Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 712
บทที่ 712 เธอเองที่ทำผิด
เวินจิ้งนั่งในห้องรับประทานอาหารคนเดียวมาเกือบชั่วโมงแล้ว ชายหนุ่มค่อยถืออาหารออกมาจากห้องครัว
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเช่นเคย เคร่งขรึมและเย็นชา ใบหน้าคมคายฉายแววมุ่งมั่นตั้งใจ ไหล่มีรอยเลือดซึมแต่ไม่ชัดเจนนัก แต่มองเพียงแวบเดียวก็จะสังเกตเห็น
คนรับใช้ยกอาหารที่เหลือออกไปนานแล้ว มู่วี่สิงยกกับข้าวเนื้อสัตว์ ผัดผักและน้ำแกงมาวางบนโต๊ะอย่างละจาน
แม้แต่ข้าวสวยก็เพิ่งหุงสุก “กินข้าวเถอะ อึม”
เขาตักข้าวแค่หนึ่งจาน วางลงตรงหน้าเธอ
เวินจิ้งหยิบตะเกียบ กินข้าวเงียบๆ
เธอจะปล่อยให้ตัวเองอดตายไม่ได้ ในเมื่อเธอไม่ได้กระโดดลงทะเล ก็จะปล่อยให้ตัวเองตายไม่ได้
เขาไม่คู่ควร ตระกูลมู่ไม่คู่ควรสักคน
มู่วี่สิงนั่งลงข้างเธอ มองอากัปกิริยาของเธอที่กินข้าวช้าๆ อย่างลึกซึ้ง
ขณะเธอกินข้าวอย่างเรียบร้อย อากัปกิริยาเหมือนหุ่นยนต์ คล้ายกับกำลังบังคับตัวเอง
ภายใต้แสงรำไรเหลือบมองเห็นแผลหลายแห่งบนมือของเขามีผ้าพันแผลพันไว้ มีจุดหนึ่งที่โผล่ออกมา เป็นรอยแผลที่เห็นได้ชัดเจน
น่าจะเป็นแผลบาดหรือแผลน้ำร้อนลวก
สายตามองเพียงแวบเดียว ไม่ได้หยุดมองอีก แววตาก็ไม่แสดงความรู้สึก
เหมือนเข็มเล่มหนึ่งทิ่มแทงลงบนหัวใจ มู่วี่สิงรู้สึกเจ็บปวด แต่ยังคงเอาแต่มองเธอ
เวินจิ้งบังคับตัวเองกินข้าวจนหมดชาม จากนั้นก็ลุกขึ้นกลับไปห้องนอน ชายหนุ่มยังคงตามติดเธอไม่ห่าง
ขณะเดินขึ้นบันได เธอรู้สึกเวียนศีรษะ เสียงนุ่มลึกของชายหนุ่มดังขึ้นข้างหูทันที “เป็นไรไป ไม่สบายตรงไหนไหม”
เวินจิ้งขยับริมฝีปากเฉยเมยยิ้ม แล้วพูดว่า “อย่าเสแสร้งเลยค่ะ คุณแทงมีดลงในใจฉันได้แล้ว ฉันไม่สบายแล้วเป็นยังไง”
พูดไม่ทันขาดคำ เธอก็ถูกโอบเอวอุ้มขึ้น
จนถึงห้องนอนมู่วี่สิงค่อยวางเธอลง เวินจิ้งมองเขาเยาะเย้ย สายตามีแต่ความเย็นชา “มู่วี่สิง คุณคงจะไม่นอนกับฉันใช่ไหม”
เขาปิดประตูห้อง พูดเสียงเรียบ “ผมเป็นสามีคุณ เราสองคนก็ควรจะนอนด้วยกันอยู่แล้วนี่”
เขาถอดเสื้อคลุมเปื้อนเลือดโยนลงบนโซฟา น้ำเสียงเย็นเยียบยังคงราบเรียบ “ไปอาบน้ำก่อน ค่อยมาพักผ่อน”
เวินจิ้งไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมเขายังแสดงออกราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
เธอยังคงนิ่งเฉย “มู่วี่สิง คุณอยากให้ฉันฝันร้ายทุกคืนถึงยอมรามือใช่ไหม”
สายตาของเขาเย็นชา ทั้งคู่ต่างนิ่งงันไปครู่ใหญ่ มู่วี่สิงพูดขึ้นก่อน “คุณไปอาบน้ำเถอะ ผมจะนอนที่พื้นเอง”
พูดจบ เขาก็ออกไปข้างนอกหยิบที่นอนชุดใหม่
เวินจิ้งมองเขาสายตาเย็นชา แต่ก็ลุกไปอาบน้ำ
หลังจากเธออาบน้ำเสร็จ ที่นอนก็ปูบนพื้นเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มนั่งบนโซฟา กล่องยาตั้งบนโต๊ะกลมเล็ก ยาทาแผลและผ้าพันแผลถูกหยิบออกมาวางเตรียมไว้
พอเห็นเธอเดินออกมา เขาก็เรียกน้ำเสียงเจือแหบพร่า “มานี่สิ ผมทายาให้”
เวินจิ้งย่นคิ้ว เธอจำได้ว่ามู่วี่สิงน่าจะยังไม่ได้กินข้าว
แน่นอน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ
ผ้าพันแผลบนมือเธอขาดแล้ว และยังแช่น้ำอีก ตอนนี้ผิวหนังเหี่ยวย่น รู้สึกปวดแปลบ
แต่เธอรู้สึกว่าความเจ็บปวดนี้เป็นของอีกคนหนึ่ง
เธอปีนขึ้นเตียง “ฉันไม่ทำ”
เพิ่งจะก้าวขึ้นเตียงได้แค่ครึ่งตัว ทั้งตัวก็ถูกมู่วี่สิงเข้ามากอดจากด้านหลังอุ้มเธอขึ้น ไม่สนใจที่เธอดิ้นรนขัดขืน เขาอุ้มเธอมานั่งที่โซฟาถึงปล่อยมือ “เด็กดี ทายาก่อน ไม่งั้นมือบวมนะ”
เวินจิ้งโกรธขว้างขวดไอโอดีนใส่เขา ตะโกนใส่เขา “มู่วี่สิง คุณไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำได้ไหม คุณเป็นห่วงมือฉันอย่างนั้นหรือ ถ้าคุณเป็นห่วงมือฉันทำไมใส่กุญแจมือขังฉันล่ะ”
เธอกัดริมฝีปากแน่น “อย่ามาแสดงท่าทางสงสารฉัน ฉันเจ็บทั้งตัวทั้งใจทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะคุณทำทั้งนั้น!”
ที่จริงไม่ใช่สิ ต่อว่าเขาเป็นคนทำ สู้พูดว่าเธอทำผิดเองไม่ได้
ของเหลวสีเข้มปริมาณไม่น้อยรดใส่เสื้อของชายหนุ่ม เขาเพียงมองแวบหนึ่ง ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย หยิบขวดยาอีกขวดหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว “ส่งมือให้ผม ทายาซะ”
เวินจิ้งเกลียดที่สุดที่เธอมีทัศนคติเงียบขรึมแข็งกร้าวต่อหน้าเขาอย่างไร เหมือนกับไม่ว่าเธอพูดอะไรทำอะไรเขาก็เป็นอย่างนี้ เธออดไม่ได้ที่จะหยิบขวดยาทั้งหมดปาใส่เขา
แต่ยังไม่ทันขยับมือ เสียงต่ำที่แฝงด้วยคำเตือนของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น “จิ้งจิ้ง อย่าบีบให้ผมต้องลงมือ ยื่นมือมาเดี๋ยวนี้ ทายาซะ”
เมื่อได้ยิน เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ลงมือหรือ ทำไม คุณคิดจะลงมืออะไรกับฉันอีก หักมือฉันงั้นหรือ หรือหักขาฉันดี”
“คุณก็รู้ผมอยากทำอะไร” สายตาของเขามีไฟลุกโชนแวบหนึ่ง แต่น้ำเสียงยังคงราบเรียบ
เวินจิ้งมองเขาเย็นชา มู่วี่สิงเพียงแต่ก้มหน้า ยื่นมือมาจับข้อมือเธอที่บาดเจ็บ เธอคิดอยากจะดึงมือกลับ แต่ถูกเขาจับไว้แน่นกว่าเดิม
มู่วี่สิงเห็นข้อมือเธอขาวซีด เห็นชัดว่าผิวแช่น้ำ เช่นนี้จะทำให้แผลเป็นหนองได้ง่าย
เขาขมวดคิ้วแวบหนึ่ง เบามือลงไปมาก
จากมุมของเวินจิ้งเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของเขาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะบนใบหน้าหรือโครงหน้าของชายหนุ่มสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ท่าทางนิ่งขรึมสุขุมในเวลานี้ยิ่งทำให้ใจหวั่นไหว
เธอหลับตาลงช้าๆ ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเย็นชาและเยาะเย้ย
เธอเหลือบมองที่นอนบนพื้น “คุณอยากนอนบนเตียงไหม”
เขาไม่ได้เงยหน้า ตอบเธอเสียงต่ำ “ผมอยากนอนกับคุณ”
เวินจิ้งชะงัก ครู่ใหญ่จึงถามขึ้น “อย่างนั้นคุณช่วยฉันหาหน่อยเวยอาน อยู่ที่ไหน”
ตอนนี้เธอติดต่อเวยอาน ไม่ได้ และยังหาเธอไม่เจอด้วย
เธอเป็นห่วงว่าเวยอาน จะเกิดเรื่องเพราะพี่ชาย
“คุณวางใจเถอะ เธอปลอดภัยดี” มู่วี่สิงตอบเบาๆ
“หมายความว่าคุณรู้เธออยู่ที่ไหน” เวินจิ้งเบิกตาโต
“เธออยู่กับตระกูลนิ่ง บ้านเดิมของเธอ”
เวินจิ้งย่นคิ้ว เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ เวยอาน เคยบอกกับเธอว่าตัดสัมพันธ์กับตระกูลนิ่ง นานแล้ว และเปลี่ยนชื่อแซ่ด้วย
ทำไมตอนนี้ถึงได้กลับไปอีกล่ะ
“เธอคงไม่ได้ถูกจับกลับไปใช่ไหม”
“อึม”
“ตระกูลนิ่งอยู่ที่เมืองหนานเฉิงใช่ไหม”
“เมืองเป่ยเฉิง”
“อ้อ อย่างนั้นคุณให้ ตระกูลนิ่งปล่อยเธอได้ไหมเวยอานต้องไม่อยากอยู่ที่ตระกูลนิ่งแน่ๆ” เวินจิ้งพูดพึมพำ
มู่วี่สิงพันแผลใหม่เรียบร้อย เก็บของลงกล่องยาไม่รีบร้อน “อย่างนั้นคุณก็ทำตัวว่าง่ายหน่อย”
เวินจิ้งพึมพำ “มู่วี่สิง ทำไมไม่ว่าเรื่องอะไรคุณก็รู้วิธีจะข่มขู่ฉันยังไง”
“ในเมื่อไม่พอใจ ก็นอนเถอะ” มู่วี่สิงลุกขึ้นอุ้มเธอกลับไปวางที่เตียง
เขาช่วยเธอห่มผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว ค่อยหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำเดินไปทางห้องน้ำ
ขณะที่มู่วี่สิงอาบน้ำเสร็จเดินออกมา หญิงสาวบนเตียงนอนหลับตา หันหลังให้เขา ดูเหมือนจะหลับไปแล้วจริงๆ
ไม่ว่าเธอจะหลับแล้วจริงหรือไม่ เขาเดินเบากริบไปปิดไฟ อาศัยแสงจันทร์จากนอกหน้าต่างนอนหลับไป