Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่52 งั้นพวกเราไปเจอกันที่ศาลเถอะ
ตอนที่52 งั้นพวกเราไปเจอกันที่ศาลเถอะ
เรื่องราวก็ดูเหมือนจะเดินมาถึงทางตัน ไม่มีความคืบหน้าขึ้นมาเลย ในตอนนั้นเองอยู่ๆเฉิงฉิงก็ลุกยืนขึ้นพูดออกมาว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยวมนุษย์เราไม่เห็นจำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้นี่ ฉันรู้ว่าเธอต้องแต่งงานกับหมอกระจอกๆคนนึง แต่เธอก็ไม่ควรไร้ยางอายถึงขนาดที่ต้องการงานของคนอื่นเพื่อมาเบิกช่องทางให้ตัวเองในอนาคตเลยนี่! ใช่ เธอมีความสามารถ ตั้งแต่ตอนปีสามก็เริ่มรับงานของตัวเองได้แล้ว แต่ที่พวกเราไม่รับงานนอกแบบนั้นก็ไม่ได้แปลว่าพวกเราไม่เก่งนี่ ถ้าจะใช้เรื่องนี้มาเป็นเครื่องตัดสินจริงๆล่ะก็ มันจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยมั้ย?”
ทางฝั่งของหลี่เจียที่กำลังจ้องมองจางหมืงอยู่นั้น จากนั้นก็เอ่ยปากพูดออกไป “ใช่แล้วค่ะ ท่านไม่รู้ว่าเพื่องานชิ้นนี้จางหมืงต้องอดนอนไปกี่คืน เธอมักจะคิดว่ามันยังไม่ดีพอแล้วก็แก้ไขมันใหม่จนมาถึงอันที่เราเห็นกันวันนี้ได้ หลังจากที่ทำเสร็จเธอก็ให้หนูกับเฉิงฉิงดู แต่มาตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับมาขโมยผลงานที่ทำมาจากหยาดเหงื่อของเธอไปอย่างหน้าด้านๆแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอ?”
“ฉันว่าไม่เสมอไปหรอกค่ะ ถึงแม้ว่าปกติผลการเรียนของจางหมืงจะไม่ได้แย่ แต่ถ้าว่ากันตามผลการเรียนตามปกติของเธอแล้วพวกเราก็น่าจะรู้ว่าการทำชิ้นงานโฆษณาแบบนี้ออกมาได้มันเป็นไปไม่ได้แน่” ถาวหยีเอ่ยออกมาเสียงเบา แม้น้ำเสียงจะเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ “โฆษณาชิ้นนี้เสี้ยวเสี้ยวเพิ่งจะทำมันจนเสร็จเมื่อสามวันก่อนนี้เอง รู้เอาไว้ด้วยว่าเพื่องานชิ้นนี้เธอได้ทุ่มเททั้งแรงกายและกำลังสมองไปไม่น้อยเลย แม้แต่นางแบบในโฆษณาคนนั้นก็เป็นเธอที่ไปหามาด้วยตัวเอง”
คำพูดที่ได้เอ่ยออกไป ก็ได้ทำให้ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ได้หาวิธีจัดการได้แล้ว
นางแบบ!
ในตอนแรกยินเสี้ยวเสี้ยวเพื่อให้โฆษณาชิ้นนี้สมบูรณ์ที่สุดจึงไม่เพียงแต่จะแก้ไขตัวโฆษณาไปหลายครั้ง แม้แต่ช่างภาพ สถานที่ถ่ายทำ นางแบบก็ล้วนเป็นเธอที่เป็นคนตัดสินใจเลือกเองทั้งนั้น เดิมทีในมหาวิทยาลัยเองก็มีช่างภาพที่เชี่ยวชาญอยู่ แต่ในตอนนั้นยินจื่อเจิ้นได้บอกว่าต้องการจะให้ของขวัญกับยินเสี้ยวเสี้ยวก็เลยจัดการเรื่องนี้ให้ด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่คิดว่าตอนนี้จะต้องเอามาจัดการกับปัญหาแบบนี้
หัวหน้าภาควิชาเองก็ดูเหมือนว่าจะจับประเด็นได้แล้วเช่นกัน ก็รีบเงยหน้ามองยินเสี้ยวเสี้ยวทันที ถามออกไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น “ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอเรียกนางแบบคนนั้นมาได้มั้ย?”
เนื่องจากช่างภาพไม่ได้โผล่เข้ามาในฉาก ดังนั้นแม้ว่าจะอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ถ้าพาตัวปลอมมาก็คงจะไม่มีใครมองออกเช่นกัน ส่วนสถานที่แห่งนั้นยิ่งเป็นพวกห้องน้ำในโรงแรมทั่วๆไปพวกนั้นอีก จึงมีเพียงนางแบบเพียงตัวเลือกเดียวที่จะมายืนยันได้! ในเมื่อตัวคนออกแบบเป็นคนหามาเอง งั้นเธอก็คงจะต้องรู้จักกันสิ!
ถาวหยีเองก็มองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างคาดหวัง ทางฝั่งต๋งไขเองก็ยิ่งร้อนรนจนหายใจไม่เป็นจังหวะขึ้นมา
ทว่ายินเสี้ยวเสี้ยวกลับต้องขมวดคิ้วอย่างจนปัญญาแล้วหันไปเผชิญหน้ากับทางฝั่งของกลุ่มเฉิงฉิง เห็นท่าทางของจางหมืงแล้วคาดว่าเธอเองก็คงไม่รู้ว่ายังมีวิธีนี้ แต่ตอนนี้เธอเองก็ไร้หนทางที่จะพานางแบบมาได้เช่นกัน จึงทำได้เพียงเอ่ยออกไปเสียงเบาว่า “ขอโทษค่ะ ฉันพาเธอมาไม่ได้ นางแบบคนนี้เป็นชาวรัสเซีย ในตอนหลังจากที่ถ่ายเสร็จแล้วเธอก็ได้เดินทางกลับประเทศไป ตอนนี้หนูเองก็ยังติดต่อเธอไม่ได้”
เพียงแค่ประโยคเดียวก็ได้ทำให้กลุ่มของเฉิงฉิงทั้งสามคนนั้นที่กังวลใจจนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อสักครู่ก็ได้โล่งใจขึ้นมา ปากก็เอ่ยคำพูดเหยียดหยามออกมา “เฮอะ ตัวเองไม่มีอะไรมายืนยันก็ไม่ต้องพูดออกมาให้มากความ โฆษณาชิ้นนี้เดิมทีก็เป็นของจางหมืง เธอยังจะมาดิ้นรนหาอะไรอีก? บอกเอาไว้เลยนะ ว่าสถานที่ถ่ายทำของโฆษณาชิ้นนี้ก็คือที่‘โรงแรมหซือซัน’ในเมืองT!”
เดิมทียินเสี้ยวเสี้ยวเองก็คิดจะพูดออกไป แต่ตอนนี้คนพวกนั้นก็ได้พูดเรื่องสถานที่ถ่ายทำออกไปแล้ว อีกอย่างยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่ถูกสงสัยเอาได้ เธอทำได้เพียงปิดปากเงียบอย่างไม่พอใจ ทั้งที่ภายในใจร้อนรนไม่ไหวแล้ว!
ทำยังไงดี? ทำยังไงดี?
เธอควรจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองยังไง?
จิ๋นลี่ยวน ฉันควรจะทำยังไงดี?
ทันใดนั้น ในสมองก็นึกถึงภาพผู้ชายคนนั้นขึ้นมา หัวใจของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ดูเหมือนว่าจะสงบลงทันที
ยินเสี้ยวเสี้ยวหลับตาลงแล้วหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็ลืมตาขึ้น ในแววตาไม่หลงเหลือความกระวนกระวายใจและความร้อนรนหลงเหลืออยู่อีกต่อไป เธอทำเพียงมองไปยังเฉิงฉิง หลี่เจีย และจางหมืงนิ่งๆ จากนั้นก็พูดเน้นเสียงออกไปทีละคำทีละประโยคออกไป “ฉันขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่างานโฆษณาชิ้นนี้เป็นของฉัน เป็นฉันที่ลงแรงทำมันไปสามเดือนเต็มๆ อาศัยความสามารถของตัวเองทำออกมาทั้งสิ้น ตั้งแต่ไอเดียการออกแบบในตอนแรกเริ่ม จนถึงเค้าโครงโดยรวม กระทั่งการเลือกตัวนางแบบและผู้ถ่ายทำก็ล้วนเป็นฉันที่เป็นคนคัดเลือกมาเองทั้งนั้น ถ้าเธอบอกว่างานโฆษณาชิ้นนี้เป็นของเธอ ก็ดี”
พูดมาจนถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนในห้องนี้ก็นิ่งเงียบกัน ราวกับรอคำว่า‘ช่างเถอะ’ออกมาจากปากของยินเสี้ยวเสี้ยว หรือไม่ก็คำพูดที่ยอมรับว่าเธอเป็นคนขโมยงานโฆษณาชิ้นนี้มาจากจางหมืง แต่ไม่คิดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะพูดประโยคนี้กลับมา
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปเจอกันที่ศาลเถอะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ทว่ากลับมีความมั่นใจขึ้นมามากขึ้น “ของของฉันยินเสี้ยวเสี้ยว แม้ว่ามันจะถูกทำลายไป ฉันก็จะไม่ปล่อยให้มันไปข้องเกี่ยวกับคนอื่นแม้แต่เสี้ยวเดียว!”
ถาวหยีก็เริ่มหวั่นใจขึ้นมา จากที่เพิ่งจะวางประเด็นไปยังสิ่งที่อยู่ในสื่อ แต่มาตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้วางประเด็นฟ้องร้องขึ้นมาอีก อย่างนั้นแล้วก็คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย ถึงแม้ว่าต่อไปยินเสี้ยวเสี้ยวจะต้องแต่งงานกับคนจากครอบครัวธรรมดาๆครอบครัวหนึ่ง ก็คงต้องรับกับคำวิจารณ์มากมายแน่! จิตใต้สำนึกบอกให้ ถาวหยียื่นมือออกคว้ามือของยินเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้ เอ่ยเรียกออกไปเสียงเบา “เสี้ยวเสี้ยว!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวหันกลับมาส่งสายตาให้ถาวหยีวางใจ จากนั้นก็หันกลับไปคุยกับหัวหน้าภาควิชา “หัวหน้าภาคคะ วานช่วยแจ้งความให้หนูด้วย เรื่องในวันนี้หนูจะตอบแทนท่านแน่ค่ะ”
หัวหน้าภาควิชาและเหล่าอาจารย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นก็ล้วนหวั่นเกรงกับท่าทางของยินเสี้ยวเสี้ยว ต๋งไขที่ยืนอยู่อีกฝั่งนึงก็ได้ขมวดคิ้วอยู่เงียบๆ จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ผมคิดว่าเรื่องนี้ขึ้นศาลไปก็ไม่แน่นอนว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้นมาได้ เสี้ยวเสี้ยว เธอลองคิดดูให้ดีอีกทีดีมั้ย?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้พูดอะไรกลับมา เธอทำเพียงแค่มองหัวหน้าภาควิชานิ่ง
นาทีนั้นเองหัวหน้าภาควิชาก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ถ้าหากว่าแจ้งความไป เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องราวอื้อฉาวใหญ่โตขึ้นมาโดยสมบูรณ์!
“ยินเสี้ยวเสี้ยว การจัดการเรื่องนี้ไปแบบนี้คงไม่ดีหรอกมั้ง?” หัวหน้าภาควิชาจำต้องเอ่ยออกไป
จางหมืงเองก็หวาดหวั่นไปกับคำพูดของยินเสี้ยวเสี้ยว สีหน้าก็ซีดลงเล็กน้อย หลี่เจียก็รีบเข้ามาหยิกเธอไปทีนึง เธอจึงได้สติกลับมา เฉิงฉิงรู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ทำให้หวั่นกลัวไปแล้วนั้นก็รีบเอ่ยออกมาทันที “ยินเสี้ยวเสี้ยว เธออย่าคิดว่าพอเรื่องถึงศาลแล้วพวกเราจะต้องกลัวเธอ งานโฆษณาชิ้นนี้เดิมทีมันเป็นของจางหมืง เธออย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถบีบบังคับให้จางหมืงยกงานชิ้นนี้ให้กับเธอได้!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยกยิ้มออกมา เดิมทีเธอเองก็ไม่คิดจะสนใจพวกเธอ เธอยืนหยัดที่จะให้หัวหน้าภาควิชาแจ้งความ พอถึงเวลานี้เอง มือถือในกระเป๋าของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมา โชคดีที่กระเป๋าอยู่ในมือของถาวหยีพอดี ถาวหยีหยิบขึ้นมาดูบนหน้าจอโทรศัพท์จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก
“ใช่ เธอคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถปิดบังเรื่องที่เธอได้ขโมยงานโฆษณาของจางหมืงไปได้หรอ?” หลี่เจียยืนพูดออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ตอนนี้ฉันสงสัยไปหมดว่าชิ้นงานโฆษณาเมื่อก่อนของเธอใช่เธอทำมันเองหรือเปล่า คงจะไม่ได้พึ่งสถานะคุณหนูใหญ่ของบ้านยิน แล้วไปขโมยการออกแบบของนักออกแบบธรรมดาๆคนอื่นเขามาหรอกนะ?”
เดิมจางหมืงก็ยังมีความกังวลใจอยู่บ้าง แต่เธอคิดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเองก็คงจะคำนึงว่าระยะเวลามันจะยืดเยื้อจนนานเกินไป ถ้าเรื่องใหญ่โตจนกระทั่งขึ้นโรงขึ้นศาล อย่างนั้นแล้วชื่อเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวก็จะได้รับความเสียหายอย่างมากแน่ เธอกล้าพนันได้เลยว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่กล้าแน่! ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นพูดออกไป “ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบฉัน แต่จะร้ายดียังไงฉันก็สอบเข้ามาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยT มาด้วยความสามารถของตัวเอง ระดับความสามารถของฉันจะสามารถออกแบบงานโฆษณาแบบนี้ได้หรือไม่ ฉันเชื่อว่าอาจารย์ทุกท่านก็คงทราบดี งานโฆษณาชิ้นนี้เป็นของฉัน ฉันสู้ไม่ถอยแน่ แม้ว่าจะต้องขึ้นศาล ฉันก็จะสู้ไม่ยอมถอย!”
“ดี งั้นพวกเราก็มาสู้กันโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอยให้กัน!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวก็พูดเสริมออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ทันทีที่จางหมืงพูดจบ
จางหมืงหวาดหวั่นกับคำพูดของยินเสี้ยวเสี้ยว ตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวดูเหมือนคนที่ไม่สนใจชีวิตอีกต่อไป เธอทำเพียงแค่สู้จนขาดใจเท่านั้น
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองจ้องไปยังจางหมืง พูดออกไปอย่างใจดี “จางหมืง พวกเราทั้งคู่ไม่มีใครยอมกันอย่างนี้ก็ต้องให้ศาลตัดสินชี้ขาดเรื่องนี้แล้วล่ะว่าโฆษณาชิ้นนี้เป็นของฉันหรือเธอกันแน่ เธอต้องการคำตอบของเธอ ฉันเธอก็ต้องการคำตอบของฉันเหมือนกัน”
หัวหน้าภาควิชาเห็นท่าทางของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว ก็รู้ได้เลยว่าเรื่องนี้คงปิดเงียบไว้ไม่ได้เสียแล้ว ก็เกิดไม่พอใจขึ้นมาทันใด
“พวกเธอทั้งสองคนหยุดพูดกันได้แล้ว อยากแจ้งความก็ไปแจ้งเอง อย่าเอามหาวิทยาลัยTกับฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ละคนก็มีชื่อเสียงไม่ธรรมดากันทั้งคู่ ฉันอยากรู้นักว่าพวกเธอทั้งสองคนจะก่อเรื่องกันไปถึงไหน! ถ้าเรื่องนี้มันอื้อฉาวใหญ่โตขึ้นมา พวกเธอทั้งสองคนก็รอเรียนที่นี่ต่อไปได้เลย!”
หัวหน้าภาควิชาพูดประโยคนี้ออกมาสีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวและจางหมืงก็ย่ำแย่ลงทันที
นี่เป็นคำขู่ชัดๆ ว่าหากวันนี้ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้จบสิ้นในห้องนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นปริญญาบัตรของยินเสี้ยวเสี้ยวหรือว่าจางหมืงก็จะมีปัญหาด้วยกันทั้งคู่
สำหรับจางหมืงแล้วเธอพอใจกับผลลัพธ์แบบนี้อย่างมาก ขอแค่จัดการให้จบกันที่นี่ เธอก็สามารถจัดการทำลายยินเสี้ยวเสี้ยวให้ล่มจมได้! เธอก้าวเข้าไปด้านหน้าแล้วพูดออกไปว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอยอมรับซะเถอะว่าขโมยงานของฉันไป! ฉันสามารถบอกไอเดียการออกแบบโฆษณาชิ้นนี้ และปัญหาที่พบระหว่างการออกแบบอย่างละเอียดได้ แม้กระทั่งสถานที่ถ่ายทำฉันก็ยังบอกได้เลยว่าถ่ายที่ไหน ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เธอจะยังดึงดันที่จะบอกว่าโฆษณาชิ้นนี้เป็นของเธออีกหรือเปล่า? มันจะดูไร้ยางอายไปหน่อยหรือเปล่า?”
จางหมืงพูดไปพลางมองไปยังต๋งไขที่ยืนอยู่ด้านหลังยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไม่รู้ตัว “ฉันรู้ว่าเธอที่มักจะเป็นคนที่มีความสามารถในสายตาเพื่อนนักเรียนคนอื่นเสมอ แต่นี่ก็ไม่อาจปิดบังเนื้อแท้ที่ขี้ขโมยของเธอได้หรอกนะ! เดิมเธอก็มีดีแค่หน้าตาอยู่แล้ว! โฆษณาชิ้นนี้เป็นของฉัน ฉันเองก็ไม่อยากให้คนอื่นมาเอาเปรียบกันโดยการเอาผลงานที่มาจากความพยายามของฉันไปหรอกนะ! ถ้าเธออยากจะไปเจอกันที่ศาล ฉันจางหมืงก็ไม่กลัวหรอกนะ ถึงแม้ว่าชาติตระกูลของฉันจะเทียบเธอไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะยอมให้เธอมารังแกฉันง่ายๆ!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวเบ้ปากอย่างเย้ยหยัน อารมณ์ที่มีในใจได้ประดับอยู่บนหน้า
เธอจางหมืงไม่กลัวการขึ้นศาลอยู่แล้ว เพราะวันนี้มีหัวหน้าภาควิชาอยู่ที่นี่ด้วย พวกท่านเองก็ไม่อยากทำให้เรื่องราวใหญ่โตอยู่แล้ว!
ทางฝั่งยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้มองจ้องไปยังหัวหน้าภาควิชา เอ่ยเสียงนิ่งออกไป “หัวหน้าภาควิชาคะ หนูทราบค่ะว่ามหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างมหาวิทยาลัยTไม่ควรจะต้องมาเสื่อมเสียกับเรื่องอื้อฉาวแบบนี้ แต่หนูก็ยังหวังว่าท่านจะเข้าใจหนู ถ้าหากว่าเรื่องนี้ไม่อาจเคลียร์ชัดได้ภายในวันนี้ หนูเองก็จะไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านไปง่ายๆแบบนั้นเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นตัวหนูเองหรือพี่ชายของหนูก็ตาม หนูไม่มีทางยอมรามือจากเรื่องนี้เด็ดขาด!”
ในเมื่อจางหมืงกล้าที่จะจู่โจมเข้ามาแบบนี้ เธอก็จะไม่ยอมถอยไปง่ายๆเช่นกัน
หัวหน้าภาควิชาที่ถูกยินเสี้ยวเสี้ยวทำให้โกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด แล้วตอนนี้ก็ยังเอ่ยชื่อยินจื่อเจิ้นออกมา ไม่ใช่ว่าเธอกำลังขู่เขาอยู่หรอกหรอ? มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าในเมืองTแห่งนี้ยินจื่อเจิ้นและบ้านจิ๋นคุณชายทั้งสองท่านนี้ต่างมีชื่อเสียงไม่ได้ต่างกันเลย?