Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่54 คนที่วางแผนใส่ร้ายเธอเป็นใครกันแน่
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- ตอนที่54 คนที่วางแผนใส่ร้ายเธอเป็นใครกันแน่
ตอนที่54 คนที่วางแผนใส่ร้ายเธอเป็นใครกันแน่
ยินเสี้ยวเสี้ยวส่ายหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นอกเหนือการควบคุมของเธอ คนเขาอยู่รัสเซีย ถ้าที่ไกลๆอย่างนั้นใช่ว่าคิดจะไปก็ไปได้ ถึงแม้ว่าเธอไป กว่าจะรอให้ถึงตอนที่พาเธอกลับมาได้ คาดว่าเธอคงไม่มีที่ยืนในเมืองTอีกแล้ว ถึงตอนนั้นถึงแม้ว่าจะทำอะไรไปตั้งมากมายก็คงไร้ค่าอยู่ดี……
เดิมจิ๋นลี่ยวนได้ยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงาน ดังนั้นในตอนที่ตำรวจกำลังตรวจดูโฆษณานั้นเขาเองก็ได้เห็นไปด้วย ยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นตั้งแต่ปีสามจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาได้ไม่เกินหนึ่งปี ดังนั้นจึงทำให้ผลงานออกแบบโฆษณาของเธอไม่ได้เยอะมาก เมื่อก่อนจิ๋นลี่ยวนเองก็ไม่เคยให้ความสนใจกับมันนัก ดังนั้นวิดีโอโฆษณาในวันนี้ก็นับได้ว่าเป็นโฆษณาชิ้นแรกที่เขาเคยเห็น ในดวงตาก็มีประกายรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เขานึกไม่ถึงเลยว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะมีความสามารถได้ถึงขนาดนี้ มิน่าถึงได้คอยโดนคนอื่นอิจฉา ถูกคนอื่นมาหลงรักแบบนี้ได้
ได้ยินคำพูดของคุณตำรวจแล้ว จิ๋นลี่ยวนก็หันมาพูดกับยินเสี้ยวเสี้ยวว่า “คุณรู้ข้อมูลการติดต่อของเธอมั้ย?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ส่ายหน้าออกมาอีกครั้ง ในตอนนี้เธอไม่ได้เก็บเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไปว่า “เธอแค่มาช่วยพี่ชายของฉัน ถ้าไม่ได้พี่ชายช่วยฉัน ฉันก็คงหานางแบบแบบนั้นไม่ได้แน่ๆค่ะ”
ตาเหยี่ยวของจิ๋นลี่ยวนหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหายินจื่อเจิ้น จากนั้นก็ถามยินจื่อเจิ้นถึงข้อมูลการติดต่อนางแบบคนนั้นมา หลังจากวางสายไปโดยที่ไม่เอ่ยเรื่องที่กำลังเกิดกับยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้เลยสักคำ
“อย่าคิดว่าจะเอาคนรัสเซียมาพูดภาษารัสเซียไม่กี่ประโยคจะทำให้ฉันยอมแพ้ง่ายๆ!”ตอนนี้จางหมืงได้สติกลับมาแล้ว เธอรู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวหานางแบบคนนั้นไม่เจอ เธอคิดว่าวันนี้ถ้าเธออยากจะรอดก็แค่กัดฟันเอ่ยอ้างแบบนี้ออกไป แล้วแสร้งพูดออกไปด้วยความไม่พอใจ “ยินเสี้ยวเสี้ยว เธออย่าไร้ยางอายไปหน่อยเลย! ขนาดอยู่ต่อหน้าคู่หมั้นก็ยังทำตัวแบบนี้ เธอไม่คิดว่าตัวเองน่าขยะแขยงหรอ? ฉันบอกได้ว่าฉันถ่ายโฆษณาชิ้นนี้ที่‘โรงแรมหซือซัน’ เธอก็ยังพูดออกมาได้เต็มปากว่าโฆษณาชิ้นนี้เป็นของเธอ แต่ตอนนี้แม้แต่นางแบบก็ยังหามาไม่ได้ นี่เธอกำลังเล่นตลกอะไรอยู่หรอ? ยินเสี้ยวเสี้ยว อย่าคิดว่าบ้านเธอรวยแล้วจะไม่เห็นหัวคนอื่นแบบนี้ได้นะ! วันนี้ฉันจางหมืงจะต้องเผยธาตุแท้ของเธอออกมาให้ทุกคนได้เห็น!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวสูดหายใจเข้าอย่างแรง พูดตามจริงแล้ว เธอไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคนนิสัยดี เธอยังมีนิสัยที่แย่อยู่บ้าง แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังมีขีดจำกัดอยู่บ้าง ดังนั้นจึงไม่ถึงกับไปล่วงเกินคนอื่นได้ เพียงแต่บางครั้งก็มักจะมีคนเข้ามาหาเรื่อง เธอเองก็ไม่อยากจะทนแล้วจริงๆ!
“จางหมืง เธออย่าด่วนตัดสินไปหน่อยเลย เรื่องนี้ยังอยู่ในการสืบสวนอยู่เลย! ถึงตอนนั้นใครจะต้องร้องไห้ออกมาก็ยังไม่แน่!” เธอตอบโต้กลับไป หน้าอกยินเสี้ยวเสี้ยวขยับขึ้นลงตามจังหวะเข้าออกของการหายใจที่แรงขึ้นบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธสุดขีดแล้วจริงๆ “ฉันยินเสี้ยวเสี้ยวเคยพูดไปแล้วว่าของของฉัน ใครก็อย่าคิดมาแตะต้อง!”
เมื่อจิ๋นลี่ยวนได้คำพูดของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว ก็อดยกยิ้มออกมาไม่ได้ กับเด็กผู้หญิงอย่างจางหมืงนั้นเขาเองก็ไม่เข้าใจความคิดของเธอเลยสักนิด หลังจากได้ข้อมูลออกมาจากปากทั้งคู่แล้วนั้น จิ๋นลี่ยวนที่ยืนอยู่อีกด้านก็เริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ผ่านไปไม่ถึงสามนาทีก็จัดการเรียบร้อย จากนั้นก็แค่รอให้คนมาที่นี่
ตำรวจก็กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดกำลังเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ คนที่นี่ไม่รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนเป็นใคร แต่พวกเขาจะไม่รู้ได้ยังไง?
จิ๋นลี่ยวน คุณชายสามแห่งบ้านจิ๋น!
ล้อเล่นเถอะ วันแรกที่เข้าร่วมทีมตำรวจ พวกเขาแต่ละคนล้วนได้รับสมุดเล่มเล็กคนละเล่ม ในนั้นมีเกี่ยวกับพวกบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองT ล้วนเป็นคนที่พวกเขาไม่อาจไปล่วงเกินได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักคนเหล่านั้น แต่กลับพูดออกไปไม่ได้ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับภรรยาของคุณชายสามแห่งบ้านจิ๋นนั้น พวกเขาจึงได้ตั้งใจทำงานกันมากกว่าปกติ
หลังจากสืบหากันมาประมาณสามสิบนาทีแล้ว หัวหน้าทีมตำรวจก็ได้ก้าวมาพูดกับจิ๋นลี่ยวนอย่างนอบน้อม “คุณชายจิ๋นครับ ต้องขอโทษจริงๆครับที่ตอนนี้เรื่องนี้ยังไม่อาจตัดสินได้ เพราะชิ้นงานของนักศึกษาทั้งสองท่านนี้เหมือนกันทุกอย่าง เพียงแค่คัดลออกออกมา พวกเราจึงไม่อาจตัดสินได้ว่าใครเป็นคนผิดได้ครับ”
จิ๋นลี่ยวนพยักหน้าเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขารับทราบแล้ว จากนั้นเขาก็เอ่ยเสียงกระซิบออกไป “ไม่เป็นไร ผมให้คนหามาให้พวกคุณแล้ว พวกคุณแค่สอบปากคำให้ดีก็พอ”
พูดจบ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของจิ๋นลี่ยวนหรือว่าจะถึงเวลาพอดี เพราะหน้าประตูได้มีคนหลายคนปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง บนร่างของคนเหล่านั้นได้สวมชุดเครื่องแบบของ‘โรงแรมหซือซัน’ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเป็นเอกลักษณ์ของ‘โรงแรมหซือซัน’ แห่งนั้น
ชายในชุดเครื่องแบบสีดำอายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดเดินเข้ามา หลังจากก้มหัวทักทายจิ๋นลี่ยวนและยินเสี้ยวเสี้ยว เล็กน้อยแล้วนั้นก็หันมาพูดกับหัวหน้าทีมตำรวจ “สวัสดีครับ ผมเฉินผูลี่เป็นผู้รับผิดชอบ‘โรงแรมหซือซัน’ผมทราบมาว่าทางนี้ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา วันนี้ผมก็เลยพาพนักงานที่ทำงานในวันที่ได้มีการถ่ายทำโฆษณาที่‘โรงแรมหซือซัน’มาที่นี่ด้วย”
วินาทีที่รู้ว่าคนของ‘โรงแรมหซือซัน’ก้าวเข้ามาที่นี่นั้น สีหน้าของจางหมืงย่ำแย่จนดูไม่ได้เสียแล้ว
พอเฉิงฉิงเห็นท่าไม่ดี ก็รีบเข้าไปพูดทันทีว่า “พนักงานที่คุณพามาเป็นพนักงานที่ทำงานวันไหนกัน? ใครจะไปรู้ว่าบางทีพวกคุณอาจจะได้ผลประโยชน์จากบ้านยินที่ต้องการมาที่นี่ก็ใส่ความ จางหมืงแบบผิดๆน่ะ!”
เฉินผูลี่มองเฉิงฉิงนิ่ง ใบหน้าสากเคร่งขรึมออกมาเล็กน้อย ทว่ายังคงมีความเป็นลูกผู้ชายสูง จวบจนกระทั่งเฉิงฉิงได้พูดจบไปจึงได้เอ่ยปากพูดออกมา “คุณหนูท่านนี้คงไม่ทราบถึงกฎของ‘โรงแรมหซือซัน’ของผมใช่มั้ยครับ ว่าไม่ว่าจะเป็นคนมีชื่อเสียงชั้นแนวหน้าที่ดังอยู่แค่ช่วงเวลานึงหรือจะเป็นตระกูลคนใหญ่คนโตที่คิดอยากจะใช้ฉากหรือถ่ายทำใดๆใน‘โรงแรมหซือซัน’ของผมล้วนเป็นไปไม่ได้ แต่ในตอนนั้นเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายใหญ่ตระกูลจิ๋นกับคุณหนูยินนั้นจึงอนุญาตให้เป็นกรณีพิเศษ อยากจะมาทำอะไรที่‘โรงแรมหซือซัน’ของผมถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผมถึงอย่างไรก็ไม่อาจทำได้”
– ‘โรงแรมหซือซัน’ของผม
เพียงแค่ไม่กี่คำนี้ได้เอ่ยออกมา คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ได้สั่นสะท้านกับคำพูดเหล่านั้นออกมาทันที แม้แต่หัวหน้าภาควิชาที่ก่อนหน้านี้ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาไม่ยั้งก็ได้หดหัวแต่โดยดี เบื้องหลัง‘โรงแรมหซือซัน’ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอะไร แต่ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ชัดว่าความสัมพันธ์ฝั่งนั้นเป็นแบบไหนกันแน่ แค่เพียงรู้เนืองๆว่าเกี่ยวข้องกับคนตระกูลจิ๋น แล้วยังเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจมือผีที่ใครๆต่างก็พูดถึงกันคนนั้นอีก
เฉิงฉิงเป็นคนนึงที่อยู่ในหอคอยไม่รับรู้สังคมภายนอกมีหรือจะรู้กฎพวกนี้ เมื่อเทียบสถานะทางบ้านของเธอกับยินเสี้ยวเสี้ยวก็ถือว่ายังต่างกันคนละชั้น แม้ว่าทางบ้านจะทำธุรกิจเช่นเดียวกัน แต่การจะเข้าใช้บริการ‘ร้านอาหารเทาถี้’หรือ‘โรงแรมหซือซัน’เธอก็คงจะรับค่าใช้จ่ายส่วนนั้นไม่ไหว คำพูดของเฉินผูลี่ได้ตบหน้าเธอไปเต็มๆโดยไม่ต้องสงสัย!
แต่ดูเหมือนว่าเฉินผูลี่จะไม่เห็นสีหน้าอับอายสุดทนของเธอเลยสักนิด และได้พูดต่อออกมาว่า “จวบจนปัจจุบันนี้ คนที่ได้มาถ่ายโฆษณาที่โรงแรมหซือซัน’ของผมก็คงมีเพียงแค่คุณหนูยินคนเดียวเท่านั้น เรื่องแบบนี้ผมเองก็รู้ดี ดังนั้นพนักงานที่ผมพามาในวันนี้ล้วนเป็นพนักงานที่ทำงานกะวันนั้นเท่านั้นครับ”
พูดอย่างนั้นแล้วพนักงานที่อยู่ด้านหลังเขาก็เดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าของหัวหน้าทีมตำรวจอย่างรู้งาน
หลังจากที่หัวหน้าทีมตำรวจได้ถูกทำให้ตื่นตกใจไปแล้วรอบนึงก็ได้เรียกสติกลับมา จากนั้นก็เรียกตำรวจมาสองนายเพื่อเริ่มทำการสอบปากคำ
ตำรวจเอ่ยถามอย่างเป็นกลาง “พวกคุณยังจำได้มั้ยว่าคนที่เข้าไปถ่ายทำโฆษณาที่โรงแรมเป็นใครหรือเปล่าครับ?”
พนักงานที่อยู่เหตุการณ์ต่างก็จ้องมองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาพูดออกมาอย่างพร้อมเพียงกันว่า “เป็นคุณหนูใหญ่บ้านยิน ยินเสี้ยวเสี้ยวครับ/ค่ะ”
ประโยคนี้เองทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนใหญ่อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจออกมา และยิ่งทำให้จางหมืงแทบจะทรงตัวไม่อยู่!
ในตอนนั้นเธอกล้าเอ่ยชื่อ‘โรงแรมหซือซัน’เป็นเพราะรู้ว่า‘โรงแรมหซือซัน’และ‘ร้านอาหารเทาถี้’ต่างขึ้นชื่อเรื่องความหยิ่งยโสพอๆกัน คิดว่าพวกเขาคงไม่มาสนใจเรื่องพวกนี้หรอก แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้จะถูกตบหน้าอย่างแรงแบบนี้ได้?
ทางตำรวจเองก็ไม่ได้หยุดที่จะถามออกไป ถามเรื่องในวันนั้นไปมากมาย จิ๋นลี่ยวนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ได้หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาโทรทางไกลไปยังหมายเลขของต่างประเทศ บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อประเทศรัสเซีย
การกระทำเหล่านี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของยินเสี้ยวเสี้ยว เธอเห็นมันอย่างชัดเจน จนอดไม่ได้ที่จะลอบมองไปยังใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าใบนั้นของจิ๋นลี่ยวน
ผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่ที่เขาได้ขอเธอแต่งงานไป เขาก็คอยเข้ามาช่วยเหลือเธอมาครั้งแล้วครั้งเล่า…….
ในตอนที่ปลายสายกดรับ การสอบปากคำของทางนี้ก็ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้นก็ได้ยินจิ๋นลี่ยวนพูดอะไรบางอย่างกับปลายสายเป็นภาษารัสเซีย ในตอนที่จิ๋นลี่ยวนพูดภาษารัสเซีย ก็ดูเหมือนว่าทุกคนในเหตุการณ์ตอนนี้ก็ได้รับรู้ว่าเขากำลังทำอะไร ถึงแม้ว่าจะดูเหลือเชื่อ แต่กลับจ้องมองเขาออกไปอย่างไม่ลังเลใจ
จิ๋นลี่ยวนไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงแค่ทักทายอย่างเป็นมารยาทจากนั้นก็เอาโทรศัพท์มาวางไว้ด้านหน้าคนอื่นๆ คนที่อยู่ในวิดีโอคอลนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นนางแบบสาวผมบลอนด์ที่อยู่ในโฆษณาคนนั้น
จิ๋นลี่ยวนมองไปยังผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ เอ่ยเสียงนิ่งออกมา “ใครในที่นี้พูดภาษารัสเซียได้บ้าง?”
แต่ละคนต่างมองหน้ากันไปมา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครถนัดภาษารัสเซียเลย ในตอนนั้นเองต๋งไขได้ยืนขึ้นมา “ผมครับ”
สายตายินเสี้ยวเสี้ยวมองไปยังเขาโดยที่ไม่พูดอะไร จิ๋นลี่ยวนทำเพียงส่งโทรศัพท์ไปด้านหน้าเขา ทั้งสองคนเริ่มคุยกันผ่านทางวิดีโอ ทุกครั้งที่ต๋งไขพูดได้พูดภาษารัสเซียออกไปเขาก็ได้หันมาแปลให้ทุกคนได้รับรู้ทีละประโยค และในส่วนที่นางแบบท่านนั้นได้พูดออกมาเขาก็ได้แปลออกมาทีละประโยคเช่นเดียวกัน เป็นการสนทนาที่เข้าใจกันได้อย่างง่ายดาย
จิ๋นลี่ยวนฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่ ในตอนที่นางแบบกำลังนึกหน้าอยู่นั้น เขาก็ได้เอาโทรศัพท์ยื่นกวาดไปทางทุกคนในเหตุการณ์ ต๋งไขจึงได้ถามออกมาว่า “ในที่นี้มีนักออกแบบโฆษณาในตอนนั้นอยู่หรือเปล่า? คุณยังจำได้หรือเปล่าว่าเป็นท่านไหนครับ?”
นางแบบตาฟ้าผมบลอนด์ในตอนที่ได้เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวก็นึกออกขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าที่รัสเซียเธอจะโดดเด่นเรื่องความสวยแค่ไหน แต่กับผู้หญิงที่ทั้งไร้เดียงสาและน่ารักจิ้มลิ้มอย่างยินเสี้ยวเสี้ยวถึงจะเห็นผ่านตาแต่เธอก็ยังจำไม่ลืม จึงได้ชี้ไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไม่ลังเล
หลังจากจิ๋นลี่ยวนวางสายไป เขาก็ยืนจับมือยินเสี้ยวเสี้ยวนิ่งเงียบราวกับเรื่องทั้งหมดเมื่อสักครู่ไม่ได้เป็นฝีมือเขาอยู่อีกฝั่ง สายตาผู้คนจ้องมองไปยังจางหมืง ด้วยนิสัยของต๋งไขจึงทำให้ทุกคนเชื่อหมดใจ เพราะถึงยังไงก็เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาสี่ปีแล้ว และยิ่งตอนปกติต๋งไขก็เป็นคนที่น่าคบหา ดังนั้นเรื่องภาษารัสเซียพวกนั้นจึงไม่มีใครสงสัยในตัวเขา
จางหมืงหน้าซีดลง ลำตัวสั่นไปหมด บนหน้าผากก็ได้อาบชื้นไปด้วยเหงื่อ
ทันใดนั้นจางหมืงก็ได้สติกลับมาแล้วเอ่ยพูดออกไป “ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ….”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้สนใจกับจางหมืงที่ดูน่าสงสารในตอนนี้ เธอรู้ดีว่าถ้าวันนี้ไม่ได้จิ๋นลี่ยวนที่ให้คนจาก‘โรงแรมหซือซัน’มาที่นี่และตามหานางแบบคนนั้นให้เธอ คนที่มีจุดจบที่น่าสงสารคนนั้นก็คงจะเป็นตัวเธอเอง!
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองจางหมืงนิ่ง แล้วพูดเสียงเรียบออกไปเพียงหนึ่งประโยคว่า “จางหมืง ตอนนี้ฉันอยากรู้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือใครเป็นคนเอาโฆษณาของฉันให้กับเธอ?”
จบประโยคนี้ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ปากเล็กของจางหมืงสั่นระริกพูดไม่ออกอยู่นาน ในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา สุดท้ายก็พูดออกมาเพียงแค่ว่า “ไม่มีใครให้ฉันมา ฉันขโมยมาเอง!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้วแน่น เป็นใครกัน? ใครกันที่ทำให้จางหมืงหวาดกลัวได้ถึงขนาดนี้?”