Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 189 การเจรจาต่อรองครั้งที่หนึ่ง
บทที่ 189 การเจรจาต่อรองครั้งที่หนึ่ง
ประโยคเดียวพูดจนเฉิงฉิงหน้าถอดสีทันที!
นักข่าวที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆไม่น้อยต่างก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ตระกูลจิ๋นไม่เพียงมีคุณย่าจิ๋นที่ลงมือจัดการอย่างโหดเหี้ยมเด็ดขาดแล้ว ยังมีคุณหนูจิ๋นผู้มีนิสัยตรงไปตรงมาอีกด้วย!
จิ๋นลี่หยาวแม้จะไม่ค่อยอยู่ในประเทศ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นพวกหัวอ่อน ตรงกันข้ามนิสัยของจิ๋นลี่หยาวตรงไปตรงมามาก บางเรื่องตรงไปตรงมามากกว่ายินเสี้ยวเสี้ยวนิดหน่อยด้วยซ้ำ!
ก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว จิ๋นลี่หยาวมองเฉิงฉิงในใจไม่พอใจเล็กน้อย ทำไมข้างกายของทุกคนมักจะมีคนไม่กี่คนที่กลัวว่าโลกจะไร้ซึ่งความวุ่นวายด้วยนะ
“ฉันดูท่าทางของเธอก็ไม่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทอะไรกับเสี้ยวเสี้ยวถ้าอย่างนั้นฉันต้องเกลี้ยกล่อมให้เสี้ยวเสี้ยวอยู่ห่างจากคุณหน่อยถึงจะดี คนที่เป็นนักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงยังสามารถถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนี้ได้!ไม่ใช่คนมีปัญหาทางสมองก็ต้องเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์แย่มาก……”จิ๋นลี่หยาวพูดอย่างไม่เกรงใจ เธอรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของยินเสี้ยวเสี้ยวมีแค่ถาวหยีคนเดียวเท่านั้น“เป็นเพื่อนกับเสี้ยวเสี้ยวแล้วถามคำถามแบบนี้ต่อหน้าเธอดูแล้วคุณก็คงจะไม่ใช่คนดีอะไร แล้วอีกอย่าง จะพูดจะทำอะไรไม่ดูสถานการณ์ คนอย่างคุณนี่มีข้อดีอะไรบ้าง”
พูดจนเฉิงฉิงไม่มีอะไรดีแล้ว จิ๋นลี่หยาวจึงได้หันหน้าไปมองยินเสี้ยวเสี้ยว ดวงตาคู่นั้นมีการตำหนิเล็กน้อยพูดว่า“เสี้ยวเสี้ยว ต่อไปอย่าไปสุงสิงกับคนพวกนี้ เหตุผมที่ว่ายอมทำลายวัดเสียดีกว่า ที่จะทำลายชีวิตแต่งงานคนอื่น ไม่รู้จริงๆว่ามหาวิทยาลัยของพวกคุณคัดเลือกพวกคุณเข้าไปได้ยังไง!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้าอย่างว่าง่ายโดยไม่พูดอะไร ความคิดกลับพุ่งไปที่อีกเดี๋ยวจะไปพบกับจิ๋นลี่ยวนนานแล้ว
เธอรู้ว่าเขาไม่พอใจที่ตนเองบีบบังคับเขา แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางอื่น ได้แต่ทำแบบนี้!
เธอยินเสี้ยวเสี้ยวต่อให้จะต้องหย่าก็ต้องมีเหตุผลสักข้อหนึ่ง!
เฉิงฉิงแทบจะถูกจิ๋นลี่หยาวชี้หน้าด่า แต่น่าเสียดายที่สถานะต่างกันมากเกินไป แม้เธอจะเต็มไปด้วยความโกรธก็ไม่กล้าปลดปล่อยออกมา ได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นสีหน้าขาวซีดปล่อยให้คนเดินผ่านไปผ่านมามองตนเองด้วยสายตาสนอกสนใจ การถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีแบบนี้ทำให้เธอตัวสั่นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่อยู่!
หากไม่ใช่เพราะหล่อน เธอจะไปผิดใจกับจิ๋นลี่หยาวได้อย่างไร ต้องรู้ว่าที่ตระกูลจิ๋น คนที่คุณย่าจิ๋นรักและเอ็นดูที่สุดก็คือจิ๋นลี่หยาว!
มิเช่นนั้นจะปล่อยให้เธอไม่แต่งงานออกไปจนกระทั่งถึงตอนนี้หรือ และสิ่งที่จิ๋นลี่หยาวทำมักจะยึดตามสิ่งที่เธอชอบ! เธอกล้าที่จะรังแกยินเสี้ยวเสี้ยวหนึ่งเพราะเธอเคยชิน สองคือยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้เป็นที่ชอบพอของบ้านยิน แต่จิ๋นลี่หยาวไม่กล้า แม้แต่ฉันเองก็ไม่กล้าที่จะแก้ตัวสักคำด้วยซ้ำ!!
แต่อย่างไรก็ตาม ขอแค่ยินเสี้ยวเสี้ยวเตือนเธอสักประโยคก็จะไม่เป็นแบบนี้!
เฉิงฉิงในเวลานี้ไม่เคยคาดคิดเลยว่า หากไม่ใช่เพราะตนเองทำร้ายยินเสี้ยวเสี้ยวแบบนี้ก็คงไม่ต้องถูกจิ๋นลี่หยาวตำหนิเช่นนี้ ในสายตาของเธอ ตนเองถูกเสมอ คนอื่นผิดเสมอ!
“ลี่ยวน”เสียงเรียกหวานๆเสียงหนึ่งดังมา ยินเสี้ยวเสี้ยวตัวแข็งเกร็งอย่างทนไม่ไหว
เสียงนี้ ไม่ใช่มู่เยียนหรานจะเป็นใครได้
สีหน้าของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเล็กน้อย เฉียนเสว่และกั๋วกั๋วที่ยืนอยู่ด้านหลังพยายามลดความรู้สึกการมีตัวตนลง พวกหล่อนรู้ตัวดีว่าโลกนั้นไม่เหมือนกับโลกของตนเอง แต่เฉิงฉิงกลับมองยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างสะใจ ในดวงตาแฝงดวยความเกลียดชัง!
ตอนนี้เธอกลับอยากจะดูสิว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะจัดการอย่างไร!
ขมวดคิ้วแน่น จิ๋นลี่หยาวมองเห็นมู่เยียนหรานเดินมาข้างๆ ด้านหลังของเธอยังมีคนรับใช้ในบ้านที่เข็นรถเข็นที่มีมู่ซูวนั่งอยู่มาด้วย……
นี่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่าตัดขาสองข้าง ที่ยินเสี้ยวเสี้ยวได้พบกับมู่ซูวยังเป็นครั้งแรกที่ มู่ซูวปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนหลังเกิดอุบัติเหตุ
นักข่าวที่ซ่อนตัวอยู่รอบ ๆ กดกล้องอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้น แต่กลับยังคงหลบซ่อนตัวเองอย่างระมัดระวัง แม้ว่าคนข้างนอกจะรู้ว่ามีผู้สื่อข่าวอยู่ที่นี่ แต่ไม่รู้ว่ามีกี่คน ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้ได้แต่ทำเป็นไม่รู้!
สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวซีดลงเล็กน้อย ก้มศีรษะหลุบตาลงไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่มู่เยียนหราน!
กั๋วกั๋วที่ขี้ขลาดกลับไม่สนใจการขัดขวางของเฉียนเสว่ค่อยๆเคลื่อนตัวไปข้างหลังยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างเงียบๆ เอื้อมมือไปจับมือเล็ก ๆ ของเธอ!
แม้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะไม่ได้ไปที่หอพักบ่อยนัก แต่ในบางครั้งก็กลับไปสองสามครั้ง เธอเป็นเด็กเรียบง่าย ผู้อื่นดีต่อเธอเธอก็ดีกับผู้อื่น ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่จะพูดอย่างไรก็ไม่เคยทำอะไรผิดพลาด ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัว …
ความรู้สึกอบอุ่นที่ส่งมาจากฝ่ามือ ยินเสี้ยวเสี้ยวหันหน้าไปก็มองเห็นกั๋วกั๋วที่ขี้ขลาดซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเธอส่งมอบความกล้าหาญของเธอ และยังกระซิบเบา ๆ ว่า “สู้ๆ”
สู้ๆเหรอ
ใช่สินะ เธอควรจะต้องสู้ ตั้งแต่ต้นจนจบเธอเหมือนเป็นคนนอกที่ราวกับถูกจูงจมูกเดิน ไม่รู้ว่าเรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไร และก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวถูกเปิดเผยไปได้อย่างไร!
เงยหน้า ยินเสี้ยวเสี้ยวมองตรงไปยังมู่เยียนหราน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
เลิกคิ้วนิดหน่อยจิ๋นลี่ยวนมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่ท่าทางเหมือนกับไม่มีความจำเป็นอะไร
สีหน้าของมู่เยียนหรานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เดินมา ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างจิ๋นลี่หยาวและยินเสี้ยวพูดเบาๆว่ารอบตัวเขามีแต่คุณแม่ “ทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ มาช้อปปิ้งกันเหรอคะ พอดีเลยไปด้วยกันเถอะค่ะ”
จิ๋นลี่หยาวก็รู้ถึงข่าวคราวในช่วงนี้ดีแต่เห็นว่าระหว่างยินเสี้ยวเสี้ยวและจิ๋นลี่ยวนดูเหมือนไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่กังวลแล้ว แต่กลับมองไปยังมู่เยียนหราน ในแววตาลึกๆแฝงด้วยความเคลือบแคลงสงสัยเล็กน้อย
มู่ซูวถูกคนเข็นตามมาที่ด้านหลัง สีหน้านิ่งขรึมไม่สู้ดีนัก
“ลี่ยวน ฉันชอบชุดสีเขียวเข้มชุดหนึ่ง คุณช่วยดูให้ฉันหน่อยได้มั้ย คุณก็รู้ ส่วนตัวฉันนี่มีปัญหาในการเลือก ”มู่เยียนหรานเข้าใกล้จิ๋นลี่ยวนอีกนิดพูดด้วยเสียงเบาๆ คำพูดนั้นผ่อนคลายมากเป็นพิเศษราวกับว่าพวกเขารู้จักคุ้นเคยกันมานาน“เมื่อก่อนฉันไม่เคยลองสีนั้นมาก่อนเลย ครั้งนี้อยากจะลองดู……”
ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็พูดตัดบทมู่เยียนหรานขึ้นมาว่า “ผิวของคุณหนูมู่ขาวมาก ใส่สีเขียวเข้มแบบนี้จะช่วยขับผิวให้สว่างขึ้น ฉันคิดว่าไม่ต้องดูก็พอจะรู้ว่าสวยมาก”
มู่เยียนหรานและจิ๋นลี่ยวนต่างก็ชะงักไปเล็กน้อย
มู่เยียนหรานมองยินเสี้ยวเสี้ยวจากนั้นก็ยิ้มอย่างเขินๆเล็กน้อย ฝีเท้าชะลอห่างจากจิ๋นลี่ยวนเล็กน้อย
แต่มันแตกต่างอย่างมากอย่างไร้ร่องรอยกับตอนที่เข้าใกล้เมื่อครู่นี้ ก้าวนี้ขยับอย่างเชื่องช้าและไกลเกินเอื้อม“ ขอโทษ เป็นความสะเพร่าของฉัน ฉันคิดเสมอว่าลี่ยวนเป็นเหมือนลี่ยวนคนเดิมคนนั้น แต่กลับลืมไปว่าเขาไม่ใช่ นานแล้ว ”
คุณจำเอาไว้ดีที่สุด
จิ๋นลี่ยวนไม่ใช่จิ๋นลี่ยวนในอดีต เขาเป็นสามีของเธอแล้ว!
มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แต่จิ๋นลี่ยวนกลับพูดออกมาหน้าตาเฉยว่า“ไปเถอะ ผมไปดูเป็นเพื่อนคุณ”
ประโยคเดียว รอยยิ้มมุมปากของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ค้างอยู่อย่างนั้น คนรอบข้างต่างพากันมองเธออย่างแปลกใจ หักหน้าเมียตนเองอย่างเปิดเผยแบบนี้ หรือว่าที่ในข่าวบอกว่าจิ๋นลี่ยวนใกล้ชิดสนิทสนมกับมู่เยียนหรานก็เป็นเรื่องจริงหรือ
จิ๋นลี่หยาวมองจิ๋นลี่ยวนอย่างไม่เห็นด้วย ยังไม่ทันจะไดพูดอะไรยินเสี้ยวเสี้ยวก็พูดขึ้นมาอีกว่า“อืม คุณไปดูเป็นเพื่อนคุณหนูมู่เถอะ พวกเราก็ไม่ได้ไปด้วยกันกับพวกคุณแล้ว คุณอย่าลืมว่าเสร็จธุระแล้วโทรหาฉันด้วย”
คำตอบแบบนี้ ประโยคเมื่อครู่นั้นของจิ๋นลี่ยวนราวกับเป็นการรายงานกับยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างนั้น
แม้จะดูห่างเหิน แต่กลับไม่ได้เหนือความคาดหมายอย่างเห็นได้ชัด
สายตาของผู้คนปนเปไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย ดังนั้นพวกเขาจึงเดาไม่ออกจริงๆว่าความสัมพันธ์ระหว่างจิ๋นลี่ยวนและยินเสี้ยวเสี้ยวมีปัญหากันหรือไม่……
หันไปมองยินเสี้ยวเสี้ยว เธอยังคงมีรอยยิ้มบางๆ แต่ว่าในดวงตาสีขาวดำที่ตัดกันชัดเจนนั้นมีความเสแสร้งซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น !เธอกำลังพยายามทำให้ตัวเองหนักแน่นขึ้นอีกหน่อย กล้าหาญขึ้นอีกหน่อย ไม่รู้ทำไม เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อรักษาหน้าของทุกคน จิ๋นลี่ยวนก็เริ่มใจอ่อนขึ้นมาบ้างแล้ว……
คำพูดที่มาถึงปากก็กลืนลงไปเสียอย่างนั้น หมุนตัวเดินจากไปกับมู่เยียนหราน
ในใจถอนหายใจอย่างโล่งอก ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเห็นจิ๋นลี่ยวนและมู่เยียนหรานจากไปก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะตนเอง เมื่อครู่เงยหน้ามองก็เห็นว่ามู่ซูวที่อยู่ตรงข้ามกำลังจ้องมองมาที่เธอ จึงชะงักไปทันที
มีคนมารายงานสภาพการณ์ของห้างสรรพสินค้าไตรมาสนี้กับจิ๋นลี่หยาว จิ๋นลี่หยาวจึงเดินจากไป เฉียนเสว่และกั๋วกั๋วลากเฉิงฉิงไปพักที่ร้านกาแฟข้างๆ มู่ซูวคือแฟนเก่าของจิ๋นลี่ยวน ทั่วทั้งเมือง T อาจจะมีเรื่องซุบซิบนินทาข่าวลือออกมามากมาย แม้ว่าจะไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่บางเรื่องอาจไม่ใช่ว่าจะไม่มีมูลความจริงเลย……
……
นั่งพักอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างของห้างสรรพสินค้า สายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวค่อยๆเลือนไปที่บนขาที่ว่างเปล่าของมู่ซูว นัยน์ตาฉายความสงสารออกมา
“หึๆ……”มู่ซูวกลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆออกมา มองไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วพูดว่า“ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอไม่ต้องมาสงสารฉัน เพราะไม่แน่ว่าวันหนึ่งเธออาจจะแย่มากกว่าฉัน แม้ว่าตอนนี้ฉันจะไม่มีขาทั้งสองข้างแล้ว แต่ฉันก็ยังมีความรู้สึกของตนเอง และยังมีโลกของตัวเอง รอจนวันหนึ่งตอนที่เธอเกิดเรื่อง นอกจากชีวิตของเธอก็อาจจะไม่เหลืออะไรแล้ว”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยังแปลกใจในเสียงหัวเราะของมู่ซูว แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย
มู่ซูวไม่สนใจใยดีอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้ความหวังสูงสุดของเธอไม่ใช่การแต่งเข้าตระกูลจิ๋นเพื่อยกสถานะทางสังคมให้สูงขึ้นอีกแล้วไม่ใช่เพื่อจะเป็นผู้หญิงข้างกายของจิ๋นลี่ยวนที่เขาคอยปกป้องคุ้มครองคนนั้นอีกแล้ว และก็ไม่ใช่การที่จะได้ไปยืนเต้นบนเวทีการเต้นระดับนานาชาติ แต่เป็นการทำให้มู่เยียนหรานตกลงมาจากตำแหน่งที่สูงส่งนั้น!
เธออยากเห็นมู่เยียนหรานตกอยู่ในสภาพที่ทุกข์ทรมาน คลานมาอยู่แทบเท้าของเธอ!
และพูดในแง่หนึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวตอนนี้ก็เหมือนเป็น‘เพื่อน’ของเธออย่างนั้น
ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน ก็เป็นเช่นนี้
“ยินเสี้ยวเสี้ยว ระวังมู่เยียนหราน หล่อนไม่เคยไม่ได้ของที่หล่อนอยากได้มาก่อน!”มู่ซูวพูดด้วยสีหน้าที่ค่อยๆดุดันขึ้น แววตาแฝงด้วยความแค้น“อย่ารีบแพ้เร็วขนาดนั้นและก็อย่าชนะ มู่เยียนหรานเธอเป็นเหยื่อของฉัน!”
คิ้วขมวดแน่น เธอเคยได้ยินข่าวว่าคุณหนูสองคนของตระกูลมู่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก แต่เธอคิดไม่ถึงว่าจะแย่ขนาดนี้ ยิ่งกว่าเธอกับยินรั่วอวิ๋น!
ก่อนจะจากไป มู่ซูวทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค“ยินเสี้ยวเสี้ยว หากวันหนึ่งเธอได้ยินอะไรมา ก็ไม่ต้องตกใจ โลกใบนี้ก็เป็นแบบนี้มีสิ่งที่ดำมืดยิ่งกว่า!”
มู่ซูวจากไปนานแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไรกันแน่ คิ้วขมวดแน่นจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจึงรีบรับสายอย่างรวดเร็ว“ฮัลโหล”
“ผมรอคุณอยู่ที่‘ร้านอาหารเทาถี้’”มีเพียงประโยคนี้ประโยคเดียว จิ๋นลี่ยวนก็วางสาย
กำโทรศัพท์ไว้แน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งอยู่ที่นั่นจนกระทั่งความกังวลใจของเธอลดลงเล็กน้อยก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเพื่อบอกลาเฉียนเสว่และคนอื่น ๆ จากนั้นหมุนตัวเรียกรถแท็กซี่ไปที่ ‘ร้านอาหารเทาถี้’
เธอควรจะพูดอะไร
บอกว่าไม่อยากหย่าเหรอ หรือว่ายืนยันว่าต้องการเหตุผลหนึ่งข้อ
แต่ว่า หลังจากที่เขาให้เหตุผลแล้วตนเองจะยอมหย่าจริงหรือ
ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เดิมนั้นยังมีความกล้าหาญเต็มเปี่ยมที่จะไปพูดคุยด้วย‘เหตุผล’กับจิ๋นลี่ยวนก็รู้สึกท้อแท้แล้ว……
การแต่งงานนี้ จะต้องหย่ากันแล้วหรือ