Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 185 ไปไหนมาไหนด้วยกัน
บทที่ 185 ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ยินเสี้ยวเสี้ยวปีนขึ้นมาหยิบโทรศัพท์อยากจะขอลา แต่ตอนที่จับโทรศัพท์กลับพบว่าโทรศัพท์ของตนเองปิดเครื่องไปแล้ว รีบเปิดเครื่องทันทีแต่กลับต้องตกใจที่โทรศัพท์สั่นอย่างต่อเนื่อง
ข้อความเข้ามาไม่หยุด เตือนเธอว่ามีสายที่ไม่ได้รับมากมายแล้วก็มีข้อความที่ไม่ได้อ่านอีกมากเช่นกัน
ยังไม่ทันได้ดู โทรศัพท์ของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ดังขึ้น ยินจื่อเจิ้นโทรมา
“ฮัลโหล? พี่คะ……” ยังพูดไม่จบ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็โดนเสียงของฝั่งนั้นทำให้มึนงงไปหมด
ยินจื่อเจิ้นโวยวายหนัก โวยวายจนเธอแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่อย่างรวดเร็วฝั่งนั้นก็สงบลงได้ ยินจื่อเจิ้นจึงเอ่ยปากพูดขึ้น “เสี้ยวเสี้ยว เธออยู่ไหน?”
ยื่นมือไปเปิดโทรทัศน์ เป็นความเคยชินของเธอที่ตื่นเช้ามาแล้วต้องดูข่าวไปด้วย พลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า พลางตอบคำถามของยินจื่อเจิ้นไปด้วยแต่การเคลื่อนไหวของมือกลับหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินข่าวจากในโทรทัศน์ “ฉันอยู่บ้าน……”
——ซานช่าว อยากทราบว่าคุณกับคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่มีความสัมพันธ์อะไรกัน? ทำไมเช้าขนาดนี้คุณถึงมารับเธอได้?
——ซานช่าว มีข่าวว่าบ้านจิ๋นกับตระกูลมู่มีการหมั้นกัน ไม่ทราบว่าเป็นใครกับใคร?
——ซานช่าว สำหรับเรื่องของเมืองเก่าครั้งที่แล้ว ท่าทางของคุณนายน้อยสามเป็นอย่างไรบ้าง?
——ซานช่าว คุณปรากฏตัวอยู่ที่นี่เช้าตรู่อย่างนี้ คุณนายน้อยสามรู้ไหม?
……
“เสี้ยวเสี้ยว……” ยินจื่อเจิ้นที่อยู่ในสายเหมือนกับก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์ น้ำเสียงเป็นกังวล
กระโปรงในมือของยินเสี้ยวเสี้ยวร่วงลงไปบนพื้น มองผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในโทรทัศน์
เช้าตรู่ เขาไปหามู่เยียนหราน?
เรื่องสำคัญอะไรที่ทำให้เขาไม่สนใจเธอเลยสักนิด อย่างนี้เธอก็เหมือนกับผ้าขี้ริ้วที่โดนทิ้งไว้ในบ้านแล้วก็ไปอยู่ข้างกายผู้หญิงอีกคนหนึ่ง?
เม้มปากแน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวแค่รู้สึกว่าทั้งร่างกายเย็นเฉียบ
จิ๋นลี่ยวน เปลี่ยนไปแล้ว……
ผู้ชายคนนั้นที่เคยปกป้องเธอ ครั้งนี้ผลักเธอไปอยู่ในสังคมที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างโหดร้ายด้วยมือเขาเอง
ปิดโทรทัศน์ ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนถือโทรศัพท์สูดหายใจเข้าลึกๆ สักพักจึงพูดขึ้น “พี่คะ วันนี้ฉันขอลางาน เฉินหยูเข้าโรงพยาบาลแล้ว ฉันจะไปเยี่ยมเขา”
ยินจื่อเจิ้นขมวดคิ้ว น้ำเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวสงบนิ่ง ทำให้เขาไม่เข้าใจ สุดท้ายแล้วยังต้องตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือก แต่ขอให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบกลับมาทำงานที่ ‘บริษัทจื่อยิน’ ทันทีหลังจากจัดการเรื่องส่วนตัวเสร็จ
เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ออกจากบ้านราวกับไม่ได้เห็นข่าวอย่างนั้น เมืองไห่เมียวไม่กล้าปล่อยนักข่าวเข้ามาอีก อยู่ที่นี่เธอไม่มีเรื่องอยู่แล้ว แต่แค่ออกจากเมืองไห่เมียวก็ไม่แน่หรอก
ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งรถไปจนถึงโรงพยาบาลหนันหยู แม้แต่จิ๋นลี่ยวนก็ไม่ได้โทรไปบอก แค่สีหน้าที่เย็นชาเล็กน้อยทำให้คนรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่ดีมากๆอย่างชัดเจน
ทันทีที่ประตูลิฟต์ของแผนกศัลยกรรมเปิดออก หมอและพยาบาลที่รู้จักเธอต่างก็ตกตะลึงกันทั้งนั้น
ข่าวแพร่ไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่านั้นข่าวซุบซิบที่ใหญ่อย่างนี้ ตอนนี้ทั้งเมือง T คงจะรู้กันหมดแล้ว มุมปากของยินเสี้ยวเสี้ยวยกขึ้นเล็กน้อยเดินไปที่ตำแหน่งของเคาน์เตอร์ ท่าทางนั้นเหมือนกับว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่นี่
พี่หลิงยืนอยู่ในนั้นอดไม่ได้ที่จะชะงักงัน
ยินเสี้ยวเสี้ยวคงไม่ได้มา ‘จับชู้’ ใช่ไหม?
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ผ่านไปชั่วครู่แล้วแต่ไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรดี จนกระทั่งยินเสี้ยวเสี้ยวเดินมาที่เคาน์เตอร์เอ่ยปากขึ้นเบาๆ “ถามหน่อยค่ะ เฉินหยูอยู่ห้องไหนคะ?”
“คะ?” พี่หลิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่เดิมคิดว่าจะได้เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวระเบิดอารมณ์ จะได้ยินชื่อจิ๋นลี่ยวนหรือมู่เยียนหราน แต่สุดท้ายกลับเป็นชื่อของเฉินหยู ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วรีบแจ้งเบอร์ห้องของเฉินหยูทันที “ห้อง 301 ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยขอบคุณเบาๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวเหมือนคนที่ไม่มีเรื่องอะไรเดินไปทางห้องคนไข้ ระหว่างทางเจอเข้ากับเถียนหรง ก็แค่พยักหน้าทักทายแล้วเดินสวนกันไป
จนกระทั่งเห็นเธอเข้าไปในห้องคนไข้ของเฉินหยูแล้ว ทุกคนต่างก็มองประตูที่ปิดสนิทอย่างเหลือเชื่อ
ตอนเช้า สามีของเธอเพิ่งจะมีข่าวว่ามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นออกมา แม้แต่ท่าทางก็ไม่เหมาะสม แต่เธอกลับไม่ตอบโต้สักนิดเลย? นี่ไม่ปกตินะ……
หรือว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวตั้งใจ เธอยืมชื่อของเฉินหยูมาเตือนจิ๋นลี่ยวน?
คาดเดากันไปต่างๆนานา แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปถาม แล้วตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าไปบอกจิ๋นลี่ยวนสักคำด้วย เดี๋ยวจะหาเรื่องใส่ตัวเองเปล่าๆ!
ในห้องคนไข้ของเฉินหยู ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเข้าไปรอยยิ้มที่มุมปากอ่อนโยน แต่เห็นสภาพเขาที่อยู่บนเตียงราวกับบาดเจ็บสาหัส ก็รีบเข้าไปใกล้ๆ
“นี่เกิดอะไรขึ้น?” ยินเสี้ยวเสี้ยวตกใจที่เห็นเขาพันแผลแทบจะทั่วทั้งร่างกาย ไม่ค่อยเข้าใจ
เธอรู้อยู่แล้ว เรื่องที่โดนยิงวันนั้น เฉินหยูได้รับบาดเจ็บแค่ที่ต้นขาซ้าย ที่อื่นๆไม่มีบาดแผล ยิ่งเป็นไปไม่ได้หลังจากที่เขาโดนตำรวจพาตัวไปแล้วจะโดนทำร้ายอีกงั้นเหรอ?
ตอนที่เฉินหยูได้ยินเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยว อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แต่กลับรั้งไปถึงบาดแผลที่มุมปากเจ็บจนหน้าตาเหยเก เห็นแล้วในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวทั้งโมโห ทั้งปวดใจ
“นายอย่าขยับสิ” พูดเบาๆ แล้วยินเสี้ยวเสี้ยวก็นั่งลงข้างกายของเฉินหยูมองบาดแผลบนร่างกายของเขาอย่างละเอียด “ทำไมนายถึงกลายเป็นอย่างนี้? ใครทำ?”
เฉินหยูฝืนยิ้ม เขาคงบอกว่าจิ๋นลี่ยวนเป็นคนทำไม่ได้สินะ?
ยิ่งกว่านั้น เขาตั้งใจทำเรื่องเลวร้าย ตอนนี้แค่นึกถึงคำพูดเหล่านั้นของจิ๋นลี่ยวน เขาก็หวาดผวาแล้ว!
“พี่เสี้ยวเสี้ยวผมไม่เป็นไร พี่อย่ากังวลเลย” ตอบเธอแล้ว เฉินหยูก็นึกถึงที่อะจวิ้นโทรมาหาเมื่อคืน สายตาเก็บความรู้สึกเล็กน้อย
ไม่นึกว่าจิ๋นลี่ยวนจะเริ่มต้นอย่างนั้น?
เห็นเฉินหยูไม่พูด ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงไม่ซักไซ้อีก แค่กำชับเขาเบาๆ
“ยินเสี้ยวเสี้ยว? พวกเรานี่โลกกลมจริงๆนะ” จู่ๆ ด้านหลังก็มีเสียงของเฉิงฉิงดังขึ้นมา หันกลับไปยินเสี้ยวเสี้ยวก็เห็นเฉิงฉิงเดินเข้ามา ในมือยังถือกล่องเก็บความร้อนมาด้วย “ฉันไม่รู้เลยนะ ไม่นึกว่าเธอจะรู้จักเฉินหยู?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่พูดอะไร สายตากลับกำลังพินิจพิเคราะห์อยู่บนร่างของเฉินหยูกับเฉิงฉิง
เฉินหยู เฉิงฉิง?
“เธอเป็นพี่สาวเขา?” ยินเสี้ยวเสี้ยวถามอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ นิสัยของเฉิงฉิงกับนิสัยของเฉินหยูต่างกันมาก จะเป็นครอบครัวเดียวกันได้อย่างไร?
สีหน้าของเฉิงฉิงตกตะลึง ตอบอย่างไม่ยินดี “เธอคิดว่าเป็นไปได้ไหม? พ่อแม่ฉันเป็นข้าราชการ เขาเป็นแค่ญาติห่างๆของครอบครัวฉัน ถ้าไม่เห็นว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวในเมือง T ฉันคงไม่สงสารเขาหรอก อีกอย่าง เธอว่าคนมีเงินจะเป็นเพื่อนกับคนจนเหรอ?”
ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ชอบที่สุดก็คือเฉิงฉิงที่บูชาเงินอย่างนี้
ในสายตาของเธอ เงินคือทุกสิ่งทุกอย่าง
สีหน้าของเฉินหยูไม่เปลี่ยนแปลง แล้วยังตอบกลับ “ต้องขอบคุณพี่เฉิงฉิงแล้ว แต่ทว่าพี่ไม่ต้องมาแล้วนะ ผมดูแลตัวเองได้ ถึงตอนนั้นจะได้ไม่มีคนพูดว่าญาติจนๆอย่างผมปอกลอกคนมีเงินอย่างพวกพี่ไม่ยอมปล่อย”
เฉิงฉิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยมองเขาแล้วจึงเดินออกไปนอกห้อง
ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอไม่เคยได้ยินจริงๆว่าครอบครัวของเฉิงฉิงยังมีน้องชาย ในทางกลับกันตั้งแต่ตอนมหาวิทยาลัยก็ได้ยินเกี่ยวกับฐานะทางบ้านของเฉิงฉิงมาโดยตลอด ไม่ได้รวยแล้วก็ไม่ได้จน
นั่งลงไปข้างๆเฉินหยูอีกครั้ง เอาแต่จดจ้องเฉินหยู ครู่ใหญ่ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงถามขึ้น “เฉินหยู วันนั้นที่นายพูดกับฉัน หมายความว่าไง?”
——พี่ ถ้าเป็นไปได้เลิกกับจิ๋นลี่ยวนเถอะ ผมไม่ชอบเขา
หน้าซีดเล็กน้อย ในห้องคนไข้จึงจมลงไปในความเงียบงัน
เฉินหยูรู้ว่าเธอกับจิ๋นลี่ยวนเป็นสามีภรรยากัน แต่ในสถานการณ์ที่รู้อยู่แก่ใจแล้วยังจะพูดออกไปอย่างนี้ หมายความว่าไง? พูดอย่างนี้ก็สมควรแล้วที่จะทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวครุ่นคิดจริงๆ
กลืนน้ำลายเล็กน้อย เฉินหยูหันไปมองยินเสี้ยวเสี้ยว ริมฝีปากขยับเล็กน้อยแต่ยังไม่ทันได้พูดออกไป เสียงของเฉิงฉิงก็ลอยเข้ามาจากนอกประตู
“ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอควรจะออกมาดูเรื่องราวประวัติศาสตร์ตอนนี้หน่อยไหม? อย่าให้สุดท้ายต้องกลายเป็นเรื่องตลกเลยคงไม่ดีนะ” เสียงของเฉิงฉิงที่ลอยเข้ามาถากถางอย่างชัดเจน ยินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้ว แต่ก็ยังเดินออกไป
คนที่ได้ยินเสียงของเฉิงฉิงไม่ได้มีเพียงยินเสี้ยวเสี้ยวเท่านั้น ยังมีคนอื่นๆที่อยู่บนทางเดินอีกด้วย แค่ได้ยินชื่อของยินเสี้ยวเสี้ยวต่างก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ ดวงตาเบิกโพลงมองไปที่หน้าประตูห้องคนไข้บานนั้น
ก้าวออกไปจากห้องคนไข้ ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้เห็นมู่เยียนหรานกับจิ๋นลี่ยวนยืนอยู่บนทางเดิน
แต่ทว่า เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา ราวกับนกน้อยที่อิงแอบอยู่บนร่างของมนุษย์
จิ๋นลี่ยวนเลิ่กคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ปล่อยมู่เยียนหรานที่พิงอยู่ในอ้อมอกของตนเอง แต่มู่เยียนหราน กลับพยายามที่จะออกมาจากอ้อมกอดเพื่ออธิบายกับยินเสี้ยวเสี้ยว “เสี้ยวเสี้ยว คุณเข้าใจผิดแล้ว เพราะฉันโรคเก่ากำเริบ ก็เลย……”
“คุณมู่ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ สามีฉันเป็นหมอ ที่นี่ยังเป็นที่ทำงานของเขาอีก ฉันจะคิดมากได้ยังไง?” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดชัดถ้อยชัดคำ แต่มือเล็กๆที่ตกอยู่ข้างลำตัวกลับกำแน่น กำลังมอง จิ๋นลี่ยวนตรงๆ แล้วยิ้นเสี้ยวเสี้ยวก็พบว่าตนเองมองได้ไม่ชัดเจน “คุณมู่สุขภาพไม่ดีก็พักผ่อนให้เต็มที่นะคะ ไม่รบกวนแล้วค่ะ”
พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงเดินไปทางพวกเขา ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เอาแต่มองจิ๋นลี่ยวนเท่านั้น
วินาทีที่เดินสวนกัน ยินเสี้ยวเสี้ยวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา
แค่มอง เธอก็เห็นรอยลิปสติกบนปกเสื้อเชิ้ตที่ซ่อนอยู่ด้านในเสื้อกาวน์ของจิ๋นลี่ยวนแล้ว……
นี่คงตั้งแต่เช้าแล้วสินะที่ติดอยู่บนตัวเขา ยิ่งกว่านั้นจิ๋นลี่ยวนก็ออกไปรับเธอเอง ไม่นึกถึงความรู้สึกของเธอสักนิดเลย……
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอยินเสี้ยวเสี้ยวจะใจกว้างขนาดนี้ สามีไปไหนมาไหนกับคนรักอยู่ตลอด เธอยังหลอกตัวเองหลอกคนอื่นว่าเป็นเรื่องงานอยู่อีก?” ด้านหลัง คำพูดถากถางของ เฉิงฉิงลอยมา บรรยากาศที่นี่เวลานี้น่าอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ “ยินเสี้ยวเสี้ยว ความอวดดีของเธอไปไหนหมดแล้ว? ถ้าเป็นเธอเมื่อก่อนคงจะเข้าไปถามหรือไม่ก็ตบสักทีแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทำไมถึงตื่นตระหนกไปได้?”
ยิ้มเยาะเย้ย ไม่ง่ายเลยที่เธอจะได้เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวทำตัวน่าอับอายอย่างนี้จะปล่อยเธอไปง่ายๆได้อย่างไรล่ะ?
เข้าไปใกล้ยินเสี้ยวเสี้ยวทีละก้าวๆ เฉิงฉิงไม่สนใจจิ๋นลี่ยวนหรือมู่เยียนหรานเลยสนใจแค่เธอเท่านั้นพูดขึ้น “จิ๊ๆๆ ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอเตรียมรักษาตำแหน่งคุณนายน้อยสามด้วยการแกล้งหูหนวกเป็นใบ้งั้นเหรอ? แม้กระทั่งเรื่องที่เมืองเก่าของพวกเขาสองคนก็ไม่ซักไซ้ แล้วพฤติกรรมของพวกเขาในเมือง T ล่ะ?”
ร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวชะงักเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงท่าทางของคนรอบข้างที่ต่างก็ก้มหน้าก้มตา ในใจจึงมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที
เฉิงฉิงเห็นท่าทางของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วกลับยิ้มอย่างภูมิใจเหลือเกิน