Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 865
บทที่ 865 ชัดเจนว่าไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย
คฤหาสน์ตระกูลฉิน
ทั้งสี่คนทานอาหารเสร็จโดยไม่รู้รสชาติของอาหาร คนรับใช้นำผลไม้ขึ้นเสิร์ฟ หลี่เหวยที่เบื่ออาหารจึงลุกขึ้นและกลับไปที่ห้อง
ในที่สุดสีหน้าของฉินซึ่งเทียนก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากที่มองหซู่หนานเขาก็จำบางสิ่งที่เขาลืมไปแล้วขึ้นมาได้ “หซู่หนาน ครั้งก่อนเธอพูดว่าจะยืมเงินเพื่อเอาไปแก้ไขปัญหาที่ยุ่งเหยิง แต่ฉันได้ยินมาจากเลขาว่าเธอไม่ได้แตะต้องเงินเลย แก้ไขเรื่องนั้นได้แล้วเหรอ”
ตอนที่หซู่เป่ยถูกแบล็กเมล์ หซู่หนานยืมเงินจาก ฉินซึ่งเทียนโดยตรง หลังจากนั้นเขาอาศัยให้ฉินซีช่วยแก้ปัญหา เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่ได้บอกฉินหว่านเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่เขาคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ ฉินซึ่งเทียนจะพูดถึงเรื่องนี้บนโต๊ะอาหาร เขามองไปที่ฉินหว่านอย่างไม่รู้ตัวพลางตอบกลับ “แก้ไขได้แล้วครับ ผมให้เพื่อนช่วยเลยไม่จำเป็นต้องใช้เงินครับ”
ในตอนนี้ ในหัวของฉินซึ่งเทียนเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับวิธีจัดการกับหุ้นที่ฉินซีได้รับ ที่ถามหซู่หนานเป็นเพียงการถามลอยๆเท่านั้น เมื่อได้ยินคำตอบเขาก็พยักหน้า “แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีที่สามารถให้เพื่อนช่วยได้โดยไม่ต้องใช้เงิน อันที่จริงแล้วเงินสิบล้านน่ะ เป็นเรื่องยากนะที่จะถามหาจากใครสักคน”
เขาไม่ได้จริงจังอะไร แต่กลับเป็นฝั่งของฉินหว่านที่สีหน้าเปลี่ยนไป
สิบล้าน?มีเรื่องอะไรกันแน่ถึงต้องใช้เงินสิบล้านในการแก้ปัญหา
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมตัวเองถึงไม่เคยได้ยินหซู่หนานพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
เธอทนกับมื้ออาหารและตอนนี้ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอดึงตัวหซู่หนานขึ้น “พ่อคะ เราสองคนอิ่มแล้ว จะออกไปเดินเล่นสักหน่อยค่ะ”
ฉินหว่านรีบลากหซู่หนานไปที่สวนหลังบ้าน
“หซู่หนาน นายปิดบังเรื่องอะไรอยู่ ถึงต้องเลี่ยงฉันแล้วไปยืมเงินพ่อฉันตั้งสิบล้าน?” ฉินหว่านจ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง
หซู่หนานลูบขมับของเขาด้วยความเหนื่อยล้า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตอนนี้ทุกอย่างแก้ไขได้แล้ว เพราะงั้นอย่าถามอีกเลย”
“ไม่มีอะไร?ไม่มีแล้วจะใช้เงินสิบล้านไปทำไม” ฉินหว่านยังไม่จบ “นายไม่พูดใช่ไหม งั้นฉันจะไปถามคนอื่น ต้องมีคนรู้แน่!”
เธอพูดพลางเปิดโทรศัพท์จะกดโทรออก
เธอมองดูรายชื่อโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นฉินหว่านก็เห็นชื่อๆหนึ่ง
หซู่เป่ย
“นายไม่บอกฉัน แต่ก็น่าจะบอกน้องชายนายแล้วสินะ ฉันจะโทรไปถามเดี๋ยวนี้แหละ!”
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะโทรจริงๆ หซู่หนานยื่นมือไปหยุดเธอไว้ “ฉินหว่านหยุดสร้างปัญหาสักที!”
“ฉันสร้างปัญหา?” ฉินหว่านดวงตาแดงก่ำ “ฉันสร้างปัญหาเหรอ ไม่ว่าเรื่องอะไรนายไม่เคยบอกกับฉัน เพราะนายไม่เคยคิดจะจริงจังกับฉันเลย!”
เธอจ้องหซู่หนาน รอให้เขาส่ายหัวเพื่อปฏิเสธ
แต่หซู่หนานกลับนิ่งเฉย
ฉินหว่านมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆเธอก็หัวเราะออกมา “นายไม่โกหกฉันแล้วเหรอ หซู่หนาน นายลืมสิ่งที่นายพูดตอนที่บอกว่าต้องการอยู่กับฉันไปแล้วเหรอ”
หซู่หนานก้มหน้า
ฉินหว่านหุบยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนไป จู่ๆเธอก็พูดออกมาอย่างเด็ดขาด “ทางที่ดีนายควรบอกฉันตอนนี้ หซู่หนาน นายกำลังปิดบังอะไรอยู่ ถ้าฉันรู้ด้วยตัวเอง…ฉันจะโกรธมากกว่านี้!”
หซู่หนานเงยหน้าขึ้นมองไปที่เธอ
ใบหน้าของฉินหว่านบูดเบี้ยวเพราะความโกรธ จากใบหน้าที่สวยงามของเธอ ตอนนี้กลับดูน่ากลัวขึ้นมา
ในตอนแรก…เขารู้สึกได้อย่างไรว่าเธอและฉินซีมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน
เห็นได้ชัดเจนว่าไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย!
เขาอึ้งไปชั่วขณะ ฉินหว่านยังคงไม่หยุด “นายทำเรื่องที่บอกใครไม่ได้มาเหรอ หซู่หนาน ฉันต้องรู้ให้ได้…”
จู่ๆหซู่หนานก็รู้สึกปวดที่ขมับขึ้นมา “ทำไมเธอต้องอยากรู้ด้วย ต่อให้รู้ไปมันก็ไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอเอง”
สีหน้าของฉินหว่านนิ่งเฉยทันที “นายหมายความว่ายังไง ที่บอกว่ารู้ไปก็ไม่เป็นผลดีต่อตัวฉัน มันคืออะไร”
หซู่หนานถอนหายใจ “เธออยากรู้ให้ได้เลยใช่ไหม”
ฉินหว่านลังเล
ที่เธอโวยวาย นั่นเพราะว่าไม่พอใจที่หซู่หนานมีเรื่องปิดบังตัวเอง
ในตอนนี้ เพราะท่าทีของหซู่หนานที่รักษาระยะห่างระหว่างตัวเองนั้นมันทำให้เธอเริ่มรู้สึกสับสนในใจ
แต่เธอปลอบใจตัวเองมาโดยตลอด อย่างน้อยเธอยังมีไพ่ใบสุดท้ายอยู่ในมือ นั่นก็คือการที่หซู่หนานเข้ามาในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้ก็เพราะอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างเธอ
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าหซู่หนานข้ามหัวตัวเองไปติดต่อกับฉินซึ่งเทียน เธอจึงโกรธมากขนาดนี้
แต่เมื่อสงบสติอารมณ์แล้วคิดดูอีกที ทันทีที่รู้ว่าหซู่หนานเอ่ยปากขอยืมเงินกับฉินซึ่งเทียนได้โดยตรง ทุกอย่างก็ปรากฏบนใบหน้าของตัวเอง เธอดูตกใจเหมือนกับคนขวัญอ่อนอย่างไรอย่างนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น…จากสัญชาตญาณของผู้หญิงแล้ว สีหน้าแบบนี้ของหซู่หนาน ถึงขนาดยอมปริปากพูด แน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่
แต่หซู่หนานไม่ให้เวลาเธอได้ใช้ความคิด
“ฉันยืมเงินสิบล้านจากพ่อของเธอเพราะมีคนแบล็คเมล์น้องชายฉัน” หซู่หนานเล่าสาเหตุ “แต่หลังจากนั้นฉันก็หาคนมาช่วยแก้ปัญหาได้ เพราะงั้นเลยไม่จำเป็นต้องใช้เงินนี่แล้ว”
ฉินหว่านสงสัยว่า “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำไมถึงไม่บอกฉัน”
หซู่หนานถอนหายใจ “เธอคิดว่าเพราะอะไร”
ฉินหว่านครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าทันที “เพื่อนที่ช่วยนาย…คือฉินซีใช่ไหม”
หซู่หนานก้มหน้าลงโดยไม่ตอบอะไร
แค่นี้ก็รู้คำตอบแล้ว
ฉินหว่านตัวสั่นด้วยความโกรธ “นาย…นายไม่เคยบอกอะไรฉันเลย นายขอให้ฉินซีคอยช่วยอยู่เสมอ นาย…”
หซู่หนานพูดอย่างจนใจ “ฉันบอกแล้วไง เธอรู้เรื่องนี้ก็ไม่มีผลดีอะไร”
“หุบปาก!” เสียงฉินหว่านเสียงแหลม “ถ้าไม่รู้ฉันก็จะกลายเป็นเหมือนคนโง่ ถูกนายเก็บไว้ในเงามืดมาโดยตลอด ไม่รู้แม้กระทั่งนายกับยัยนั่นคืนดีกันแล้ว! ”
สีหน้าของหซู่หนานดูใกล้จะหมดความอดทนเต็มที “ตอนที่ฉันขอให้ฉินซีช่วย เราสองคนไม่มีอะไรเกินเลยกันจริงๆ…”
ฉินหว่านเข้าใจประเด็นได้อย่างแม่นยำ “ตอนนั้นพวกนายไม่มีอะไรเกินเลย แล้วตอนนี้ล่ะ?”
หซู่หนานเหลือบมองเธอ
ฉินหว่านหน้าแดงก่ำจากความโกรธ เสียงแหลมคมเสียดหู ต่อให้มองจากภายนอกอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อว่านี่คือคุณหญิงตระกูลฉิน ตรงกันข้ามกลับเหมือนผู้หญิงปากตลาด
เขาจำได้ว่าในตอนแรกนั้นตัวเองคิดอย่างไร
แม้ว่าจะไม่เชื่อคำอธิบายของฉินหว่านไปเสียทุกอย่าง แต่ในก้นเบื้องหัวใจของเขานั้นยอมรับในสิ่งที่เธอพูดว่าตัวเองถูกฉินซีทิ้ง
หลังจากคืนที่วุ่นวายของทั้งสองคนได้ผ่านไป ไม่ว่าจะเกิดจากความคิดที่อยากจะแก้แค้นหรือความคิดที่อยากจะรับผิดชอบก็ตาม เขาตัดสินใจที่จะอยู่กับฉินหว่าน
ไม่มีใครขาดคนใดคนหนึ่งไปแล้วจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้
เขาเชื่อว่าตัวเองก็ทำได้เช่นกัน
เวลาที่เขาและฉินซีอยู่ด้วยกันนับว่าไม่นานนัก อีกทั้งเธอยังเป็นลูกคุณหนูตระกูลฉินที่เอาแต่ใจและเย่อหยิ่งมาตั้งแต่เด็ก เมื่อได้มาอยู่ด้วยกัน บ่อยครั้งที่เขาต้องอดทนเพื่อเอาใจเธอ ยิ่งไปกว่านั้นในชีวิตของฉินซีมักจะยุ่งอยู่เสมอ เขาจึงเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆในชีวิตเธอ
แต่เมื่อได้อยู่กับฉินหว่านเขาได้ลิ้มรสความรู้สึกการเป็นที่ต้องการ การถูกรัก และการถูกเยินยอ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ฉินหว่านที่ทั้งอ่อนโยนและมีน้ำใจจนทำให้เขาหวั่นไหวในตอนแรกได้หายไปตั้งนานแล้ว
เธอกรีดร้องอย่างหมดหวัง ใบหน้าดุร้ายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน