Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 823
บทที่ 823 คุณจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ไหม
เวยอานประหม่าขึ้นมาทันที “คุณหมายความว่ายังไง…เธอจะหายไปได้ยังไง”
มู่วี่สิงเม้มปากบางของเขา และพูดเบาๆว่า “คนขับโทรมาบอกว่า เขาไม่ได้ไปรับเวินจิ้ง เธอบอกคนขับว่าให้เขากลับมาก่อน ตอนนี้ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน”
อยู่โรงพยาบาล … ไปตรวจเหรอ เธอรู้เรื่องการตั้งครรภ์แล้วหรือเปล่า
“คุณโทรหาเธอหรือยัง”
“เธอปิดเครื่อง”
สีหน้าของเวยอานก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน เธอพูดแบบเอือมระอา “ฉันควรไปรับเธอเลิกงานเร็วกว่านี้ ถ้าฉันไปหาเธอแล้ว อาจจะไม่ … ”
มู่วี่สิงไม่ได้พูดอะไรต่ออีก คางของเขาตึงแน่นมาก และดวงตาของเขาก็มืดพล่าไปหมด
“เธอไม่อยากมีลูกจริงๆเหรอ”เวยอานอดไม่ได้ที่จะถาม เพราะเป็นห่วงมากเหมือนกัน
เธอรู้ว่าตัวเองท้อง แล้วปิดเครื่องหายไปงั้นเหรอ …
เวยอานยิ่งคิดยิ่งรู้สึกลุกลี้ลุกลน “ถ้าเธอไม่อยากได้เด็กคนนี้จริงๆ เธอจะไปไหนล่ะ”
อยากหาที่เงียบๆอยู่คนเดียว หรือว่าจะตรงไป…
ดวงตาของมู่วี่สิงเย็นชาขึ้น ร่างสูงของเขาสั่นเบาๆและหัวเราะเบาๆ “ก่อนที่ฉันจะหาเธอเจอ … ก็เอาเด็กออกเรียบร้อยแล้ว”
เวยอานพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ไม่… เวินจิ้งจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด”
เป็นเพราะว่าเคยแท้งลูก ก็เลยจะดูแลตัวเองมากขึ้นแน่นอน
เธอต้องไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด
ถึงแม้ว่าเธอจะคิดอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นการแสดงออกที่มืดมนของมู่วี่สิง เธอก็ไม่มีความมั่นใจแล้ว
“งั้นตอนนี้จะทำอะไรได้บ้าง … ฉันจะบอกหลินยี่… ”
“ไม่ต้อง” มู่วี่สิงขัดจังหวะเธออย่างเย็นชา และโทรออกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เกาเชียน แจ้งโรงพยาบาลทุกแห่งในเมืองหนานเฉิงว่า ไม่ว่าใครก็ตาม วันนี้ห้ามทำแท้งเด็ดขาด”
จนกระทั่งมู่วี่สิงวางสาย เวยอานถึงพึมพำ “มู่วี่สิง คุณเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าเวินจิ้งไม่อยากมีลูกจริงๆ … คุณจะทำยังไง”
ข้อนิ้วที่จับโทรศัพท์มือถือของมู่วี่สิงกำแน่นมาก ถ้าเธอไม่อยากมีลูกจริงๆ … เขาจะทำยังไง
ร่างกายของชายหนุ่มสั่นโดยมองไม่เห็น “เธอจะไม่ใจร้ายขนาดนั้นอย่างแน่นอน”
เขาเชื่อมั่นอย่างนั้น
รถCayenneวิ่งอยู่ในย่านใจกลางเมืองหนานเฉิงที่เจริญรุ่งเรืองไปเรื่อยๆ เวินจิ้งไม่ได้อยู่ที่หนานเฉิงมาหลายปีเขานึกไม่ออกว่า ตอนอารมณ์ไม่ดีเธอจะไปไหน
ผ่านไปสักพัก รถก็จอดที่ทางเข้าของร้านชุดแต่งงาน ชุดแต่งงานที่สวยงามวิจิตรแขวนอยู่ที่หน้าต่าง ซึ่งสวยงามเหมือนในฝัน
ดวงตาอย่างออบซิเดียนมองหน้าต่างนานมาก จนกระทั่งโทรศัพท์สั่น เขาก็รีบรับสาย เสียงเงียบและต่ำ “หาเจอหรือยัง ”
“นายมู่ ยังครับ “เกาเชียนกล่าว “แต่ผมกระจายข่าวออกไปแล้ว และผมก็ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่มีวี่แววว่าคุณผู้หญิงจะไปทำแท้งครับ ”
ชายหนุ่มมองถนนที่คนเดินไปเดินมาที่นอกหน้าต่างรถ ใบหน้าหล่อยังตึงอยู่
เกาเชียนปลอบอย่างประหม่า “บางทีคุณผู้หญิงอาจจะแค่อยากอยู่คนเดียวจริงๆก็ได้ นายมู่ คุณไม่ต้องเป็นห่วงมากครับ ”
เขาเหยียบคันเร่ง ผ่านไปสักพัก เขาก็สั่งอย่างเย็นชาว่า “หาต่อ”
ตลอดทั้งคืน มู่วี่สิงขับรถไปทั้งเมืองเกือบทุกที่ สถานที่ที่เธออาจจะไปเมื่ออารมณ์ไม่ดีที่เขาสามารถนึกออกได้ แต่ก็ไม่เจอเธอเลย
โทรไปหาเธอเรื่อยๆ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ปิดอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และหัวใจของมู่วี่สิงก็อึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งเช้าตรู่ โทรศัพท์ที่เขาโยนไว้ที่เบาะคนขับก็สั่นอีกครั้ง เขากังวลและหยิบมันขึ้นมาโดยไม่มองว่าเป็นใครโทรมา น้ำเสียงด้วยความโกรธมาก “ผ่านไปนานมากแล้ว ยังหาไม่เจออีก หาไม่เจอก็ไม่ต้องโทรมา”
โทรศัพท์ทางนั้นเงียบไป สักพักเสียงที่คุ้นเคยถึงค่อยๆดังขึ้น “คุณกำลังหาใครอยู่เหรอ ยังทำงานอยู่เหรอ”
ทันใดนั้น มู่วี่สิงก็ตัวแข็งไปทันที มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัยไว้ เขาพยายามทำให้เสียงสงบลง “จิ้งจิ้ง คุณอยู่ไหน”
เวินจิ้งยังไม่กลับมาจากความโกรธของมู่วี่สิงในเมื่อกี้ เธอก็เลยไม่ได้พูดสักพัก เธอไม่เห็นเขาโกรธแบบนี้นานมากแล้ว
ความเงียบของเวินจิ้งทำให้เขารู้สึกประหม่าอีกครั้ง น้ำเสียงที่เย็นชามาตลอดของเขามีระมัดระวังเบาๆ “คุณบอกฉันก่อนว่าคุณอยู่ไหน เราค่อยๆคุยกัน…
“คุณยุ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ วันนี้ฉันไปโรงพยาบาลเพื่อเคลียร์งาน และคนขับรถกลับไปแล้ว งั้นคุณให้เขามารับฉันหน่อยได้มั้ย”
เวินจิ้งบอกที่อยู่แห่งหนึ่งอย่างเชื่อฟัง มู่วี่สิงก็ตกตะลึง มันเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในเขตชานเมือง
เขายังไม่ทันถามอะไร เสียงอ่อนโยนของเวินจิ้งที่จากทางนั้นดังขึ้นอีก “คุณไปทำงานก่อนเถอะ ฉันจะรอคนขับรถอยู่ที่นี่ ฉันยืมโทรศัพท์ของคนอื่นมา วางสายก่อนนะ”
จากนั้นมู่วี่สิงก็ได้ยินแต่เสียงวางสายเท่านั้น
เวินจิ้งนั่งอยู่บนขั้นบันได โดยใช้มือยันเข่าและคาง ดวงตาดำขาวมองดูว่ารถที่วิ่งผ่านมีรถที่คุ้นเคยหรือเปล่า มืออีกข้างก็นวดขาที่เมื่อยอยู่
เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เกือบเช้าแล้ว และไม่มีใครสักคนอยู่รอบๆเลย ลมก็หนาวมากด้วย ทำให้เธอรู้สึกเหงาเล็กน้อย
ค่อยๆมีเสียงฝีเท้า หัวใจของเธอเต้นอย่างวุ่นวาย หันหน้าไปตามรอยเท้าก็เห็นร่างยาวของผู้ชาย เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นๆ
มู่วี่สิงกอดเธอแน่นมาก โดยไม่ได้นึงถึงว่าเธอกำลังท้องอยู่ด้วยซ้ำ ความดีใจที่หาเจอเธอทำให้เขาหลงอยู่ในนรกและสวรรค์
เวินจิ้งรู้สึกถึงอารมณ์เขาผิดปกติอย่างชัดเจน และอดไม่ได้ที่จะถามอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันรบกวนคุณทำงานหรือเปล่า”
“ทำไมไม่รับสายฉัน”
“โทรศัพท์ฉันแบตหมด … ” เวินจิ้งสมองประมวลผลต่อเนื่องทันที เธอลืมตามองเขาด้วยความประหลาดใจ “เพราะโทรหาฉันไม่ติดถึงอารมณ์เสียเหรอ คนที่คุณกำลังหาอยู่คงไม่ใช่ฉันมั้ง”
มู่วี่สิงมองหญิงสาวตาไม่กระพริบ ใบหน้าที่ตึงอยู่ไม่ได้ดีขึ้น “ทำไมถึงมาสถานที่ที่ไกลแบบนี้คนเดียว และให้คนขับกลับไปก่อนด้วย”
“ฉัน… ฉันแค่อยากไหว้องค์พระโพธิสัตว์คนเดียว”
เมื่อเห็นใบหน้าของเขาน่าเกลียด เวินจิ้งจึงโอบรอบคอของเขา “ฉันขอโทษ ตอนแรกคิดว่าจะได้กลับไปเร็วๆ แต่ไม่คิดว่าขาจะเจ็บและเรียกรถไม่ได้เลย อยากโทรหาคนขับมารับฉัน แต่โทรศัพท์ก็แบตหมดไปอีก
“กว่าจะหายืมโทรศัพท์ได้ ฉันจำได้แค่เบอร์คุณและพี่ชาย”
เวินจิ้งอธิบายอย่างอ่อนโยน มือยังนวดขาอยู่ตลอด
มู่วี่สิงรีบอุ้มเธอขึ้นทันที และเดินไปที่ทางของรถCayenne
“ฉันอธิบายเรียบร้อยแล้ว ทำไมคุณยังดุมากอยู่ละ” เวินจิ้งมองหน้าตึงของชายหนุ่ม เอานิ้วลูบคางของชายหนุ่มเบา ๆ แล้วอ้อนว่า “ยิ้มให้ดูหน่อยนะ”
มือที่จับเอวเรียวของเธอแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ยิ้มอยู่ในอ้อมแขนของเขา พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำและดูเศร้าหมองเบาๆว่า “คุณรู้แล้วใช่มั้ย … เพราะฉะนั้นถึงมาไหว้พระโพธิสัตว์”
เขาหยุดไปสักพัก มีความเจ็บปวดเล็กน้อยในใจ “จิ้งจิ้ง … คุณจะเก็บเด็กคนนี้ไว้มั้ย