Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่24 จิ๋นลี่ยวนเขาเป็นใครกันแน่
ตอนที่24 จิ๋นลี่ยวนเขาเป็นใครกันแน่
เขาไม่สนใจคำพูดของคุณย่า แต่ยื่นมือไปดึงเธอให้ลุกขึ้น แล้วหันไปเอ่ยบอก “คุณย่า อย่าเพิ่งตื่นเต้น เสี้ยวเสี้ยวยังไม่ได้ท้อง แต่ถ้าเธอท้องเมื่อไหร่ผมจะบอกคุณย่าคนแรกเลย”
เธอต่อว่าเขาอย่างไม่พอใจ “ไอ่หลานบ้า แกอยากโดนฉันไล่ออกจากบ้านจริงๆ ใช่มั้ย ฉันก็แค่ถามเมียแกไม่กี่คำถาม แกต้องเอาคืนฉันแรงขนาดนี้เลยหรอ อยากตายมากใช่มั้ยไอ่หลานชาย”
เขาไม่สนใจคำพูดของคุณหญิงย่า แต่กลับหันไปถามพ่อกับแม่ “พ่อ แม่ ผมว่าเราหาเวลาไม่เจอพ่อแม่ของเสี้ยวเสี้ยวแล้วคุยเรื่องงานแต่งว่าจะจัดกันเมื่อไหร่ดีกว่า”
พอเห็นการกระทำของเขา ก็ทำให้เธอโกรธมากขึ้นกว่าเดิม ที่เขาทำเหมือนกับว่าย่าอย่างเธอไม่มีตัวตน เธอจึงเดินเข้าไปดึงยินเสี้ยวเสี้ยวให้มายื่นอยู่ข้างหลังเธอ แล้วเอ่ยพูดขึ้น “แกหมายความว่ายังไง ฉันอนุญาตให้เสี้ยวเสี้ยวแต่งงานกับแกตอนไหน อยากแต่งหรอ ได้ แต่ต้องผ่านด่านฉันก่อน”
ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวเหมือนกลายเป็นคนของบ้านจิ๋น และจิ๋นลี่ยวนต่างหากที่ต้องเป็นคนมาขอ…
จิ๋นลี่ยวนหน้าเสียไปเล็กน้อย แต่เป็นคุณหญิงย่าเองที่ดูจะอารมณ์ดีขึ้นมา…….
เชอะ แกเก่งนักก็มาสิ อย่าลืมนะว่าพ่อแกฉันเป็นคนคลอดออกมา มีหรอฉันจะปราบแกไม่อยู่
พอเห็นการกระทำของคุณหญิงย่า เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าคนในครอบครัวของเขาก็ไม่ได้โหดร้ายอย่างที่เธอคิด
เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ยื่นมืออยากจะแย่งเธอกลับมา แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นย่าของเขา จะเสียมารยาทมากไม่ได้ และสุดท้ายเขาก็ต้องยอมให้เธอนั่งอยู่ข้างๆ คุณย่าเหมือนเดิม และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอเจอกับครอบครัวของเขา และเป็นครั้งแรกที่เธอได้มอบของขวัญให้พวกเขา
จิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้จะอยู่กินข้าวที่บ้านตั้งแต่แรก “พวกผมขอตัวกลับไปจัดบ้านกันก่อนนะครับ”
แค่คำพูดเดียวก็ทำให้ทุกคนยอมปล่อยพวกเขากลับอย่างง่ายดาย การที่เขาเป็นครอบครัวใหญ่แบบนี้ เรื่องส่วนใหญ่พวกเขามักจะไม่สนใจอะไรมาก แต่ที่ไม่สนใจไม่ได้แปลว่าไม่สนใจอะไรเลย อย่างเช่นเรื่องชื่อเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยว…..
เธอไปไหนมาไหนกับเธอทั้งวัน จนกระทั่งจิ๋นลี่ยวนพาเธอเดินเข้าไปที่ ‘ร้านอาหารเทาถี้’ เธอก็ต้องรู้สึกตกใจอึ้ง ‘ร้านอาหารเทาถี้’ นี่ไม่ได้เป็นสถานที่ที่แค่มีเงินก็สามารถเข้ามาได้ ที่นี่มีเพียง100ห้อง และห้องหนึ่งก็จะมีสองห้องเล็กข้างใน หนึ่งห้องเล็กจุได้ห้าคน และหนึ่งห้องใหญ่จะจุได้สี่สิบคน นอกนั้นก็จะเป็นห้องโถงใหญ่ที่ใช้ร่วมกัน…..
และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาเธอมากินข้าวนอกบ้าน
ทั้งสองมากินข้าวที่ห้องโถ่งใหญ่ พวกเขาเลือกนั่งโต๊ะริมหน้าต่าง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือพวกเขาจะบังเอิญเจอ ยินรั่วอวิ๋นกับเซี่ยงเฉิงที่นี่
“พี่เขย พี่เสี้ยว” ยินรั่วอวิ๋นเอ่ยทักขึ้น “พี่เขยกับพี่เสี้ยวก็มาทานข้าวที่นี่เหมือนกันหรอคะ ทำไมไม่ไปทานกันที่ห้องส่วนตัวละคะ ที่นี่เสียงดังจะตาย”
เขาไม่สนใจเธอ แค่เพียงแต่เงยหน้าแล้วมองเธอด้วยหางตา
การเอ่ยทักของเธอทำให้คนมากมายที่อยู่รอบข้างให้ความสนใจ ตอนนี้มีคนมากมายกำลังจับจ้องมองมาที่พวกเขา
และเหมือนเธอจะรู้ตัวว่าคำพูดของเธอค่อนข้างฟังดูเสียมารยาทเธอก็เลยเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่เสี้ยว ไปกินกับพวกหนูที่ห้องมั้ย เมื่อกี้ เซี่ยงเฉิงจองห้อง82เอาไว้ และทุกครั้งที่เซี่ยงเฉิงพาหนูมาเขามักจะสั่งอาหารมาเยอะ หนูกินคนเดียวก็ไม่หมด…….. ”
เขาไม่พูดอะไร แต่เอื้อมไปรินน้ำให้เธอ การกระทำของเขาบ่งบอกว่าให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง
เซี่ยงเฉิงเข้ามา สายตาก็จ้องไปที่เธออย่างไม่วางตา วันนี้เธอค่อนข้างจะมีเสน่ห์ เขาไม่รอให้เธอได้อ้าปาก เขาจึงเอ่ยชวนขึ้น “เสี้ยวเสี้ยว เข้าไปกินด้วยกันสิ ฉันจะสั่งอาหารที่เธอชอบให้ เธอชอบกินมะม่วงไม่ใช่หรอ ที่นี่มีอาหารอย่างหนึ่งที่ทำจากมะม่วง อร่อยมาก ฉันจะสั่งให้เธอได้ลองชิมดู”
ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธ เขายกมือเรียกพนักงานมาแล้วสั่งอาหารไปโดยไม่รอคำตอบจากเธอ
จิ๋นลี่ยวนนั่งเงียบมาโดยตลอด ตอนนี้เขาเงยหน้ามองหน้าเธอด้วยสายตาที่เธอเองก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าเขารู้สึกยังไง แต่เธอกลับรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเฉยๆ
“ไม่เป็นไรดีกว่า พวกเธอไปกินกันเถอะ” เธอปฏิเสธออกไปตรงๆ โดยที่ไม่สนใจว่าพวกเขาจะไม่พอใจยังไง “ฉันอยากกินอะไร เดี๋ยวฉันสั่งเองดีกว่า พวกเธอไปกินกันเลย ไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก”
การที่เธอปฏิเสธออกมาแบบนี้เซี่ยงเฉิงเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน และการที่เซี่ยงเฉิงดูใส่ใจพี่สาวของตัวเองมากขนาดนี้ มันก็ทำให้ยินรั่วอวิ๋นไม่พอใจเหมือนกัน เธอจึงเอ่ยพูดขึ้น “พี่ พี่เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลยิน หนูเป็นแค่ลูกสาวคนที่สอง ถ้าคนอื่นรู้ว่าเราทั้งสองมากินข้าวที่นี่ แต่พี่นั่งกินอยู่ที่ห้องโถง แต่หนูกลับไปกินที่ห้องส่วนตัว แล้วคนอื่นจะรู้สึกกับหนูยังไงล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “และเซี่ยงเฉิงก็สั่งอาหารที่พี่ชอบให้แล้วด้วย พี่เข้าไปกับพวกหนูเถอะ ไม่งั้นกลับบ้านไปเดี๋ยวพี่ก็จะมาว่าให้หนูอีก……”
เหมือนพูดอะไรผิดไป เธอจึงเอื้อมมือไปกุมปากตัวเองเอาไว้ แล้วก้มหน้าลง
—ที่แท้ก็เป็นลูกสาวคนโตของยินนี่เอง ไม่แปลกใจเลย ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นคนที่ไม่ธรรมดา ตอนนี้กลับมาหาเรื่องน้องสาวตัวเองแบบนี้
—ฉันได้ยินมาว่า วันก่อนในงานวันเกิดน้องสาว เธอก็ไปสร้างเรื่องแล้วยังไปแย่งแฟนของน้องสาวตัวเองด้วย ผู้หญิงแบบนี้มันเกินเยียวยามากจริงๆ
—วันนี้ฉันเห็นในข่าวว่าเธอแต่งงานกับหมอคนหนึ่ง ก็คงมีแต่บ้านยินเท่านั้นแหละที่เห็นค่าเธอ ฉันว่าชื่อเสียงตอนนี้ของเธอคงไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย และคงไม่มีใครกล้าเอา
—แปลกตรงไหน ผู้หญิงอย่างเธอเป็นสะใภ้บ้านไหน บ้านนั้นคงจะเสียหาย
……….
หลังจากที่ยินรั่วอวิ๋นพูดจบ ก็มีคนมากมายเอ่ยต่อว่าเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่รู้สึกอะไรเพราะชิน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกไม่โอเค ใบหน้าของเธอซีดตัวสั่น
ถ้าบ้านยินดีกับเธอจริงเธอก็คงไม่ต้องแต่งงานกับผู้จัดการจาง ถ้ายินรั่วอวิ๋นเห็นเธอเป็นพี่สาวจริง เธอก็คงไม่ต้องเสียแฟนที่คบกันมาสี่ปี ถ้าไม่ได้เป็นเพราะบ้านยินบังคับให้เธอแต่งงาน เธอก็คงไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับจิ๋นลี่ยวนผู้ชายที่เธอเคยเจอหน้าเพียงแค่สองครั้งแบบนี้
ไม่มีใครเห็นพวกนี้ ทุกคนต่างรู้กันแค่ว่า ลูกสาวตนโตของายิน เป็นผู้หญิงที่ จิตใจสกปรก พฤติกรรมต่ำทราม
เธอกัดฟันแน่น ไม่พูดอะไร เขานั่งอยู่ตรงหน้าเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกอับอาย
ครั้งนี้จิ๋นลี่ยวนอาจจะเริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมาบ้างแล้วก็ได้ ลังเลว่าเขาควรจะแต่งงานกับเธอดีมั้ย….
เธอสูดหายใจเข้า หลับตาลง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยพูดอะไร เธอก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนของใครบางคนเอ่ยพูดขึ้นก่อน และเป็นอีกครั้งที่เขาเข้ามาปกป้องเธอ
“ต้องขอโทษด้วย ฉันคงคิดว่าพวกคุณคงยังไม่เข้าในสิ่งที่เธอพูดใช่มั้ย” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “วันนี้พวกฉันไม่มีเวลามาก กรุณาอย่ามารบกวนเวลากินข้าวของพวกเรา”
พูดจบ เขาก็ยกมือเรียกพนักงาน “ดูเหมือนว่าลูกค้าสองคนนี้หลงทาง รบกวนพาพวกเขาไปส่งที่ห้อง82ด้วย”
คนที่มองดูอยู่ข้างๆ รู้สึกเขาคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน
เซี่ยงเฉิงหันไปมองหน้าจิ๋นลี่ยวนด้วยใบหน้าไม่พอใจ ทำให้เขานึกภาพวันนั้นขึ้นมาได้ การที่จะให้เขาปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนั้นอีกคงเป็นไปไม่ได้ “เหอะ แกไม่มีแม้แต่ปัญญาที่จะพาผู้หญิงของตัวเองไปกินในห้องอาหารของ ‘ร้านอาหารเทาถี้’ นอกจากจับมีดผ่าตัด แกมีประโยชน์อะไรอีก ไม่มีปัญญาก็ไม่ต้องยื้อเสี้ยวเสี้ยวไว้ ปล่อยให้เธอไปเจอคนดีๆ มีชีวิตที่ดี”
พูดจบเธอก็หันไปมองหน้าเขา การที่ตระกูลเขาถูกคนดูถูกแบบนี้ เขาคงโมโหขึ้นมาจริงๆ แล้วใช่มั้ย
เขาหันไปมองหน้า เซี่ยงเฉิงแล้วยกยิ้มมุมปาก ไม่รอให้เขาได้พูดอะไรต่อ ผู้จัดการของ ‘ร้านอาหารเทาถี้’ ก็เดินออกมาเอ่ยทักเขา “คุณหมอจิ๋น ต้องขออภัยด้วยนะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณมา วันนี้คุณจะกินที่ห้องไหนครับ เดี๋ยวผมให้คนไปจัดเตรียมให้”
ผู้จัดการร้านเอ่ยทักเขาด้วยน้ำเสียงเรียบร้อย ทั้งเซี่ยงเฉิงและยินรั่วอวิ๋นก็อึ้งกับภาพตรงหน้า
จิ๋นลี่ยวนเขาเป็นใครกันแน่