Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่61ช้าไปก้าวหนึ่ง ก็คือหนึ่งชีวิต
ตอนที่61ช้าไปก้าวหนึ่ง ก็คือหนึ่งชีวิต
หลังจากที่ค่อยๆ สูดหายใจเข้าไปลึกๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงจะพูดขึ้นมา “เจ็บชั่วคราวนี้ไม่ต้องพูดว่าไม่ได้ทำ นับว่าฉันเป็นคนทำเอง ตามเธอไปพัวพันความสามารถของคุณผู้หญิงก็ถือว่าพวกเราอยากไปโรงพยาบาลมันก็ไม่ง่าย”
ประโยคหนึ่ง เหมือนกับกำลังบอกว่าเซี่ยงหลินมองไม่เห็นสถานการณ์นี้ แล้วก็คอยรังควานแบบนั้นไม่จบไม่สิ้น
เซี่ยงหลินมีสีหน้าที่แอบโมโห มองไปทางยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างโกรธ
จิ๋นลี่ยวนที่เพิ่งเดินมา ในที่สุดก็มีสติขึ้นมา มองไปทางเซี่ยงหลิน ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา ดึงมือตัวเองที่ถูกเธอจูงไว้ตลอดกลับมาและพูดด้วยเสียงเบาๆ ท่าทางนั้นราวกับเหมือนกับกำลังปลอบใจน้องสาวของตัวเองอยู่ “พอแล้วเซี่ยงหลินเซี่ยงหลิน พวกเราตอนนี้ยังมีธุระอยู่ มีเรื่องอะไรอีกครั้งหน้าค่อยว่ากัน ไปก่อนนะ”
พูดจบจิ๋นลี่ยวนก็มองไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วก็เดินออกไปทางออก เหมือนกับปล่อยเซี่ยงหลินทิ้งไว้ตรงนี้
ยินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้ว นิ่งนึกคิดไม่ได้พูดอะไรออกมา
เกิดอะไรขึ้น
พฤติกรรมร่วมๆ ของจิ๋นลี่ยวนเมื่อกี้นี้ เดิมเธอคิดว่าจิ๋นลี่ยวนจะอะไรกับเซี่ยงหลินสักหน่อย แต่ดูๆ ตอนนี้แล้วก็เหมือนกับว่าไม่มีอะไร สมองของยินเสี้ยวเสี้ยวก็คิดคำออกมาสามคำทันที เมื่อกี้ที่เพิ่งพูดกับเซี่ยงหลินสามคำนั้นคือ——พี่ซูว
ก่อนที่จะขึ้นรถไป ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปทางจิ๋นลี่ยวนอย่างสงสัย
เธอเดินเข้าไปหาเข้า โดยไม่รู้อะไรเลย
มาถึงที่ตรงนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวราวกับว่ารู้สึกตัวขึ้นมา เธอรู้เพียงแต่ว่าเขาคือคนบ้านจิ๋นที่มีชื่อเสียง และเป็นเถ้าแก่อันดับที่สามของบ้านจิ๋น รู้ว่าเขาคือศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงของโรงพยาบาลหนันหยูระดับเยี่ยมยอด’ รู้ว่าเขาจะมาเป็นสามีในอนาคตของเธอ สองคนก้าวเข้ามาในงานแต่งงาน……แต่ว่า สำหรับการเติบโตหรืออารมณ์ความรู้สึกของจิ๋นลี่ยวนก่อนหน้านี้เหมือนไม่เคยมีมาก่อนแบบไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย……
เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เธอยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้มันเลย
นั่งอยู่บนรถอย่างเงียบๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ได้เพียงแต่นั่งก้มหัวเหมือนคิดอะไรอยู่ อยู่ๆ เธอก็นึกออกมาว่า ครั้งก่อนเธอถามเขาว่าทำไมเขาต้องมาแต่งงานกับเธอ จริงๆ แล้วคำตอบนั้นอยู่ตรงหน้าของเธอด้วยซ้ำแต่เธอกลับไม่กล้าที่จะฟังมันแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เธอต้องการคำตอบของคำถามนั้นคืออะไรเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะไปถามเขาอีก
เธอมักจะเป็นคนที่ขี้กลัวไม่กล้าแบบนี้อย่างงั้นหรอ
บนถนน จิ๋นลี่ยวนราวกับไม่ทันได้สังเกตท่าทีของยินเสี้ยวเสี้ยวที่ผิดปกติไป ได้เพียงแต่หลังจากที่ส่งเธอกลับบ้านไปแล้ว เขาก็ได้ขับรถกลับไปที่บ้านจิ๋นเท่านั้น ปล่อยให้ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ที่หน้าประตูเข้าบ้านยินคนเดียวและมองรถของเขาขับออกไปอย่างไม่รู้
ตกดึก ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งอยู่ภายในห้องน้ำ บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความเปียกชื้น ไหล่ขาวๆ ทั้งสองข้างวางไว้รอบๆ อ่างน้ำ วางหัวไว้ข้างบน ยังคงมีสติอยู่ พี่ซูวงั้นหรอ
บอกกับเซี่ยงหลินว่าพี่ซูวคือใครงั้นหรอ คือแฟนเก่าของจิ๋นลี่ยวนงั้นหรอ
จิ๋นลี่ยวนอายุมากกว่าเธอเกือบสี่ปี ปีนี้ก็อายุยี่สิบเจ็ดแล้ว จะบอกว่าก่อนหน้านี้ว่าเขาไม่มีแฟน ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็คงไม่เชื่อ แต่สรุปแล้วพี่ซูวคือใครกัน และท่าทางตอนที่จิ๋นลี่ยวนเห็นเข้ากับตอนนั้นมันหมายความว่ายังไงกัน
หน้านิ่วคิ้วขมวด ตามองเห็นอย่างมัวๆ ไม่ค่อยชัด ราวกับโดนไอน้ำบัง ยินเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังขึ้นไปที่อ่างอาบน้ำกำลังคิดถึงความคิดของตัวเองอยู่ จนกระทั่งตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้นมา ในตอนนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวถึงจะออกไปจากห้องอาบน้ำ
ด้านบนโทรศัพท์ปรากฏชื่อว่าต๋งไข
เมื่อยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นสิ่งนี้ราวกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ ในตอนนั้นหลังจากที่เธอโกรธออกไป ก็ลืมต๋งไขและถาวหยีไว้ข้างหลัง ถาวหยีชินกับอารมณ์แบบนี้ แต่ต๋งไขกลับยังไม่ชินเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ยินเสี้ยวเสี้ยวรับสายอย่างแอบรู้สึกหงุดหงิด “ฮัลโหล”
เหมือนกับต๋งไขจะอยู่ที่KTV แอบเสียงดังเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขนาดที่ฟังไม่ได้ยิน “เสี้ยวเสี้ยว ทำไมเธอถึงยังไม่มาล่ะ ตอนนี้ขาดแค่เธอแล้วนะ คนทั้งห้องมาถึงที่นี่หมดแล้ว เธอรถติดที่ไหนใช่ไหมล่ะ”
ต๋งไขพูดขึ้นมาในตอนนั้น ถึงทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวเพิ่งนึกขึ้นมาได้ หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ห้องของพวกเขาปรึกษากันแล้วว่า วันนี้ตอนเย็นจะต้องไปที่‘เฟิงฮัวซิ่งเย่ว’KTVเพื่อที่จะฉลองชีวิตสุดท้ายของตัวเองในมหาลัย พูดได้ว่าเป็นการรวมตัวกันครั้งสุดท้ายของชีวิตของมหาวิทยาลัย แต่วันนี้กลับลืมไปแล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวยื่นมือของตัวเองไปตบที่หัวของตัวเอง หลังจากที่รู้สึกเจ็บขึ้นมาเล็กน้อยก็รีบพูดต่อไปว่า “ฉันรถติดน่ะ เดี๋ยวจะรีบไปนะ พวกเธอก็ไม่ต้องรอฉันหรอก กินกันไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันก็ถึงแล้ว”
ต๋งไขที่ได้ยินยินเสี้ยวเสี้ยวพูดแบบนั้นก็สบายใจ ก็กลัวว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะไม่มาอีก จะต้องรู้ว่าวันนี้ที่‘ร้านอาหารเทาถี้’คึกคักกันไม่น้อย ในที่สุดคนของบ้านยินกับบ้านเซี่ยงสีหน้าเหมือนจะกินคนทั้งทาง เขาก็คิดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะถูกบ้านยินขังไว้ไม่ให้ออกจากบ้าน
“อ่า งั้นก็ดีแล้ว งั้นเธอรีบมานะ พวกเรารอเธออยู่”หลังจากที่ต๋งไขสบายใจก็ไม่ได้เข้าไปในห้อง และก็ยืนอยู่หน้าประตูของ‘เฟิงฮัวซิ่งเย่ว’KTV ยืนพิงกับประตูเงียบๆ มองไปทางทางที่คิดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะมา
คืนนี้ เขามีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกกับเธอด้วยตัวเอง
หลังจากที่ยินเสี้ยวเสี้ยววางสายไป ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จกระทั่งไม่ทันได้ตรวจดูกระเป๋าของตัวเอง จนลืมโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียง และคนของบ้านยินราวกับกำลังขายหน้าบ้านเซี่ยง ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่กลับมา
เรียกรถมาถึงที่‘เฟิงฮัวซิ่งเย่ว’KTV หลังจากที่ยินเสี้ยวเสี้ยวให้เงินเสร็จแล้วกำลังลงมาจากรถ ก็เห็นรถเก๋งสีดำทั้งคันของต๋งไข สีหน้าเลยเหวอไปครู่หนึ่ง และยิ้มกลับไป
“ขอโทษนะ บนถนนรถติดมาก”ยินเสี้ยวเสี้ยวสีหน้าแดงเล็กน้อย เธอไม่ชอบพูดโกหก บางครั้งแค่พูดโกหกแค่สองสามคำเธอก็หน้าแดงขึ้นมาแล้ว ยินดีที่ตอนนี้เป็นตอนกลางคืน เลยโดนแสงไฟที่อยู่หน้าประตูKTV พลางมันไว้อยู่ แต่ก็ถูกไฟกะพริบพวกนั้นทำเอาตาลายไม่แพ้กัน “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ดื่มมาเยอะแล้วใช่ไหม เลยออกมาสูดอากาศข้างนอก หรือว่าตั้งใจที่จะหลบมาไม่กินเหล้า”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มอย่างน่าสนใจ สำหรับต๋งไขแล้วเธอไม่ได้ทำให้ใจเขาเต้นเลย แต่กับเธอ มันทำให้ต๋งไขอดที่จะเป็นเพื่อนกับเธอไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยใจสี่ปีที่T เด็กผู้ชายคนนี้คือน้อยมากที่จะไม่คิดว่าเธอเหมือนกับคนเจ้าเล่ห์ในตำนาน
ต๋งไขแสยะยิ้ม สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้เขาชอบมาสี่ปีเต็มๆ ตั้งแต่วันที่เธอเข้ามหาวิทยาลัยวันแรก เธอก็เข้ามาในหัวใจของเขาแล้ว แต่เขาช้าไปแค่ก้าวหนึ่ง มิฉะนั้นคนที่อยู่ข้างๆ ของยินเสี้ยวเสี้ยวมาตลอดสี่ปีคงจะไม่ใช่เซี่ยงเฉิงเพื่อนรุ่นพี่ แต่มันคงจะเป็นตัวเองมากกว่า ก็บางทีตอนนี้เหมือนจะได้ยินว่ายินเสี้ยวเสี้ยวแต่งงานแล้ว ก็นับว่าแต่งงานออกไปแล้ว คนที่เธอแต่งงานคนนั้นก็คงไม่แน่ที่จะเป็นตัวเอง
ทั้งหมดทั้งมวล ต่างก็พูดได้ว่าช้าไปแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
บางครั้ง การที่ช้าไปแค่ก้าวเดียวนั้นก็คือทั้งชีวิตนั่นเอง
สายตาของต๋งไขทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา ไม่ใช่เพราะว่าในของเธอเต้น แต่เพียงแค่ไม่อยากที่จะให้ความรู้สึกของพวกเขาทั้งสองคนภายหลังจะตะกุกตะกักทำตัวไม่ถูกเท่านั้นเอง เกือบจะรู้สึกตัวว่ายินเสี้ยวเสี้ยวยกเท้าอยากที่จะเข้าไปในห้องแล้ว อยากที่จะให้พวกนั้นมาสกัดกั้นการทำร้ายที่รับไม่ได้ของตนเอง
“ถาวหยีก็มาถึงแล้วใช่ไหม เธอคงจะนั่งกอดโทรศัพท์ตลอดไม่ยอมปล่อยใช่ไหมล่ะ”ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดปนหัวเราะ ทำหน้ามีความสุข “พวกเราเข้าไปกันเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวถูกพวกมันทำโทษให้กินเหล้าไม่ดีแน่”
พูดๆ อยู่ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็หนีออกไปจากสภาพแบบนี้ ไปในที่ที่เธอจะระงับอารมณ์ของตัวเองได้ กลับไม่คิดว่าตอนที่กำลังจะออกไปกลับมีมือของใครสักคนมาคว้าจับไว้ แถมยังเป็นความรู้สึกที่ไม่อบอุ่น และอารมณ์ที่ไม่ค่อยมั่นคง
“ยินเสี้ยวเสี้ยว ผมมีเรื่องจะบอกคุณ”
บรรยากาศเงียบๆ ก็โผล่เข้ามาหลังจากที่ได้ยินคำนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวใจเต้นเล็กน้อย
ทั้งสองคนไม่ทันได้ระวังสังเกต ที่พวกเขายืนคุยกันที่ท้ายรถออดี้ มีรถคันหนึ่งจอดอย่างเงียบๆ สังเกตดูอยู่
ต๋งไขดึงตัวของยินเสี้ยวเสี้ยวให้หันกลับมา ยืนเงียบๆ อยู่ข้างหน้าของเธอ มองไปที่ผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงแต่กลับสูงแค่คางของเขาแล้วพูด“ยินเสี้ยวเสี้ยว ผมชอบคุณ”
ไม่พูดรั้งเอาเธอไว้ ไม่ทำให้ลำบากใจ
คำเดียว ที่สี่ปีก่อนควรที่จะพูดมันออกไป ต๋งไขกลับพูดออกมาในวันนี้
ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ไม่คิดว่าต๋งไขจะตรงขนาดนี้ เลยเงยหน้าขึ้นไปมองผู้ชายหน้าตาดูดีที่อยู่ข้างหน้า พูดอย่างสงบจิตสงบใจ ต๋งไขเป็นคนที่ดีมาก กระทั่งตอนที่ถูกครอบครัวของตัวเองบังคับให้แต่งงานตอนนั้น เธอเคยอยากที่จะให้ต๋งไขมาช่วยแสดงละครตบตาหน่อย แต่ดันมาเจอเข้ากับจิ๋นลี่ยวนเอาซะก่อน……
ต๋งไขไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองช้างไปก้าวหนึ่ง จนมาถึงตอนนี้ มันกลายเป็นสองก้าวเข้าไปแล้ว และสองก้าวเนี่ยแหละมันทำให้รู้ชัดแล้วว่าสุดท้ายแล้วเขาได้เสียยินเสี้ยวเสี้ยวไปแล้ว
“ก่อนหน้านี้สี่ปี คนที่เดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาที่มหาลัย ตอนที่ผมเห็นคุณอยู่ที่สนามบาส ผมก็ชอบคุณแล้ว ผมไม่เคยรู้เลยว่าอะไรคือรักแรกพบ แต่นับตั้งแต่เวลานั้นที่ผมได้เจอกับคุณผมก็รู้แล้วว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไร……”ต๋งไขยืนนิ่งพูดต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งมือที่จับยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ไม่ได้ปล่อยมันลงไป และพูดต่อไปว่า “ผมเตรียมไว้ รอจนจะสารภาพรักกับคุณ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าก่อนที่จะสารภาพรักกับคุณหนึ่งวันจะได้ยินข่าวที่เธอคบกับเพื่อนรุ่นพี่เซี่ยงเฉิงจากคนทั้งมหาลัย ตอนนั้นผมเสียใจมาก……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เคยรู้เลยว่า ต๋งไขที่เป็นคนปกป้องตัวเองมาตลอดสี่ปีนั้นจะเป็นเรื่องจริง
“หลังจากนั้นผมก็เริ่มรอ รอเธอกับเซี่ยงเฉิงเลอกกัน กลับมาสู่ในอ้อมกอดผมให้ผมปกป้องเหมือนเดิม”ต๋งไขไม่รู้ว่าสรุปแล้วผิดตรงไหน ทำไมพวกเขาถึงได้คลาดกันแบบนี้ “แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่า หลังจากที่ได้ยินเรื่องเลิกกันของเธอและเซี่ยงเฉิง กระทั่งเรื่องของเซี่ยงเฉิงยังมาคบกับน้องสาวของเธอ แค่วันเดียวเท่านั้น ก็ได้ยินข่าวเรื่องการแต่งงานของเธอออกมาอีก ที่จริงแล้วก็แค่ข่าวลือเท่านั้นเอง แต่เธอเองกลับมายืนยันมันออกสื่อว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงด้วยตัวเอง”
เรื่องนี้เขาไม่เคยขอมันเลย กลัวว่าเขาจะรับมันไม่ได้ แต่รับไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้มันไม่อยู่แล้ว มีเรื่องมากมายที่จะต้องออกไปเผชิญยอมรับมัน
“เสี้ยวเสี้ยว……”ต๋งไขมองยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างจริงจัง ครั้งแรกที่ถามออกมาแบบนี้ “ผมมีโอกาสบ้างไหม”
เขาไม่ได้ถามเลยว่าสรุปแล้วยินเสี้ยวเสี้ยวแต่งงานไปแล้วหรือยัง จากมุมมองของเขา เขาคิดว่าตอนแรกยินเสี้ยวเสี้ยวถูกบังคับ ไม่มีทางเลือก แต่เขาอยากที่จะรู้เพียงเท่านั้นว่าตัวเองนั้นมีโอกาสบ้างไหม ถ้าเกิดให้เขาทนรอต่อไปอีกไม่รู้จะกี่ปี เขาก็สามารถที่จะรอได้ ขอแค่คำเดียวเท่านั้น เขาก็สามารถทำแบบนั้นได้……
แต่ เรื่องหลายๆ เรื่องไม่ใช่ว่าเขาจะยอมเท่าไหร่ก็สามารถได้ผมกลับคืน
“เสี้ยวเสี้ยว”เรียกอย่างเบาๆ ผ่านไปแป๊ปเดียวก็กลายเป็นบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นม