Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 597
บทที่ 597 อนุญาตให้คุณเอาแต่ใจได้ขนาดนี้
“หือ มู่วี่สิงไปประเทศFเหรอ?”
“อืม ฉันเจอเขาที่งานแต่งแม่ฉัน”
“เขาแต่งงานไปแล้ว ตอนนี้แกก็มีชีวิตใหม่แล้ว เพราะงั้นก็อย่าไปคิดอะไรเลย” อั้ยเถียนถอนหายใจ พูดขึ้นมาอย่างสื่อความหมาย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงเชียร์ให้เวินจิ้งไปตามจีบคนที่ตัวเองรักแล้ว แต่ว่าตอนนี้ ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว
“ฉันรู้ ฉันก็ไม่อยากคิดถึงเขาเหมือนกันนั่นแหละ แต่ฉันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้”
เธอเองก็เกลียดที่ตัวเองเป็นแบบนี้…..
“เวินจิ้ง อย่าทำอะไรโง่ๆนะ อยู่ให้ห่างจากมู่วี่สิงด้วย แกต้องฟังที่ฉันพูดนะ”
เมื่อวางสาย เวินจิ้งก็ซบหน้าลงบนขอบอ่าง รู้สึกแค่ว่าเปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง หนักขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปพักใหญ่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงของโจวเซิน “เวินจิ้ง……”
“อื้อ……” เธอพูดงึมงำ จากนั้นถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองเกือบจะหลับไปแล้ว
“ฉันไม่เป็นอะไร” เวินจิ้งตอบกลับไป จากนั้นก็รีบเช็ดตัวแล้วใส่เสื้อผ้า
โจวเซินยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นเวินจิ้งเดินออกมาก็หอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เวินจิ้ง ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่” โจวเซินมุ่นคิ้ว
ใบหน้าของเวินจิ้งไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่หน้ากลับขาวซีด
เพราะไข้เธอยังไม่หายดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ร่างกายเลยยังอ่อนแออยู่
“ถ้าหิวก็กินโจ๊กสักหน่อยนะ” โจวเซินสั่งคนใช้ให้ยกโจ๊กขึ้นมาให้แล้ว
เวินจิ้งพยักหน้า โจวเซินนั่งลงข้างๆเธอ มองดูเธอกินโจ๊กทีละคำๆ
เพราะผมของเธอเปียก จึงมีหยดน้ำหยดลงติ๋งๆอยู่ตลอด โจวเซินจึงหยิบผ้าขนหนูมาเตรียมที่จะเช็ดผมให้เวินจิ้ง แต่เธอกลับหดตัวหลบในทันที
“ผมเช็ดเองก็ได้” เธอวางชามลง จากนั้นก็รับผ้าขนหนูมาอย่างรวดเร็ว
โจวเซินพยายามมองข้ามแววตาต่อต้านในดวงตาของเธอ นัยน์ตาดำขลับเริ่มขุ่นมัวขึ้นมา
“เวินจิ้ง เมื่อไหร่คุณจะคุ้นเคยกับผมสักที”
เวินจิ้งหลุบตาลง พูดเสียงเรียบเย็นว่า “ตอนนี้เราสองกันเป็นพี่น้องกัน ไม่ใช่เหรอ?”
วินาทีถัดมา โจวเซินก็ถีบเก้าอี้ข้างๆอย่างแรง เก้าอี้ตัวนั้นแทบจะถูกเขาทำพังภายในแค่ชั่วพริบตา…….
อารมณ์ของเวินจิ้งยังคงเรียบนิ่ง
ราวกับว่าตอนนี้ ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ไม่สามารถทำให้อารมณ์เธอสั่นไหวได้
“คุณไม่ใช่น้องสาวของผม เวินจิ้ง ผมจะบอกคุณให้นะ คุณคือคนที่ผมอยากแต่งงานด้วย!” เสียงของโจวเซินมีแต่โทสะ
เวินจิ้งยังคงนิ่ง เมื่อกินโจ๊กเสร็จ ก็เดินถือชามลงไปเก็บข้างล่าง ไม่ได้มองมาที่โจวเซินแม้แต่นิด
เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์นี้ สุดท้ายก็แตกหักลง
เธอรู้ ว่าเธอต้องแต่งงานกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นถ้าต้องอยู่กับโจวเซินในตระกูลโจวไปตลอด เธอก็จะถูกเขาควบคุม มือของเธอสั่นเล็กน้อย กว่าจะคุมอารมณ์ได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ
ด้านหลัง โจวเซินกำลังเดินเข้ามาใกล้ เมื่อเวินจิ้งหันกลับไป เขาก็มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
“โจวเซิน ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก” เวินจิ้งพูดกระทบกระทั่งออกไป
โจวเซินแสยะยิ้ม “เรื่องของเรา พ่อกับแม่ไม่เก็บมาถือสาหรอก พวกเขารู้หมดแล้วว่าในใจผมคิดยังไง”
“แม่ไม่มีทางเห็นด้วยกับคุณหรอก!”
“ใครจะไปรู้ล่ะ เวินจิ้ง พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ แล้วทำไมคุณต้องเอาแต่หนีอยู่อีก” โจวเซินขยับเข้าใกล้อีก
เวินจิ้งไร้ทางถอย จึงยกมือขึ้นสะบัดใส่หน้าหล่อเหลาของเขา โจวเซินถูกฝ่ามือเธอตบโดยไม่คิดที่จะหลบ
“เพราะคุณคือคนของผมหรอกนะ ผมถึงอนุญาตให้คุณเอาแต่ใจได้ขนาดนี้” พูดจบ เขาก็หันหลังกลับ ไม่มีท่าทีคุกคามอีกแล้ว แต่เวินจิ้งกลับไม่วางใจ
ตอนดึก เวินจิ้งนอนพลิกตัวไปมา ถึงแม้จะล็อกประตูแล้ว แต่เธอก็เอาแต่ฝันถึงภาพที่โจวเซินพังประตูเข้ามา เธอรู้สึกตื่นกลัวจนเหงื่อออกไปทั้งตัว ไม่มีกระจิตกระใจจะนอนแล้ว
เธอลุกขึ้นนั่ง แล้วมองออกไปยังท้องฟ้าสีดำมืดนอกหน้าต่าง จากนั้นก็เดินออกไปตรงระเบียง ผ่านไปพักใหญ่ ก็เริ่มจามออกมาหลายครั้ง ดูเหมือนจะเป็นหวัดซะแล้ว
เธอเดินคลำทางลงมายังห้องโถงรับแขก เมื่อเปิดไฟขึ้นมา ก็เจอเข้ากับร่างกายของใครคนหนึ่งกำลังนั่งเงียบๆอยู่บนโซฟา เธอตกใจจนหน้าขาวซีด
พอเห็นเป็นโจวเซิน ก็ไม่ได้รู้สึกเบาใจลงเลย
“เป็นอะไรไป?” ในระหว่างที่สติหลุด โจวเซินก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว เวินจิ้งจึงจามออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ผมจะไปเอายาแก้หวัดมาให้” เขาพูดเสียงหนัก
เวินจิ้งตอบรับ รู้ดีว่าปฏิเสธไปยังไงก็คงไม่ได้ผล เขาก็คงทำแบบนี้อยู่ดี
เมื่อนั่งลงบนโซฟา ผ่านไปไม่นานโจวเซินก็เดินถือน้ำอุ่นกับยามาให้
เวินจิ้งกินยาเงียบๆ จากนั้นก็ตั้งใจว่าจะกลับขึ้นไปนอนข้างบน
ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้หันไปมองโจวเซินเลยสักครั้ง
แต่เขากลับเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของเธอ
“พรุ่งนี้พ่อกับแม่ก็กลับมาแล้ว วางใจเถอะ” น้ำเสียงของเขามีความถากถางอยู่นิดๆ
เวินจิ้งไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็รีบกลับไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อกินยา ความง่วงก็เข้าจู่โจมอย่างหนัก จนในที่สุดเธอก็หลับไป เพียงแต่ว่าคนในความฝันในครั้งนี้เปลี่ยนเป็นมู่วี่สิงแล้ว
วันรุ่งขึ้น เวินจิ้งไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า จากนั้นก็ถือเอกสารเข้าไปในห้องทำงานของผอ.โรงพยาบาล
“ผอ.คะ เมื่อวานศาสตราจารย์มู่ไม่ได้เซ็นตกลง แต่มาร์คบางจุดมาให้คุณแทนค่ะ” เวินจิ้งส่งเอกสารไปให้ ผอ.ลูบคางไปพลางอ่านเอกสารให้ละเอียดไปพลาง
“ผอ.คะ ฉัน….ตอนบ่ายฉันมีผ่าตัด” เวินจิ้งหาข้ออ้าง อันที่จริงวันนี้เธอไม่มีผ่าตัด แต่แค่ไม่อยากเจอมู่วี่สิงอีก
ได้ยินดังนั้น ผอ.ก็เงยหน้าขึ้นมอง แล้วขมวดคิ้วน้อยๆ “งั้นคุณผ่าตัดเสร็จแล้วค่อยไปก็ได้”
ความดึงดันของผอ.ทำให้เวินจิ้งสงสัยมาก
อีกอย่าง แต่ไหนแต่ไรเวินจิ้งก็ไม่ใช่คนควบคุมสีหน้าได้ ตอนนี้บนใบหน้าของเธอจึงแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เธอไม่อยากไปส่งเอกสาร
“หมอเวินศาสตราจารย์มู่บอกว่าเพราะคุณเคยเป็นลูกศิษย์ของเขา ก็เลยอยากให้คุณรับผิดชอบเรื่องนี้ให้ แล้วคุณว่าผมต้องทำยังไงล่ะ?” ผอ.โรงพยาบาลพูดออกมาอย่างจนใจ
เวินจิ้ง “………”
ที่แท้ก็เป็นแผนของมู่วี่สิงนี่เอง
“ครั้งนี้ศาสตราจารย์มู่อุตส่าห์จะลงทุนให้โรงพยาบาลของเราเลยนะ โอกาสสำคัญๆขนาดนี้ จะปล่อยให้หลุดหายไปไม่ได้นะ หมอเวิน คงต้องรบกวนคุณด้วย” เมื่อผอ.พูดมาถึงขนาดนี้ เวินจิ้งก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
“งั้นเดี๋ยวอีกสักพักฉันไปเอาเอกสารกับทนายเองก็ได้ค่ะ”
“อืม ถ้าครั้งนี้เซ็นข้อตกลงกันได้แล้ว คุณงามความดีอันใหญ่หลวงของคุณในครั้งนี้ผมจะจดจำมันเอาไว้ให้ดี”
เวินจิ้งไม่ได้มองว่ามันจะอะไรมาก เธอก็แค่อยากทำให้มันสมกับหน้าที่ของตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องอื่นเธอไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะเท่าไหร่
ตอนบ่ายหลังจากตรวจคนไข้เสร็จ อานเวยก็เอาเอกสารข้อตกลงมาให้ เวินจิ้งต้องติดต่อกับมู่วี่สิงให้ได้ก่อนถึงจะไปหาเขาได้
ผ่านไปพักใหญ่ เธอถึงได้กดปุ่มโทรออก
แต่ว่าปลายสายกลับไม่มีคนรับเลย เวินจิ้งจึงต้องโอนสายไปที่เบอร์ของเกาเชียนแทน
“คุณเวิน ประธานมู่กำลังประชุมอยู่ที่บริษัท คาดว่าวันนี้น่าจะไม่ว่างทั้งวัน ถ้าไม่งั้นคุณมาพรุ่งนี้ตอนค่ำๆได้ไหมครับ?”
“ไปเร็วกว่านั้นได้ไหมคะ? หรือไม่ก็ให้ฉันไปหาที่บริษัทก็ได้” เวินจิ้งก็แค่อยากจะจัดการเรื่องนี้ให้มันเสร็จเร็วที่สุด
เกาเชียนค่อนข้างจะลำบากใจ “คุณเวิน งั้นเดี๋ยวผมถามท่านประธานก่อนนะครับ”
ไม่นาน ในตอนที่ปลายสายเงียบไปจนเวินจิ้งคิดว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว เกาเชียนถึงได้พูดตอบกลับมาว่า “ประธานมู่บอกมาว่า คืนนี้สี่ทุ่ม เจอกันที่ห้อง2203โรงแรมซียี่นะครับ”
พูดจบ เพื่อเป็นการไม่ให้เวินจิ้งถามอะไรต่ออีก เกาเชียนก็รีบวางสายในทันที
เวินจิ้งเคืองสุดๆ ไปโรงแรมอีกแล้วเหรอ?
เรื่องเมื่อวานยังติดตาอยู่เลย เธอเกือบจะถูกมู่วี่สิงขังเอาไว้ในห้อง แล้วคิดว่าเธอจะยังกล้าไปหาเขาที่ห้องอีกเหรอ
แต่พอนึกไปถึงคำฝากฝังของผอ. เธอก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก
“หมอเวิน เป็นอะไรไปคะ?” อานเวยที่กำลังเรียบเรียงประวัติคนไข้ถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“เปล่าค่ะ” เวินจิ้งกัดริมฝีปาก เรื่องนี้ เห็นกันอยู่ทนโท่ว่ามู่วี่สิงกำลังปั่นประสาทเธอ แต่เธอกลับทำได้แค่อดทนเอาไว้