลอด เวินจิ้งแทบจะไม่ปฏิเสธโจวเซิน แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกก็ยังคงเฉยชาและห่างเหินมาตลอด
เขาไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเธอถึงจะยอมใจอ่อน
เมื่อมาถึงโรงแรมซียี่ ทันทีที่เวินจิ้งลงจากรถก็เห็นร่างสูงของใครคนนั้นอยู่ไกลๆ
เขายังคงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็กสีดำเหมือนอย่างเคย เห็นเพียงแผ่นหลังก็สามารถดึงดูดสายตาได้แล้ว รังสีที่ของเขากินขาดคนอื่นได้ง่ายๆ มองไปแค่แวบเดียวก็เข้ามาอยู่ในสายตาของเวินจิ้งแล้ว
เธอละสายตากลับมา แล้วรีบเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องโถงประชุมมีแพทย์และนักวิชาการที่มาจากเมืองอื่นรวมตัวกันอยู่เยอะมาก หลายปีมานี้เวินจิ้งเองก็ได้รู้จักเพื่อนร่วมอาชีพหลายคน พอข้างกายมีคนมาพูดด้วยก็พอที่จะกระจายจุดโฟกัสของเธอได้บ้าง
แต่ว่า คนที่กำลังเดินมาทางเธอเธอรู้สึกว่าคุ้นๆ
เธอคิดอยู่สักพักใหญ่ๆถึงนึกออก เจียงฉีนี่เอง…….
ตอนที่เธอถูกพาออกมาจากเมืองหนานเฉิง โจวเซินไม่ให้โอกาสเธอได้บอกลากับใครเลย นอกจากเพื่อนสนิทที่คุ้นเคยกันดี
“เวินจิ้ง? ผมนึกว่าผมตาฝาดไปซะอีก” รอยยิ้มของเจียงฉีสดใสมาก
สามปีผ่านไป ผู้ชายคนนี้ยิ่งเผยความหล่อเหลาแบบฉบับผู้ใหญ่ออกมา บุคลิกท่าทางก็เปลี่ยนไปบ้างพอสมควร
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” เวินจิ้งยิ้มออกมาบางๆ
“นานมาก ตอนนั้นจู่ๆคุณก็ขาดการติดต่อไป ต่อมาก็ได้ข่าวว่าคุณย้ายที่เรียน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากนั้นจะไม่ได้เจอคุณอีก” เจียงฉีพูดออกมาอย่างเสียดาย
“อืม ตอนนั้นมันฉุกละหุกนิดหน่อยน่ะ ว่าแต่ตอนนี้คุณทำงานอยู่ที่ไหนเหรอ?” เวินจิ้งไม่อยากพูดถึงเรื่องเก่าๆ จึงเปลี่ยนเรื่องบทสนทนา
“ในโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยFน่ะ”
เมื่อเจียงฉีมองเวินจิ้ง ก็บีบเอกสารในมือเอาไว้อย่างเครียดๆ “เวินจิ้ง คุณยังคิดที่จะกลับเมืองหนานเฉิงไหม?”
ได้ยินแบบนั้น เวินจิ้งก็ตอบออกมาอย่างไม่คิดลังเล “คงไม่แล้วล่ะ”
หลินเวยแต่งงานกับโจวเซิ่งแล้ว ตอนนี้เธอก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลโจว รากฐานของตระกูลโจวอยู่ที่ประเทศF เพราะฉะนั้นก็คงไม่ต้องกลับไปที่เมืองหนานเฉิงแล้วล่ะ
เธอเองก็ไม่ค่อยอยากกลับไปด้วย หลังจากที่มู่วี่สิงแต่งงาน สำหรับเธอแล้ว เมืองหนานเฉิงก็เป็นเหมือนสถานที่แห่งฝันร้ายของเธอ
“แบบนี้นี่เอง” ดวงตาของเจียงฉีฉายแววผิดหวังออกมา
“ฉันยังมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อนนะ” เวินจิ้งยิ้ม จากนั้นก็เดินไปนั่งลงอีกฝั่งของห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ว่า ทันทีที่นั่งลงก็มองเห็นชายหนุ่มรูปหล่อที่นั่งอยู่ตรงแถวแรกเพียงแค่มองไปแวบเดียว
เหมือนกับว่าไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เวินจิ้งก็มักจะสังเกตเห็นเขาก่อนได้อย่างว่องไว
นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด
เธอส่ายหัว สลัดความคิดมากมายที่อยู่ในหัวทิ้ง สั่งตัวเองให้ตั้งสมาธิ
ห้ามสนใจมู่วี่สิงอีก
การประชุมในครั้งนี้มู่วี่สิงเป็นคนบรรยาย เวินจิ้งก้มหน้าลงเพื่อที่จะได้ไม่มองหน้าเขา แต่เธอก็ตั้งใจจดสิ่งที่มู่วี่สิงกำลังพูดอย่างเอาจริงเอาจัง
สามปีแล้ว ตำแหน่งของเขาในวงการแพทย์ก็ยังคงไม่มีใครสั่นคลอนได้เหมือนเดิม เขาเป็นไอดอลของนักศึกษาแพทย์หลายคน ทั้งยังเป็นศาสตราจารย์ที่มีอำนาจสูงสุดในแผนกประสาท ถึงขนาดที่ว่าชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายไปทั่วโลก
ระยะห่างระหว่างเธอและเขา เหมือนจะอยู่ไกลกันมากๆ
จนเมื่อถึงเวลาที่การประชุมสิ้นสุดลง เวินจิ้งก็ยังคงนั่งเหม่อ จนกระทั่งผอ.โทรมาหาเธอเธอถึงได้สติ
“หมอเวิน ผมส่งเอกสารไปในอีเมลของคุณนะ คุณช่วยเอาไปให้ศาสตราจารย์มู่เซ็นให้หน่อยสิ ผมพูดกับเขาไว้แล้วล่ะ”
คำพูดของผอ.ทำให้เวินจิ้งลำบากใจ ตอนนี้เธอไม่อยากจะติดต่ออะไรกับมู่วี่สิงทั้งนั้น
“นานๆทีศาสตราจารย์มู่จะมาที่นี่ คุณก็พูดคุยแลกเปลี่ยนกับเขาเข้าไว้ล่ะ ต้องได้อะไรเยอะแน่ๆ” ผอ.กับมู่วี่สิงก็ถือว่าเป็นคนรู้จักกันมานาน ผอ.ถึงได้รู้สึกเคารพและนับถือความสามารถในวงการแพทย์ของมู่วี่สิงขนาดนี้
“ค่ะ” เวินจิ้งตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก
เธอไปปริ้นท์เอกสารออกมาก่อน จากนั้นถึงได้วกกลับเข้ามาในห้องประชุม
แต่ว่า กลับไม่เจอมู่วี่สิง เจอเพียงเกาเชียน
เธอจึงทำได้แค่เดินเข้าไปสอบถาม “ผู้ช่วยเกา ฉันมีเอกสารต้องให้ศาสตราจารย์มู่เซ็นน่ะค่ะ”
เมื่อเกาเชียนเห็นเวินจิ้งก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะที่บอสเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ เหตุผลก็เพราะเวินจิ้งอยู่ที่นี่ด้วย
“คุณเวิน ตอนนี้ประธานมู่อยู่ในห้องเพรสซิเดนท์สูท คุณขึ้นไปหาเขาด้วยตัวเองเลยครับ”
“ฉันไม่สะดวก คุณช่วยเอาไปให้เขาดีกว่าค่ะ” เวินจิ้งส่งเอกสารไปให้
เกาเชียนทำหน้าลำบากใจ เขาไม่กล้ารับงานที่ถูกมอบหมายมา……
“คุณเวิน ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
เวินจิ้งพอจะอ่านความรู้สึกของเกาเชียนออก เธอจึงค่อนข้างร้อนใจ
ความรู้สึกที่ถูกเขากดเอาไว้ในอ้อมกอดเมื่อวานตอนนี้เธอยังจำมันได้อย่างแจ่มชัด เขากลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว จนเธอไม่กล้าเข้าใกล้
แต่เมื่อนึกไปถึงคำพูดของผอ.แล้วก็……
ไม่กล้าขัดคำพูดของผอ.เลย
เธอจำต้องลากฝีเท้าเดินออกมาจากห้องประชุมอย่างอืดอาด จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นบนสุด
โทรศัพท์ในกระเป๋าส่งเสียงขึ้นมา เป็นเบอร์ของโจวเซิน
“ประชุมเสร็จหรือยัง? ผมจะไปรับ”
“ใกล้แล้วล่ะ”
“อืม ผมกำลังออกจากตระกูลโจว”
“อืม”
เมื่อวางสาย เวินจิ้งก็กัดริมฝีปากอย่างเครียดๆ จากนั้นก็เดินออกจากลิฟต์ไป
เมื่อมายืนอยู่หน้าประตูห้องที่ปิดสนิท หัวใจของเธอก็เต้นอย่างรัวเร็ว จนแทบจะทะลุออกมานอกอก
ยกมือขึ้นแล้วก็ลดมือลงอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าเคาะประตูเลยสักที
จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง เพราะโจวเซินมาถึงแล้ว
เธอขมวดคิ้ว จากนั้นก็เรียกความกล้าเพื่อที่จะเคาะประตู แต่ประตูกลับถูกเปิดออกมาจากข้างในแทน
คนที่ออกมาไม่ใช่มู่วี่สิง แต่เป็นหลิงเหยา
เวินจิ้งมองไปที่ขาของเธอโดยอัตโนมัติ ในงานแต่งงานของแม่ เธอสังเกตเห็นว่าหลิงเหยาสามารถยืนได้แล้ว แต่พอได้มาเห็นเธอปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอย่างนี้ จึงค่อนข้างที่จะทำให้เวินจิ้งประหลาดใจ
อีกอย่าง เธอยังเดินออกมาจากห้องของมู่วี่สิง
เวินจิ้งหน้าซีด เมื่อเผชิญหน้ากับรอยยิ้มปานดอกไม้บานของเธอ จากนั้นเสียงหลิงเหยาก็พูดขึ้นมาว่า “วี่สิง เวินจิ้งมาหาน่ะ”
พูดจบ หลิงเหยาก็เดินเฉียดไหล่เธอออกไป กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆโชยเข้ามา แต่กลับทำให้เวินจิ้งรู้สึกไม่ชอบใจ
เธอยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ไม่ว่ายังไงก็เหมือนก้าวเท้าเข้าไปไม่ได้
จนกระทั่งเสียงทุ้มหนักดังขึ้นมา “มีธุระ?”
เวินจิ้งช้อนตาขึ้นไปมอง ก็เห็นชายหนุ่มในเสื้อสีขาวกางเกงสีดำนั่งอยู่บนโซฟา สายตาไม่ได้มองมาที่เธอเลยสักนิด
“ใช่” เธอก้มหน้าลง จากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างเร่งรีบ ตั้งใจว่าจะทำให้มันเสร็จๆไป
แต่เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูข้างหลัง เธอก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจแล้ว