Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - ตอนที่63 ความสามารถของฉันที่ขีดเส้นใต้ไว้
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- ตอนที่63 ความสามารถของฉันที่ขีดเส้นใต้ไว้
ตอนที่63 ความสามารถของฉันที่ขีดเส้นใต้ไว้
เซี่ยงหลินยังคงร้องไห้ต่อ แต่ในใจของจิ๋นลี่ยวนเคร่งขรึมไม่สนใจเขาอยู่แบบนั้น ได้แต่พูดออกไปตามหน้าที่เท่านั้นว่า“เซี่ยงหลิน ฉันแค่มองเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้นนะ”
คำนั้นขัดความคิดของเซี่ยงหลิน อยู่ๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็พบว่า วันนี้ตอนเย็นจิ๋นลี่ยวนปฏิเสธคนที่มาสารภาพรักกับเขาทั้งสองคน แม้ว่าอย่างหนึ่งก็เพราะเธอ อีกอย่างหนึ่งก็เพราะเขา แต่ทั้งหมดนั้นคือการปฏิเสธของเขา
ยินเสี้ยวเสี้ยวหันหน้าไป ไม่ได้มองไปทางจิ๋นลี่ยวนและไม่ได้มองไปทางของเซี่ยงหลินในใจกลับสบายใจขึ้นมาไม่น้อยเพราะพฤติกรรมของจิ๋นลี่ยวน กระทั่งเกือบเหมือนกับกำลัง ‘ตะกุมตะกราม’ในตอนที่เจอเข้ากับเซี่ยงหลินใจก็ดูวุ่นวายขึ้นมา
จิ๋นลี่ยวนเริ่มมองสังเกตุไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยว ในตอนนั้นเห็นเธออารมณ์ดีขึ้นมาแบบนั้น แต่ก็ไม่สามารถทายออกได้ว่า วันนี้เธอผิดปกติอย่างไร และอดไม่ได้ที่จะยิ้มที่มุมปากขึ้นมา
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำลอยขึ้นมาในอากาศ นำเอาเสน่ห์ดูน่าดึงดูดใจขึ้นมาดึงดูดผู้คน
“ผมแต่งงานกับเสี้ยวเสี้ยวแล้ว นั่นก็แปลว่า อีกไม่นานงานแต่งงานของพวกเราก็ใกล้ที่จะจัดขึ้นมา ในตอนนั้นถ้างานเริ่มเมื่อไหร่ แล้วเธอมีเวลา ก็มาเข้าร่วมงานได้นะ”จิ๋นลี่ยวนพูดขึ้นมาเบาๆ และหันไปมองที่ยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็ยื่นมือไปโอบเอวเธอ “เรื่องระหว่างเราคงเป็นได้แค่พี่ชายน้องสาวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นผมจะแต่งหรือไม่แต่ก็คงมีผลสุดท้ายที่เหมือนกัน อย่างเดียวกัน ผมหวังว่าวันหลังคุณจะเคารพในตัวของเสี้ยวเสี้ยวหน่อย เพราะว่าเธอคือภรรยาของผม”
ก่อนหน้านี้ใจของยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ตอนนี้เธอเองแทบไม่มีอารมณ์อะไรแล้ว
เดิมเธอเป็นผู้หญิงที่รู้จักพอได้ง่ายมาก บางครั้งแค่สองสามคำ เธอก็เข้าใจ แต่ความบริสุทธิ์ของเธอนั้น มันไม่ได้หมายความว่าเธอโง่แต่อย่างใด เธอฉลาดมาก และกระตือรือร้น ตรงไปตรงมา และร่าเริงแจ่มใส
จิ๋นลี่ยวนไม่รู้เลยว่าข้อเสียของเธออยู่ตรงไหน ที่ผ่านมามีเพียงแค่แก้ปัญหาได้ตรงจุด ทั้งแม่นยำ และทั้งเฉียบคม
พูดไปก็เท่านั้น จิ๋นลี่ยวนก็ไม่สนใจเซี่ยงหลินอีก และหันไปพูดกับยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างตรงๆ ว่า “วันนี้มีงานเลี้ยงรวมเพื่อนหรอ เดี๋ยวผมไปส่งนะ สักพักค่อยโทรบอกผมแล้วกัน เดี๋ยวผมไปรับ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มและผงกหัว แสดงท่าทีที่พอใจกับการกระทำของจิ๋นลี่ยวนในเย็นวันนี้
เซี่ยงหลินมองดูภาพของจิ๋นลี่ยวนที่กอดกับยินเสี้ยวเสี้ยวจากนั้นก็ออกไป นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียด!
เทียบอะไร เทียบอะไรกัน!สรุปแล้วเทียบกับอะไรกันห้ะ!
อยู่ๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ดันได้จิ๋นลี่ยวน!
จะต้องรู้แล้วว่า ตั้งแต่ที่จิ๋นลี่ยวนโผล่เข้ามาในชีวิตของเธอครั้งแรก เธอก็รักเข้ากับเขาแล้ว!
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่หมอจนๆ คนหนึ่ง เธอก็ยังรักเขาแบบไม่มีเหตุผล บางทีเธอเองกระทั่งซาบซึ้งในความรู้สึกของตัวเอง!
ต้องรู้สิว่า เธอเป็นลูกสาวคนที่สองของบ้านเซี่ยงนะ ‘สายเลือดเซี่ยง’มีครึ่งหนึ่งที่เป็นตัวเอง ตัวเองอายุยังน้อยสละสลวย แถมยังเรียนเต้นอีกต่างหาก หน้าตาสวยงามอ่อนช้อยงดงาม มาชอบหมอจนๆ อย่างจิ๋นลี่ยวน มันออกจะเป็นเหมือนเรื่องคุณหนูใหญ่กับชายยากจน แบบนี้ไม่ดูน่าประทับใจเลยหรอ
แต่ทำไม จิ๋นลี่ยวนถึงคบกับยินเสี้ยวเสี้ยวได้ล่ะ
ในตอนนั้น ในใจของเซี่ยงหลินเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด ไม่พอใจแถมยังไม่แสดงออก!
ไม่เคยมีของชิ้นไหนที่เธออยากได้แล้วเธอไม่เคยได้มันมาก่อน สักวันหนึ่งจิ๋นลี่ยวนจะต้องตกเป็นของเธอแน่นอน!
หลังจากที่จิ๋นลี่ยวนพายินเสี้ยวเสี้ยวส่งไปที่ห้องงานเลี้ยงของพวกเขาก็หยุดสักครู่ เขายื่นมือออกไปจัดระเบียบผมที่ยุ่งๆ ของยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นเขาก็พูดเบาๆ ว่า “เดี๋ยวผมไปสนุกกับเพื่อนร่วมงานที่นี่แป๊ปนึงนะ สักพักคุณค่อยโทรหาผมแล้วกัน”
ยินเสี้ยวเสี้ยวผงกหัวไม่ได้พูดอะไร เธอไม่เคยคิดเลยว่าจิ๋นลี่ยวนจะอธิบายกับเธอ ในความเป็นจริงแล้ว เธอคิดว่าจิ๋นลี่ยวนจะไปหาเซี่ยงหลินซะอีก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดมากเกินไป
สายตานั้นจ้องมองไปที่สานตาดำสนิททั้งสองข้าง ยินเสี้ยวเสี้ยวค่อยๆ ยิ้มขึ้นมา แก้มข้างๆ เห็นร่องยิ้มเล็กๆ ที่แสดงว่ามีความสุขขึ้นมาหน่อยๆ และก็ยิ้มบางๆ จากนั้นจิ๋นลี่ยวนก็พูดขึ้นว่า“ยินเสี้ยวเสี้ยว วันนี้คุณหึงหรอ”
หือ!
นี่ยังดีที่อยู่ที่แสงไฟสาดส่องเป็นสีๆ ในKTV หน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวก็แดงราวกับลูกแอปเปิลขึ้นมา ลูกตาก็กลอกไปมาไม่หยุด ทั้งตัวพูดแทบไม่ออกเลยว่าน่ารักขนาดไหน
จิ๋นลี่ยวนที่มองอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมากว้างขึ้นมากขึ้น และมากขึ้นมากกว่าเดิม เหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับยื่นมือออกไปผลักมือเขาออก และก็พูดขึ้นว่า “นายรีบไปเถอะ ฉันเข้าไปละ”
พูดจบ เดิมก็ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาตอบกลับของจิ๋นลี่ยวน และก็รีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ด้านนอกก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
ยินเสี้ยวเสี้ยวเพิ่งจะเข้าไปด้านใน ยังไม่ทันได้จัดการอารมณ์ดีๆ ก็เห็นภายในห้องเต็มไปด้วยเพื่อนๆ กำลังร้องเพลงอย่างบ้าคลั่ง ดื่มเหล้า ภาพนั้นราวกับว่าพรุ่งนี้เป็นวันสิ้นโลกยังไงอย่างนั้น
ถาวหยีเห็นว่ายินเสี้ยวเสี้ยวมาแล้ว ถือไมค์เข้าไป กระทั่งไม่เสียดายที่จะยื่นไมค์นั้นออกไปให้ ยินเสี้ยวเสี้ยว
คนทั้งห้องราวกับว่า กำลังวาดจุดฟูสต็อปที่สมบูรณ์ให้กับเพื่อนนักเรียนของตนเอง แต่ว่าชีวิตของคนไม่มีทางที่จะกลับมาเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง มีทั้งมีความสุข และกลัดกลุ้ม เช่นถาวหยี, ต๋งไข และเสี้ยวเสี้ยว
ทุกคนต่างก็มีความกลัดกลุ้มเป็นของตัวเอง
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ไปหาต๋งไขเลย ทั้งสองคนราวกับว่า นัดกันมาแล้วว่าต่างคนต่างไม่ไปหาใคร ได้เพียงแต่เงียบๆ และใช้ชีวิตผ่านๆ ไป ราวกับว่าเรื่องราวหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างเหล่านี้ ไม่มีเคยเกิดขึ้นมาก่อนแบบนั้น
เพียงแต่ว่าพวกเขาเข้าใจมันมากกว่าใครๆ มีเรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่าไม่พูด ก็คือไม่เก็บไว้
เรื่องจริงก็มักจะเหมือนความจริง เหมือนติดเป็นเงาตามตัว
ณ บ้านจิ๋น
คุณย่าจิ๋นเพิ่งกลับมาจากออกกำลังกายตอนเช้า ก็เห็นเข้ากับจิ๋นลี่ยวนยังคงนั่งกินข้าวเช้าอยู่ในบ้าน เหมือนราวกับเห็นเนื้อแมวสะท้อนแสง เธอรีบพุ่งเดินเข้าไปหา และนั่งด้านข้างของจิ๋นลี่ยวนราวกับตัวเองไม่ได้อายุเจ็ดสิบ เธอมองดูจิ๋นลี่ยวนด้วยสายตาที่แพรวพราว ทำเอาคนของบ้านจิ๋นอดไม่ได้ที่จะรู้จักเธอ
คุณย่าจิ๋นอ่ะ คุณทำตัวให้มันเหมือนกับผู้หลักผู้ใหญ่หน่อยได้ไหม ทำไมถึงได้ดูกระปรี่กระเป่าแบบนี้
สายตาดูแพรวพราว คิดว่าเป็นผู้หญิงที่เข้ามาจีบงั้นหรอ
คุณย่าจิ๋นไม่ได้สนใจผลกระทบแต่อย่างใด นั่งลงข้างๆ ของจิ๋นลี่ยวนและพูดถามขึ้นมาเบาๆ ว่า “หลานชาย เมื่อไหร่จะเอาหลานสะใภ้พามาหาฉันล่ะ ถ้าเกิดเธอไม่มีเวลา หลานเองก็ไม่มีเวลาก็ไม่ต้องเครียด ก็ทำหลานออกมาให้ฉันเลี้ยงเท่านั้นก็พอแล้วล่ะ”
หลังจากที่จิ๋นลี่ยวนดื่มนมเสร็จก็หันหน้าไปปมองเธอ และพูดออกไปว่า “คุณย่า คุณย่าช้ามากๆ ผมจะป้ำหลานออกมาได้ยังไง เสี้ยวเสี้ยวก็เรียนจบมานานแล้ว เรื่องแต่งงานก็ยังไม่ได้เตรียมเลย จะโทษผมหรอ”
พอคุณย่าจิ๋นฟัง แว่นสายตายาวที่อยู่บนจมูกก็ค่อยๆ ไหลลงมา คุณย่าก้มหัวแล้วเลิ่กตามองขึ้นไป และพูดว่า “พูดกันมาตั้งนาน สรุปว่าฉันนั้นแหละที่เป็นคนทำเรื่องไม่สำเร็จ ใครบอกให้แกเป็นไม้อ่อนขนาดนั้นล่ะ ถ้าเกิดแกเหมาะสม จะมีเรื่องอะไรมากมาย อีกอย่าง แม่แกทำก็คงไม่ต่างกัน รวมทั้งแกกับเสี้ยวเสี้ยวสองคนยังไม่ได้ถ่ายรูปแต่งงานกันเลยนะ!”
แค่คำเดียวก็เตือนสติจิ๋นลี่ยวนได้ แม้แต่ท่าทางที่จะกินข้าวเช้าก็ช้าลง
คุณย่าจิ๋นทำไมเป็นคนที่ฉลาดแบบนี้ แค่มองก็รู้แล้วว่าจิ๋นลี่ยวนลืมอะไรไป เลยรีบหัวเราะห้าห้า เดินเข้าไปข้างหน้าพูดต่อ “ฉันว่านะ บ้านของพวกเราเดิมมีช่างกล้องที่ดีคนหนึ่งอยู่ แกเองก็อย่าข้ามไปเลย รีบจัดการให้ฉันพาคนมาถ่ายรูปแต่งงานให้แก่สิ ฝีมือของฉันก็ไม่เลวน้า ขีดเส้นใต้ไว้ได้เลย!”
จิ๋นลี่ยวนหันไปมองคุณย่าจิ๋น ใบหน้าที่ดูพอใจ ทำให้เอาเขาปฏิเสธไม่ได้ ใบหน้าที่ดูพอใจนั้นทำให้เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ อีกอย่างความสามารถการถ่ายภาพของคุณย่าจิ๋นก็ไม่ได้แย่อะไร กระทั่งนับได้ว่ามันดีด้วยซ้ำ
จนถึงจิ๋นลี่ยวนออกไปจากบ้านจิ๋น คุณย่าจิ๋นก็อยู่ในท่ามกลางความสุข เธอไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้ได้โอกาสที่จะช่วยหลายถ่ายรูปแต่งงาน นับว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก เธอเลยไปตรวจดูกล้องของเธอว่ายังดีอยู่ไหม!
และยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นถูกจิ๋นลี่ยวนต้มเข้าเเล้ว
รอจนถึงตอนบ่าย ยินเสี้ยวเสี้ยวก็โดนจิ๋นลี่ยวนเรียกไปหาที่โรงพยาบาล เธอก็คิดว่าคงจะเป็นเรื่องอะไรนิดๆ หน่อยๆ อย่างเช่นเรื่องเสื้อใหม่ รองเท้าใหม่ หรือไม่ก็เรื่องเงินๆ ทองๆ ทำนองนั้น กลับไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไรพวกนี้เลย ท้ายที่สุดหลังจากที่จิ๋นลี่ยวนทำงานเสร็จ จนถึงที่บ้าน ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงจะรู้เรื่องนี้
แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า เพื่อรูปงานแต่งแล้ว คุณย่าจิ๋นขอให้เธอมานอนที่บ้านจิ๋นตั้งสามวัน!
สำหรับเรื่องการถ่ายภาพงานแต่งงานเรื่องนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่มีข้อคิดเห็นใดๆ เลย จิ๋นลี่ยวนก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้บอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ไม่ได้อะไร กระทั่งหยูเจียห้วยดึงตัวเธอไปทำเรื่องงานแต่งทั้งหมด ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังไม่มีความเห็นอะไรใดๆ อีก แต่ใครช่วยบอกเธอได้ไหมว่า ทำไมเธอจะต้องอยู่ที่บ้านจิ๋นตั้งสามวัน
นี่ไม่ได้แฝงความหมายว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวจะต้องอยู่กับคุณย่าจิ๋น、จิ๋นหยวนเฟิงอีกทั้งหยูเจียห้วยด้วยกันตั้งสามวันงั้นหรอ
จิ๋นลี่ยวนไม่ได้ไปทำงาน ไปเช้ากลับดึก แทบไม่เห็นหน้า เธอควรจะทำไงดีล่ะทีนี้
ตอนที่รู้ข่าวเรื่องนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็หันไปมองที่จิ๋นลี่ยวน ก็มองภาพออกตอนที่ได้ยินเสียงของจิ๋นลี่ยวนบอกลาขึ้นมา แต่จิ๋นลี่ยวนไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย!
ตอนนี้ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวร้องไห้ฮือๆ ต่อกันก็มีไปหมด…
“คุณย่า……”ยินเสี้ยวเสี้ยวหน้าหนาถามขึ้นไป และทำท่าทางที่ดูระวังและกลัวๆ “ฉันอยู่ก่อนแต่งคงจะไม่ดีเท่าไหร่นะคะ พอถึงตอนที่ข่าวออกไปแล้วจะทำยังไงล่ะคะ”
คุณย่าจิ๋นหัวเราะหนี่ตา และก็พูดว่า “กลัวอะไรไป พวกเรามีทุนที่ไม่อธิบาย”
แค่คำเดียวทำเอายินเสี้ยวเสี้ยวอึดอัดใจ!
กระทั่งคุณย่าจิ๋นยังให้นายใหญ่บ้านจิ๋นโทรไปบอกกับยินจื่อเจิ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็ถูกอนุมัติแล้ว กระทั่งการอยู่ห้องของเธอนั้นก็เข้าไปนอนที่ห้องของจิ๋นลี่ยวน และจิ๋นลี่ยวนเองกลับถูกไล่ไปนอนที่ห้องรับแขก
พอยินเสี้ยวเสี้ยวรู้เรื่องนี้ ใจก็แอบสบายใจขึ้นนิดหนึ่ง
แม้ว่าเธอจะกลัวคนของบ้านจิ๋น แต่กลับต้องพูดออกมาว่า คนของบ้านจิ๋นต้องรับเธอเป็นอย่างดี สุดท้ายแล้วคนอื่นทำได้ ไม่ทำให้เธอต้องได้รับความไม่เป็นธรรม และก็ไม่รังแกเธอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวเอาเสื้อสองชุดนอนที่บ้านของแบบนั้นบ้านจิ๋น แต่ถ้าหากหลังจากที่เธอรู้เรื่องมันจะเป็นแบบนี้ เธอจะไม่ยอมที่จะเขามาที่นี่เลย……
ตอนที่เธอนอนอยู่ คุณย่าจิ๋นอยู่ๆ ก็โผล่ออกมา ตอนที่เธอกินข้าวอยู่ อยู่ๆ คุณย่าจิ๋นก็โผล่ออกมา ตอนเธออาบน้ำ คุณย่าจิ๋นอยู่ๆ ก็โผล่ออกมาอีก ตอนที่เธอตื่นนอน คุณย่าจิ๋นก็โผล่มาอีกแล้ว……
ฮือฮือ ยินเสี้ยวเสี้ยวอยากจะร้อง ถ้าเกิดคุณย่าจิ๋นอยู่ๆ ก็โผล่ออกมาแบบนี้ตลอด เธอจะต้องกลายเป็นเด็กที่ถูกคุณย่าหลอกคนแรกแน่ๆ ถ้าเกิดจิ๋นลี่ยวนอยู่ก็คงดี ปกติแล้วเขาจะต้องรู้วิธีการโผล่มาของคุณย่าจิ๋น แต่ตัวเองก็ไม่ได้แพ้อะไรนะ แต่มักจะถูกคุณย่าจิ๋นทำเอาตกอกตกใจเป็นรอบๆ