Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 918
บทที่ 918 ภาพลวงตา
ฉินซียิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันแล้วเดินไปที่รถ
แต่เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างรถเธอก็หยุดฝีเท้า
“ฉินซี”
ฉินซีมองไปที่หซู่หนาน อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
หซู่หนานยิ้มกว้าง “ผมไม่ได้เจอคุณมานานแล้ว…”
“รบกวนขอทางด้วยค่ะ” ฉินซีเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นก็พูดอย่างใจเย็นและสุภาพ
“ฉินซี เธอช่วยฟังที่ฉันจะพูด…”
หซู่หนานคิดจะดึงรั้งเธอเอาไว้ตามจิตใต้สำนึก ทว่ากลับถูกฉินซีเบี่ยงตัวหลบในทันที
เธอไม่แม้แต่จะมองหซู่หนาน รีบเปิดประตูแล้วขึ้นไปบนรถอย่างรวดเร็ว
หซู่หนานขวางประตูที่กำลังจะปิดเอาไว้ “ฉินซี! ฉันอยู่ในตำแหน่งคณะกรรมการ…”
“ประธานหซู่ ในฐานะที่คุณเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท คุณก็ควรทำเรื่องที่เป็นประโยชน์กับบริษัท อย่าได้เอาเหตุผลอื่นมาพูดไปหน่อยเลย”
คล้ายฉินซีจะมองทะลุถึงสิ่งที่หซู่หนานต้องการจะพูด เธอจึงพูดตัดบทเขาอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
หซู่หนานตะลึง มือที่ใช้จับประตูอยู่คลายออกเล็กน้อย ฉินซีจึงใช้โอกาสนี้ปิดประตูแล้วสตาร์ทรถ
“ฉินซี!” ราวกับไม่กล้าที่จะเชื่อว่าฉินซีจะไร้หัวใจได้ขนาดนี้ หซู่หนานอดไม่ได้ที่จะทุบลงไปบนประตูรถ
ทว่าฉินซีไม่ได้สนใจเขาอีก เธอเหยียบคันเร่งแล้วขับรถออกไป
หซู่หนานไล่ตามไปสองสามก้าวอย่างตื่นตะลึง
นี่เป็นภาพลวงตาใช่ไหม
ดูเหมือนว่าเกราะป้องกันบนตัวของฉินซีจะหนาขึ้นอีกนิดแล้ว
เธอดูเข้มแข็งกว่าเมื่อก่อน ทั้งดูเข้าหายากกว่าเดิมเสียอีก
ฉินซีเพิ่งขับรถออกจากลานจอดรถ อานหยันก็โทรศัพท์มา
“ฉินซี มาบ้านฉันเร็ว”
น้ำเสียงของอานหยันฟังดูจริงจังกันอย่างมาก ฉินซีขมวดคิ้วน้อย ๆ “ใช่ ‘ภารกิจ’ หรือเปล่า”
“อื้อ” อานหยันไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่กำชับให้รีบมาเร็ว ๆ จากนั้นก็วางสายไป
ฉินซีเหยียบคันเร่ง รถที่มีสมรรถนะดีเยี่ยมทะยานตัวออกไปจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอย่างรวดเร็ว
…
ณ บริษัทลู่ซื่อ
“ประธานลู่ครับ” หลินหยังเคาะประตูแล้วพูดเสียงต่ำ “คุณนายออกมาจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้วครับ”
“เธอกลับแล้วอย่างนั้นเหรอ” ลู่เซิ่นยังคงก้มหน้ามองเอกสาร
“ยังไม่ได้กลับครับ” หลินหยังเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง “แต่น่าจะไปหาคุณอานหยัน”
ลู่เซิ่นพลิกเปิดเอกสารในมือ “ตามต่อไป”
ในเมื่อตระกูลฉินกล้าลงมืออย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่วางใจปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนคนเดียว จึงแอบจัดวางบอดี้การ์ดให้คอยติดตามเธอตลอดเวลา
หลินหยังรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “ทางฝั่งคุณอานหยัน ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสะดวก…”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่ลู่เซิ่นก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
เป็นธรรมดาที่ลู่เซิ่นจะเคยตรวจสอบคนรอบตัวของฉินซีทุกคนแล้ว แน่นอนว่าคนที่ใกล้ชิดกับฉินซีมากที่สุดอย่างอานหยันก็ตรวจสอบไว้ไม่น้อย
เบื้องหน้าอานหยันเป็นเพียงหัวหน้าบรรณาธิการของนิตยสารบันเทิงแห่งหนึ่ง ทว่าดูเหมือนเบื้องหลังของเธอจะมีความเชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองอย่างแยกไม่ออก
ลู่เซิ่นเงยหน้ามองหลินหยัง จากนั้นก็ก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
หลินหยังเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อถึง จึงเดินออกมาจากห้อง แล้วโทรศัพท์กำชับบอดี้การ์ดว่า “อยู่ห่างจากบ้านของอานหยันให้ไกลสักหน่อย”
…
บอดี้การ์ดที่ลู่เซิ่นจัดหามานั้นมีฝีมือในด้านการสะกดรอยตาม ถึงแม้ว่าจะมีทักษะการติดตามที่ดีกว่าสองกลุ่มก่อนหน้านี้มาก ทว่าฉินซีที่เคยถูกสะกดรอยตามครั้งแล้วครั้งเล่ามีประสาทสัมผัสไวกับเรื่องนี้เอามาก ๆ เหมือนแทบจะรู้ทันทีว่ามีคนไล่ตามอยู่ข้างหลัง
เธอไม่รู้ถึงเจตนาของอีกฝ่าย ทว่าตอนนี้เธออยู่ตัวคนเดียว จึงคอยสำรวจคนพวกนั้นอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะถูกพวกเขาตรวจพบ
แต่หลังจากที่ตั้งใจมองอยู่นาน ฉินซีก็โล่งใจอย่างอธิบายไม่ถูก
รถที่คนพวกนั้นขับเป็นรถของตระกูลลู่ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคนที่ลู่เซิ่นจัดหามาให้เธอ
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบใจในการกระทำนี้ของลู่เซิ่นเอามาก ๆ แต่ตอนนี้ฉินซีก็ไม่ได้มีเวลาที่จะไปถามลู่เซิ่นให้ชัดเจน ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นว่าคนที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังไม่มีตัวตน แล้วขับรถต่อไป
ฉินซีแค่นหัวเราะเสียงเย็น จากนั้นก็ขับรถเข้าไปในบ้านของอานหยัน
อานหยันมารออยู่ที่ประตูแล้ว เจ้าหล่อนกล่าวทักทายทันทีที่เห็นเธอ “ฉันเห็นจากกล้องวงจรปิดว่ามีคนไล่ตามเธอมา”
ฉินซีรู้ได้ทันทีว่า ‘กล้องวงจรปิด’ ที่อานหยันพูดถึงได้ครอบคลุมแค่ในพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ ดังนั้นเธอจึงสามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง
แต่เธอเพียงหัวเราะเบา ๆ แล้วส่ายหน้า “เป็นคนของตระกูลลู่น่ะ ไม่เป็นไร”
อานหยันกวาดตามองเธอ พอเห็นว่าเธอไม่ได้ใส่ใจจริง ๆ ก็ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระพูดอะไรต่อ จากนั้นก็ดึงเธอเข้าไปข้างใน
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่ติดตั้งกำแพงเก็บเสียงที่ดีที่สุดไว้ จากนั้นอานหยันก็เปิดคอมพิวเตอร์ที่วางข้างหน้า
บนหน้าจอปรากฏภาพอีเมลที่ได้รับการเข้ารหัสเอาไว้แล้ว
“เป้าหมายในครั้งนี้เป็นประธานของบริษัทผลิตยาแห่งนี้” อานหยันชี้ไปที่ภาพภาพหนึ่งในอีเมล “ ตามที่สายรายงาน พบว่าเขาอาจจะกำลังผลิตยาผิดกฎหมาย”
สีหน้าของฉินซีเริ่มจริงจังขึ้นมาหลายส่วน
ยาผิดกฎหมาย…
อานหยันตบลงไปเบา ๆ บนไหล่ของเธอ “พูดได้ว่าภารกิจนี้ค่อนข้างที่จะอันตรายนิดหน่อย”
ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ไหนแต่ไรมาอานหยันไม่เคยมอบหมายภารกิจที่มีความเสี่ยงชัดเจนแบบนี้ให้เธอมาก่อน
“สาเหตุที่มอบหมายงานนี้ให้เธอทำก็เพราะว่าเหตุผลนี้” อานหยันลดเสียงลงแล้วชี้ไปที่ตำแหน่งตรงมุมจอ
ฉินซีเพียงกวาดตามองก็ชะงักไปในทันที
เธอไม่มีวันที่จะลืมสถานที่แห่งนี้ได้
แต่นี่ไม่ใช่ที่ที่ปีนั้นฉินซึ่งเทียนเรียกว่าสถานที่ ‘จับชู้’ ของเหยาหมิ่นอย่างนั้นเหรอ!
อานหยันเห็นว่าสีหน้าของเธอเปลี่ยนไป ก็รู้ได้ทันทีว่าฉินซีเข้าใจเจตนาของตนเองแล้ว จึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “จากการตรวจสอบของพวกเราก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าโรงแรมนี้จะเป็นสถานที่ที่พวกเขาใช้ในการดำเนินธุรกิจส่วนหนึ่ง หน้าที่ของเธอก็คือการที่ต้องถ่ายภาพการทำธุรกิจของพวกเขาให้ทันเวลา เธอทำได้ไหม”
ทั้งสองมองหน้ากัน ฉินซีพยักหน้าอย่างแรง
เธอจะไม่เข้าใจเจตนาของอานหยันได้อย่างไร
ในเมื่อเธอมีโอกาสได้เข้าไปตรวจสอบในโรงแรมนี้ เช่นนั้นแล้วก็ต้องมีโอกาสที่จะสามารถตรวจสอบโรงแรมนี้อย่างละเอียด
“ขอบคุณนะ” ฉินซีก้มหน้าแล้วพูดออกมาจากใจจริง
อานหยันเพียงยิ้ม “อย่ามาพูดอะไรแบบนี้กับฉัน”
ฉินซีบันทึกข้อมูลในอีเมลอย่างละเอียด จากนั้นอานหยันก็ลบอีเมลฉบับนี้ทิ้งไป
เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากห้องเล็ก อานหยันก็โยนแววตาที่จริงจังทิ้งแล้วยืดมือบิดขี้เกียจ “หิวไหม กินอะไรกันดี”
ฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าวราดแกงไหม”
อานหยันยิ้ม จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสั่งเดลิเวอรี่
ฉินซีส่ายหัวอย่างหมดคำพูด “เธอถามคำถามแบบนี้กับฉันทีไรก็เพราะอยากจะทำอาหารให้ฉันกินใช่ไหม”
อานหยันโต้กลับ “แล้วเธอทำได้ไหมล่ะ”
ฉินซีชะงัก
ตั้งแต่เด็กจนโตเธอเคยเข้าครัวเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง นั่นเป็นเพราะฝีมือการทำอาหารของเธอแย่มาก…
อานหยันแบมือ “ ดูสิ! ฉันว่าตอนนี้เธอถูกลู่เซิ่นทะนุถนอมจนเสียคนแล้ว!”
ฉินซีโต้กลับไปทันที “ที่ไหนกันยะ!”
อานหยันไม่พูดต่อ เพียงใช้ริมฝีปากชี้ไปที่ประตู
ทิศทางที่ริมฝีปากของเธอชี้ไปเป็นสถานที่ที่มีรถของตระกูลลู่จอดอยู่
ฉินซีพูดไม่ออกไปชั่วขณะ