Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 818
บทที่ 818 แต่งงานกันอีกครั้งดีไหม
มู่ซีกัดริมปากตัวเอง สายตาจ้องพื้นอย่างตาไม่กะพริบ เมื่อคืนเพิ่งคลานออกมาจากเหว ตอนนี้…..กลับต้องมาตกนรกอีกแล้วหรือ
เธอหัวเราะเยาะตัวเอง ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่ความหวาดกลัวแล้ว
มือกำชายเสื้อตัวเองไว้แน่น เธอพูดขึ้น “ในเมืองหนานคุณชายมู่ก็ปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามืออยู่แล้ว คุณจะทำอย่างไงกับฉันก็ได้ ฉันไม่มีอะไรจะพูด แต่ที่เวินจิ้งอยู่ในห้องผ่าตัดขณะนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉันแต่อย่างใด”
เกาเชียนที่อยู่ข้างๆถามมู่ซีว่า “คุณมู่ครับ วันนี้เวลาสิบเอ็ดโมงเช้าคุณอยู่ที่ไหน”
มู่ซีพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ฉันอยู่ที่บ้านเช่าของตัวเอง กำลังจัดเก็บของเพื่อเตรียมตัวจะไปจากที่นี่”
เกาเชียนสังเกตใบหน้าของเธอ ว่ามีการพูดโกหกหรือเปล่า “มีคนอยู่ข้างๆด้วยหรือเปล่า”
ตอนนี้ก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นมู่ซี เพียงแต่ผู้หญิงที่อยู่เมืองหนานที่เคยมีเรื่องกับเวินจิ้งนั้นมีไม่มาก และมู่ซีก็คือหนึ่งในนั้น
“เพื่อนร่วมห้องที่อาศัยอยู่ด้วยกันเป็นพยานได้” มู่ซีก็พอจะเดาออกแล้วว่าเหตุผลที่มู่วี่สิงให้คนจับเธอมา จึงพูดขึ้น “คุณชายมู่ ถ้าหากมีคนจงใจขับรถชนเวินจิ้งจริงๆ”
สายตาของเธอมองไปยังมู่วี่สิง พูดขึ้นอย่างใจเย็น “ฉันได้จองตั๋วรถเพื่อจะไปจากเมืองหนานแล้ว ช่วงเวลาที่ฉันอยู่บ้านตระกูลมู่ถึงแม้จะไม่นาน แต่ฉันก็รู้ดีว่าถ้าฉันจงใจจะชนเธอจริงๆ คุณคงไม่มีทางที่จะปล่อยฉันไว้อย่างแน่นอน ฉันตอนนี้ก็แค่อยากจะใช้ชีวิตที่เรียบง่าย คงไม่ทำเรื่องที่โง่ๆแบบนี้หรอก”
ลูกของเวินจิ้งที่แท้งไปเธอเป็นเพียงแค่สาเหตุทางอ้อม มู่วี่สิงก็ถึงกับทำลายชีวิตเธอทั้งชีวิต แล้วถ้าเธอจงใจชนเวินจิ้ง…..
ชายหนุ่มที่ไม่มีการเอ่ยพูดคำใดๆ บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมองห้องผ่าตัดที่ไฟยังคงสว่างด้วยสายตาที่เย็นชา
มู่ซีทราบดี ถ้ามู่วี่สิงปริปาก ก็จะสามารถทำลายชีวิตเธอให้ดับลงได้อย่างง่ายดาย เธอก็จะกลับไปสู่ชีวิตที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง สีหน้าเธอค่อยๆซีดลง แต่ก็ยังคงพูดด้วยเสียงแหบพร่าว่า “เมื่อคืนเวินจิ้งรับปากฉันว่าจะปล่อยฉันไป หรือว่าคุณชายมู่จะทำให้เธอผิดคำพูด”
สิ่งที่เธอสามารถใช้เดิมพันได้ในตอนนี้ก็คือเวินจิ้ง คนที่มู่วี่สิงใส่ใจมากที่สุด แต่ไหนแต่ไรมาก็มีเพียงแต่เวินจิ้ง
ใบหน้าชายหนุ่มเคร่งขรึมขึ้น น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้าไม่ใช่คุณ ผมต้องฟังเธออย่างแน่นอน”
ได้ยินดังนั้น มู่ซีตกใจชะงัก คิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งอย่างมู่วี่สิงจะฟังคำพูดเธอ
มีความคิดแวบเข้ามาในหัวสมอง ที่ยังไม่ผ่านการคิดไตร่ตรองก็พูดออกมา “คุณสงสัยฉันเพราะฉันไม่ถูกกับเวินจิ้ง แต่ในเมืองหนานเธอก็ยังมีศัตรูอื่นนะ…..”
เธอรวบรวมความกล้ามองตรงไปยังใบหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่และเย็นชากว่าปีก่อน “ความจริงหลิงเหยา…..ตอนนั้นไม่ได้เข้าไปในคุกถูกไหม เธอต่างหากคือคนที่เกลียดเวินจิ้งที่สุด”
มีบางเรื่องที่คนทั่วไปไม่ทราบ แต่เรื่องของหลิงเหยา คนในเมืองหนานน้อยคนที่จะทราบเรื่องจริงเรื่องนี้ เนื่องด้วยเธออยู่สถานที่บำเรอชายเป็นเวลานาน เธอจึงทราบความลับต่างๆไม่น้อย
หลิงเหยา
ชื่อนี้ได้แวบขึ้นมาในหัวสมองของเขา ลมหายใจที่เยือกเย็นได้แผ่ซ่านออกมา เขามองไปทางเกาเชียนอย่างเฉยเมย เขาก็เดินเข้ามาหาทันที
มู่ซีก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนนั้นพาออกไปอย่างรวดเร็ว
สองชั่วโมงต่อมา ไฟในห้องผ่าตัดดับลง ร่างสูงยาวของชายหนุ่มจึงวิ่งเข้าไปหาทันที
ใบหน้าที่ขาวซีดของเขา น้ำเสียงที่เหนื่อยและแหบแห้ง “เป็นอย่างไรบ้างครับ”
เมื่อหมอถอดหน้ากากลง ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดขึ้น “การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ บาดแผลไม่ได้สาหัสมาก เธอจะตื่นขึ้นเมื่อหมดฤทธิ์ยาชา”
คงเป็นเพราะประตูสวนสนุกมีผู้คนมากมาย ความเร็วรถคันนั้นจึงไม่ค่อยเร็วมาก บวกกับเวินจิ้งต้องการปกป้องเวินซิน ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกชน
มู่วี่สิงที่อยู่ในอาการเป็นห่วงในที่สุดก็ผ่อนคลายลง
ไม่เป็นอะไร…..ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
เขาสามารถสงบสติและใจเย็นได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการผ่าตัดหรือเผชิญหน้ากับผู้ป่วยทุกๆกรณี แต่ถ้าคนนั้นเป็นเวินจิ้ง…..สมองและจิตใจของเขาเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า
ห้องผู้ป่วยสุดหรู
เมื่อเวินจิ้งตื่นขึ้นมา ข้างนอกฟ้าได้มืดแล้ว นิ้วมือของเธอค่อยๆขยับขึ้น ชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียงด้วยความเพลียก็ตื่นขึ้นในทันใด
โดยที่ข้อศอกได้วางอยู่อยู่ข้างๆเธอ ดวงตาลุ่มลึกของชายหนุ่มนั้นดูพะวงแต่ก็เต็มไปด้วยความดีใจ เขาลูบใบหน้ารูปไข่เธออย่างระมัดระวัง น้ำเสียงต่ำๆดังขึ้น “เจ็บตรงไหนบ้าง”
ดวงตาของเขาดำคล้ำมาก แต่ว่าสามารถมองเห็นแก้มขาวซีดของเธอที่สะท้อนอยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจน
เวินจิ้งกะพริบตาอย่างเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร ใบหน้ารูปไข่สวยเนียนแต่ขาวซีดเพราะเสียเลือดมากเกินไป
เขาคิดว่าเธอคงเจ็บปวดมาก ถึงได้ไม่พูดอะไรออกมา หว่างคิ้วก็ยิ่งขมวดขึ้น “ปวดตรงไหนหรือเปล่า ผมจะได้ให้หมอมาตรวจ…..”
“มู่วี่สิง” เสียงเรียกแหบพร่าของเธอ ซึ่งทั้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ ทั้งเพิ่งผ่าตัดเสร็จ จะไม่เจ็บได้อย่างไร
ปลายนิ้วของชายหนุ่มลูบแก้มของเธอ พร้อมกับปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะให้หมอมาตรวจ หรือคุณบอกผมได้นะ ผมจะตรวจให้คุณ”
เดิมทีเขาอยากจะเข้าห้องผ่าตัดด้วย แต่ว่าสุดท้ายเขาก็ควบคุมตัวเองไว้ได้
ผู้หญิงคนนี้ เป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวในโลกใบนี้ที่ทำให้เขาร้อนรนกระวนกระวายได้
เขาเพียงต้องการให้เธอปลอดภัย ปลอดภัยตลอดเวลา
“พวกเราแต่งงานใหม่กันนะ” เสียงแผ่วเบาดุจขนนกดังขึ้น เวินจิ้งที่พยายามจะยิ้มขึ้น “แต่งงานกันอีกครั้งดีไหม”
ถึงแม้ว่าคุณหมอจะบอกว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตอนที่รถคันนั้นพุ่งชนเข้ามา ราวกับว่าเธอเดินลอดผ่านประตูผี ระหว่างความเป็นความตาย มีบางอย่างได้ชัดเจนขึ้นในช่วงเวลานั้น
หรือว่าบางที เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย เธอถึงตระหนักได้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ชายหนุ่มรูปงามยังไม่ทันตั้งตัวใดๆ แม้จะทราบดีว่าถึงอย่างไรเวินจิ้งก็ต้องเป็นของเขา เขาทราบดีว่าลึกๆแล้วเธอรักเขาและต้องการจะแต่งงานกับเขา อีกทั้งพวกเขาก็เคยแต่งงานมาแล้วรอบหนึ่ง
แต่ว่าตอนนี้เธอเอ่ยปากเรื่องแต่งงาน ร่างของเขาก็แข็งทื่อคล้ายกับถูกไฟฟ้าช็อต ชายหนุ่มที่เย็นชามาโดยตลอด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะแสดงความดีใจออกมาอย่างไร
มีเพียงปลายนิ้วที่สั่นเทาจากอาการตื่นเต้นเท่านั้น
เวินจิ้งค่อยๆหลับตาลง แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ “ฉันอยากจัดพิธีแต่งงานที่โบสถ์”
ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้น มีเพียงพวกเขาสองคน และอธิษฐานให้คำมั่นสัญญาด้วยกันอย่างจริงใจ
“ได้”
ก้มหน้าแล้วจูบลงหน้าผากของเธอ เขาทั้งดีใจทั้งเป็นห่วง “พวกเราจะแต่งกันใหม่ให้เร็วที่สุด จิ้งจิ้งเมื่อคุณหายดีแล้ว พวกเราก็จะจดทะเบียนสมรสกัน แล้วจะจัดพิธีงานแต่งกันนะ”
เวินจิ้งยิ้มให้เขา ด้วยดวงตาที่สดใสเปล่งประกาย
มือของมู่วี่สิงจับลูบแก้มเธอไว้ตลอด “ร่างกายยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”
ถ้าเธอบอกว่าเจ็บ เขาคงต้องเรียกคุณหมอให้มาตรวจในทันที
นี่เป็นเรื่องที่ต้องทนหลังจากผ่าตัด ตัวเองก็เป็นหมอ ตอนนี้เรื่องแบบนี้กลับไม่มีความรู้แล้ว
เวินจิ้งส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ไม่เจ็บเท่าไร”