Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่23 ตำนานคุณหญิงย่าของตระกูลจิ๋น
ตอนที่23 ตำนานคุณหญิงย่าของตระกูลจิ๋น
“คุณย่า” เขาเอ่ยทัก มือหนายังคงกุมมือเธอเอาไว้ การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น และคำพูดหลังจากนี้ของเขาทำให้เธอชะงักมุมปาก “ผมพาหลานสะใภ้ของคุณย่ากลับมาด้วย”
ทีนี้ เขาไม่เปิดแม้แต่โอกาสให้เธอได้ถอยกลับ
เธอที่ถูกเขาจองเอาไว้ ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้เธอหนีไปไหนได้
คุณหญิงย่าสวมแว่นหนา เพื่อกันไม่ให้มันตกเลยคล้องสายสีทองไว้ที่คอ ใบหน้าและท่าทางเป็นมิตรของเธอ ทำให้เธอนึกภาพที่ได้ยินมาไม่ออก
“คุณย่า” เธอเอ่ยทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ข้างในกลับกลัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
คุณหญิงย่าในตำนาน ที่ทั้งดุ ทั้งโหดร้าย
…….
ไม่ว่าจะเป็นอันไหน ก็ไม่คนที่เธอจะไปมีเรื่องด้วยได้ และนี่ก็เป็นเพราะว่าทำไมเธอถึงรู้สึกกลัวหลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นลูกหลานของใคร และที่เธอกังวลเพราะเธอไม่คิดว่าคุณหญิงย่าแบบนี้จะยอมรับเธอเป็นหลานสะใภ้ง่ายๆ
“อืม เด็กดีๆ ” เธอก้าวเดินเข้ามายืนอยู่หน้าเธอ เธอเอื้อมมือไปจับมือของเธอเอาไว้ เธอเดาใจเธอไม่ออก “หน้าตาสะสวย ไม่แปลกที่หลานชายฉันจะหลงรัก”
เขาเอื้อมมือไปกอดเอวเธอ เขากำลังจะอ้าปากแนะนำเธอ ก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง หน้าตาค่อนข้างคล้ายๆ เขา เธอจึงเดาว่าพวกเขาคงเป็นพ่อแม่ของเขา
และแล้ววินาทีต่อมา เธอก็ได้ยินเขาเอ่ยทักพวกเขา “พ่อ แม่ ผมพาลูกสะใภ้มาแนะนำให้รู้จัก”
แค่คำพูดเดียวทำให้ทุกคนรู้ฐานะของเธอ ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้แย้ง
เขาผายมือชี้ไปที่เธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแนะนำเธอกับคนอื่นแบบจริงจัง “พ่อ แม่ คุณย่า เธอเป็นภรรยาของผมยินเสี้ยวเสี้ยว เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลยิน”
หลังจากพูดจบ ทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ เธอพยายามฉีกยิ้มแล้วเอ่ยทักพวกเขา “สวัสดีค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็คุณย่า หนูชื่อยินเสี้ยวเสี้ยวค่ะ”
ลูกสาวคนโตของตระกูลยินงั้นหรอ
ทุกคนหันกลับมามองหน้าเธอนิ่ง นิ่งจนเธอไม่กล้าสบตาพวกเขา
ตระกูลจิ๋นไม่เหมือนตระกูลยิน พอเทียบกันแล้วเหมือนเชื้อพระวงกับประชากรธรรมดาๆ เทียบกันไม่ติด แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็หันหลังกลับไม่ได้แล้ว ตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาในนี้ เธอก็รู้ดีว่าเธอก็คงไม่สามารถเปลี่ยนใจได้แล้ว
“ลูกสาวคนโตของตระกูลยินงั้นหรอ” หลังจากได้ยินแบบนั้น เธอก็ดึงมือกลับทั้งที่ตอนแรกเธอจับมือเธอไว้ แล้วเอ่ยถามต่อ “เธอเป็นผู้หญิงที่คนอื่นบอกว่าเป็นคน ‘พฤติกรรมต่ำทราม จิตใจสกปรก’ ลูกสาวคนโตของตระกูลยิน ยินเสี้ยวเสี้ยวหรอ”
หลังจากพูดจบ รอยยิ้มเธอก็ค่อยๆ หายไป เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรดีใจหรือกังวลดีที่ชื่อเสียงเน่าๆ ของเธอที่ครอบครัวจิ๋นเองก็รู้หมดแล้ว นี่คงเป็นธรรมดาที่เรื่องดีๆ ไม่มีใครรู้แต่พอเป็นเรื่องไม่ดีทุกคนกลับรู้กันหมด
ตอนแรกคิดว่าเธอคงจะแก้ตัวหรือไม่ก็ปฏิเสธ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะยอมรับง่ายๆ เธอรู้ตัวดี การที่เธออยากเป็นสะใภ้บ้านนี้ เธอต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้ เธอก็เลยตอบกลับ “ใช่ค่ะ หนูเป็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่เขาพูดกันว่า ‘พฤติกรรมต่ำทราม จิตใจสกปรก’ ลูกสาวคนโตบ้านยิน”
เธอพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย มองสบตากับคุณหญิงย่าที่กำลังจ้องมองเธอไม่วางตา
เธอเลิกคิ้ว ยกมือไปจัดแว่น แล้วมองเธอด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง
สำหรับจิ๋นลี่ยวน เขาเหมาะกับผู้หญิงที่ไว้โชว์ออกงานเฉยๆ หรือเหมาะกับผู้หญิงที่กล้าหาญมากกว่าล่ะ
“หือ งั้นหรอ แล้วเธอไม่คิดจะอธิบายหรือแก้ต่างให้ตัวเองหน่อยหรอ” คุณหญิงย่าเอ่ยถามขึ้น ส่วนพ่อแม่ของเขาได้แต่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ สายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
อย่าว่าแต่ครอบครัวใหญ่อย่างเขาเลย ถึงจะเปลี่ยนเป็นครอบครัวเล็กๆ ธรรมดาไม่ว่าครอบครัวไหนก็คงไม่อยากได้ผู้หญิงแบบนี้เป็นสะใภ้แน่นอน
สักพัก เธอยกยิ้ม แล้วเอ่ยถามคุณหญิงย่ากลับ “แล้วการที่คนอื่นๆ บอกว่าคุณหญิงย่า ‘จิตใจอำมหิต เอาแต่ใจ’ คุณท่านได้ออกไปปฏิเสธหรือแกต่างอะไรให้ตัวเองรึเปล่าคะ”
เธอที่พยายามตั้งใจต่อกรกับคุณหญิงย่าจนไม่ได้สังเกตเห็น เพราะวันนี้การกระทำของเธอที่ค่อนข้างไม่ปกติเลยทำให้จิ๋นหยวนเฟิงกับจิ๋นลี่ยวนรู้สึกประทับใจเธอมาก ทั้งคู่เลยยืนดุอยู่เงียบๆ โดยที่ไม่พูดอะไร
คุณหญิงย่าเงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยบอกเธอ “ฉันมีดีพอที่ไม่ต้องออกไปแก้ต่างให้ใครเข้าใจ”
พูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นอกมั่นใจ
หลังจากได้ยินดังนี้ เธอก็ได้รู้ว่าข่าวลือข้างนอกมีบ้างที่เป็นจริง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆ
เธอยังคงคงรอยยิ้มเอาไว้ คำพูดของเธอทำให้เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม เธอจึงเอื้อมมือไปคล้องแขนของเขา แล้วเอ่ยพูดขึ้น “ตอนนี้ หนูก็มีดีพอที่ไม่ต้องออกไปแก้ต่างให้ใครๆ เข้าใจเหมือนกัน”
ใช่ จิ๋นลี่ยวนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเธอ เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอ
คุณหญิงย่าพยักหน้ารับ หันไปมองหน้าหลานชายตัวเองและมองหน้าเธอ สีหน้าเหมือนค่อนข้างจะพอใจกับคำตอบที่ได้ แต่การที่พอใจไม่ได้หมายความว่าเธอจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวได้ และเธอเองก็ไม่คิดว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงแค่เพียงเท่านี้
และแล้ว วินาทีต่อ….
“แล้วเธอคิดว่าผู้หญิงอย่างเธอจะเหมาะกับหลานชายฉันหรอ เธอควรรู้ว่าชื่อเสียงของเธอไม่ธรรมดามาก” เธอพูดออกมาตามตรงอย่างไม่ไว้หน้า “ชื่อเสียงของเธอที่มี ยังไม่ทันได้จัดงานแต่งกัน ก็ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกรังเกียจแล้ว”
‘รังเกียจ’ เธอเน้นเสียงไปที่สองคำนี้
สีหน้าเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใครได้ยินก็คงจะรู้สึกหน้าเสียแน่นอน ถึงเธอจะเตรียมใจมาตั้งแต่แรก แต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาตรงๆ ขนาดนี้
เธอสูดหายใจเข้า แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “คุณหญิงย่า สำหรับข่าวไม่ดีที่คนนอกพูดถึงหนู หนูไม่เคยออกไปไปแก้หรือไปพูดอะไรอยู่แล้ว”
หลังจากพูดจบ คนในห้องต่างก็มองเธอด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ
บอกตามตรง เธอเป็นผู้หญิงที่กล้ามาก ผู้หญิงทุกคนก็สนใจแค่ชื่อเสียงของตัวเอง แต่เธอกลับยอมรับง่ายๆ และไม่คิดที่จะออกไปแก้ต่างให้ตัวเอง ถ้าเป็นครอบครัวธรรมดาทั่วไปก็คงจะถูกไล่ออกจากบ้านไปนานแล้ว
“ในเมื่อเธอไม่ออกไปแก้ต่างเอง แล้วเรื่องอะไรที่บ้านฉันต้องยอมรับคนอย่างเธอเป็นสะใภ้ด้วยล่ะ” ครั้งนี้เป็นหยูเจียห้วยแม่ของเขาเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เงียบฟังมานาน
เธอหันไปทางหยูเจียห้วย แล้วเอ่ยพูดขึ้น “คุณผู้หญิง สำหรับพวกคนที่ตั้งใจใส่ร้ายหนู ไม่ว่าหนูจะใช่หรือไม่ใช่ ไม่ว่ายังไงหนูก็ไม่มีทางไปแก้หรือทำให้ใครเชื่อว่ามันไม่ใช่ความจริง เพราะถึงยังไงหนูแก้ไปพวกเขาก็คงไม่ยอมหยุดง่ายๆ แค่นั้น แล้วทำหนูต้องเสียเวลาไปแก้หรืออธิบายในเรื่องที่ไม่ใช่ความจริง และเพราะเรื่องนี้ทำให้ตระกูลจิ๋นดูไม่ดีไปด้วย หนูเองก็ต้องขอโทษจากใจจริงด้วยค่ะ”
พูดจบ เธอก็ก้มหัวขอโทษทุกคนในบ้านด้วยความจริงใจ
การกระทำวันนี้ของเธอ พูดตามตรงว่ามันค่อนข้างดี ทำให้คนในครอบครัวค่อนข้างพอใจ ถึงแม้จะยังไม่เปิดใจรับร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ถึงกับต่อต้าน
“ไอ่ตัวดี ยังไม่เอาออกมาอีก แกยังจะต้องรอให้ฉันไปสืบหาเองหรอ หรือต้องรอให้ฉันไล่เมียแกออกจากบ้านก่อน” จู่ๆ คุณหญิงย่าก็ตะโกนขึ้น ไม่พอเธอยังหยิบมะม่วงบนโต๊ะโยนใส่จิ๋นลี่ยวน “แกยังยืนดูไม่พอใจหรอ เอาเอกสารในมือของแกออกมาให้หมด ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
ได้ยินว่า ‘เมียแก’ เธอก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น มันก็หมายความว่าเธอยอมรับในตัวเธอเกินครึ่งแล้ว และสายตาที่พ่อกับแม่ของเขามองเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขายกยิ้ม แล้วยกมือไปรับมะม่วงมาโดยไม่พูดอะไร เขาก็ก้มไปหยิบเอกสารที่เตรียมมายื่นมันไปให้คุณย่า เป็นเอกสารบางๆ สองแผ่นที่เต็มไปด้วยประวัติส่วนตัวของยินเสี้ยวเสี้ยว
เขาจึงพาเธอไปนั่งที่โซฟา แล้วยื่นมะม่วงในมือให้เธอ เธอรับมันมาแล้วยกขึ้นสูดดมกลิ่นของมัน
มะม่วงเป็นผลไม้ที่ยินเสี้ยวเสี้ยวชอบที่สุด แต่ในทางกลับกันมันกลับเป็นผลไม้ที่จิ๋นลี่ยวนเกลียดที่สุด
เขาเหมือนจะเอ่ยพูดอะไรต่อ แต่กลับถูกคุณหญิงย่าพูดขัดขึ้นก่อน “ไอ่หลานไม่รักดี แกกล้าหลอกฉันที่เป็นย่าของแกงั้นหรอ”
เขาไม่ขยับหลบ แต่ยกมือไปปัดกระดาษที่เธอโยนใส่เขา แล้วเอื้อมมือไปโอบไหล่เธอ แล้วเอ่ยบอกกับย่าของเขาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “คุณย่า อย่าลงไม้ลลงมือนะ ระวังนะถ้าถึงเวลาผมมีลูกจะไม่ให้ย่าอุ้มเลยขอบอก”
ทันใดนั้น เธอก็เดินเข้ามานั่งอยู่ข้างๆ ยินเสี้ยวเสี้ยว ด้วยใบหน้าดีอกดีใจ “หลานสะใภ้ที่รัก หนูท้องหรอ ท้องได้กี่เดือนแล้ว”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยังงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า รวมถึงพ่อแม่ของเขาก็มองมาที่เธอด้วยสายตาอึ้งๆ เธออายหน้าแดง กับคำพูดของคุณหญิงย่า
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าหลานชายฉันไม่ธรรมดา”
น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจของคุณย่าทำให้เธอลำบากใจ เพราะเธอไม่ได้ท้อง จะเอาหลานที่ไหนมาให้เธออุ้มได้ล่ะ ถ้าเธอบอกออกไปว่าไม่ได้ท้องแล้วเรื่องมันจะเลวร้ายลงรึเปล่า