Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่ 46 เรื่องนี้ พี่ชายรู้หรือไม่
ตอนที่ 46 เรื่องนี้ พี่ชายรู้หรือไม่
ได้ยินยินไป่ฝันถามขึ้น จิ๋นลี่ยวนจึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เลยแค่กระตุกมุมปากแล้วยิ้มขึ้น จากนั้นก็เหลือบตามองยินไป่ฝันแล้วค่อยๆเอ่ยพูดขึ้น “ผมเป็นศัลยแพทย์ในแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลหนันหยู จิ๋นลี่ยวน”
ได้เห็นอย่างชัดเจนว่ายินไป่ฝันไม่ได้พอใจกับคำตอบนี้ จึงได้ขมวดคิ้วขึ้น แล้วยังอยากถามตั้งแต่เมื่อไหร่ และขณะที่ยินรั่วอวิ๋นกลับเอ่ยปากแล้วพูดขึ้นด้วยเสียง “พ่อ วันนี้พี่ชายไปไหนแล้ว?”
ดูๆแล้วคำพูดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย กลับทำให้ยินไป่ฝันเริ่มได้สติกลับมาอย่างเห็นได้ชัด
ใช่ ระหว่างยินจื่อเจิ้นและจิ๋นลี่ยวนเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ถ้าจิ๋นลี่ยวนเป็นคนของตระกูลจิ๋นจริงๆ นั่นก็ยังไม่มีเหตุผลที่จะไม่รู้จักยินจื่อเจิ้น แม้กระทั่งไม่บอกพวกเขา วันนี้ยินจื่อเจิ้นไม่ได้ปรากฏตัวก็เพราะว่าคุณชายใหญ่ของตระกูลจิ๋นได้พึ่งกลับจากสกอตแลนด์ ตามข่าวลือลือกันว่าเขาไปครั้งนี้เพื่องานแต่งของคุณชายสามตระกูลจิ๋น ตอนนี้ทั้งสองคงจะกลมกลืนและเข้ากันได้แล้ว
พอนึกถึงแบบนี้ ความคิดที่รู้สึกสงสัยในหัวสมองตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนไปแล้วทันที ยินไป่ฝันมองจิ๋นลี่ยวนและยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงไม่ได้ทำสีหน้าที่ดีอะไรนัก จึงได้ทำเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา ยินไป่ฝันจึงได้เดินไปนั่งลงตรงโซฟาโดยเร็ว หลี่หมึ้งก็ได้เดินตามไปด้วย
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขึ้นแล้วมองจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างๆ จิ๋นลี่ยวนใช้สายตาที่อ่อนโยนมองเธอแล้วไม่ได้พูดอะไร
รอจนกว่าพวกเขานั่งกันทุกคน จิ๋นลี่ยวนก็ได้เอ่ยพูดขึ้น “คุณยิน ขอหน่อยหน่อยครับว่าวันพรุ่งนี้คุณพอมีเวลาว่างไหม? พ่อแม่ผมอยากจะทานข้าวกับคุณ”
พอคำๆนี้พูดออกมา หลี่หมึ้งที่อยู่ข้างก็หลุดหัวเราะออกมาก่อนเป็นคนแรก น้ำเสียงเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามที่ทำให้ได้ยินอย่างชัดเจน แล้วพูดขึ้น “จิ๋นลี่ยวน คุณให้ความสำคัญกับตัวเองเกินไปหรือเปล่า? นึกว่าคุณเข้ามาเพื่อหิ้วของอะไรมาหน่อยๆก็น่าภูมิใจมากๆแล้วใช่ไหม? ครอบครัวของพวกคุณมีฐานะยังไง ตระกูลยินของพวกเรามีฐานะทางครอบครัวยังไง แล้วจะให้พวกเราไปทานข้าวกับพ่อแม่คุณอย่างเปล่าประโยชน์ ก็ไม่ได้มองตัวเองหน่อยเลยว่าตัวเองสำคัญแค่ไหน?”
วันนี้หลี่หมึ้งก็โมโหมากเกินไป เธอยังรู้สึกฝังใจเรื่องที่ยินไป่ฝันกลั่นแกล้งยินเสี้ยวเสี้ยวต่อหน้านักข่าว กลับนึกไม่ถึงว่ายินเสี้ยวเสี้ยวกลับยอมคุกเข่าแล้วยอมรับความผิดต่อหน้าผู้อื่น เขายังไม่ยอมประนีประนอมอีก ทำให้ผลประโยชน์ที่ถึงมือเธอแล้วต้องยอมเสียออกไปอีกไม่น้อย ตอนนี้พอเห็นพวกเขาแล้วแม้แต่แสดงละครตบตาเธอก็ยังไม่ยอมแสดงอีก!
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองจิ๋นลี่ยวนด้วยความกังวลใจ ดั่งที่คาด เธอเห็นสีหน้าที่ยิ่งอยู่ยิ่งดูบูดบึ้ง อุณหภูมิในนัยน์ตาของเขายิ่งอยู่ยิ่งลดลง เธอไปบ้านตระกูลจิ๋น แล้วมองออกว่าความสัมพันธ์ของจิ๋นลี่ยวนกับคนในตระกูลจิ๋นนั้นดีมาก อีกทั้ง ไม่มีเด็กคนไหนที่ยอมทนเห็นผู้อื่นทำลายพ่อแม่ของตัวเองแบบนี้ นอกจากคนๆนั้นได้อาฆาตแค้นพ่อแม่ของตน…
นัยน์ตาดั่งหงส์ของจิ๋นลี่ยวนจึงหรี่ลง แล้วมองไปยังหลี่หมึ้ง สายตานั้นทำให้หลี่หมึ้งอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาไปทั้งตัว และไม่กล้าเอ่ยพูดอะไรขึ้นอีก ทำได้เพียงบ่นพึมพำเสียงต่ำอยู่ข้างๆตามลำพัง บรรยากาศที่ลุกโชนเป็นไฟก็ได้ลดลงไปไม่น้อย
ยินรั่วอวิ๋นมองว่านี่เป็นการทำสงคราม จึงได้เดินไปอยู่ข้างๆจิ๋นลี่ยวนอย่างลำบากใจ มือน้อยๆก็ได้ประสานกันตรงหน้า ใบหน้าอันสะสวยก็ได้เผยความรู้สึกลำบากใจออกมาเป็นระยะๆ ในขณะเดียวกันก็ได้เผยความรู้กังวลใจออกมาเป็นระยะๆออมาเหมือนกัน กลับรู้ว่าตัวเองกำลังร้อนใจหรือว่าตกใจจนใจไม่นิ่ง จากนั้นก็ได้ยื่นมือไปจับชายเสื้อของจิ๋นลี่ยวนไว้ แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “พี่เขยเป็นอะไรไป? ฉันไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ทั้งสองครอบคัวจะทานข้าวกัน พรุ่งนี้พ่อแม่ได้ตกลงกับฉันว่าจะไปทานข้าวที่ตระกูลเสี้ยง ต้องขอโทษด้วยนะ พี่เขย……ฉัน……ฉันไม่ได้ตั้งใจ……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่อีกข้างของจิ๋นลี่ยวน จากนั้นก็หรี่ตามองยินรั่วอวิ๋น ในใจจึงรู้สึกเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ยังไม่ทันได้ครุ่นคิด จิ๋นลี่ยวนก็เอ่ยพูดขึ้นอย่างดูถูก “ยินรั่วอวิ๋น คุณเรียกผมว่าพี่เขย งั้นก็ได้โปรดรักษาระยะห่างกันด้วย”
คำๆเดียวนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าสีหน้าของหลี่หมึ้งและยินไป่ฝันต้องดูแย่มากแน่ ยินรั่วอวิ๋นยิ่งทำสีหน้าที่ขาวซีดแล้วมองจิ๋นลี่ยวน ผ่านไปนานมากก็ไม่รู้ควรพูดอะไรออกมาดี
จากนั้นก็ปล่อยชายจิ๋นลี่ยวน ยินรั่วอวิ๋นเหมือนจะยืนไม่นิ่งจึงได้ถอยไปข้างหลังไม่กี่ก้าว สีหน้ายิ่งดูลำบากใจ แล้วพูดขึ้นอย่างติดๆขัดๆ “พี่เขย…….ฉัน ฉันไม่ได้……ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…..พี่เขย ฉันรู้ว่าพี่สาวไม่ชอบฉัน พี่เขยอยากจะชอบไม่ชอบฉันเพราะถูกกระทบจากพี่สาว แต่ว่ายังไงฉันก็คือน้องสาวของพี่สาว ฉัน…….ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
ยินรั่วอวิ๋นอธิบายขึ้นด้วยสีหน้าที่ขาวซีดอย่างหมดเรี่ยวแรง แม้แต่ยินไป่ฝันที่ได้ยินยังรู้สึกไม่เชื่อใจเธอเลยสักนิด หลี่หมึ้งจึงรีบพูดแทรกขึ้น เวลานี้เธอก็ไม่สนใจอีกต่อไปว่าตนกลัวจิ๋นลี่ยวนหรือไม่
จากนั้นก็ได้เอ่ยพูดจาว่ากล่าวตำหนิจิ๋นลี่ยวน “จิ๋นลี่ยวน อย่าเห็นความสำคัญของตัวเองเกินไป รั่วอวิ๋นของฉันเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้น ตอนนี้เธอก็ได้หมั้นกับเซี่ยงเฉิงแล้ว แล้วกำลังรอแต่งงานอยู่ แกอย่าใจร้ายเธอนะ!”
จิ๋นลี่ยวนจึงมองหลี่หมึ้งแล้วมองยินรั่วอวิ๋น ยินรั่วอวิ๋นกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขารู้ดีแก่ใจ!
จากนั้นจึงหันไปมองยินไป่ฝันอีกครั้ง และถามเป็นครั้งสุดท้าย “คุณยิน คุณแน่ใจใช่ไหมว่าพรุ่งนี้คุณจะไม่ไป?”
ยินไป่ฝันได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ ก็รู้สึกโมโหเล็กน้อย แล้วบ่นพึมพำด้วยเสียงเย็นชา “ต้องขอโทษจริงๆ ตระกูลยินของฉันไม่กินข้าวกับคนที่เป็นตระกูลชั้นต่ำแบบนั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นตระกูลอย่างตระกูลเสี้ยงถึงได้กินข้าวด้วย! ถ้าคุณจิ๋นลี่ยวนมีปัญญาก็ทำให้ได้อย่างตระกูลเสี้ยงสิ!”
พูดจบ ยินไป่ฝันก็ไม่ได้ไปสนใจพวกเขาอีก จากนั้นก็ได้ลุกขึ้นแล้วกลับห้องนอนไปอย่างโมโห และหลี่หมึ้งเองก็อยู่ต่อแล้วพูดกับยินเสี้ยวเสี้ยว “ยินเสี้ยวเสี้ยว ไหนๆแกก็ต้องตัดสินใจแต่งงานกับหมอคนหนึ่งแล้ว งั้นแกก็ทำตัวให้มีหน้าหน่อย ไม่ใช่ว่าถึงเวลาที่ชีวิตคู่ไปไม่รอดแล้วกลับมาขอความช่วยเหลือที่บ้านอีก พวกฉันไม่มีทางช่วยแกแน่นอน!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้จ้องงหน้าหลี่หมึ้งไว้ไม่ปล่อย แล้วพูดขึ้นด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดขาด “ได้ ฉันต้องไม่มาขอความช่วยเหลือกับตระกูลเสี้ยงแน่นอน”
เพราะตระกูลยินก็ไม่มีทางช่วยเธอตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน! ไหนๆเธอเป็นคนขอ ก็แค่เป็นการให้โอกาสให้พวกเขาข่มเหงเธออีก!
ครั้งนี้ ทั้งบ้านจึงได้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่เงียบกริบสักที ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเงยหน้ามองจิ๋นลี่ยวนพลางพูดขึ้นเบาๆ “จิ๋นลี่ยวน พรุ่งนี้ทั้งสองครอบครัวจะกินข้าวด้วยกันจริงๆหรอ?”
ต้องรู้ว่าแบบนี้ถึงแม้จะเป็นการจัดงานหมั้นเพื่อตบตาคนอื่น และยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้มาตลอดว่าเธอต้องเผชิญกับวันนี้ไม่ช้าก็เร็ว แต่เพราะว่าท่าทีของคนที่บ้าน เธอแค่หวังหนิงคนของตระกูลจิ๋นสามารถลืมเรื่องนี้ไปซะ แต่จิ๋นลี่ยวนกลับไม่ยอม
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้ส่งจิ๋นลี่ยวนออกจากบ้านแล้วในขณะเดียวกันเธอก็ได้พูดกับเขาอย่างเสียงเบา จิ๋นลี่ยวนกลับจับมือเล็กๆของเธอไว้อย่างไม่สนใจอะไรใดๆ แล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก มีผมอยู่”
การแต่งงานครั้งนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวได้เดินมาเก้าสิบเก้าก้าวแล้ว และก้าวสุดท้ายก็ควรที่จะปล่อยให้เขาเดิน
ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง แค่ตอนนั้นเธอที่มองนัยน์ตาของเขา ก็รู้สึกเต็มไปด้วยความปลอดภัย คืนนี้เธอกลับหลับฝันดีกว่าวันอื่นๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวตื่นขึ้นมาจิ๋นลี่ยวนยังไม่ได้มา และเธอพึ่งจะลงไปชั้นล่างแล้วทำอะไรกินที่ห้องครัว กลับนึกไม่ถึงว่าหลี่หมึ้งได้เดินมา แล้วใช้มือตบโต๊ะที่มีกระดาษบางๆหลายๆแผ่นวางอยู่
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองหลี่หมึ้งแค่แวบเดียว แล้วไม่ได้สนใจเธออีก จากนั้นก็ได้ทำน้ำแกงไข่ของตัวเองต่อ
“เสี้ยวเสี้ยว แกออกมาเซ็นอะไรหน่อย” หลี่หมึ้งที่ยืนอยู่ตรงประตูแล้วได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ออกคำสั่งให้กับยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ในห้องครัว “พอเซ็นเสร็จ แกก็ยุ่งกับเรื่องของแกต่อ ฉันก็จะรีบไปบ้านตระกูลเสี้ยงด้วย พ่อแกได้ไปก่อนแล้ว”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงหยุดงานที่ตนเองได้ทำในมือขึ้นทันที ในใจก็รู้สึกหมองเศร้าเล็กน้อย
ยินไป่ฝันเคยเห็นตัวเองเป็นลูกสาวหรือไม่ เธอสงสัยตัวเองอยู่ว่าตนเป็นลูกแท้ๆของเขาหรือเปล่า!
พอล้างมือเสร็จ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ดูซุปไข่ในหม้อ พอมีกลิ่นหอมละมุนลอยขึ้นมา ทำให้รู้สึหิวมากๆ เห็นว่าผ่านไปตั้งนานยินเสี้ยวเสี้ยวยังไม่ออกมาอีก หลี่หมึ้งจึงได้ทำหนังสือสัญญาแล้วเดินเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้ายินเสี้ยวเสี้ยว แล้วยื่นสัญญาไปให้ยินเสี้ยวเสี้ยว
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ เมนูซุปไข่ถ้าต้มนานเกินไปก็จะแก่และไม่อร่อย นัยน์ตาจึงจับจ้องไปยังสัญญา จากนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวจึงทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป มือที่คนซุปไข่อยู่ก็ได้หยุดชะงักลงทันที ซุปไข่ในหม้อ พอไม่มีการคนจึงได้เดือดจนน้ำกลายเป็นฟองแล้วฟูขึ้นมาเยอะมาก จนกว่าฟองพวกนั้นได้ลวกโดนมือยินเสี้ยวเสี้ยว ความรู้สึกที่โดนลวกจึงจะทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวได้สติกลับมา
จากนั้นก็ได้ยื่นมือไปปิดไฟ มือของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้จับสัญญาไว้แน่นๆ หลังมือของเธอกลายเป็นผิวสีแดงจนน่าตกใจ กลับไม่มีใครสนใจเธอเลย
หลี่หมึ้งมองท่าทางของยินเสี้ยวเสี้ยว ในใจจึงรู้สึกสะใจมากๆ จากนั้นก็ยื่นปากกาไปให้ยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วพูดขึ้น “รีบเซ็นเถอะ หลังจากที่เซ็นเสร็จ เรื่องของแกก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลยินอีก ถึงเวลาไม่ว่าแกจะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านตระกูลจิ๋นยังไง เราก็จะไม่สนใจแกอีก จะเป็นตายร้ายดียังไงแกก็ต้องแบกภาระทุกอย่างไว้ด้วยตัวเอง”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ที่ห้องครัวอย่างนิ่งเงียบ เธอยังคงจับสัญญาฉบับนั้นไว้
ในสัญญาระบุอย่างชัดเจน เธอไม่สนใจว่าที่บ้านจะขัดแย้งยังไงก็จะแต่งงานกับจิ๋นลี่ยวน งั้นวันข้างหน้าไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง ครอบครัวของเธอจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวอีก นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ข้างหลังกลับมีบางอย่างที่เขียนไว้อย่างชัดเจน: ไม่ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะเป็นอะไรขึ้น จะไม่สามารถรับการช่วยเหลือจากยินจื่อเจิ้นได้ นอกจากคนในครอบครัวจะเห็นด้วย
ทันทีทันใดที่เธอเห็น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้เข้าใจ สัญญาฉบับนี้เป้าหมายสำคัญมีแค่สองอย่าง หนึ่งคือวันข้างหน้าสัญญาจะสามารถทำให้ตระกูลยินกับเธอไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีก สองคือทำให้เธอกับยินจื่อเจิ้นตัดขาดความสัมพันธ์กัน
ยินจื่อเจิ้นรักน้องยินเสี้ยวเสี้ยวคนนี้มากขนาดไหน ทั้งเมืองTไม่มีใครไม่รู้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน และพ่อแม่ก็ได้ขัดค้านในหลายๆเรื่อง ไม่งั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้กลายเป็นเจ้าหญิงน้อยที่เป็นหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลยิน และวันนี้สัญญาฉบับนี้ กลับทำให้เธอต้องจบหนทางข้างหน้าของตัวเอง
พออ่านสัญญา ยินเสี้ยวเสี้ยวถามแค่ว่า “เรื่องนี้ พี่ชายรู้หรือไม่?”
หลี่หมึ้งทำนัยน์ตาที่เปล่งประกายแสง แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ธรรมชาติ “แน่นอนว่าต้องรู้สิ ทุกคนที่บ้านต่างก็รู้เห็นเป็นใจกันหมด!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงยิ้มเยาะเย้ยตัวเองขึ้น จากนั้นก็ได้วางสัญญาไว้ข้างๆแล้วตักซุปไข่พลางพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ “ไหนๆก็เป็นแบบนี้แล้ว ก็ให้พี่ชายเอามาให้ฉันเซ็นเอง ต้องแค่เขาเอามาเท่านั้น ฉันถึงจะเซ็น”
หลี่หมึ้งได้ยินดังกล่าว ในใจจึงลุกโชนเป็นไฟ แต่คำพูดเมื่อกี้เธอเป็นคนพูดเอง ตอนนี้ก็ไม่สามารถคืนคำได้ จึงได้ทำสัญญาแล้วเดินออกไปด้วยความขุ่นเคืองใจ ยินเสี้ยวเสี้ยวฟังเสียงฝีเท้าของเธอ แล้วก็ได้ยินเธอโทรหายินไป่ฝัน
พอมองซุปเสียงเหลืองๆที่อยู่ในมือของเธอ จู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกไม่มีความอยากอาหารขึ้นมา
ทันใดนั้น เธออยากจะรีบแต่งงานกับจิ๋นลี่ยวน อย่างน้อยก็สามารถหลุดพ้นจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยแรงกดขี่
พอกลับไปถึงห้องนอนตัวเองแล้วพึ่งจัดทุกอย่างให้เสร็จ หลี่หมึ้งก็เดินมา มือถือบนมือยังไม่ได้วางสายไป สีหน้าเต็มไปด้วยความได้ใจ
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่อยากมองเธอแม้แต่พริบตาเดียว จากนั้นก็ได้จับกระเป๋าของตนขึ้นแล้วหันหลังพลางเดินไปตรงประตู ในขณะที่เดินก็ได้พูดขึ้น “ฉันบอกแล้วว่าให้พี่ชายมา ไม่งั้นฉันจะไม่เซ็น”
เธอเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก เธอไม่เคยพูดอะไรขึ้นมาลอยๆเท่านั้น นอกจากยินจื่อเจิ้น เธอไม่เคยสนใจใครเลย!