Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 867
บทที่ 867 เพราะเธออยากแต่งงาน ก็เลยแต่ง
บนหน้าจอโทรศัพท์มีชื่อสองพยางค์ที่คาดไม่ถึงได้ปรากฏขึ้น “ลู่เซิ่น”
ฉินซีรู้สึกสับสนเล็กน้อย ลู่เซิ่นไม่เคยโทรหาเธอเลยสักครั้ง โดยก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะให้หลินหยังเป็นคนติดต่อ
แล้วทำไมตอนนี้จู่ๆถึงโทรมาเองล่ะ
ฉินซีรับโทรศัพท์ด้วยความสงสัย เสียงที่ดังออกมาคือเสียงของลู่เซิ่น “เธออยู่ที่ไหน”
“บ้านอานหยัน ”
ฉินซีเบ้ปาก ทำไมลู่เซิ่นต้องคอยเช็คด้วย!
น้ำเสียงของลู่เซิ่นราบเรียบ “กลับบ้านเดี๋ยวนี้ คืนนี้เราจะกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลลู่กัน”
พอพูดจบเขาก็วางสายทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบของเธอเลย
ฉินซีขมวดคิ้ว
….คฤหาสน์ตระกูลลู่อย่างนั้นเหรอ
เมื่อมาถึงรีสอร์ทชิงหยวน ก็พบลู่เซิ่นนั่งรออยู่ในห้องรับแขก
“ไปเปลี่ยนชุด”
ทันทีที่พบกัน เขาพูดเพียงแค่สี่คำ จากนั้นก็ถูกคนรับใช้พาตัวออกไป
ภายในห้องแต่งตัวมีชุดเดรสแขวนอยู่ ฉินซีรู้สไตล์ของลู่เซิ่น ชุดเดรสพวกนี้ดูผิวเผินไม่ได้มีความพิเศษอะไร ส่วนมากจะเป็นสไตล์ใหม่ที่ดูหรูหราระดับไฮเอนด์ แม้จะให้เวลานับเลขศูนย์ของราคาเป็นชั่วโมงก็ไม่อาจนับได้ครบถ้วน
ชุดเดรสสีขาวงาช้างเหมาะกับผิวขาวราวหิมะของฉินซี คนรับใช้รูดซิปขึ้นให้เธอและเมื่อเธอกำลังจะนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง จู่ๆประตูห้องแต่งตัวก็เปิดออก
“พวกเธอทำอะไรอยู่” ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว
“แต่ง…แต่งหน้าค่ะ…” คนรับใช้ตอบอย่างสั่นกลัว
“ไม่ต้องแต่ง” ลู่เซิ่นมองไปยังฉินซีแล้วโบกมือ “จะสายแล้ว ไปกันเถอะ”
ฉินซียกมือขึ้นมองดูนาฬิกาข้อมือ “ตอนนี้ยังไม่ถึงสี่โมงเลย จะสายได้ยังไง แต่งหน้าไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้นซะหน่อย”
สายตาของลู่เซิ่นมองไปยังรอยแผลบนใบหน้าของฉินซี เขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ “สายแล้ว อาหารเย็นของตระกูลลู่เสิร์ฟเร็วมาก พวกเราต้องไปเดี๋ยวนี้”
ฉินซีไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงแค่ถอยออกมา “ฉันขอแค่เขียนคิ้วกับทาลิปสติกได้ไหม”
ลู่เซิ่นเหลือบมองไปยังใบหน้าของเธออีกครั้ง “ได้”
พอพูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องแต่งตัวไป
คนรับใช้พึมพำออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า “ตั้งแต่ที่กลับมาบ้านตระกูลลู่ ดิฉันไม่เคยเห็นคุณลู่รีบร้อนขนาดนี้มาก่อนเลยนะคะ…”
ฉินซียิ้มอย่างสบายใจ “ไม่เป็นไรหรอก ถึงจะแต่งหน้าไป แต่ถ้าออกมาไม่ดี มันก็ยังเห็นรอยแผลบนหน้าของฉันอยู่ดี แค่เขียนคิ้วกับทาลิปสติกก็พอแล้ว”
คนรับใช้พยักหน้า แล้วลงมือเขียนคิ้วตามที่เธอสั่ง
สี่โมงตรง ลู่เซิ่นและฉินซีขึ้นรถเดินทางจากรีสอร์ทชิงหยวน
ฉินซีสบโอกาสถามคำถามขึ้นมา
“ทำไม…จู่ๆต้องกลับไปที่บ้านตระกูลลู่ด้วยล่ะ”
ลู่เซิ่นมองเธอ “เธอคิดว่าคนในตระกูลลู่เป็นคนโง่อย่างนั้นเหรอ ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่าฉันแต่งงานแล้ว”
ฉินซียักไหล่ เธอคิดว่าตราบใดที่ยังไม่บอกชื่อลู่เซิ่น ก็จะไม่มีใครรู้ว่าลู่เซิ่นกับเธอแต่งงานกันแล้ว
“นายสามารถอธิบายให้พวกเขาฟังตรงๆได้นะ ว่าการแต่งงานของพวกเราเป็นแค่การแต่งงานตามข้อตกลงไม่เห็นจำเป็นต้องพาชั้นกลับไปเลย ” ฉินซีมองลู่เซิ่นด้วยอย่างสงสัย
ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าเขาไม่พอใจในคำพูดของเธอ
ลู่เซิ่นหันไปมองเธอ “เธออยากให้ฉันบอกแม่ฉันว่าเพราะฉินซีต้องการหุ้น ดังนั้นฉันจึงเต็มใจทำตามความต้องการของเธอและแต่งงานกับเธออย่างนั้นเหรอ”
“แล้ว…มันไม่ถูกตรงไหน” ฉินซีทำหน้าตานิ่งเฉย
ลู่เซิ่นดูเหมือนไม่อยากตอบโต้กับเธอ ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ตอบกลับ “แม้ว่าการแต่งงานของตระกูลลู่โดยส่วนใหญ่แล้วมักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหากำไร แต่ก็เห็นได้ชัดว่าฉันไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยจากข้อตกลงนี้ แล้วเธอคิดว่าแม่ของฉันจะเห็นด้วยกับฉันไหมล่ะ”
ฉินซีอึ้งแต่แล้วเธอก็ตอบกลับ“ถ้าเป็นอย่างนั้น…แล้วทำไมนายถึงยอมแต่งงานกับฉันล่ะ”
ลู่เซิ่นเคยถามคำถามนี้กับเธอและตอนนี้เป็นเธอเองที่ถามคำถามนี้กับเขา
แต่ลู่เซิ่นไม่ได้มีความรู้สึกผิดแบบเธอ เขามองไปที่ฉินซีด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย “ไม่ใช่เพราะเธออยากแต่งงานรึไง”
ฉินซีขมวดคิ้ว “เพราะฉันอยากแต่งงานเลยแต่งงั้นเหรอ”
ลู่เซิ่นยักไหล่ “เพราะเธออยากแต่งงานก็เลยแต่ง”
ฉินซีพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำตอบของเขา เธอนิ่งอยู่นานกว่าจะตอบกลับ “หมายความว่าถ้ามีคนขอนายแต่งงานก่อนหน้านั้น นายก็จะแต่งกับคนคนนั้นใช่ไหม”
ลู่เซิ่นยักคิ้ว “แต่ตอนนี้ฉันแต่งงานกับเธอแล้ว ฉันไม่สามารถตอบข้อสันนิษฐานนี้ได้”
เขาปัดการตอบคำถามออกไปอย่างง่ายดาย จะตอบหรือไม่ตอบก็มีค่าเท่ากัน
ฉินซีรู้ว่าตอนนี้เธอไม่สามารถได้ยินความจริงจากปากของเขาได้ จึงทำได้แค่ยอมแพ้และรออีกถามอีกครั้งเมื่อมีโอกาส
บ้านของตระกูลลู่อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทชิงหยวน หลังจากนั้นไม่นานเมื่อรถขับผ่านประตูทางเข้า ลู่เซิ่นก็พูดขึ้น“ฉินซี ถ้าเธอไม่อยากถูกแม่ของฉันไล่ออกจากบ้านต่อหน้าคนอื่นและบังคับให้เราหย่ากัน เธอรู้ไหมว่าต้องทำตัวยังไง”
ฉินซีคิด “นายอยากจะ… แกล้งทำเป็นว่าเรารักกันมากใช่ไหม”
ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าเขาไม่พอใจกับคำพูดคำไหนของเธอ คิ้วของเขาขมวดขึ้น แต่เขาก็พยักหน้าในที่สุด “ใช่ ทำเหมือนกับว่าเรามีความรู้สึกดีๆต่อกัน”
ฉินซีหัวเราะ “มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ”
ลู่เซิ่นมองเธอด้วยความสงสัย
เมื่อรถหยุด คนขับรถก็ลงมาเปิดประตู ฉินซีหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่สีหน้าเธอจะยิ้มออกมา
ลู่เซิ่นยืนรอเธออยู่ข้างประตู เธอจับมือของลู่เซิ่นพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพลางกระซิบว่า “คุณสามีคะ”
รอยยิ้มของเธอปรากฏขึ้นในดวงตาของลู่เซิ่น
……
คฤหาสน์ตระกูลฉิน
ฉินซึ่งเทียนและหลี่เหวยเดินออกมา เพราะเสียงที่ดังมากของฉินหว่าน
หลังจากที่หซู่หนานเดินจากไป ฉินหว่านหยุดร้องไห้ เธอค่อยๆลุกขึ้นจากพื้นและเดินไปที่สวนหลังบ้านด้วยความสิ้นหวัง
ฉินซึ่งเทียน เดินไปข้างหน้าพลางหันมาถาม หลี่เหวย “เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ ตอนกินข้าวเมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”
ฉินซึ่งเทียนไม่พอใจกับอารมณ์แปรปรวนของฉินหว่านที่เป็นอยู่ตอนนี้ แน่นอนว่าหลี่เหวยไม่อยากให้ฉินซึ่งเทียนตามไปด้วยจึงรีบคว้าตัวเขาไว้ “บางทีอาจจะทะเลาะกันตามประสาหนุ่มสาววัยรุ่น ก็เลยดูจะเสียงดังไปหน่อย”
ฉินซึ่งเทียนขมวดคิ้ว “หว่านหว่านเองก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ เจ้าหซู่หนานเองก็ด้วย…ไม่รู้จักวิธีรับมือหว่านหว่านรึไงกัน วันๆเอาแต่ทะเลาะกันเสียงดังอยู่ได้!”
หลี่เหวยยิ้มและปลอบใจเขา “ฉันจะเข้าไปดูเองค่ะ คุณไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ คุณมีเรื่องให้คิดมามากพอแล้ว พวกเขาแค่ทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง ”
ฉินซึ่งเทียนหันหลังแล้วเดินกลับไป
รอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของหลี่เหวยหายไปทันที เธอเดินตรงไปหา ฉินหว่าน
บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำให้ ฉินซึ่งเทียนอารมณ์ไม่ดี ฉินหว่านเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก!
ในใจหลี่เหวยนึกถึงหุ้นที่ฉินซีได้ไป เธอไม่สบอารมณ์และหงุดหงิดกับการร้องไห้เสียงดังของฉินหว่าน เมื่อไม่มีใครอยู่แล้ว หลี่เหวยก็ไม่แสแสร้งแกล้งทำเป็นอ่อนโยนอีกต่อไป เธอเดินมาตรงหน้าแล้วดุฉินหว่าน “ฉินหว่าน!แกลืมทุกอย่างที่ฉันบอกไปแล้วเหรอ แกทำแบบนี้อยากให้ฉันโกรธนักใช่ไหม”
ตามปกติแล้วเมื่อถูกหลี่เหวยดุเช่นนี้ ฉินหว่านจะทนไม่ไหวและโต้ตอบกลับทันที
แต่ในตอนนี้ เธอกลับยังคงก้มหน้าและไม่พูดอะไร
ในที่สุด หลี่เหวยก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เธอย่อตัวลง พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลง “หว่านหว่าน บอกมาซิ เมื่อกี๊เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ดวงตาของฉินหว่านว่างเปล่า เธอมองตรงไปข้างหน้าและไม่พูดอะไร