Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่ 31 ‘โรคที่ไม่มีทางรักษา’ ของเธอ มีเพียงคุณหมอจิ๋นเท่านั้นที่สามารถรักษาได้
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- ตอนที่ 31 ‘โรคที่ไม่มีทางรักษา’ ของเธอ มีเพียงคุณหมอจิ๋นเท่านั้นที่สามารถรักษาได้
ตอนที่ 31 ‘โรคที่ไม่มีทางรักษา’ ของเธอ มีเพียงคุณหมอจิ๋นเท่านั้น ที่สามารถรักษาได้
เธอไม่ได้เป็นผู้วิเศษ เธอยังเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆที่เพิ่งออกมาจากหอคอยงาช้างด้วยซ้ำ และเธอเพิ่งได้รับความเจ็บปวดเสียใจจากความสัมพันธ์ จะบอกว่าเธอเปลี่ยนใจเร็วเกินไปก็ได้ หรือจะว่าเธอความรู้สึกเย็นชาก็ได้……
ยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงเชื่อเสมอว่า ถ้าหากมีผู้หญิงดั่งเช่นเธอ ได้พบกับผู้ชายอย่างจิ๋นลี่ยวน ก็เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมหัวใจตัวเองไม่ให้หวั่นไหวได้……
และตอนนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ใกล้ขีดหวั่นไหว แต่เธอจะไม่บอกจิ๋นลี่ยวน เด็ดขาด!
เธอจะรักษาหัวใจของเธอเอาไว้ ไม่ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องหลอกลวง ยังไงเธอจะต้องเป็นคนที่เหนือกว่าในความรักครั้งนี้ ครั้งนี้จะพยายามไม่ให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ!
จิ๋นลี่ยวนเงยหน้าขึ้นมอง ยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ตรงข้าม ในสายตามีความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
เขาไม่ได้คิดหลงตัวเอง ว่าเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่วัน จะทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวตกหลุมรักตัวเองได้แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ก็คือยินเสี้ยวเสี้ยวเริ่มพึ่งพาเขาแล้ว และถ้าสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ยินเสี้ยวเสี้ยว ตกหลุมรักเขา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น สำหรับเขาแล้ว เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดามาก
วางช้อนส้อมในมือลง จิ๋นลี่ยวนมองสาวน้อยตรงข้ามอย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรเนิ่นนาน
บรรยากาศแห่งความเงียบทำให้ ยินเสี้ยวเสี้ยวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่านิดหน่อย ไม่ว่าจะจบลงแบบไหน เธอก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่ไม่ได้คิดถึงความเงียบที่ไร้ขอบเขต ก่อนที่จะได้รับคำตอบแบบนี้
สายตาคู่คมมองตรงไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยว ดวงตาสีดำคมชัด ระบายรอยยิ้มออกมาในทันใด ก็ตามด้วย ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินจิ๋นลี่ยวนพูดว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยวเราได้อยู่บนเรือลำเดียวกัน บนเรือมีเพียงเราชายหนึ่งหญิงหนึ่งเท่านั้น เธอคิดว่าอย่างไร?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวตกตะลึงครู่หนึ่ง แต่ก็ได้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อย ยังไม่ทันที่จะได้ตอบกลับ ชายภหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หยิบมีดและส้อมหั่นสเต็กอย่างสง่างาม แล้วพูดต่อ “ในบ้านจิ๋น ไม่มีคำว่า ‘หย่าร้าง’ สองคำนี้ ก่อนหน้านี้ที่ฉันได้ให้โอกาสเธอในการกลับใจ ถือเป็นความ ‘เมตตา’ อย่างยิ่งแล้ว เริ่มตั้งแต่ตอนที่เธอปฏิเสธ……”
ระหว่างพูด จิ๋นลี่ยวนเงยหน้าขึ้นมองยินเสี้ยวเสี้ยว มุมปากเผยรอยยิ้มที่นุ่มนวล แต่กลับไม่มีความอบอุ่นมากเท่าไหร่นัก แต่เธอแค่ได้เห็นเพียงว่า ในส้อมของเขามีสเต็กสดๆชิ้นหนึ่ง และกำลังยื่นมันใกล้ปากเธออย่างสนิทสนม ขณะที่อ้าปากรับสเต็ก ข้างหูเป็นเสียงที่ไพเราะแต่แน่วแน่ของเขา “ชาตินี้เราก็จะไม่มีวันที่จะได้หย่ากัน เว้นแต่เธอและฉันตาย หรือกระทำความผิดของบ้านจิ๋น ร้ายแรง”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมอง จิ๋นลี่ยวน อย่างนิ่งอึ้ง รู้สึกหายใจไม่สะดวก ชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จะป้อนอาหารเธอทุกครั้งที่เขาพูดแต่ละประโยค บางครั้งคือสเต็ก บางครั้งคือสลัด ยื่นมือตรงส่งถึงปากของเธอ
“ยินเสี้ยวเสี้ยวจำฐานะของเธอเอาไว้ เธอคือผู้หญิงของฉัน จิ๋นลี่ยวน เป็นภรรยาของ บ้านจิ๋น”
……
ตลอดทั้งคืน ยินเสี้ยวเสี้ยว อยู่ในสภาพที่แข็งทื่อ จิ๋นลี่ยวน ได้พูดไว้มาก แต่เธอจำได้แค่สองประโยคหนึ่งคือตลอดชีวิตนี้ พวกเขาจะไม่สามารถหย่าร้างกันได้ และอีกประโยคคือ เธอเป็นผู้หญิงของเขา……
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว ยินเสี้ยวเสี้ยว เสมือนได้กลายเป็นหุ่นยนต์ โลกทั้งใบเหลือแค่เสียงของ จิ๋นลี่ยวน การเคลื่อนไหวของ จิ๋นลี่ยวน รอยยิ้มที่มุมปากของ จิ๋นลี่ยวน……
เธอคิดว่า เธออาจจะป่วยแล้ว และยังเป็น “โรคที่ไม่มีทางรักษา’ มีเพียงคุณหมอจิ๋นเท่านั้น ที่สามารถรักษาได้……
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก วันหยุดสุดสัปดาห์ ในดาดฟ้าของ ‘ โรงแรมหซือซัน’ กุหลาบสีแชมเปญ ทุกจัดไว้ในทุกซอกทุกมุม นี่คือพิธีงานหมั้น คืองานหมั้นระหว่างคุณหนูสองยินกับคุณชายเซี่ยง
สุดท้ายแล้ว บ้านยิน ก็ยังไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความรู้สึกของยินเสี้ยวเสี้ยว จัดงานหมั้นให้กับ ยินรั่วอวิ๋น อลังการครึกโครมแบบนี้ ควบคุมทุกเส้นสายทุกความสัมพันธ์ของ บ้านยินใน เมืองT เพียงเพื่อจะมีเจตนาสามารถโฆษณาประกาศความร่วมมือกันระหว่าง บ้านยินกับบ้านเซี่ยง!
ยินรั่วอวิ๋น ได้สวมชุดสีชมพูอ่อนตามอยู่ข้างตัว เซี่ยงเฉิง ยืนที่หน้าประตูของ ‘โรงแรมหซือซัน’ ต้อนรับแขก ตั้งแต่เช้า รอยยิ้มระหว่างคิ้วและที่มุมปาก เผยให้เห็นถึงความสุขทั้งหมด
ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยว ควงแขนจิ๋นลี่ยวน ปรากฏตัว นัยน์ตาของยินรั่วอวิ๋นเต็มไปด้วยความได้ใจ แต่กลับแสร้งพูดออกมาด้วยความน้อยใจ “คุณพี่ ฉันคิดว่าคุณพี่ยังถือโทษโกรธฉันอยู่? ได้เห็นพี่มาพร้อมกันกับพี่เขย ดีจังเลย”
จิ๋นลี่ยวนมอบยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไร้ร่องรอย แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับไม่สนใจอะไร แต่สิ่งนี้กลับถูก ยินรั่วอวิ๋นมองอยู่ในสายตาทั้งหมด ภายในใจยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ พูดต่ออีกว่า “พี่เขย แขกที่มาในวันนี้ เป็นคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวเราทั้งหมด ถ้าหากเดี๋ยวสักครู่พวกเขามีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คุณขุ่นเคืองใจ คุณอย่าไปใส่ใจนะ……”
ยินรั่วอวิ๋นทำท่าทางเหมือนคำนึงถึงจิ๋นลี่ยวน สายตาแอบมองไปทางยินเสี้ยวเสี้ยวดูเหมือนว่าจะมีความลำบากใจเล็กน้อย และคำพูดของยินรั่วอวิ๋นก็ช่วยเตือนยินเสี้ยวเสี้ยว
ตระกูลใหญ่อย่างเช่นบ้านจิ๋น น้อยคนนักที่จะเคยได้พบเจอ แต่เนื่องจากข่าวที่ว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังจะแต่งงาน เป็นข่าวถึงหนังสือพิมพ์ของ เมืองT ดังนั้นพวกคนที่ไม่รู้จัก จิ๋นลี่ยวนวันนี้จะมาหาเรื่องเขา ก็เลยเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว!
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขึ้นมองจิ๋นลี่ยวนอย่างประหม่าโดยไม่รู้ตัว แต่ชายคนนี้ไม่รู้ว่าเขาไม่ได้คำนึงถึง หรือไม่คิดที่จะสนใจเลย ยังคงเป็นท่าทางที่สบายอารมณ์ไม่สนใจไยดีใดๆ
ยินรั่วอวิ๋น ไม่คิดที่จะให้โอกาส ยินเสี้ยวเสี้ยวได้พูด ก้าวเข้าไปข้างหน้าเล็กน้อย ยื่นมือดึงแขนเสื้อของจิ๋นลี่ยวนไว้ มีความกังวลเล็กน้อย แต่กลับพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “พี่สาว พี่เขย วันนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจหลุดพูดไปแล้ว ว่าพวกคุณจะแต่งงานกันโดยตรง พวกคุณอยากโกรธเลยนะ! แต่ว่า พี่เขยพี่สาวฉันเป็นผู้หญิงที่ดีจริงนะ คุณอย่าไปฟังคนพวกนั้นที่พูดเรื่องไร้สาระ ถ้าหากว่าเดี๋ยวสักครู่คนพวกนั้นหาเรื่องคูณเพราะพี่สาว คุณสามารถเห็นแก่หน้าฉัน อภัยให้พี่สาวสักครั้งหนึ่งได้ไหม?”
สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยว บึ้งตึงขึ้นมาในทันที! เพียงประโยคหนึ่งว่า ‘ไม่ได้ตั้งใจหลุดพูดไป’ เธอก็ได้ผลักความรับผิดชอบออกไปโดยสิ้นเชิง! ยินรั่วอวิ๋นตั้งใจที่จะแกล้งเธอให้ตายจริงๆ! หากข่าวการแต่งงานของเธอยังไม่ได้แพร่กระจายออกไป แม้ว่าจะมีการรายงานจากสื่อ เธอก็สามารถโต้แย้งได้บ้าง สื่อรายงานเขาปลอมสร้างกระแสก็ใช่ว่าจะไม่มี ต่อให้ได้แต่งงานกันในภายหลัง ก็สามารถพูดได้ว่าเป็นการตัดสินใจกะทันหัน ดังนั้นเรื่องมีหรือไม่มีพิธีงานหมั้น ก็จะเจือจางลงด้วยข่าวการแต่งงาน แต่เป็นเพราะ ‘ไม่ตั้งใจ’ ของ ยินรั่วอวิ๋น วันนี้เธอกับจิ๋นลี่ยวน ต้องกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกจับตามองในงานเลี้ยงอย่างแน่นอน!
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามอย่างหนักเพื่อระงับความโกรธในใจของตัวเอง เธอไม่อยากแม้แต่จะพูดอะไรสักคำ! แต่ในความเป็นจริงเธอรู้ชัดเจนมาก คือเธอไม่กล้า! ยินรั่วอวิ๋นทำตัวดูน่าสงสารแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ในเวลาที่เธอไม่แน่ใจว่า จิ๋นลี่ยวนจะเชื่อในตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข! ก็จะไม่เกิดการปะทะกันด้วยตรงกับยินรั่วอวิ๋นแน่นอน! ในกิริยาท่าทางเช่นนี้ของ ยินรั่วอวิ๋น ตั้งแต่ล็กจนโต เธอได้เสียเปรียบมาเยอะมากแล้ว……
หันกลับไป ยินเสี้ยวเสี้ยวเอื้อมมือไปปัดฝุ่นตรงหน้าอกของจิ๋นลี่ยวนที่ไม่เคยมีอยู่เลยด้วยซ้ำ อย่างเป็นธรรมชาติ ดึงแขนเสื้อของจิ๋นลี่ยวนออกจากมือของ ยินรั่วอวิ๋น โดยไม่ทิ้งร่องรอย และหันสายตาไปมอง ยินรั่วอวิ๋น ถามประโยคหนึ่งขึ้นอย่างเหน็บแนม “รั่วอวิ๋น เป็นไงแล้วลี่ยวนก็เป็นพี่เขยของเธอ คู่หมั้นของเธอยังยืนเคียงข้างเธออยู่เลยนะ เธอใกล้ชิดอย่างไม่สนใจไยดีแบบนี้ ถ้าหากถูกคนอื่นมองเห็นเข้า ก็จะถูกโดนกล่าวหาว่าบ้านยินของเราไม่สอนมารยาทใช่ไหม? แต่ว่า เท่าที่เธอ ‘ไม่ได้ตั้งใจหลุดพูดไป’ ก็เพียงพอที่จะเหยียบย่ำหน้าตาศักดิ์ศรีของ บ้านยินอยู่ใต้พื้นแล้ว!”
ประโยคเดียว สีหน้าที่ได้ใจหรือน้อยใจทั้งหมดของ ยินรั่วอวิ๋น ก็ได้แข็งทื่อไว้แบบนั้น! สายตามองไปรอบๆ และมีคนมองมาที่พวกเขาจริงๆ ดึงมือของตัวเองกลับทันที และได้ยืนอยู่ข้างเซี่ยงเฉิงไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางขมวดคิ้วของเซี่ยงเฉิง แม้แต่น้อย
ในความเป็นจริง ‘ไม่ตั้งใจ’ ของยินรั่วอวิ๋นก็ได้ทำให้บ้านยิน ขายหน้าเสียหายไปด้วย! หลังจากที่กลับไป ยินไป่ฝัน ก็จะไม่ยอมให้เรื่องจบลงโดยง่ายดาย อย่างน้อยก็ต้องโดยดุด่าแน่นอน
“ขอโทษ” กล่าวขอโทษอย่างแผ่วเบา สีหน้าของยินรั่วอวิ๋นไม่ดีนัก มองจิ๋นลี่ยวนและพูดว่า “พี่สาวพี่เขย คือ รั่วอวิ๋น เองที่ไม่ทันระวัง ขอโทษจริงๆ”
จิ๋นลี่ยวน พยักหน้าเบาๆ พา ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงด้วยรอยยิ้มที่สบายอารมณ์
ตามที่คาดหมายของ ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอและจิ๋นลี่ยวนเพิ่งก้าวเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่เกรงใจเหล่านั้นแล้ว ยืนอยู่กับที่ด้วยสีน่าอึดอัดใจ ไม่รู้จะสู้หน้าจิ๋นลี่ยวนอย่างไร
——โถๆ คุณหนูใหญ่ของ บ้านยินถูกบ้านยินทอดทิ้งแล้วจริงๆใช่ไหม ฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังจะแต่งงานแล้ว แต่ไม่มีงานหมั้น?
——น่าสงสารจริงๆ ทั้งๆที่จะแต่งงานเหมือนกับน้องสาว แต่เธอกลับไม่มีงานหมั้น ก็ไม่รู้ว่าแต่งออกไปแล้ว ฝ่ายชายนั้นจะมองเธอยังไง ฉันยังสงสัยเลยว่า ในเวลาไม่ถึงเดือนเธอก็ต้องหย่าร้างหรือเปล่า
——ใครจะไปรู้ล่ะ แต่ฉันได้ยินมาว่า อีกฝ่ายเป็นหมอในโรงพยาบาลหนันหยูเลยนะ…….
—— โรงพยาบาลหนันหยูหรือ? ถ้าหากเป็นครอบครัวที่ธรรมดาทั่วไป ก็ถือว่าเกินเอื้อมแล้ว แต่ บ้านยินไม่ถือว่าเป็นครอบครัวธรรมดาสินะ
——เท่าที่ฉันดูนะ หมอคนนั้นอาจถูกบ้านยินผลักออกมา เพื่อปิดกั้นชื่อเสียงเสียหายของยินเสี้ยวเสี้ยว พวกเธอก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ว่าชื่อเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวเสียหายเพียงใด! ตระกูลปกติ ใครจะกล้าเอาด้วย
……
บทสนทนาดังกล่าว ทั้งๆที่คนพวกนั้นเห็นเธอกับ จิ๋นลี่ยวนเดินเข้ามา ก็ไม่มีทีท่าที่จะหยุดพูด และยังมองพิจารณาจิ๋นลี่ยวนอย่างโจ่งแจ้งน่าเกลียด แล้วตามด้วยถามยินเสี้ยวเสี้ยว ว่า “เสี้ยวเสี้ยว นี่ก็คือคู่หมั้นของเธอหรือ? หน้าตาดูดีทีเดียว”
มือของยินเสี้ยวเสี้ยวที่ควงแขนจิ๋นลี่ยวนไว้ เพิ่มแรง แต่จิ๋นลี่ยวนได้ยื่นมือออกมาจับมือเล็กๆ ของเธอที่ควงแขนตัวเองไว้ โดยไม่ทิ้งร่องรอย ตบเบาๆเพื่อปลอบโยน ไม่ใส่ใจคำพูดเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
ผู้ชายคนหนึ่ง ถูกผู้อื่นชมว่าหน้าตาดูดี อย่างอื่นไม่มีอะไรเลย ซึ่งก็หมายความว่าเป็นการดูถูกนั่นเอง! ยินเสี้ยวเสี้ยว และ จิ๋นลี่ยวน เข้าใจดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ฉันได้ยินมาว่า คุณคือหมอในโรงพยาบาลหนันหยู อยู่แผนกไหนหรือ?” ระหว่างพูด แววตาของคนคนนั้นมีความหมายที่ลึกซึ้งแฝงอยู่ มองไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วถามขึ้นเบาๆ “คงไม่ใช่เป็น แผนกสูตินรีเวชนะ?”
ประโยคเดียว ผู้คนรอบข้างต่างอดไม่ได้ที่จะก้มหัวแอบหัวเราะเบาๆ ท่าทางดูเหมือนว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวน่าสมเพชมากเพียงใด และ จิ๋นลี่ยวนไร้ความสามารถมากขนาดไหน ทำได้เพียงดูยินเสี้ยวเสี้ยวไปที่แผนกสูตินรีเวช ทำแท้งเพื่อผู้ชายคนอื่นครั้งแล้วครั้งเล่า……
ในที่สุดแล้ว ชื่อเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวก็เป็นแบบนี้ การคาดเดาเหล่านั้น ไม่ได้พูดอย่างนั้นเพียงแค่เดียวหรือสองคน เมื่อมีการพูดมากมาย ทุกคนก็จะคิดเช่นนั้น โดยไม่คิดที่จะไปยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่แม้แต่น้อย
คำพูดเช่นนี้ แม้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะได้ยินมามากมายก็จะทำอะไรได้? มีจิ๋นลี่ยวนอยู่ข้างกาย มันเป็นครั้งแรกที่คนอื่นดูถูกเธอทำให้อับอายเสื่อมเสียชื่อเสียงแบบนี้ และเธอก็เข้าใจดี พวกเขาไม่เพียง แค่ดูถูกเธอ แต่ยังรวมถึง จิ๋นลี่ยวนด้วย
ยินเสี้ยวเสี้ยวใบหน้าขาวซีด ในใจขมขื่นจนเสมือนความขมขื่นกระจายไปหมด แต่ก็ยังเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างแน่วแน่ หรี่ตาลงเล็กน้อย เธอควรใช้โอกาสนี้ เพื่อโจมตียินรั่วอวิ๋น กลับไปหรือไม่?