Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 637
บทที่ 637เหมือนเป็นการทรมาน
เมื่อออกจากบริษัทหลินซื่อ เวินจิ้งที่นั่งอยู่ในรถ เวลาผ่านไปสักพักแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สตาร์ทเครื่องยนต์สักที
แน่นอนเธอจำที่อยู่คอนโดของมู่วี่สิงได้ แต่แค่ต้องการใช้เวลาในการทำใจก่อน จากนั้นเธอถึงค่อยๆเหยียบคันเร่งรถ
ชั่วโมงเร่งด่วนหลังเลิกงานได้ผ่านไปแล้ว แต่รถก็คงยังติด เวินจิ้งขับรถอย่างช้าๆ
จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เธอถึงจะขับมาถึงคอนโดมู่วี่สิง
เธอเคยเห็นโฆษณาของคอนโดนี้ ตามถนนตรอกซอยในประเทศF ว่ายามที่รักษาความปลอดภัยนั้นเข้มงวดมาก แต่คงเป็นเพราะว่ามู่วี่สิงได้แจ้งไว้ล่วงหน้า ดังนั้นเธอจึงเข้าไปได้อย่างง่ายดายโดยไม่ได้ถูกกั้นแต่อย่างใด จนกระทั่งมาถึงชั้นบนสุด
เธอกำลังคิดว่ามู่วี่สิงนั้นไม่ได้อยู่ที่ประเทศFตลอดเวลา รอเขากลับไปที่เมืองหนาน จากนั้นเธอก็คงจะได้รับอิสระเหมือนเดิม
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความอึดอัดที่มีก็เริ่มผ่อนคลายลงในทันใด
เดินมาถึงจุดนี้ได้ ก็ไม่ทราบว่าเป็นด้วยสาเหตุใด
ระหว่างคนสองคนทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
เวินจิ้งยิ้มอย่างขมขื่น แม้แต่ของใช้ของตัวเองเธอก็ไม่ได้ขนมา เธอตรงไปที่ห้องนอนแล้วเปิดดูตู้เสื้อผ้า ในนั้นมีชุดนอนผู้หญิงหลายชุดที่ไม่เคยถูกเปิดใช้มาก่อนวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ทั้งหมดเป็นขนาดเท่าตัวของเธอ
ขณะที่เธอฉงนใจอยู่นั้น มีความเคลื่อนไหวที่ห้องรับแขก
เวินจิ้งออกไปทั้งที่เท้าเปล่า แต่มู่วี่สิงได้เดินเข้ามา มือข้างหนึ่งที่กำลังปลดกระดุมอยู่ เมื่อเห็นเธอริมฝีปากก็เผยอขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อย่าดื้อน๊า”
เวินจิ้งพิงอยู่ข้างประตูมองดูห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ถ้าเทียบกับชุดห้องเรือนหอของพวกเขาเมื่อตอนที่อยู่เมืองหนานแล้ว ที่นี่ช่างดูเหมือนไร้ซึ่งอุณหภูมิไร้ซึ่งความรู้สึกสิ้นดี
“คุณจะอยู่ยาวประเทศFเลยไหม” เวินจิ้งถามเรื่อยเปื่อย
“ใช่” คำตอบมู่วี่สิงทำให้เวินจิ้งที่อารมณ์กำลังดีกลับรู้สึกหดหู่ขึ้น”
มู่วี่สิงไม่รู้ตัวว่าเดินไปตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไร ก้มหัวลงแล้วจูบเข้าที่ริมฝีปากของเธอ แล้วยิ้มเบาๆ “ไม่ดีใจหรือ”
“ไม่ใช่” เวินจิ้งยิ้มเจื่อนๆ
“หลิงเหยาอาจจะทราบความสัมพันธ์ระหว่างเราได้”
“ไม่มีทาง”
“อ่อ แล้วความสัมพันธ์ของเราแบบนี้จะดำเนินไปถึงเมื่อไร” เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมองเขา
“จนกว่าผมจะเบื่อ” น้ำเสียงมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความเย็นชา
จบประโยค ฝ่ายชายก้าวเท้ามุ่งตรงไปที่ห้องหนังสือ ห้องหลังใหญ่เช่นนี้เวินจิ้งรู้สึกถึงความอ้างว้าง คำพูดของมู่วี่สิงที่ไร้ความปรานีได้วนเวียนอยู่ในหัวสมองของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สถานะเช่นนี้ เธอเองก็รู้สึกสุดที่จะเหลือทน
หมุนตัวแล้วตรงไปที่ห้องอาบน้ำ เธอปรับอุณหภูมิของน้ำอยู่ในระดับสูงสุด แล้วยืนนิ่งอยู่ใต้ฝักบัวโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
จนกระทั่งปลายนิ้วที่แช่น้ำนานจนเริ่มเหี่ยว เธอถึงได้เดินตัวเปียกออกมาจากห้องอาบน้ำ จากนั้นก็เป่าผมจนแห้งแล้วทอดกายลงบนเตียง
ความจริงแล้วเธอยังไม่รู้สึกง่วงนอน นาฬิกาข้างฝาบอกเวลาว่าตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง
เวินจิ้งปิดไฟ ทอดกายลง แล้วข่มตานอน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่เธอกลับยิ่งนอนตายิ่งสว่าง
จนกระทั่งมีคนเปิดประตูเข้ามา แล้วเตียงก็ค่อยๆยุบลง เธอจึงได้เขยิบไปข้างเตียง
มู่วี่สิงที่ยังไม่ทอดกายลงบนเตียง แต่กลับอ้อมไปอีกฝั่ง แล้วโน้มตัวลง
“ถ้ายังไม่หลับ เรามาทำอะไรกันก่อนดีไหม”
น้ำเสียงที่นุ่มนวล ฝ่ามือที่ค่อนข้างเย็นค่อยๆลูบไล้วนอยู่รอบเอวเธอ
เวินจิ้งตัวแข็งทื่อ แต่ก็ไม่กล้าที่จะห้ามมู่วี่สิง เพียงแต่พึมพำออกมาว่า “วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลย”
แต่เขากลับทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดเธอ มือยังคงค่อยๆลูบไล้ไปทั่ว ส่วนปากจูบไซ้ที่ซอกคอของเธอ
“เหนื่อยหรือ รอคุณไปบริษัทหลินซื่อในวันพรุ่งนี้ คุณก็จะหายเหนื่อยไปเอง”
เวินจิ้งถึงกับลืมตาขึ้น ไม่เข้าใจในสิ่งที่มู่วี่สิงพูด
เพียงแต่ว่าในเมื่อเธอรับปากกับมู่วี่สิง ก็จะไม่มีทางผิดสัญญา
ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดความสัมพันธ์แบบนี้
แต่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอยังคงหลงระเริงไปกับความอ่อนโยนอันจอมปลอมที่เขาได้สร้างขึ้น
เวินจิ้งที่นอนลง เอียงหน้ามองด้วยแววตาเรียบเฉย มู่วี่สิงถึงกับออกอาการหงุดหงิด
เขาไม่ชอบเวินจิ้งที่เป็นแบบนี้ ไม่ชอบสักนิดเดียว
แต่ว่าอารมณ์เช่นนี้ดำเนินไปเพียงชั่วครู่ เขาก็กลับเข้าสู่สภาวะเฉยเมยเช่นเคยอย่างรวดเร็ว
เขาค่อยๆปลดกระดุมเธอออกทีละเม็ดๆ นัยน์ตาที่ลุ่มลึกของเขาได้แทะโลมไปช่วงไหล่ลงไปไหปลาร้าที่สวยงามของเธอ
เขาชอบส่วนนี้ของเธอมาโดยตลอด ไหล่ที่บางอ่อนนุ่ม และดูไม่ผอมเกิน สมกับเวินจิ้งที่ได้ชื่อกระดูกผีเสื้อจริงๆ เธอดูเหมือนกับผีเสื้อที่ปีกไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ดูประณีตและงดงาม
มู่วี่สิงบรรจงจูบอย่างอ่อนโยน ค่อยๆประทับรอยจูบของตัวเองไว้บนตัวเธอ
ในค่ำคืนที่เงียบสงัด เวินจิ้งที่พยายามปลดปล่อยอารมณ์ให้คล้อยตาม ราวกับว่ากำลังดื่มด่ำ แต่ในความเป็นจริงสำหรับเธอเหมือนกับเป็นการทรมานมากกว่า
เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นฉับพลัน เวินจิ้งเดิมทีไม่ได้สนใจ แต่ว่าเสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง ดังเกือบจะครึ่งนาทีได้ เสียงนั้นถึงได้หยุดลง
มู่วี่สิงจึงได้หยุดการเคลื่อนไหวของร่างกาย พยุงร่างของเขาขึ้นแล้วเอื้อมไปหยิบมือถือของเวินจิ้งมา เขาเห็นสายโทรเข้ากะพริบที่หน้าจอแล้วยิ้มขึ้นเบาๆ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้เวินจิ้ง “รับสิ”
เวินจิ้งที่ตัวมีเหงื่อไหลนิดๆ กระทบเข้ากับปอกโทรศัพท์ที่เย็นเฉียบนั้น ตัวเธอถึงกับสั่นกระตุกไปหนึ่งที
เมื่อเห็นสายที่โทรเข้ามา เธอถึงกับตาสว่างฉับพลัน
จิตใต้ลึกๆของเธออยากจะกดวางสายนั้นทิ้งไป
เพียงแต่มือเจ้ากรรมดันไปกดโดนรับสาย
เวินจิ้งทำได้แค่เพียงควบคุมลมหายใจตัวเองแล้วพูดขึ้นเบาๆ “จิ่งห้วน”
“ต้องขอโทษด้วยเวินจิ้ง สองสามวันมานี้ที่เขตขั้วโลกเหนือไม่มีสัญญาณเลย ตอนนี้พวกเรากำลังจะออกจากที่นี่ พอมีสัญญาณผมรีบติดต่อคุณทันที” น้ำเสียงหยูจิ่งห้วนดูตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ที่มากไปกว่าความตื่นเต้นคือความดีใจ
ในที่สุดเขาก็สามารถกลับเมืองหนานได้แล้ว
เขาจะได้เจอกับเวินจิ้งสักที
แต่ว่าเวินจิ้งกลับดีใจไม่ออก หนำซ้ำอยากจะร้องไห้ออกมา
“ก็ดีแล้ว” เธอตอบรับ อยากจะลุกขึ้นนั่ง เพียงแต่เวลานี้มู่วี่สิงได้บรรจงจูบอยู่ที่แก้มเธอแล้วจูบลงไปเรื่อยๆ จรดถึงติ่งหูของเธออย่างช่ำชอง
เธอพยายามที่เลี่ยงหนีเขาเพื่อให้เสียงของตัวเองฟังดูปกติที่สุด
แต่ว่าหยูจิ่งห้วนยังคงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเวินจิ้ง “เวินจิ้ง……คุณเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า”
เวินจิ้งที่ไม่สามารถพูดต่อไปได้จริงๆ จึงได้ตัดสายทันทีแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไป
มู่วี่สิงทำตามที่เขาพูดไว้จริงๆ ว่าจะทำให้หยูจิ่งห้วนกลับมา
แบบนี้ก็ดี ดีที่สุดเลย
แต่เวลานี้ สายตามู่วี่สิงได้จ้องมองเธอตลอด แววตาปรากฏความเย็นชาที่คอยเชือดเฉือน
“ในเมื่อตกลงปลงใจกับผมแล้ว อย่างนั้นคุณกับหยูจิ่งห้วนก็สมควรที่เลิกกันถูกต้องไหม” มู่วี่สิงได้ยื่นข้อเสนอด้วยน้ำเสียงที่คุกคาม
เวินจิ้งกัดปากขึ้น ก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ทันใดนั้นจึงได้ผลักชายที่อยู่ตรงหน้าให้พ้นออกไป แล้วลุกขึ้นจากเตียง แต่ด้วยความตื่นตกใจ เข่าของเธอไปกระแทกเข้ากับหัวเตียง จึงทำให้เธอซวนเซล้มลง
แต่ฝ่ายชายกลับยังคงจ้องมองเธอที่ล้มลงอย่างเย็นชา