Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่51 เธอจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ดู
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- ตอนที่51 เธอจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ดู
ตอนที่51 เธอจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ดู
ผลจากคำพูดเพียงคำเดียวเกิดผลกระทบกลับมานับพัน ยามที่ได้ยินเมื่อสักครู่ก็ยังสามารถแสร้งว่าไม่ได้ยินได้ คิดว่าไม่นานก็จะปล่อยมันผ่านไป แต่ทันทีที่เห็นท่าทีเด็ดเดี่ยวของยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นเองก็ทำให้พวกเขาเริ่มคิดขึ้นมาว่าเรื่องมันร้ายขนาดนั้นจริงๆหรือ!
ต้องรู้ก่อนว่าในชั่วชีวิตของนักออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบโฆษณาหรือจะเป็นสถาปนิก หรือมัณฑนากร สำหรับนักออกแบบทุกท่านแล้วผลงานการออกแบบทุกชิ้นของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นทั้งชีวิตของพวกเขา ถ้าหากชีวิตของพวกเขาถูกขโมยไป แล้วพวกเขาจะมีชีวิตต่อไปได้ยังไง?
ภายในห้องเรียน ตกอยู่ในภาวะตึงเครียดอย่างมากมาก พร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะเรียน ดวงตาอันแน่วแน่ทั้งสองมองไปยังจางหมืงที่ยืนอยู่ด้านหลังแท่นสอนอย่างไม่ละสายตา
ถาวหยีเองก็ยืนขึ้นพูดออกมาว่า “อาจารย์คะ เมื่อตอนก่อนหน้านี้ตอนที่หนูได้ปรึกษากับเสี้ยวเสี้ยวนั้น หนูเองก็เคยเห็นโฆษณาของเธอ และแน่นอนว่าเป็นอันนี้แน่ค่ะ”
เทียบกับยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว ถาวหยีนั้นเป็นนักเรียนยอดเยี่ยมที่เป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษของเหล่าอาจารย์และเพื่อนๆในมหาวิทยาลัย นิสัยดี ผลการเรียนยอดเยี่ยม ตัวคนก็ยังดูดี คำพูดที่เธอได้พูดออกมาเมื่อเทียบกับอีกฝ่ายอย่างยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว ความน่าเชื่อถือจึงเพิ่มขึ้นมามากขึ้น
อาจารย์ทั้งสามท่านที่พอได้ยินดังนั้นแล้วก็หันไปมองจางหมืง ด้วยสายตาเคร่งขรึมแฝงไปด้วยความเคลือบแคลงใจ
ตอนปีสามยินเสี้ยวเสี้ยวก็เริ่มรับงานนอกของตัวเองแล้ว แต่จางหมืงกลับไม่เคยเข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้เลยสักครั้ง เมื่อก่อนเคยคิดว่าเป็นเพราะฐานะทางบ้านของจางหมืงค่อนข้างดี แต่ตอนนี้หลังจากที่รู้แล้วว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคุณหนูใหญ่ของบ้านยิน พวกเขาก็คิดว่าฐานะทางบ้านของจางหมืงก็ยังไม่ถือว่าดีพอ จึงเริ่มแคลงใจขึ้นมาทันที
จางหมืงที่พอเห็นท่าทางของอาจารย์แล้ว แววตาก็เริ่มวอกแวกขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ “ยินเสี้ยวเสี้ยว เธออย่ามากล่าวหามั่วๆสิ เห็นๆกันอยู่นี่ว่านี่เป็นงานโฆษณาของฉัน อย่าคิดว่าพวกเราทำโฆษณาเกี่ยวกับน้ำหอมเหมือนกันแล้วพอเห็นว่าโฆษณาของฉันดีกว่าของเธอ เธอก็มากล่าวหาว่าโฆษณาของฉันเป็นของเธอสิ!”
ภาพบนหน้าจอโปรเจคเตอร์ยังคงหยุดอยู่ตรงท่อนสุดท้ายของโฆษณา ที่มีผีเสื้อหลากหลายสีสัน และลายมือภาษาอังกฤษสีชมพู….
อันที่จริงถ้าเป็นคนที่รู้จักยินเสี้ยวเสี้ยวดีก็สามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่านี่เป็นสไตล์ของยินเสี้ยวเสี้ยวชัดๆ!
สดใสและเป็นธรรมชาติ เซ็กซี่และมีรสนิยม และมักจะให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาดั่งวัยแรกรุ่น
แม้ว่าในตอนนี้ภายในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงความไม่พอใจอยู่หลังจากที่ถูกขโมยงานโฆษณาของตนไป ใบหน้าเล็กของเธอบึ้งตึงขึ้นมา แต่คำพูดของจางหมืงกลับทำให้เธอต้องส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ แล้วพูดออกไปว่า “จางหมืง งานโฆษณาของเธอมาจากที่ไหน ตัวเธอเองก็รู้ดีแก่ใจ และฉันอยากจะบอกเธอเอาไว้ว่าเรื่องวันนี้ฉันจะไม่มีวันอภัยให้เธอแน่!”
ชีวิตนี้ของเธอมีเรื่องที่เกลียดอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกก็คือการมีคนที่คิดไปเองว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นก็เพื่อหวังดีกับเธอ ส่วนอีกเรื่องนึงก็คือมีคนมาขโมยงานโฆษณาของเธอ!
เรื่องในวันนี้ไม่ว่าจางหมืงจะมีแผนอะไรในใจก็ตามแต่ เธอจะไม่ปล่อยให้เธอทำมันได้อย่างสำเร็จแน่!
สีหน้าของจางหมืงแดงก่ำขึ้นมาด้วยความโกรธ ใบหน้ามนของเธอแฝงด้วยแรงโทสะออกมาสุดขีดแล้วเอ่ยออกมา “ยินเสี้ยวเสี้ยว เธออย่ามากไปหน่อยเลย อย่าคิดอวดดีเพราะคิดว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่ของ‘บริษัทจื่อยิน’สิ! นี่มันก็เห็นๆกันอยู่ว่านี่เป็นงานโฆษณาของฉัน เฉิงฉิงและหลี่เจียเองก็เห็นว่าฉันเป็นคนทำ เธอมีสิทธิอะไรมาบอกว่าฉันขโมยงานเธอมา! ทีฉันยังไม่เคยพูดว่าเธอขโมยงานของฉันไปเลยนี่!”
ในตอนนั้นเองอาจารย์ทั้งสามท่านก็ต่างไม่รู้ว่าควรจะจัดการยังไงดี แม้ว่าบ้านของจางหมืงจะเทียบบ้านของยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ติดเลยก็ตาม แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะสามารถล่วงเกินเธอได้ง่ายๆ และดูเหมือนว่าเรื่องในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้อย่างง่ายดายอีกแล้ว เมื่อไร้ทางเลือก อาจารย์ทั้งสามท่านจึงทำได้เพียงบอกให้ถาวหยีไปตามหัวหน้าภาควิชามา
ในเวลานั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ยืนอยู่ตรงนั้น มือเล็กกำหมัดแน่นแล้วจ้องมองไปยังจางหมืง แต่ในหัวกลับขบคิดว่าหลังจากที่เธอทำงานโฆษณาชิ้นนี้จนเสร็จแล้วเธอได้ให้ถาวหยีเพียงแค่คนเดียวดูเท่านั้น แต่เธอก็มั่นใจว่าถาวหยีจะไม่มีทางหักหลังเธอเด็ดขาด!
ถ้าอย่างนั้นคนที่หักหลังเธอเป็นใครกัน?
เธอมั่นใจว่าในช่วงก่อนที่หัวหน้าภาควิชาจะมาถึงที่นี่นั้น ถึงแม้ว่าเธอจะโต้เถียงกับจางหมืงแค่ไหนก็ไม่มีทางได้ผลอะไรกลับมา ไม่สู้เอาเวลาไปคิดหาวิธีมาว่าอีกเดี๋ยวจะต้องพิสูจน์ยังไง และดูเหมือนว่าจางหมืงเองก็รู้ความคิดนี้ ทั้งสองคนจึงไม่พูดอะไรออกมา
หัวหน้าภาควิชาที่อ้วนลงพุงเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม คำแรกที่พูดออกมาก็สามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์ไม่ดีแบบสุดๆ เขาตะเบ็งเสียงออกมาว่า “พวกเธอทั้งสองคนรีบตามฉันมาที่ห้องภาควิชาเดี๋ยวนี้ แล้วเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังอย่างละเอียด!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ต่อต้านอะไรออกไป หันหลังเดินตามหัวหน้าภาควิชาไปยังห้องทำงาน แต่ถาวหยีก็อดกังวลขึ้นมาไม่ได้ จึงกลับไปหาต๋งไขนักเรียนคนโปรดของหัวหน้าภาควิชา หวังว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
ข่าวเรื่องที่ ยินเสี้ยวเสี้ยวและ จางหมืงทั้งสองคนเดินตามหลังหัวหน้าภาควิชาเข้าไปยังห้องทำงานของหัวหน้าภาควิชาไปแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ต๋งไขทราบข่าวนั้นถาวหยีก็มาพบเขาพอดี ไม่ทันได้พูดอะไรออกมาเกินสองประโยคด้วยซ้ำก็ต้องรีบให้ต๋งไขพาเข้าไปยังห้องของหัวหน้าภาควิชา ในขณะเดียวกันเฉิงฉิงและหลี่เจียเองก็ได้ปรากฏเข้ามาในห้องในฐานะพยานเช่นเดียวกัน
เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ได้เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
ไม่ว่าวันนี้จะเป็นใครที่เป็นคนเอาโฆษณาชิ้นนี้ไปให้จางหมืง นั่นก็หมายความว่าพวกเธอมีเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือต้องการทำลายเธอ!
ชื่อเสียงของเธอในตอนนี้เพิ่งจะดีขึ้นมาบ้างแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกู้ชื่อเสียงเหล่านั้นกลับมาได้ ด้วยคำแถลงแก้ตัวในงานหมั้นของยินรั่วอวิ๋นในตอนนั้นและการพิสูจน์ต่อหน้าสื่อเมื่อหลายวันก่อน เธอกำลังพยายามทำมันเพื่อเรียกคืนชื่อเสียงของเธอกลับมา ถึงแม้ว่าจะมีคนมองข้ามความบริสุทธิ์ใจของเธอไปบ้าง! แต่ถ้าตอนนี้มีข่าวลือแพร่ออกไปว่าตอนที่สอบตอบข้อโต้แย้งวิทยานิพนธ์เธอได้ไปขโมยงานโฆษณาของเพื่อนร่วมคลาสเรียนของตัวเองนั้น ตัวเธอเองก็จะยังคงมีภาพลักษณ์ที่แย่ดังเดิม และต่อจากนี้ชื่อเสียงของเธอคงได้ฉาวโฉ่ไปทั่ว และคงยากที่จะแก้ข่าวกลับมาได้อีก?
นึกไปถึงชายที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวที่คอยดูแลผู้ป่วยอย่างเอาใจใส่คนนั้น ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกเจ็บแปรบขึ้นมา
หรือที่เธอได้พยายามมาอย่างยาวนานนี้สุดท้ายก็ยังไม่อาจคู่ควรที่จะแต่งกับเขาได้? ไม่อาจแต่งเข้าตระกูลบ้านจิ๋นได้?
ลูกสะใภ้ที่มีชื่อเสียงเสียหาย บ้านจิ๋นก็คงไม่ยอมรับอย่างแน่นอน!
คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่ว่าจะรู้หรือไม่ว่าจิ๋นลี่ยวนเป็นคุณชายสามของบ้านจิ๋น แต่ก็ต้องบอกเลยว่าครั้งนี้คนผู้นั้นต้องการบั่นลงไปบนจุดตายของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างแน่นอน!
หลายคนต่างไม่อยากเห็นเธอได้มีชีวิตที่ดี งั้นเธอก็มีชีวิตที่ดีให้พวกเขาดูแล้วกัน!
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ในแววตาดื้อรั้นของยินเสี้ยวเสี้ยวที่ปรากฏออกมาจ้องมองไปยังหัวหน้าภาคที่อยู่ในห้องร่วมกับคณะผู้บริหารที่พอได้ยินข่าวก็รีบตามมาที่นี่ทันที ไม่ว่าจะเป็นภาควิชาการออกแบบของสถาบันไหนก็ตามที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดข่าวซุบซิบฉาวโฉ่แพร่กระฉ่อนไปทั่ว แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถาบันที่มีชื่อเสียงอย่างมหาวิทยาลัยTแห่งนี้!
“พวกเธอทั้งสองคน ตอนนี้ก็อธิบายออกมาให้ละเอียดสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” หัวหน้าภาควิชาตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ สายตายังคงจ้องนิ่งไปยังทั้งสองคนและดูเหมือนว่าเขาจะโกรธสุดขีดแล้ว “ถ้าพวกเธอไม่พูดออกมาให้ชัดเจน ก็อย่ามาโทษว่าฉันไม่ปล่อยให้พวกเธอทั้งสองคนเรียนจบไปอย่างราบรื่นแล้วกัน!”
จางหมืงรีบลุกยืนขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจ้องมองไปยังหัวหน้าภาควิชาแล้วเอ่ยออกไปว่า “ท่านหัวหน้าภาคคะ ในตอนที่หนูกำลังสอบวิทยานิพนธ์อยู่ดีๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็ลุกยืนขึ้นมาแล้วพูดออกมาว่างานโฆษณาของหนูนั้นเป็นของเธอค่ะ! หนูเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่งานโฆษณาชิ้นนี้เป็นหนูที่ทำมันมาคนเดียวกับมือ หนูไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปเป็นของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
พูดจบจางหมืงก็หันไปมองยินเสี้ยวเสี้ยวแวบนึงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็แสยะยิ้มมุมปากอย่างไม่ใส่ใจออกไป ทว่าสีหน้าก็ยังคงไปด้วยความเย็นชา จากนั้นก็หันหน้าเข้าไปเผชิญหน้ากับจางหมืงโดยตรง เอ่ยออกมาเสียงเรียบ “จางหมืง เธอบอกว่างานโฆษณาชิ้นนี้เป็นของเธอหรอ? ก็ดี! งั้นวันนี้พวกเราลองสอบหาไอเดียดั้งเดิมของโฆษณาชิ้นนี้กัน และปัญหาที่เคยพบในระหว่างการออกแบบโฆษณาชิ้นนี้ รวมไปถึงปัญหาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นจนจบทั้งหมดที่ได้เจอตอนออกแบบโฆษณาชิ้นนี้!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้เอนเน้นออกไปในทุกคำทุกประโยคที่เอ่ยออกไป แววตาอาฆาตจ้องมองไปยัง จางหมืงอย่างเอาเป็นเอาตาย จากนั้นก็หันไปพูดกับเหล่าอาจารย์ว่า “หนูเชื่อว่า นักออกแบบโฆษณาท่านใดก็ตามก็คงจะมีความรักษาความเป็นต้นฉบับของตนเอาไว้และล้วนแล้วแต่ไม่ยอมให้งานโฆษณาของตนไปเหมือนกับของคนอื่นอย่างน่าตกใจถึงขนาดที่ว่าแม้แต่สถานการณ์ก็เหมือนกันทั้งหมดแบบนี้ได้หรอกค่ะ!”
คำพูดประโยคที่ได้เอ่ยออกไปนั้น เป็นเธอที่ต้องการให้เรื่องนี้ให้เป็นเรื่องที่ดูสำคัญขึ้นมามากขึ้น
นอกจากถาวหยีแล้ว คนที่อยู่ในสถานการณ์ตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่า ของของยินเสี้ยวเสี้ยวนั้น ไม่ใช่อะไรที่คนอื่นจะเข้ามายุ่งได้!
ในเมื่อจางหมืงใช้สถานะคุณหนูใหญ่ของ‘บริษัทจื่อยิน’ของเธอมาเรียกคะแนนสงสาร งั้นวันนี้คุณหนูใหญ่ที่ไม่เป็นที่ยอมรับของบ้านยินอย่างเธอก็ขอลองใช้ความรู้สึกของจิ้งจอกที่แอบใช้บารมีเสือดูสักหน่อย! ยังไงพวกเขาก็ไม่รู้เรื่องในบ้านบ้านยินอยู่แล้วนี่!
จางหมืงได้ยินคำพูดของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว สีหน้าก็ซีดขึ้นมา แต่ก็ต้องฝืนตอบกลับไปว่า “ได้!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินคำตอบของจางหมืงแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงยกยิ้มหยันมุมปากออกมา จากนั้นก็เอาโฆษณาของทั้งสองคนมาให้อาจารย์ที่อยู่ในห้องนี้ดูอย่างละเอียดไปรอบนึง พยายามที่จะตรวจหาวี่แววของเบาะแส เพียงแต่ไม่ว่าจะดูยังไงก็ดูออกแค่เพียงว่าทั้งสองงานโฆษณานี้เหมือนกันจนเหมือนเป็นชิ้นเดียวกัน แม้แต่ระยะเวลาก็ยังไม่ต่างกันไปสักวิเดียว!
อันที่จริงถ้ามองจากการออกแบบโฆษณาเพียงด้านเดียว โฆษณาชิ้นนี้ก็ถือว่าทำได้ดีในด้านที่มีความแปลกใหม่ ใจกล้า สดใสและมีรสนิยม ทำได้ดีในทุกๆจุด ถ้ามองจากการเอามาใช้แค่เพียงเป็นชิ้นงานโฆษณาเพื่อจบการศึกษาก็คงจะให้ความรู้สึกที่คิดว่ามันดีจนไม่ค่อยเหมาะกับการเอามาเป็นชิ้นงานในครั้งนี้
แต่ผลกลับแสดงให้เห็นว่างานโฆษณาชิ้นนี้เป็นชิ้นงานที่ขโมยมาจริงๆ! เพียงแค่ไม่รู้แน่ชัดว่าใครขโมยมาจากใครกันแน่!
มาถึงขั้นนี้แล้ว หัวหน้าภาคก็อดที่จะปวดหัวขึ้นมาไม่ได้ นี่มันเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวที่สุด นี่มันไม่ใช่แค่ว่าใครถูกขโมยไอเดียหรอกหรอ? เรื่องนี้ถึงจะไปให้ศาลตัดสินก็คงไม่อาจชี้ขาดได้ ไร้ทางเลือกแล้วจริงๆ หัวหน้าภาคทำได้เพียงพูดออกมาว่า “ตอนนี้พวกเธอลองพูดถึงไอเดียการออกแบบงานโฆษณาชิ้นนี้ของพวกเธอออกมาสิ”
เพียงแต่ครั้งนี้ก็ยังคงทำให้หัวหน้าภาคต้องผิดหวังเช่นเดิม เพราะไอเดียการออกแบบของทั้งสองต่างกันไม่มากนัก จึงทำให้ยังแยกข้อแตกต่างไม่ได้สักที! ในตอนที่เทปเสียงที่อัดเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวและจางหมืงในห้องเรียนได้เปิดขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้โกรธเคืองอย่างถึงที่สุด!
เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหน้าไม่อายได้ขนาดนี้ ไม่เพียงแค่ขโมยงานโฆษณาของเธอ แต่ยังขโมยความคิดของเธอไปอีก ถึงขนาดที่ว่าขโมยชิ้นงานโฆษณาของเธอทั้งหมดไปต่อหน้าต่อตาเธอ! ถ้าวันนี้ไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย ต่อไปเธอยินเสี้ยวเสี้ยวก็ต้องจมไปกับความไม่น่าเชื่อถือไปตลอดชีวิต!
จางหมืงเองก็จ้องมองยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไม่พอใจ แต่ภายในใจกลับยกยิ้มอย่างร้ายกาจ!
ต๋งไขไม่ใช่ว่าชอบเธอมาตลอดหรอ? คิดมาตลอดว่าเธอมีความสามารถหรอกหรอ? วันนี้เธอจะทำให้ต๋งไขได้รู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนยังไง! โลกใบนี้ไม่ได้หมุนรอบมันเพียงคนเดียว เธอจะต้องทำให้ต๋งไขมองมายังเธอให้ได้! เพียงแค่เธออยากได้ แม้จะเป็นของที่อยู่กับยินเสี้ยวเสี้ยวก็ตามเธอจะแย่งมันมาให้หมด!
ในเมื่อยินเสี้ยวเสี้ยวจะต้องแต่งงาน งั้นก็แต่งไปซะ แต่ก่อนจะแต่ออกไปเธอก็จะช่วยให้ต๋งไขเห็นธาตุแท้ของมันสักหน่อย เธอไม่อาจปล่อยให้ต๋งไขถูกผู้หญิงเสแสร้งแบบนี้หลอกเอาได้! ดังนั้น เมื่อคนคนนั้นเข้ามาหาเธอ เธอก็ตอบตกลงเขาโดยที่แทบจะไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ
ปรากฏว่าตอนนี้เธอได้เห็นสีหน้าโกรธแค้นของยินเสี้ยวเสี้ยวแต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันของมัน เธอช่างมีความสุขเสียจริง!
ครั้งนี้เธอจะทำให้ชื่อเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวถูกทำลายกระฉ่อนไปทั่วทั้งเมืองT