Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 188 สมองมีปัญหาเหรอ
บทที่ 188 สมองมีปัญหาเหรอ
ดวงตาคู่สวยหรี่เล็ก จิ๋นลี่ยวนมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้าใบหน้าเล็กๆลาย
ผิดตรงไหนเหรอ
เธอกล้าถามคำถามแบบนี้ออกมาอีกหรือ
การดูถูกเหยียดหยามภายในใจ จิ๋นลี่ยวนรู้สึกแค่ว่าตอนนี้ตนเองไม่อยากจะเห็นหน้าเธอร้องไห้รู้สึกรำคาญแทบไม่ไหว!
เดินตรงไปข้างหน้า จิ๋นลี่ยวนยื่นมือออกมาผลักยินเสี้ยวเสี้ยวออกแล้วเดินจากไป ใครจะไปรู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ ยื่นมือมากอดแขนเขาเอาไว้อย่างไรก็ไม่ปล่อยมือ
หย่าอย่างไร้เหตุผล เธอไม่มีทางเห็นด้วย!
“จิ๋นลี่ยวน ฉันไม่มีทางเห็นด้วยกับการหย่า!”ตะโกนออกมาเสียงดัง ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้แค่ว่าในใจตนนั้นสั่นสะท้านเล็กน้อย
จิ๋นลี่ยวนหันหน้าไปมองเอแวบหนึ่ง นัยน์ตาลึกๆกลับไม่อารมณ์ใดๆแฝงอยู่ พูดกับเธออย่างประชดประชันว่า“เหรอ อย่างนั้นยินเสี้ยวเสี้ยว ผมจะรอให้ถึงวันนั้นวันที่คุณมาขอหย่ากับผมเอง!”
พูดจบ จิ๋นลี่ยวนยื่นมือออกไปผลักเธอออกอย่างไม่สนใจว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆจากนั้นหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้คนข้างหลังชนโต๊ะเครื่องแป้งทำขวดแก้วหล่นลงมาแตกบนพื้น……
เพล้ง
ชั่วพริบตานั้นเอง ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกแค่ว่านี่มันเสียงเหมือนกับใจที่แตกสลายของตนเอง
ช่วงชีวิตแต่งงานช่วงสั้นๆห้าเดือนของเธอ จากเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ก็จบลงกลางคันเสียแล้ว……
ตอนแรกใครเป็นคนพูด ไม่อนุญาตให้หย่าร้าง คือใครเป็นคนบอก อวยพรให้พวกเขามีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข คือใครพูดว่า จะดีต่อเธอ
แต่เวลานี้ เขาก็ยื่นมือมาผลักเธอออกขนาดนั้น ปล่อยให้ความเจ็บปวดค่อยๆส่งผ่านมาจากฝ่ามือและเอวของเธอ กลับไม่สนใจยังคงหมุนตัวเดินจากไป สถานการณ์แบบนี้เธอควรจะทำอย่างไร
มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยถากถาง ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับยิ้มทั้งน้ำตา……
เธอไม่รู้ ว่าตกลงชีวิตแต่งงานของเธอผิดพลาดตรงไหน
ต่อให้ต้องหย่ากัน ทำไมเหตุผลแม้แต่ข้อเดียวก็ไม่มีให้เธอ
ค่ำคืนดึกสงัด ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนพื้นเพียงลำพัง แต่กลับไม่มีใครเห็นใจสงสาร……
เช้าวันต่อมา ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งมองเวลาเดินไปแต่ละวินาทีแต่ละนาทีอยู่บนพื้นตลอดทั้งคืน จนถึงตอนเก้าโมง
เธอไม่ได้ไปสำนักงานกิจการพลเรือน และก็ไม่คิดที่จะไปสำนักงานกิจการพลเรือนด้วย ต่อให้เธอจะหย่า อย่างน้อยเธอก็ต้องรู้ว่าทำไม!
ลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไปที่มหาวิทยาลัย วิชาของเช้าวันนี้คือสิบโมงไม่ต้องกลัวจะสายเลย แต่ตอนที่สวมแว่นดำออกไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ก็ยังต้องได้รับการคาดเดาสงสัยเป็นระยะ
พอเฉิงฉิงเข้าไปในห้องเรียนก็มองเห็นเธอ มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มดูถูกเหยียดหยามฉวยจังหวะที่ศาสตราจารย์ยังไม่มาพูดขึ้นว่า“อ้าว นี่ไม่ใช่ยินเสี้ยวเสี้ยวคุณหนูใหญ่ตระกูลยิน คุณนายน้อยสามตระกูลจิ๋นเหรอ นี่คุณเป็นอะไร ปกติไม่ใช่ว่าชอบใช้เส้นสายไม่มาเข้าเรียน วันนี้ทำไมมาปรากฏตัวได้ แล้วยังใส่แว่นตาดำอันใหญ่ขนาดนั้นด้วย”
ประโยคเดียว ทำให้ผู้คนนึกถึงข่าวเมื่อวานขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
คุณชายสามตระกูลจิ๋นมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนกับคุณหนูใหญ่สาวตระกูลมู่ เธอที่เพิ่งจะเป็นเจ้าสาวแต่งเข้ามาหมาดๆนี้ดูเหมือนจะตกที่นั่งจะนั่งลำบากแล้ว
และสถานะของเธอ ถูกเปิดเผยออกมาตั้งแต่แรกตอนที่เป็นข่าวแล้ว……
ไม่สนใจการท้าทายของเฉิงฉิง ยินเสี้ยวเสี้ยวก้มหน้าอ่านหนังสือ ไม่ได้มาเรียนนานก็ถอยหลังไปไม่น้อย
เฉิงฉิงเดินมานั่งข้างๆยินเสี้ยวเสี้ยวหมอบบนโต๊ะจ้องมองเธอ มองพลางพูดไปพลาง“จุ๊ๆ ตานี่ดูแล้วเหมือนกับไม่ได้นอนมาทั้งคืนอย่างนั้น เมื่อคืนเธออดหลับอดนอนมาเหรอ นึกถึงว่าคุณชายสามกับมู่เยียนหรานจะหวานกัน จะเข้ากันได้ยังไงเหรอ เธอมีช่วงเวลาแบบนั้นมั้ย”
เฉิงฉิงราวกับกำลังซุบซิบนินทาอยู่กับเพื่อนสนิทของตนเองอยู่ แต่กลับเป็นว่าแต่ล่ะคำทิ่มแทงไปในหัวใจของยินเสี้ยวเสี้ยว สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังไม่สนใจเธอ
“ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอรู้มั้ย เมื่อวานในขณะที่เธอตั้งใจทำอาหารมากมายให้จิ๋นลี่ยวนนั้น เขากลับไปที่บ้านตระกูลมู่ ”เฉิงฉิงพูดอย่างสะใจ ตอนนี้เรื่องของจิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยวกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของเมืองTไปแล้ว พอข่าวออกมาเมื่อวาน ยินเสี้ยวเสี้ยวออกจากบ้านก็ถูกจับตามองเลย เธอรอคอยของเธอไม่สามารถปิดบังคนอื่นได้“ขนาดอยู่ที่บ้านตระกูลมู่จนถึงสี่ทุ่มถึงจะจากไป เธอว่า นี่มันหมายความว่าอะไรล่ะ”
เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบๆหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
คนหนุ่มสาวที่แข็งแรงมีพละกำลังดี หนุ่มสาวโสดอยู่ด้วยกันจะทำเรื่องอะไร ไม่ต้องบอกก็รู้นี่……
สีหน้าซีดเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังคงฝืนทนไว้
“พวกเธอกำลังทำอะไร”ทันใดนั้นเอง คำถามที่น้ำเสียงอ่อนโยนผสมกับความเข้มงวดก็ดังขึ้นมา
ตอนที่ทุกคนมองไปต่างก็ตกใจกันหมด เฉิงชื่อชิงนับตั้งแต่มาอยู่ที่เมืองT ก็กวาดรายชื่อจากแต่ละมหาวิทยาลัยขึ้นมาอย่างรวดเร็วกลายเป็น‘ชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบที่สุด’ของมหาวิทยาลัยTเก่งอ่อนโยน หล่อรวย ผู้ชายแบบนี้ใครจะไม่ชอบ แต่เฉิงชื่อชิงโมโหนี่เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรกจริงๆ
รอยยิ้มที่เหมือนกับมู่ชิงเฟิงนั้นหายไปแล้ว คิ้วขมวด แววตาที่แฝงด้วยความดุดันมองไปที่นักเรียนที่อยู่ภายในห้อง
มองแค่แวบเดียว ทุกคนก็เงียบลงอย่างว่าง่ายไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
และยินเสี้ยวเสี้ยวได้แต่ยิ้มพร้อมก้มศีรษะเล็กน้อยให้เขาอย่างซาบซึ้ง……
ไม่นาน ศาสตราจารย์ก็มา ทั้งห้องเรียนก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ แต่ว่าเฉิงฉิงก็ยังมองมาที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นระยะ การดูถูกเหยียดหยามในแววตาเข้มข้น ไม่ได้ไปสนใจปฏิกิริยาของเฉิงฉิง ยินเสี้ยวเสี้ยวได้แต่คิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของเธอ
เขาไปที่บ้านตระกูลมู่เหรอ
ไปทำไม
เธอไม่เคยรู้สึกถึงได้ถึงอันตรายเวลามู่ซูวปรากฏตัวมาก่อน แต่มู่เยียนหราน เธอรู้สึกถึงอันตรายเมื่อเห็นเธอในข่าว ผู้หญิงคนนี้กดดันเธอมากเกินไป คนครอบครัวจิ๋นก็ชอบเธอ จิ๋นลี่ยวนเองก็มักจะคอยดูแลเธอ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เธอวิตกกังวลเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ
พอเลิกเรียน ยินเสี้ยวเสี้ยวเก็บของของตนเองและเตรียมตัวกลับบ้านไปรอจิ๋นลี่ยวน บางสิ่งที่เธอไม่เต็มใจก็รออย่างโง่เขลาอยู่อย่างนั้น เธอต้องการเหตุผลข้อเดียว! แต่เฉิงฉิงดูเหมือนจะไม่คิดอย่างนั้น รีบเดินไปอย่างรวดเร็วเพื่อขวางทางที่เธอจะไป สองแขนกอดอกมองเธอ มุมของเธอปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย
“เสี้ยวเสี้ยว เธอเดินเร็วขนาดนั้นจะรีบไปไหน อย่างนั้นเราไปเดินเล่นด้วยกันมั้ย นัดเฉียนเสว่กับกั๋วกั๋วเอาไว้พอดีเลย……”พูดพลาง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็มองเห็นเฉียนเสว่และกั๋วกั๋วยืนรออยู่นอกห้องเรียน ไม่รอให้เธอปฏิเสธ เฉิงฉิงก็ตรงมาควงแขนเธอเดินไปเลย“กิจกรรมหอพักเธอคงไม่เคยเข้าร่วมเลยสักครั้งสินะ คงจะไม่ทำให้เสียหน้าขนาดนั้นในตอนนี้นะ”
คิ้วขมวดหากันแน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวโกรธเฉิงฉิงมาก แต่ตอนนี้เฉียนเสว่และกั๋วกั๋วต่างก็อยู่ตรงหน้า เธอก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
เฉียนเสว่และกั๋วกั๋วก็เป็นนักศึกษาหญิงที่ยังอยู่ที่มหาวิทยาลัยT ตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวผู้ที่เป็นคนดังที่ถูกพูดถึงอย่างมากในมหาวิทยาลัยTจะมีใครบ้างที่ไม่รู้จัก มองเห็นเธอถูกเฉิงฉิงลากมาก็รู้สึกขัดเขินเล็กน้อย แบบนี้ยิ่งกลับทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้จะบอกลาอย่างไร ได้แต่ยิ้มเล็กน้อยๆไปเดินเล่นกับพวกเขา ……
‘หม่านฮั่นฉวนสี ’
ยืนอยู่ที่หน้าประตู กั๋วกั๋วพูดเบาๆว่า“อย่างนั้นพวกเราเปลี่ยนร้านมั้ย ที่นี่…ฉันไม่ค่อยชอบ”
พูดพลาง กั๋วกั๋วก็ยังมองไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างระแวง‘หม่านฮั่นฉวนสี’คือห้างสรรพสินค้าที่หรูหรายิ่งใหญ่ของเมืองTจะมีคนที่‘ไม่ชอบ’ได้ยังไงกัน วิธีการพูดแบบนี้ ที่เธอพูดทั้งหมดนี้ก็เพราะวันนี้ในข่าวบอกว่าจิ๋นลี่ยวนตามคนในตระกูลจิ๋นมาที่นี่……
มีข่าวลือว่า เพื่อทำความคุ้นเคยกับธุรกิจ……
‘หม่านฮั่นฉวนสี ’เป็นกิจการของตระกูลจิ๋น แต่กลับเป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัวของจิ๋นลี่หยาวที่ตอนนี้ให้บริษัทจิ๋นซื่อเป็นผู้บริหารจัดการเท่านั้น
เฉิงฉิงเห็นสีหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวเปลี่ยนไปเล็กน้อย รอยยิ้มที่มุมปากก็ยิ่งสะใจยิ่งขึ้นพูดว่า“เสี้ยวเสี้ยว ที่นี่เป็นกิจการของที่บ้านสามีเธอนะ ความสัมพันธ์ของเธอกับจิ๋นลี่หยาวดีมั้ย ฉันได้ยินข่าวว่าวันนี้จะมีคนของตระกูลจิ๋นมาสำรวจที่นี่ เธอรู้มั้ยว่าเป็นใคร”
ยินเสี้ยวเสี้ยวส่ายหน้าไม่พูดอะไร การแยกจากกันอย่างไม่ดีเมื่อคืนนั้น จิ๋นลี่ยวนยิ่งไม่มีทางบอกเบาะแสของเขา
ควงแขนยินเสี้ยวเสี้ยวเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เฉิงฉิงที่เดินไปพลางพูดไปพลางว่า“พวกเราลองดูสิ ถึงฤดูหนาวพอดีพวกเรามาดูสิว่ามีเสื้อผ้าอะไรสวยๆบ้าง เพิ่มเสื้อผ้าชุดกันหนาวสักสองสามชุดก็ไม่เลวนะ”
เฉียนเสว่และกั๋วกั๋วตามมาด้านหลังอย่างไม่สบายใจ ตลอดทางที่เดินมานี้แทบไม่มีกะจิตกะใจจะไปดูเสื้อผ้า ต่างพากันภาวนาว่าอีกเดี๋ยวอย่าเกิดเรื่องจะดีที่สุด
แต่โลกใบนี้คุณยิ่งหวาดกลัวอะไรก็จะยิ่งพบเจอสิ่งนั้น!
เพิ่งจะก้าวเข้ามาในชั้นสีแผนกเสื้อผ้าสตรีของ‘ห้างสรรพสินค้าหม่านฮั่นฉวนสี ’ยินเสี้ยวเสี้ยวกับเพื่อนๆที่มาด้วยกันก็พบกับจิ๋นลี่หยาวและจิ่นลี่ยวนสองคนพี่น้อง ตอนนั้นทั้งสองฝ่ายต่างอึ้งชะงักกันไป
จิ๋นลี่ยวนสวมเสื้อสเวตเตอร์สีเทาเรียบง่ายกับกางเกงทรงหลวมสีกากีเข้ม สองมือของเขาล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ลักษณะของเขาดูเท่ห์และเป็นตัวของตัวเองเป็นพิเศษ มองไม่ออกว่านี่คือคนที่บอกว่าเขาต้องการจะ‘หย่า’เมื่อคืน ชั่วพริบตานั้นที่ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเห็นจิ๋นลี่ยวนฝีเท้าก็หยุดชะงักลงทันที ไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียวเป็นเวลานาน!
จิ๋นลี่หยาวมองเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวก็หันไปมองจิ๋นลี่ยวน ภายในใจรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มออกมาก่อนแล้วเอ่ยถามเบาๆว่า“เธอมาช้อปปิ้งกับเพื่อนเหรอ มีอะไรที่ชอบหรือเปล่า พี่จะซื้อให้เธอ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนบอกคนตระกูลจิ๋นเรื่องที่จะหย่ากันหรือยัง แต่ไม่ว่าตอนนี้จะเป็นเพราะรักษาหน้าของตระกูลจิ๋นหรือเพราะไม่รู้เรื่องนี้ นับตั้งแต่ที่เธอแต่งเข้าบ้านตระกูลจิ๋นวันนั้นเป็นต้นมา ก็เห็นจิ๋นลี่หยาวเป็นพี่สาวของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์อย่างนี้ในเวลานี้
มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้าพูดว่า“ไม่ต้องรบกวนพี่สาวหรอกค่ะ พวกเรามาเดินเล่นเท่านั้นเองค่ะ”
จิ๋นลี่หยาวยิ้มอ่อนๆไม่พูดอะไรหันไปมองจิ๋นลี่ยวนที่ค่อยๆก้าวเท้าเดินมา ถามว่า“ลี่ยวน ถ้างั้นนายไปเดินช้อปปิ้งเป็นเพื่อนเสี้ยวเสี้ยวสักหน่อยสิ ในเมื่อเราก็ดูกันมาพอสมควรแล้ว”
จิ๋นลี่ยวนและยินเสี้ยวเสี้ยวสบตากันแต่กลับไม่พูดไม่จา
ภายในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยการรอคอยและความวิตกกังวล ดวงตาคู่นั้นของเขากลับมีแต่ความเย็นชา……
ตำแหน่งของหัวใจบีบเกร็งเล็กน้อย สุดท้ายยินเสี้ยวเสี้ยวก็อดไม่ได้ที่จะพูดบีบบังคับเขาว่า“ลี่ยวน พี่โทรมาบอกว่าให้ไปทานข้าวด้วยกัน คุณจะรอให้ทางฉันเสร็จแล้วไปหาคุณ หรือว่าคุณจะไปหาพี่ชายฉันก่อน”
ให้ทางเลือกเขาสองทาง ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ยอมให้เขามีทางเลือกอื่น!
ยินจื่อเจิ้นก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น แต่ว่าเธอต้องการที่จะพูดคุยกับจิ๋นลี่ยวนสักครั้ง!
ขมวดคิ้วแน่น จิ๋นลี่ยวนไม่ชอบยินเสี้ยวเสี้ยวที่บีบบังคับแบบนี้ แต่เห็นแกจิ๋นลี่หยาวที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยจึงรับปากไปว่า“อีกเดี๋ยวคุณเสร็จแล้วโทรหาผม”
เฉิงฉิงไม่เห็นภาพการทะเลาะกันอย่างที่ตนเองจินตนาการเอาไว้ก็ไม่พอใจ ถามตรงๆออกมาว่า“คุณชายสาม ได้ยินว่าช่วงนี้คุณใกล้ชิดสนิทสนมกับมู่เยียนหรานมากจริงมั้ยคะ ความสัมพันธ์ของพวกคุณสองคนดีมากสินะคะ”
ประโยคเดียว ทำให้เฉียนเสว่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเธออดไม่ได้ที่จะยื่นมือมาดึงเธอ เธอจะผิดใจกับคนตระกูลจิ๋นไม่เป็นไร แต่อย่ามาทำให้เธอพลอยขายหน้าไปด้วย เรื่องแบบนี้ในสถานที่แบบนี้ควรจะถามออกมามั้ย รอบๆนี้ไม่รู้ว่ามีนักข่าวซ่อนตัวอยู่มากแค่ไหน!
จิ๋นลี่หยาวคิ้วกระตุก ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเฉิงฉิงก้มหน้ามองเธอถามอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า“คุณผู้หญิงคนนี้เป็นนักข่าวหรือว่าเป็นพวกชอบซุบซิบนินทาคนอื่นกันแน่ หรือว่า……สมองมีปัญหา”