Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 68
บทที่ 68 พลิกผลัน
ณ โรงพยาบาล
มู่วี่สิงถูกเข็นส่งเข้าห้องฉุกเฉินไป ส่วนเวินจิ้งนั่งรออยู่ด้านนอก ไม่นานอั้ยเถียนก็มาถึง
“จิ้งจิ้ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น ด้วยหยาดรอยน้ำตาที่ยังไม่แห้ง เธอรัดกอดอั้ยเถียนไว้ “ฉือซินจับกุมตัวฉันไว้ ต่อมามู่วี่สิงก็มา มาบังรับมีดแทน….”
“ฉือซิน? แม่ของฉืออี้เหิง? ใยผู้หญิงนั่นมันบ้าเกินไปแล้ว!” อั้ยเถียนลุกเป็นไฟ
“ครอบครัวตระกูลฉือแต่ละคนช่างพาปวดหัวคนแล้วคนเล่า จิ้งจิ้ง โชคดีที่แกไม่เป็นไร” อั้ยเถียนปลอบประโลมเธอเห็นเธอปลอดภัยก็โล่งอก
“แต่ว่า หมอมู่เขา…..” เวินจิ้งจ้องมองห้องฉุกเฉิน เธอเป็นห่วงเป็นใยมือของเขา มือเขานั้นเป็นมือที่ต้องจับใบมีดในการผ่าตัด จะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด
“เขาจะไม่เป็นอะไรนะ จิ้งจิ้ง เรื่องนี้แกต้องเอาให้ถึงที่สุดเลยนะ ครอบครัวฉือมันจะมากเกินไปแล้ว!” อั้ยเถียนเอ่ยอย่างโกรธเคือง
เวินจิ้งพยักหน้ารับ แต่ตอนนี้ห้วนความคิดเขานั้นล้วนอยู่ที่มู่วี่สิง สำหรับฉือซิน ผู้หญิงรายนั้นก็มอบให้เป็นหน้าทางตำรตรวจจัดการเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่วี่สิงก็พันผ้าพันแผลไว้ออกมา โชคดีที่แผลไม่ได้ลึกมาก จึงไม่สาหัสถึงเส้นเอ็น อย่างไรก็ตามช่วงหนึ่งเดือนนี้มือของมู่วี่สิงจะขยับเขยือนไม่ได้มาก
เวินจิ้งหน้าขาวเผือก กุมมือมู่วี่สิงไว้ เหงื่อกาฬแตกพลั่กไหลบ่าราวน้ำป่าเต็มแผนหลัง
“โชคดี…ที่ไม่เป็นไร” เธอเอ่ยแผ่วอย่างนอบน้อม
มู่วี่สิงนั้นสีหน้าปกติทั่วไป แต่พอเห็นท่าทางเวินจิ้งเป็นห่วงเป็นอย่างมาก เลยโผล่กอดเธออย่างแนบแน่นในอ้อมกอด
“หยุดร้องได้แล้ว ร้องทีไรผมก็อยากจูบคุณ” แววตามู่วี่สิงวิบวับ ๆ ทอประกาย
เวินจิ้งตะลึงตะลาน ไอ้ผู้ชายคนนี้นี่!
เวลานี้แล้วยังจะมาแซวเธออีก
“ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลมั้ยคะ? เดี๋ยวฉันไปรับยาของคุณก่อน” เวินจิ้งรับใบมา
“คุณมู่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลค่ะ แต่ว่าต้องมาล้างแผลทุกวันนะคะ อย่างต่อเนื่องหนึ่งอาทิตย์ค่ะ” คุณหมอเอ่ยกล่าว
เวินจิ้งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ จดจำมันไว้
ฉือซินถูกจับตัวไว้ชั่วคราว เวินจิ้งจำต้องไปให้ปากคำในโรงพัก
“ผมไปกับคุณ” มู่วี่สิงเอ่ยเสียงเรียบ
“คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ หมอบอกว่าคุณต้องพักผ่อนเยอะ ๆ คุณก็อย่าไปไหนอีกเลยค่ะ” เวินจิ้งดันเขาขึ้นรถ “อีกอย่างอั้ยเหิงจะไปเป็นเพื่อนฉันเองค่ะ”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว จำต้องรับปาก
เมื่อเวินจิงและอั้ยเถียนมาถึงโรงพัก และฉืออี้เหิงก็มาด้วยเหมือนกัน
“สามารถประกันตัวคุณแม่ผมออกมาก่อนได้มั้ยครับ?” ฉืออี้เหิงเอ่ยถาม
“พินิจพิเคราะห์ถึงสภาพจิตใจที่ผิดปกติของผู้ต้องสงสัย ตอนนี้ยังประกันตัวไม่ได้ครับ”
ฉืออี้เหิงใบหน้าสลดเย็น รอให้เวินจิ้งให้ปากคำเสร็จ แล้วเดินมาหาเธอ
“เสี่ยวจิ้ง เห็นแก่ในส่วนที่แม่ผมเคยดูแลดีต่อคุณ อย่าเอาความแม่เลยนะครับ” น้ำเสียงฉืออี้เหิงแอบแฝงความเหนื่อยหน่าย
เดิมทีเขาก็มีเรื่องยุ่งมากอยู่แล้ว ซ้ำตอนนี้ฉือซินยังมาสร้างปัญหาใหญ่ให้กับเขาอีก
“ตอนนี้ชีวิตของฉันถูกคุณน้าคุกคามอยู่นะ” เวินจิ้นเอ่ยอย่างเสียงเรียบเฉยเมย
“คุณแม่ไม่ทันคิดหน่า จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแน่นอน” ฉืออี้เหิงเอ่ยด้วยแววอ้อนวอนขอร้อง
“เรื่องนี้ ฉันคงต้องพิจารณาก่อนค่ะ”
เธออยากเอ่ยถามความคิดเห็นของมู่วี่สิงก่อน
“ถ้าคุณยกเลิกฟ้องได้ ผมเต็มใจชดเชยให้คุณนะครับ”
เวินจิ้งยิ้มอย่างเฉยเมย “มีเรื่องมากมาย ที่สามารถใช้เงินแก้ไขได้ค่ะ”
ฉืออี้เหิงในตอนนี้ไม่ขาดแคลนทรัพย์สินเงินทอง ที่ขาดแคลนคือมโนธรรม
มองดูเวินจิ้งจากไปไกล ฉืออี้เหิงกุมมืออย่างแนบแน่นจนเล็บจะเข้าเนื้อ ความเกลียดชังในแววตาค่อย ๆ ผุดพราย
“จิ้งจิ้ง ไอ้ผู้ชายเลวนั่นไม่ได้ทำอะไรแกใช่มั้ย?” เห็นทั้งสองพูดสนทนากัน อั้ยเถียนเป็นห่วงจึงรั้งเวินจิ้งไว้
เวินจิ้งส่ายหน้าไปมา “ที่นี่มันโรงพักนะ เขาจะไปทำอะไรได้?”
“งั้นก็ดี แกอยากไปเชื่อฟังที่เขาพูดหละ ถ้าจะเชื่อฟังก็ต้องเชื่อฟังหมอมู่นะ”
เวินจิ้งยิ้มแย้มขำ แล้วเดินออกจากสถานีตำรวจ มีรถยนต์คันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ และฉินเฟยก็เดินลงมา
นี่มันคนแล้วคนเล่าไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ เลยนะ
ใบหน้าเวินจิ้งเผยไม่สบอารมณ์
“เวินจิ้ง” ฉินเฟยเอ่ยเรียกให้เธอชะงักหยุด
“มีเรื่องอะไรเหรอค่ะ?” สีหน้าเวินจิ้งเยือกเย็น
“เธอกำลังแก้แค้ฉันอยู่ใช่มั้ย?” ฉินเฟยเดินไปยังเบื้องหน้าเธอ
“ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่”
“เธอแก้แค้นที่ตอนนั้นฉันแย่งอาเหิงมา เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอเลยจะอ่อยเขา ทำลายบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป แต่อาเหิงไม่สนใจเธอ เธอเลยลงมือกับคุณน้าแทนไง….”
“หัวสมองของคุณเนี่ย ถ้าไม่ไปเป็นนักเขียนบทจะเสียดายป่าวเอานะไ” เวินจิ้งเอ่ยปิดปากเธออย่างเยือกเย็น
ผู้หญิงคนนี้ช่างยิ่งอยู่ยิ่งพลิกผลันหน้ามือเป็นหลังมือแล้วนะ
“ฉันพูดผิดไปเหรอ? เวินจิ้ง เธอมันต่ำต้อย ทั้ง ๆ ที่แต่งงานกับมู่วี่สิงไปแล้ว ยังจะมาก่อกวนคู่หมั้นฉันอีก” ฉินเฟยเอ่ยอย่างโมโหต่อว่า
“ฉินเฟย ระวังคำพูดของเธอด้วยนะ ฝากดูแลคู่หมั้นเธอให้ดีด้วย ถ้ายังมารังควานฉันอีกละก็ ฉันจะแจ้งความจัดการแทน”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ เวินจิ้ง ถ้าไม่มีเธอมาแทรก ฉันกับอาเหิงก็ได้แต่งงานกันไปนานแล้ว….”
มื่อเห็นฉืออี้เหิงกำลังจะออกมานั้น ฉินเฟยจึงคว้าจับเวินจิ้งไว้ทันที เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างไม่สบ แล้วจะผลัดไสเธอออกห่าง
พอครุ่นคิดได้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ เลยไม่ได้ใช้แรงผลักดัน
แต่ฉินเฟยกลับถอยหลังล้มลงยังพื้น ฉืออี้เหิงรีบมาพยุงเธอขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เวินจิ้ง คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย!” ฉืออี้เหิงตะคอกใส่
เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น ผู้หญิงคนนี้จงใจใส่ร้ายเธอชัด ๆ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!” เวินจิ้งเอ่ยอธิบาย แล้วเบือนหน้าหันเดินจากไป
สองคนนี้ช่างน่ารังเกียจไม่อยากมองด้วยซ้ำ
ฉินเฟยโอบกอดฉือเหิงไว้ น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ขาดสาย “อาเหิง คุณดูเวินจิ้งสิคะ ทำไมเธอถึงเป็นคนแบบนี้คะ…..
“เด็กดี ไม่เป็นไรแล้วนะ ผมจะไม่ยอมให้เธอมาทำร้ายคุณอีกนะครับ”
พอเข้าไปนั่งในรถ เวินจิ้งอดไม่ได้จะเหลือบตามองบนแป๊บ มองดูฉืออี้เหิงอุ้มฉินเฟยอย่างถนุถนอมรักใคร่ เมื่อก่อนยามที่เธออกหักนั้น สิ่งที่เธออยากมากที่สุดคือรั้งเขาไว้ไม่ให้ไปจาก แต่พอมาวันนี้กลับดีใจเต็มเปี่ยมที่เขาทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกครั้ง ที่ทำให้เธอกระชากหน้ากากได้เห็นเนื้อในเขา
กลับมายังบ้าน พอเวินจิ้งลงจากรถปุ๊บก็เห็นมู่วี่สิงยืนอยู่ด้านนอก
“ทำไมคุณไม่เข้าไปพักหละค่ะ!” เวินจิ้งกรุ่นโกรธเล็กน้อย
“ก็รอคุณกลับมาไง” มู่วี่สิงลูบหัวเธออย่างเอ็นดู จูงมือเธอเข้าบ้านไป
เวินจิ้งสั่นระริกรัว ๆ มองดูมือทั้งสองที่จับกุมกัน ความกรุ่นโกรธอารมณ์ไม่ดีก็เลื่อนลายไปหมด ดวงใจน้อย ๆ หวานละมุนเข้าแทนที่
มู่วี่สิงพักผ่อนอยู่ที่ห้องนอน เวินจิ้งไม่วางใจนัก เลยอยู่ดูแลเทคแคร์เขาอยู่ตลอดเวลา
มู่วี่สิงได้จัดการหาทนายความให้เวินจิ้งแล้ว จะมาในช่วงค่ำเย็นหน่อย เอ่ยถามว่าเวินจิ้งจะเอาความฟ้องฉือซินหรือไม่
เธอมองมู่วี่สิงเอ่ย “คุณมู่คะ คุณว่าไงค่ะ?”
มู่วี่สิงนั่งอยู่บนโซฟา สวมใส่ชุดนอนสีฟ้าเรียบง่ายไว้ บรรยากาศเปี่ยมล้นไปด้วยออร่าเขา แต่พอได้หรรี่ตาเท่านั้น กลับเผยกลิ่นอายที่อบอวลไปด้วยความอันตราย
“แล้วคู่กรณีว่าไงครับ?” เขาเอ่ยถามผู้เป็นทนาย
“ทางครอบครัวฉือยื่นว่าจะชดเชยค่าทำขวัญให้กับคุณเวิน ด้วยเงินมูลค่าหนึ่งล้านครับ”
“ถ้าหากคุณไม่อยากขึ้นศาล เราก็จัดการลงไม้อย่างอ่อนเบาหน่อย” มู่วี่สิงมองเวินจิ้ง
แต่น้ำเสียงของมู่วี่สิงนั้น เวินจิ้งรู้สึกราวไม่ค่อยอ่อนเบาเลยสักนิด
อันที่จริงที่ก็ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปกันใหญ่หรอก แค่อยากจัดการให้มันง่ายเพื่อทุกฝ่าย
แต่ก็ยังเกรงกังวลว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก
“งั้นก็อ่อนเบาหน่อยละกันค่ะ” ครู่ใหญ่กว่าเวินจิ้งจะเอ่ยตอบ
“ค่าทำขวัญหนึ่งล้านบาท และครอบครัวฉือต้องแถลงทำการขอโทษอย่างเปิดเผย” มู่วี่สิงเอ่ยสั่ง
“ฉืออี้เหิงรายนั้นเป็นคนชอบเอาหน้าได้น่ารักในเกียรติตน คาดว่าจะให้เขาขอโทษนั้นเป็นเรื่องยากมากค่ะ” เวินจิ้งปริปากบอก
“ดูเหมือนว่าคุณผู้หญิงมู่จะรู้จักเขาดีเลยนะ” มู่วี่สิงเอ่ยอย่างเย็นชา
เวินจิ้งหลุดขบขำขึ้นมา จึงรีบเอ่ยแกตัว “ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ได้รู้จักเขาดีหรอก รู้จักดีแค่คุณหมอมู่คนเดียวค่ะ!”