Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 152 สองคน คนละโลก
บทที่ 152 สองคน คนละโลก
ชายชราที่อยู่ข้างๆได้ยินเช่นนี้แล้ว รีบพยักหน้าทันที
เขาเองก็คิดไม่ถึง ก็แค่หกล้ม แต่กลับต้องมาเจอเรื่องมากมายขนาดนี้…………
ยินเสี้ยวเสี้ยวอดไม่ไหวหันไปมองยินจื่อเว่ย แสดงสีหน้าที่ไม่พอใจ
ความใจร้อนของเขายังแก้ไม่หายอีกเหรอ…………
ยินจื่อเจิ้นคิ้วกระตุกเล็กน้อย มองยินจื่อเว่ยอย่างเย็นชา ทำให้ยินจื่อเว่ยรู้สึกเกร็งเล็กน้อยจึงหลบไปด้านหลังของยินเสี้ยวเสี้ยว ตอนนี้ไม่เหลือท่าทางเย่อหยิ่งอะไรแล้ว ก็เป็นแค่เด็กที่ไม่รู้จักโตคนหนึ่ง
“ขอโทษจริงๆ เป็นเพราะน้องชายของฉันหาเรื่องเอง เข้าใจพวกคุณผิดไปแล้ว…….” ยินเสี้ยวเสี้ยวขอโทษด้วยเสียงเบาๆ ท่าทางจริงใจและเป็นธรรมชาติ “ส่วนของคุณ……ค่ารักษาของพี่น้องทุกคนพวกเราจะรับผิดชอบเอง ต้องขอโทษจริงๆทำให้พวกคุณต้องบาดเจ็บเช่นนี้”
ยินจื่อเว่ยสีหน้าดูอึดอัดเล็กน้อย เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไปช่วยพยุงคน
ในสังคมสมัยนี้ ไม่ว่าใครพบเห็นก็ต้องคิดว่าชายชราถูกรังแกแน่นอน……
ยินจื่อเว่ยที่รู้สึกผิดเงยหน้าขึ้นก็เห็นพี่ชายและพี่สาวของตัวเองกำลังจ้องมองตัวเองอยู่ ข้อความในตาแสดงออกมาอย่างชัดเจน…..
ดูเหมือนว่าจะเคยชินกับการกระทำเช่นนี้แล้ว ยินจื่อเว่ยก็ไม่ได้แก้ตัวอะไร เดินตรงไปตรงหน้าเฉินหยูสามคนนั้นพูดด้วยเสียงดังว่า “ขอโทษ ฉันใจร้อนไป ค่ารักษาของพวกคุณบ้านยินจะรับผิดชอบทั้งหมด”
คำพูดดูแข็งกระด้าง ดูก็รู้ว่าเขาพูดแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว
ยินจื่อเจิ้นกับยินเสี้ยวเสี้ยวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
พวกเฉินหยูคิดไม่ถึงว่า คุณชายผู้เย่อหยิ่งเมื่อครู่นี้ ตอนนี้สามารถขอโทษพวกเขาได้ ตะลึงไปสักครู่ สายตาของเฉินหยูตกอยู่ที่ตัวของยินเสี้ยวเสี้ยว
ดวงตาสีดำขาวมองดูยินจื่อเว่ยด้วยความอ่อนโยนและเอ็นดู นั่นเป็นดวงตาของพี่สาวที่รักน้องชาย
พี่สาวเช่นนี้ ช่างดีจริงๆ………
ดวงตาเศร้าเล็กน้อย เฉินหยูถอยการจ้องมองของเขา ระหว่างที่ถอยกลับก็เหลือไปเห็นแผลบนเท้าของยินเสี้ยวเสี้ยว หลังจากนั้นไม่นานแผลก็เปิดเล็กน้อย มีเลือดไหลออกมาช้าๆ
คำพูดยังไม่ทันผ่านสมอง ก็พูดออกมาทันที “ขาของคุณได้รับบาดเจ็บ พวกเรามียา คุณจะไปทายาไหม”
ในความเงียบชั่วครู่ ทำให้เฉินหยูดึงสติกลับมา หูแดงโดยไม่รู้ตัว
สามพี่น้องบ้านยินตะลึงเล็กน้อย ยินจื่อเจิ้นกับยินจื่อเว่ยยังไม่ทันพูดอะไร ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับตอบรับไปทันที ด้วยรอยยิ้มที่ใจดีและสวยงาม
……
ถนนที่ทรุดโทรม ที่อยู่อาศัยที่โกโรโกโส เฉินหยูรู้สึกอายเล็กน้อยที่พายินเสี้ยวเสี้ยวสามพี่น้องมาในบ้านที่ทรุดโทรมสุดถนน พูดเสียงเบาว่า “เข้าไปรอข้างในสักครู่ ฉันไปเอายา”
ยินจื่อเจิ้นประคองยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งลงบนโซฟา มองไปรอบๆของที่นี่อย่างเงียบๆ
บ้านทรุดโทรมและเก่ามาก เก่าจนเหมือนบ้านที่ทรุดโทรม อาศัยอยู่ที่นี่ตอนกลางคืนนอนอยู่เหมือนมันจะพังลงมา แต่เรียบร้อยเป็นพิเศษ ดูแล้วเหมือนมีคนอาศัยอยู่แค่สองคน คนหนึ่งน่าจะเป็นผู้หญิงที่อายุมาก ส่วนอีกคนก็น่าจะเป็นเฉินหยู
อะจวิ้นที่ผมสีแดง เหอเผิงที่มีรอยสัก เดินเข้าไปในครัวรินน้ำให้พวกเขาหนึ่งแก้ว ดูเกร็งๆเล็กน้อย
ไม่นาน เฉินหยูก็ถือกล่องยาเล็กๆมา มันทรุดโทรมอยู่มากจนสามารถเห็นร่องรอยของการสึกหรอบ่อยๆ เฉินหยูนั่งลงตรงหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวอย่างเป็นธรรมชาติ การเคลื่อนไหวที่มีทักษะนั้นดูเหมือนจะทำมาแล้วหลายร้อยครั้ง
ยินจื่อเว่ยก็บาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง แต่การทำแผลแบบนี้บ้านยินก็จะมีหมอคอยทำให้ แม้แต่ยินจื่อเจิ้นก็ไม่ค่อยมีความชำนาญ แต่เพื่อยินเสี้ยวเสี้ยวพวกเขาก็เฝ้าดูอย่างเงียบๆ
ล้างแผล ฆ่าเชื้อ ทายา พันแผล การกระทำทั้งหมดทำได้ในครั้งเดียว
เฉินหยูจดจ้องขาเล็กๆของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างตั้งใจ ผิวขาวดุจใยไหมชั้นดี ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เฉินหยูทำแผลให้เธออย่างตั้งใจ
คุณหนูเช่นนี้ แตกต่างจากพวกเขาเหมือนอยู่คนละโลกโดยสิ้นเชิง
การพบเจอในวันนี้ อาจจะเป็นเพราะให้เขามองเห็นอย่างชัดเจน ทุกคนมีชีวิตที่แตกต่างกันตามเหตุผล
“เสร็จแล้ว สองวันนี้อย่าให้โดนน้ำก็ได้แล้ว” เก็บของเรียบร้อยแล้ว เฉินหยูยืนขึ้นอย่างสุภาพ ทันใดนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้กลิ่นหอมจาง ๆ จากตัวเขา
“ขอบคุณ” ขอบคุณด้วยเสียงเบาๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวมีความรู้สึกที่ดีต่อชายหนุ่มสามคนนี้
อะจวิ้นกับเหอเผิงเกาหัวอย่างอึดอัดและยิ้ม ผู้หญิงสวยมักได้รับการดูแลเป็นพิเศษในทุกที่ที่ไป เฉินหยูพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร ยินจื่อเจิ้นเดินเข้าไปขอบคุณ แล้วจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเตรียมที่จะพายินเสี้ยวเสี้ยวกับยินจื่อเว่ยกลับ
ตอนออกมา ยินจื่อเว่ยเดินอยู่หลังสุด ตอนหันไปมองเฉินหยู ในดวงตามีความไม่พอใจอยู่ลึก ๆ แต่ก็มีความเห็นอกเห็นใจแสดงออกมา เด็กผู้ชายในวัยเดียวกันมักมีความรู้สึกเช่นนี้ได้ง่าย
มองดูยินเสี้ยวเสี้ยวเดินจากไป อะจวิ้นกอดคอเหอเผิงยิ้มแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าพี่สาวของคุณชายน้อยนั่นจะสวยขนาดนี้ ฉันยังคิดว่าฉันเห็นนางฟ้าเสียอีก”
“ใช่ สวยมากจริงๆ ฉันรู้สึกว่าพวกดาราผู้หญิงยังสวยสู้เธอไม่ได้เลย”เหอเผิงก็พูด
มีแค่เฉินหยูมองตามหลังพวกเขาไม่พูดอะไร หลังจากที่จากไปครั้งนี้ คงจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วมั่ง…….
ระหว่างทางที่กลับ‘ร้านอาหารเทาถี้’ยินจื่อเจิ้นสั่งให้เฉิงกังเลี้ยวรถตรงไปที่เมืองไห่เมียว
“พี่ชาย พวกเราจะไป‘ร้านอาหารเทาถี้’ไม่ใช่เหรอ แล้วตรงไปทางนี้จะไปไหนเหรอ” ยินจื่อเว่ยสังเกตเห็นก่อนจึงถามไป ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ที่เมืองT เป็นระยะเวลานานแล้ว แต่สำหรับเส้นทางก็พอจะคุ้นเคยอยู่
ยินเสี้ยวเสี้ยวตั้งสติได้ เม้มริมฝีปากเล็กน้อยและไม่พูดอะไร
งานเลี้ยงวันนี้จิ๋นลี่ยวนทำให้อับอาย ไม่ว่าจะทำต่อเธอหรือยินจื่อเจิ้นก็ถือว่าเป็นเรื่อง ‘ความอัปยศอดสู’อย่างหนึ่ง
“เสี้ยวเสี้ยว วันนี้คุณกลับไปก่อน ฉันพาจื่อเว่ยไป ‘ร้านอาหารเทาถี้’” หยุดไปสักครู่ ยินจื่อเจิ้นพูดต่อว่า “ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉัน เรื่องที่คุณจะเรียน ถ้าบ้านจิ๋นไม่กล้าออกหน้า ฉันจะช่วยคุณจัดการเอง”
ยินจื่อเว่ยมองไปที่พวกเขาอย่างสับสน พูดอย่างไม่พอใจ “พวกคุณพูดให้ฉันรู้เรื่องบ้างไม่ได้หรือไง นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกคุณเล่นปริศนาใบ้ทันทีที่กลับมา ยังเห็นฉันเป็นน้องชายอยู่ไหม”
ยินจื่อเจิ้นเงยหน้ามอง จ้องมองยินจื่อเว่ย คนตรงหน้าเงียบทันที ไม่กล้าแม้แต่จะกระซิบ
“ทางจิ๋นลี่ยวน……คุณไปจัดการเอง” นิ่งไปสักพัก ยินจื่อเจิ้นค่อยพูด จริงๆแล้วสิ่งที่เขาอยากจะพูดคืออย่าปล่อยให้เธอรู้สึกผิด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา เรื่องบางเรื่องก็ไม่เหมาะสมสำหรับ ‘คนนอก’เข้ามาแทรก
“จิ๋นลี่ยวน” ทันใดนั้น ยินจื่อเว่ยตะโกนออกมาด้วยเสียงดัง ทำให้เฉิงกังตกใจมือที่จับพวงมาลัยสั่นไปด้วย “จิ๋นลี่ยวน พี่สาว ก็คือคุณชายสามของบ้านจิ๋นใช่ไหม เป็นจิ๋นลี่ยวน คนที่เป็นพี่เขยของฉันใช่ไหม”
ถึงแม้ เมืองL จะห่างจากเมืองT ไกลมาก แต่ก็ไม่ได้ไกลกันละโลก ยิ่งเป็นตระกูลอย่างบ้านจิ๋น ยินจื่อเว่ยรู้จักเป็นอย่างดี บ้านยินคงจะไม่ยอมให้เขาเป็นลูกผู้ดีตีนแดงเขายังสามารถได้รับข้อมูลที่เขาควรได้รับรู้
พยักหน้า ยินเสี้ยวเสี้ยวยอมรับแล้ว ว่าในหัวยังคงคิดถึงความไม่แยแสของจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ในงานเลี้ยงอยู่
ได้คำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ว ยินจื่อเว่ยก็รู้สึกดีแล้ว ไม่ได้สนใจสีหน้าความรู้สึกของยินเสี้ยวเสี้ยวเลย หันไปพูดกับยินจื่อเจิ้น “พี่ชาย ตั้งแต่ฉันกลับมายังไม่ได้เจอพี่เขยเลย ต่อไปไม่ยอมพบฉันจะทำอย่างไร”
ยินจื่อเจิ้นมองเขาไม่พูดอะไร แต่ปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัด
ยินจื่อเว่ยไม่มีทางยอมแพ้ง่ายขนาดนั้น พูดทันทีว่า “พี่ชาย คุณดูสิ ขาพี่สาวได้รับบาดเจ็บ จะต้องไม่สะดวกแน่นอน ฉันส่งเธอขึ้นไปแล้วนักสักครู่ ในเมื่อทาง ‘ร้านอาหารเทาถี้’ยังไงฉันก็ถือว่าไปสายแล้ว หลังจากที่ไปไม่แน่พ่อกับแม่อาจจะบ่นฉันชุดใหญ่ก็เป็นได้ ขอฉันอยู่ที่นี่สักครู่นะ ก็ถือโอกาสพูดคุยกับพี่เขยด้วย ให้เขาดีกับพี่สาวมากๆ………”
ยินเสี้ยวเสี้ยวฟังอยู่ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
น้องชายของเธอ ก็ยังเป็นห่วงเธออยู่เหมือนกัน
หันไปมองยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างลังเล ในระดับหนึ่งพวกเขาคิดยินจื่อเว่ยก็มีอิทธิพลมากพอ มีเขาอยู่ที่เมืองไห่เมียว อย่างน้อยจิ๋นลี่ยวนก็ต้องให้โอกาสยินเสี้ยวเสี้ยวพูดบ้าง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าจิ๋นลี่ยวนไม่สนใจหรือแคร์ใครเลยหล่ะ
นิ่งไปสักพัก ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มแล้วพูดว่า “คุณไปบ้านฉันวันนี้เพื่อทำให้พี่ชายของคุณเกลียดฉัน ทั้งๆที่รู้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ คุณก็ยังสร้างเรื่องได้ ถ้ากลับไปไม่โดนบ่นสิแปลก ทางพี่เขยของคุณ เขาไม่หนีไปไหนหรอก อีกวันสองวันคุณค่อยมาแล้วกัน”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดเช่นนี้แล้ว ยินจื่อเว่ยก็รู้สึกว่าข้อเรียกร้องของเขาในวันนี้มันเกินไปหน่อย ทำให้งานเลี้ยงตำแหน่งของพี่พัง แล้วยังเตรียมจะเบี้ยวนัดอีก ยินจื่อเจิ้นไม่เอาเรื่องเขาก็คงแปลกแล้ว ยินจื่อเว่ยเม้มปากไว้อย่างเชื่อฟัง ทำไมเขาถึงลืมว่า ในบ้านยินที่ต่อกลอนยากที่สุดก็คือพี่ชายของเขาเอง
เมืองไห่เมียว ยินเสี้ยวเสี้ยวก่อนลงจากรถยังนัดยินจื่อเว่ยไว้ อีกวันสองวันให้เขามาทานข้าวด้วยถือว่าปลอบใจเขาด้วย
ยินจื่อเจิ้นมองดูยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยความห่วงใย ยินเสี้ยวเสี้ยวส่งรอยยิ้มให้เขาถึงโล่งใจ
เมืองไห่เมียว หน้าบ้าน
ยินเสี้ยวเสี้ยวหายใจเข้าลึก ๆ ความโกรธและความเฉยเมยของจิ๋นลี่ยวนยังคงวนอยู่ในสมองของเธอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวหยิบกุญแจออกมาเปิดประตู ดวงตาเล็กๆมองเข้าไปอย่างระมัดระวัง
ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ กลับมาหรือยัง
ในห้องรับแขก จิ๋นลี่ยวนสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายและสะดวกสบาย วินาทีนี้กำลังยืนดื่มน้ำอยู่ข้างโต๊ะ ได้ยินเสียงแต่ไม่หันกลับมาดูเลย สีหน้าบึ้งมาก วางแก้วลงแล้วเดินไปที่ห้องหนังสือ
ยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มปากแล้วเดินเข้ามา เปลี่ยนรองเท้าแล้วเห็นบนโต๊ะมีเอกสารอยู่หนึ่งฉบับ
หนังสือตอบรับมหาบัณฑิตของมหาวิทยาลัยT วันลงทะเบียนก็คือวันพุธนี้
มีรอยยิ้มที่มุมปาก ทันใดนั้นรู้สึกว่าจิ๋นลี่ยวนผู้ชายที่เอาแต่ใจคนนี้…..ตลกมาก
รวบผมที่กระจัดกระจายมัดขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวยังไม่ทันเปลี่ยนเสื้อก็ถือแก้วน้ำที่มีน้ำเต็มแก้วเข้าไปห้องหนังสือ แสดงออกถึงความรู้สึกสบายใจ
ถ้าพวกเขาเป็นแบบนี้ต่อไป วันหนึ่งก็จะเป็นคนที่สำคัญที่สุดในใจของกันและกันใช่ไหม
จิ๋นลี่ยวนขึ้หึง โมโห นั่นไม่ใช่สัญญาณของการแสดงความรู้สึกเหรอ
หน้าแดงเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวเคาะประตูเบาๆ ได้ยินเสียงตอบรับแล้วจึงผลักประตูเข้าไป
ผู้ชายที่อยู่หลังโต๊ะ ผู้มีความสามารถและยอดเยี่ยม มองเธออย่างเย็นชา