Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 158 สิ่งที่เรียกว่าชีวิตแลกด้วยชีวิต
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- บทที่ 158 สิ่งที่เรียกว่าชีวิตแลกด้วยชีวิต
บทที่ 158 สิ่งที่เรียกว่าชีวิตแลกด้วยชีวิต
กลางดึก ณ ตระกูลเฉิง
ในห้องหนังสือของเฉิงชื่อชิง ตอนนี้ผู้ชายอ่อนโยนคนนี้กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก เอกสารในมือเหมือนจะถูกเขาอ่านจนเป็นรูอย่างไรอย่างนั้น ปลายนิ้วมือของเฉิงชื่อชิง ตำรวจสากลที่กล้าหาญและเก่งกาจ กำลังสั่นเทาเล็กน้อย
ก๊อกๆ
มีคนเคาะประตู พอเห็นเฉิงเจิ้งที่ประตู เฉิงชื่อชิงก็รีบเอาเอกสารอีกฉบับ มาปิดทับเอกสารที่เขาเพิ่งอ่านเมื่อสักครู่โดยอัตโนมัติ พอเฉิงเจิ้งเข้ามา เขาก็แค่กวาดสายตามองแวบหนึ่ง สั่งงานนิดหน่อยแล้วก็ออกไป
เฉิงชื่อชิงยืนข้างโต๊ะหนังสือตลอดไม่ขยับไปไหนเลย จนกระทั่งเฉิงเจิ้งออกไป ทั้งๆที่เป็นคืนในต้นฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งในห้องยังมีอุณหภูมิที่เหมาะสม แต่เขากลับเหงื่อออกเต็มตัว
หลังจากไม่มีใครแล้ว เฉิงชื่อชิงก็เอาเอกสารฉบับนั้นออกมาอ่านอีกรอบ
พออ่านอีกรอบ เขาก็ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวน……
ข่าวแบบนี้ เป็นข่าวทำลายล้างชัดๆ……
และเขาสาบานว่าจะเก็บข่าวนี้ไว้ถึงจะต้องตายก็ตาม!
ณ ตระกูลมู่ มู่เยียนหรานฟังคนของตนอ่านข่าวให้ฟังอย่างไม่ทุกข์ร้อน แต่รอยยิ้มนั้นดูแข็งทื่อเล็กน้อย
หมากเซี่ยงหลินตัวนี้ใช้ได้เลยทีเดียว แต่โง่และขี้ขลาดไปหน่อย
มู่เยียนหรานไม่พูดอะไรและให้คนออกไป แต่ทว่าเธอกลับอ่านสมุดบันทึกบุคลากรเล่มหนาๆ ที่อยู่ในมืออย่างจริงจังแทน บนโต๊ะที่อยู่ข้างๆก็มีสมุดบันทึกแบบนี้อยู่อีกจำนวนมาก ทั้งหมดล้วนเป็นบันทึกของโรงพยาบาลใหญ่ๆ ทุกคนที่ได้รับการตรวจภายในล้วนบันทึกอยู่ในนี้หมด มู่เยียนหรานกำลังหาคนที่เหมาะสมกับตนจากกลุ่มคนพวกนี้ ที่มีความเป็นได้อันน้อยนิด
เมื่อจื่อผู่หยางกลับมาก็เห็นมู่เยียนหรานในสภาพแบบนี้ จึงถอนหายใจเบาๆพลางเดินเข้าไป แล้วดึงสมุดที่อยู่ในมือเธอออกพลางพูด:“เยียนหราน อย่าเสียแรงเปล่าเลย”
มู่เยียนหรานยิ้มเบาๆ แล้วหยิบสมุดกลับมาอ่านอย่างจริงจังอีกรอบ
ในสายตาเธอ ถึงมู่หลงกับจื่อผู่หยางจะพยายามแค่ไหนก็ช่วยเธอไม่ได้ ยังไงเธอก็เป็นคนที่เกี่ยวข้อง
ในหลายๆครั้ง คนที่มู่เยียนหรานเชื่อใจก็มีแค่ตัวเธอเอง
จื่อผู่หยางอ้าปากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดออกไป:“เยียนหราน แม่มีข่าวจะบอกลูก”
มู่เยียนหรานยังคงหาไปทีละหน้าๆเช่นเดิม ไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมา
“หาหัวใจที่เหมาะสมได้แล้ว……”แค่พูดออกมา มู่เยียนหรานก็หยุดเปิดสมุดทันที ดวงตาเป็นประกาย จื่อผู่หยางพูดต่อ“แต่ว่า เรื่องนี้ไม่ง่ายนัก”
มู่เยียนหรานหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางพูด:“คนคนนั้นสุขภาพดีมากงั้นเหรอ?”
พยักหน้าอย่างลำบากใจ จื่อผู่หยางก็รู้สึกเสียดายมากเช่นกัน หากคนคนนั้นใกล้ตายแล้วจะดีมาก แต่เขาไม่เพียงแค่สุขภาพดี เขายังมีชีวิตชีวามากๆอีกด้วย
ถอนหายใจเบาๆ มู่เยียนหรานไม่พูดอะไร ก้มหน้าหาต่อไป จื่อผู่หยางจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ทำได้เพียงยืนมองลูกสาวของตน
พอมู่หลงกลับมาก็เห็นภาพแบบนี้ คือลูกสาวและภรรยาของตนไม่พูดไม่จากัน
มู่เยียนหรานทักทายมู่หลงแล้วก็กลับเข้าห้องตัวเองไป ปล่อยให้ทั้งคู่มีเวลาส่วนตัว
ถอนหายใจเบาๆ มู่หลงเดินไปข้างๆจื่อผู่หยาง จากนั้นไม่นานจื่อผู่หยางก็โผ่เข้าไปยังอ้อมแขนของมู่หลง พลางร้องไห้อย่างอดไม่ได้แล้วพูดด้วยความเสียใจ:“อะหลง ฉันแค้นมาก ฉันแค้นมากจริงๆ !ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น เยียนหรานคงไม่เป็นโรคนี้ และคงไม่ต้องไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติมาตลอด25ปี!อะหลง ถ้าไม่ใช้เพราะความโง่ของฉันในตอนนั้น ทำลายเยียนหราน ตอนนี้เธอก็คงไม่เป็นแบบนี้……”
มู่หลงไม่พูดอะไร เพียงโอบกอดจื่อผู่หยางที่เคร่งเครียดอย่างอ่อนโยน
“ถ้าหาก ถ้าหากตอนนั้นพวกเราระวังกันสักหน่อย ถ้าตอนนั้นมู่ซูวไม่ประมาทเพราะห่วงแต่เล่น ไม่แน่ถึงแม้เยียนหรานจะเป็นโรคนี้ แต่ตอนนี้อาจหายแล้วก็ได้ แต่ทำไมพวกเราถึงโชคร้ายขนาดนี้?สวรรค์จะทรมานเธอไปอีกนานแค่ไหน?อะหลง คุณรู้ไหมฉันแค้นมากจริงๆ แค้นผู้หญิงคนนั้น!แค้นเธอมากๆ!”จื่อผู่หยางพูดไปร้องไห้ไป คำพูดเต็มไปด้วยความมเคียดแค้น “ทั้งหมดเป็นเพราะเธอที่ทำให้เราเป็นแบบนี้!”
มู่หลงเคร่งเครียดไม่พูดแม้แต่น้อย เขาเพียงหายใจหนักๆ แสดงให้เห็นว่ายังคงโกรธแค้นกันเรื่องในตอนนั้น
……
26ปีก่อน หลังจากที่จื่อผู่หยางแต่งงานกับมู่หลงได้1ปีเธอก็ตั้งท้อง เด็กคนนี้ก็คือมู่เยียนหราน
ที่จริงตระกูลมู่มีโรคทางพันธุกรรมที่มองไม่เห็นอยู่ นั่นก็คือโรคหัวใจ แต่เมื่อถึงรุ่นของมู่หลง โรคนี้ปรากฏในตระกูลมู่มาได้3รุ่นแล้ว จากนั้นก็รู้ว่าโรคทางพันธุกรรมนี้ จะปรากฏได้ก็ต่อเมื่อมีสาเหตุบางอย่างเท่านั้น ประเด็นนี้ทำให้ตระกูลมู่ทั้งดีใจและกลุ้มใจ
โรคทางพันธุกรรมที่มองไม่เห็นนั้น ระยะการฟักตัวของโรคนานมาก บางทีคนตระกูลมู่ถึงวัยกลางคนแล้วถึงจะรู้ว่าตนมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจก็มี อีกทั้งบางคนใกล้ตายแล้วเพิ่งรู้ตัวก็มี แต่ก็มีที่เพิ่งคลอดแล้วพบเลยก็มี แต่โรคพวกนี้มีเพียง‘ชนวน’เดียวเท่านั้น
จื่อผู่หยางในตอนนั้นโดนหลอกให้กิน‘ชนวน’เข้าไป สุดท้ายก็ทำให้เด็กที่ยังไม่เกิดอันเป็นที่รักใคร่ของตระกูลมู่ ต้องเผชิญกับความจริงอันสุดจะทนนี้ มู่เยียนหรานได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจ ตั้งแต่ตอนที่เธอเกิดออกมา!
จื่อผู่หยางในตอนนั้นเกือบจากไปทั้งๆที่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ สุดท้ายท่านปู่ของตระกูลมู่ออกโรงว่ายังไงก็จะเลี้ยงมู่เยียนหรานเป็นอย่างดี และจะหาหัวใจที่เหมาะสมให้กับมู่เยียนหราน นี่ทำให้จื่อผู่หยางและมู่หลงโล่งลงไปบ้าง ตอนนั้นพวกเขายังวัยรุ่นและวู่วาม จะทันโลกและรู้จักเอาตัวรอดได้เก่งเหมือนท่านปู่ตระกูลมู่ได้ยังไง?
มู่เยียนหรานกลายเป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลมู่ตั้งแต่เกิด มันเกี่ยวกับความบกพร่องทางร่างกายของเธออย่างเห็นได้ชัด แต่มู่เยียนหรานก็ค่อยๆใช้ความสามารถของตนยืนหยัดในตระกูลมู่ได้
ตอนมู่เยียนหราน2ขวบ ท่านปู่มู่หาหัวใจที่เหมาะสมมาผ่าตัดให้มู่เยียนหรานได้ด้วยความยากเย็น แต่ตอนนั้นจื่อผู่หยางก็ท้องอีก เด็กคนนั้นก็คือมู่ซูว เดิมทีมันก็ไม่ได้ทะเลาะกันขนาดนั้น แต่ตอนนั้นท่านปู่มู่อยากมีทายาทสืบทอดที่แข็งแรงๆสักคน เลยเลื่อนการผ่าตัดออกไป การเลื่อนการผ่าตัดในครั้งนั้น ทำให้พลาดโอกาสการผ่าตัดที่เหมาะที่สุดไป นี่คือครั้งแรกที่มู่ซูวกีดขวางมู่เยียนหรานท่านปู่มู่ในตอนนั้น เพราะตระกูลมู่มีเรื่องมงคลเลยเปรียบมู่ซูวเป็นเด็ก‘เกเรเสเพล’และเลือกที่จะประกาศออกไปในตอนนั้นเลย ก็คือยังไม่ทันคลอดออกมาก็เกิดการแย่งชิงกันซะแล้ว……
ตอนมู่เยียนหราน4ขวบ มู่ซูวก็อายุได้2ขวบแล้ว ท่านปู่มู่ผิดหวังที่ยังคงเป็นหลานสาว และรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แม้กระทั้งเรื่องหาหัวใจให้มู่เยียนหรานก็ค่อยๆลดน้อยลง จื่อผู่หยางกับมู่หลงลงมือหาไปทั่วทุกสารทิศ การค้นหานี้ไม่เพียงหาหัวใจที่เหมาะสมให้มู่เยียนหรานจนเจอ พวกเขายังเจอคนที่ทำให้มู่เยียนหรานเป็นแบบนี้ด้วย จื่อผู่หยางคับแค้นใจมาก เธอให้เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่กับมู่ซูว คิดว่าเด็กสองคนเล่นกันคงดูแลง่ายหน่อย ส่วนเธอก็ตามหาคนคนนั้นต่อ แต่ไม่ทันคิดว่าเด็กที่อายุยังไม่เกิน2ขวบทั้งสองคน จะไปรู้ประสีประสาอะไร?มู่ซูว‘บกพร่องในหน้าที่’อีกครั้ง พอจื่อผู่หยางกลับมาเด็กก็เปลี่ยนเป็นอีกคน……
จื่อผู่หยางทำได้เพียงอุ้มเด็กไปโรงพยาบาลอย่างไม่มีทางเลือก ครั้งนี้เธอและมู่หลงเดินไปในทางที่ผิดกฎหมาย
สิ่งที่เรียกว่าชีวิตแลกด้วยชีวิต
ชีวิตของเด็กแปลกหน้า แลกกลับชีวิตของมู่เยียนหรานในวัย4ขวบ
เด็กที่หายตัวไปคนนั้นสอดคล้องกับมู่เยียนหราน แต่เด็กแปลกหน้าคนนี้ไม่ได้จริงๆ หัวใจของมู่เยียนหรานโดนมู่ซูวกีดขวางอีกครั้ง……
ความแค้นระหว่างมู่เยียนหรานและมู่ซู มันมีมาตั้งแต่เกิดแล้ว
เด็ก4ขวบเริ่มมีความทรงจำแล้ว บวกกับสภาพร่างกายของตัวเอง จิตใจของมู่เยียนหรานเลยโตก่อนวัยไปมาก เธอจึงค่อยๆรู้สึกเฉยๆไปกับการที่ จื่อผู่หยางและมู่หลงลำบากไปกับปัญหาของเธอ สำหรับเธอแล้วพวกเขาก็คือหนึ่งในผู้ช่วยฆาตกร!จากนั้นเธอก็ไปต่างประเทศและไม่กลับมาเป็นเวลาหลายปี……
ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกค่อยๆเปราะบางลง ท่าทีของมู่เยียนหรานทำให้จื่อผู่หยางและมู่หลงยิ่งทำตัวเลวร้ายกับมู่ซูว ถึงขนาดไม่เห็นมู่ซูวเป็นคนในครอบครัว
นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง
……
มู่หลงและจื่อผู่หยางมองไปยังทางที่มู่เยียนหรานเดินออกไป ด้วยสายตาที่แน่วแน่
ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงพวกเขาจะต้องให้มู่เยียนหรานมีชีวิตต่อไปให้ได้ !
……
ในห้อง มู่เยียนหรานยืนพิงประตูพลางยกมือขึ้นทั้งสองข้าง และเห็นว่ามือของเธอสั่นเล็กน้อย จากนั้นลมหายใจก็ค่อยๆถี่ขึ้น ก่อนที่ร่างกายจะหมดแรง มู่เยียนหรานรีบเดินไปหัวเตียง ควานหายาในลิ้นชักอย่างเร่งรีบ แล้วยัดลงไปในปากของตน
พอเธอเป็นปกติแล้ว ภาพตรงหน้าก็ยุ่งเหยิงเหมือนที่ผ่านๆมา
ทุกครั้งที่เธออาการกำเริบแล้วหายามักเป็นเช่นนี้ ไม่เคยควบคุมได้เลย
ดวงตาหรี่ลง จู่ๆมู่เยียนหรานก็ยิ้มออกมา
ในที่สุดโอกาสของเธอก็มาถึงแล้วงั้นเหรอ?
ครั้งนี้ไม่มีการกีดขวางของมู่ซูว เธออยากจะดูสิว่าใครจะมาขวางเธอได้!
โรงพยาบาลหนันหยู
เถียนหรงเดินตามหลังจิ๋นลี่ยวน ทั้งสองคนตรงไปยังห้องผู้ป่วย
หลังจากมู่ซูวประสบอุบัติเหตุ ก็โดนนจัดให้มาอยู่ห้องผู้ป่วยห้องนี้ อีกทั้งครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่จิ๋นลี่ยวนมาเยี่ยมเธอ
ในห้องผู้ป่วยอันเงียบสงัด นอกจากมู่ซูวที่นอนอยู่บนเตียงแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก เถียนหรงยืนรออยู่ตรงประตูด้านนอกเงียบๆ ไม่ได้ตามเข้าไปด้วย เหมือนว่าทุกคนในเมืองTล้วนรู้ว่ามู่ซูวเป็นแฟนเก่าของจิ๋นลี่ยวน
จิ๋นลี่ยวนปิดประตู แล้วมองดูมู่ซูวที่นอนลืมตาอยู่บนเตียงโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นก็ตรวจดูบาดแผลของเธออย่างชำนาญ มู่ซูวบาดเจ็บหนักมาก แม้ตอนนี้จะอยู่ภายใต้การติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด บางครั้งตื่นขึ้นมาแล้วแต่ไม่พูดอะไรสักคำ
จิ๋นลี่ยวนเขียนลงไปในประวัติอาการป่วยนิดหน่อย กำลังเดินออกไปอย่างว่องไว
“จิ๋นลี่ยวน……”เสียงแหบแห้งดังขึ้น มู่ซูวพูดเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดอุบัติเหตุ พูดเพียงประโยคเดียวว่า:“จิ๋นลี่ยวน คุณอยากรู้ไหมว่านคนนั้นเป็นใคร?”
ทันใดนั้นอากาศทั้งห้องผู้ป่วยดูเหมือนจะรวมตัวกลายเป็นของเหลวขึ้นมาทันที
จู่ๆมู่ซูวก็พยายามจะลุกขึ้นนั่งราวกับคนบ้า ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปที่จิ๋นลี่ยวน พลางพูดอย่างเร่งรีบ:“จิ๋นลี่ยวน คุณรักษาขาฉันให้หายสิ แล้วฉันจะบอกคุณว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร ตกลงไหม?”
จิ๋นลี่ยวนหรี่ตามองมู่ซูวที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าซีดเผือด รู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอเดิมทีที่ผอมอยู่แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนกระดูกแทบจะออกมาอยู่แล้ว มู่ซูวที่ราวกับเดินอยู่ในนรกแบบนี้กลับพูดคำพูดเช่นนี้กับเขา เห็นได้ชัดว่าต้องการทำข้อตกลง