Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 689
บทที่ 689 ตบหน้าอย่างจัง
เจ้าของรถอีกคันก็รีบลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว เป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี มองไปที่รถของตัวเองที่ถูกชนจนพังไปเป็นแถบด้วยความโมโห ชี้นิ้วไปที่เวยอานแล้วตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า “เธอขับรถเป็นหรือเปล่าหา รถคันนี้ฉันเพิ่งจะถอดออกมาเลยนะ เธอจะชดใช้ได้เหรอ”
เวยอานขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะพูดแก้ตัว “นี่คุณ ที่ฉันชนก็เพราะว่าคุณเบรกกะทันหันต่างหาก”
ถึงแม้ว่าฝีมือการขับรถของเธอจะไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ขนาดที่จะชนรถคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลก็แล้วกัน
หลังจากที่ชายคนนั้นได้ยินเธอพูดก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม “เธอหมายความว่ายังไง เธอคิดจะปัดความรับผิดชอบใช่ไหม”
เวยอานขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “คุณจะให้ชดใช้เท่าไหร่”
ชายคนนั้นยกนิ้วมือทั้งห้าขึ้น บอกจำนวนตัวเลขอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างทันที พูดด้วยเสียงเย็นว่า “คิดจะหลอกต้มกันหรือไง เงินมากขนาดนั้นคุณซื้อรถใหม่ได้สองคันเลยนะ”
ชายคนนั้นหัวเราะเสียงเย็นทันที “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ซื้อรถให้ฉันสองคันสิ”
เขาชี้ไปที่รถที่อยู่ด้านหลังตัวเองอย่างยโส “รถฉันไม่ใช่ว่ามีเงินก็ซื้อได้หรอกนะ”
เห็นเวยอานเผยสีหน้าไม่น่ามอง ชายคนนั้นก็ยิ่งเพิ่มความกำเริบเสิบสาน “ถ้าเธอชดใช้ไม่ไหวก็พูดออกมาตรง ๆ แล้วพูดเราค่อยไปแจ้งตำรวจให้มาจัดการ”
“ไปสถานีตำรวจก็ไปสถานีตำรวจสิ” เวยอานกล่าวเสียงเย็น
เธอพูดพลางหยิบโทรศัพท์ แต่ตอนที่ยังไม่ทันจะได้กดเบอร์โทรศัพท์ จู่ ๆ ชายคนนั้นก็คล้ายกับถูกอะไรบางอย่างกระตุ้น เขาทุบโทรศัพท์ของเธออย่างแรง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดอยู่หลายส่วน “ทำไม เธอคิดจะโทรเรียกใครหา พวกเราตรงไปเจอกันที่สถานีตำรวจ!”
เวยอานนิ่งอึ้ง รู้สึกในทันทีว่าความตั้งใจของผู้ชายคนนี้ไม่ง่ายเลย
อีกทั้งแววตาของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย เธอเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง เธอรีบเหยียบรองเท้าส้นสูงหมุนตัวเดินไปที่รถอีกคนทันที
รอบ ๆ มีเจ้าของรถคันอื่นจอดรถชนเรื่องสนุกนี้อยู่ไม่น้อย “ขอโทษนะคะ ขอฉันยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ”
คิดว่าทุบโทรศัพท์เธอแล้วจะทำให้เธอโทรไปไหนไม่ได้แล้วหรือไง
“ได้แน่นอน”
พอเธอรับโทรศัพท์มา ผู้ชายคนนั้นก็รีบเดินมาทันที แล้วกระชากโทรศัพท์ของเธอไปอีกครั้ง เธอพูดเสียงเย็นเยียบ “ทำอะไรของคุณน่ะ ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะ ถึงฉันชนคุณแต่คุณก็กล้าแย่งโทรศัพท์ฉัน เชื่อไหมว่าฉันจะแจ้งความคุณทำร้ายร่างกายได้”
ครั้งนี้เวยอานดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก ชายวัยกลางคนไม่กล้าขยับไปชั่วขณะ เวยอานจึงรีบโทรไปหาหมายเลขโทรศัพท์ที่คุ้นเคยอย่างรวดเร็ว สัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่สองครั้ง น้ำเสียงเกียจคร้านก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้น”
จู่ ๆ เวยอานเริ่มรู้สึกกระวนกระวายและวิตกกังวล…
เมื่อกี้ตอนที่ชนกับรถปอร์เช่เธอยังไม่กังวลขนาดนี้เลย…
เธอกัดริมฝีปากแล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “นายยุ่งอยู่หรือเปล่า”
วันนี้ตอนรับโทรศัพท์และออกไปข้างนอกเขาดูกังวลมาก น่าจะมีเรื่องสำคัญมาก
น้ำเสียงของหลินยี่เต็มไปด้วยการยั่วเย้า “เธอโทรมาหาฉันเพื่อจะถามว่าฉันยุ่งอยู่ไหมงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่…”เธอลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็รีบรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมาอย่างหงุดหงิด “เมื่อกี้ฉันเพิ่งขับรถชน…อีกฝ่ายอาจจะเป็นคนของบ้านฉัน เขาจะพาฉันไปสถานีตำรวจ…ฉันอยากให้คุณอยู่ด้วย”
ถ้าเขาอยู่ด้วย เธอก็จะรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก
น้ำเสียงของชายหนุ่มยังคงเป็นไปอย่างสบาย “เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันไร้เงินไร้อำนาจ ช่วยอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นซีดขาว น้ำเสียงของเขานอกจากเยาะเย้ยถากถางแล้ว ก็ไม่มีความห่วงใยเธอแฝงอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าเธอจะเตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ท่าทีเย็นชายแบบนี้ก็ยังคงทำให้เธอน้อยใจมากอยู่ดี
“โอเค” เธอพูดเสียงเบา “ถ้าอย่างนั้นนายก็จัดการเรื่องของนายเถอะ ฉันจัดการตัวเองได้”
พูดจบก็วางสายทันที
เพียงวินาทีถัดมาหลังจากวางโทรศัพท์ ก็มีเสียงกระแทกชนอย่างกะทันหันดังขึ้นมา จู่ ๆ รถปอร์เช่ที่ถูกชนท้ายแล้วยังคงจอดอยู่ก็ถูกชนจนยังไปทั้งคัน…
เสียงถอนหายใจดังขึ้นมาอีกครั้ง…
ผู้ชายคนนั้นตกใจจนแทบจะกระโดด ใบหน้าที่ค่อนข้างอ้วนนั่นสั่นระริก เขาเกือบจะเดินไปที่รถคันนั้น ทว่าไม่ทันได้ยื่นมือออกไป กระจกหน้าต่างรถก็ถูกเปิดออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน
พอเห็นเจ้าของใบหน้าที่หล่อเหลาจนทำให้ผู้คนต้องยอมสยบ เวยอานก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เขามาได้ยังไงกัน หรือว่าตอนที่คุยโทรศัพท์กับเธอเมื่อกี้เขาก็อยู่ที่นี่อยู่แล้ว
ชายวัยกลางคนไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้พูด ชายในรถก็ยื่นมือเรียวสวยออกมา แล้วถือเช็คที่อยู่ในมือโยนไปที่หน้าของเขา
เป็นการตบหน้าอย่างจัง
หน้าต่างรถถูกปิดอย่างรวดเร็ว กว่าเวยอานจะตอบสนองได้ก็มองไม่เห็นหน้าของหลินยี่แล้ว เธอรีบคืนโทรศัพท์ให้ผู้ชายที่เธอยืมเขามา แล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ
ทันทีที่ขึ้นรถชายหนุ่มก็ไม่แม้แต่จะให้โอกาสเธอพูด เขาสตาร์ทรถแล้วรีบขับออกไปทันที
บนถนนรถติดมาก หลินยี่เองก็ไม่ได้รีบ แววตาคมกริบ ตอนที่คนเขายังไม่ทันได้ตอบสนอง เขาก็แซงไปอย่างรวดเร็ว
เวยอานมองใบหน้าหล่อเหลาของเขา แต่เพราะว่าบรรยากาศค่อนข้างที่จะอึดอัด เธอเลยพูดขึ้นมาว่า “รถของฉันยังอยู่ตรงนั้น”
เขาพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมย “ก็หาคนขับรถไปขับกลับมา”
เวยอานส่งเสียงรับคำ หลังจากนั้นก็ก้มหน้าโทรศัพท์ เรื่องนี้จึงได้รับการแก้ไขไปอย่างง่ายดาย
เพียงแต่เวยอานข่มกลั้นเอาไว้นานแล้ว เลยถามขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่า “รถคันนั้นแพงมากไหม”
ตอนนี้เธอตัดขาดกับคนในตระกูลแล้ว เงินเก็บก็มีไม่เยอะ แถมยังต้องเลี้ยงดูหลินยี่อีก…
หลินยี่เพียงส่งเสียงเหอะเบา ๆ “เธอคิดว่าไงล่ะ”
เวยอานยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเข้าไปใหญ่ พันนิ้วแล้วถามอย่างกังวลว่า “นายไม่ได้เป็นหนี้ใช่ไหม”
เมื่อกี้เธอเห็นแล้วว่าตัวเลขบนเช็คใบนั้นเยอะมาก
หลังจากที่เธอได้พบกับหลินยี่ ก็พอจะรู้ว่าเขาไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น
“เธอคิดว่าไงล่ะ” หลินยี่เหลือบตามองเธอ
เวยอานไม่ค่อยรู้สึกอยากจะเชื่อว่าหลินยี่ยืมเงินคนอื่นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งยังยืมมาเพื่อเธออีก
“นายเอาเงินพวกนั้นมาได้ยังไง”
ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เมื่อก่อนแม่ให้บัตรฉันไว้ใบหนึ่ง ในนั้นมีเงินอยู่ไม่น้อย”
“แม่ของนายเหรอ ฉันไม่เคยได้ยินนายถึงพูดถึงครอบครัวตัวเองมาก่อน” เวยอานพูดอย่างอึดอัดใจ
สมัยยังเป็นวัยรุ่น ตอนที่กำลังสับสนก็ได้พบคนที่รักเป็นอย่างมาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร
“แม่ของเวินจิ้ง”
“คุณหมอเวินน่ะเหรอ” เวยอานเบิกตากว้าง นึกได้ว่าเมื่อก่อนเธอค่อนข้างที่จะสนิทกับเวินจิ้ง แถมยังเคยไปกินข้าวที่บ้านเจ้าหล่อนตั้งหลายครั้ง แม่ของเวินจิ้งแว่หลิน
มิน่าล่ะ
ทำไมเธอถึงไม่เคยนึกถึงกันนะ…
หากเป็นสกุลหลิน ถ้าอย่างนั้นหลินยี่ก็เป็นคุณชายตกอับสินะ
ก่อนหน้านี้เขาโกหกเธอมาตลอด
“ฉันรู้สึกว่าเงินนี้ เป็นเงินที่ฉันแลกมาสินะ” ทว่าเวยอานพูดอย่างรู้สึกผิดในใจ
เดิมทีเธอเป็นคนที่ขับรถชนตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่าทีหลังหลินยี่จะชนซ้ำอย่างแรงอีกครั้งก็ตาม
“ทำไม เธอคิดจะเอาใจแม่ฉันหรือไง” เขาถามอย่างหยอกล้อ
เวยอาน “…”
ถ้ามีโอกาสเธอก็ยินดี
แต่หลินยี่ไม่มีทางให้เธอเข้าไปในโลกของเขาอย่างแน่นอน