Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 196 มีอะไรที่แตกต่างเหรอ
บทที่ 196 มีอะไรที่แตกต่างเหรอ
ร่างที่ซ้อนทับกันใต้ผ้าห่มนั้นทำให้มู่เยียนหรานต้องกำข้อมืออันเล็กๆของตัวเองไว้แน่น เธอกัดริมฝีปากของตัวเองจนเลือดแทบจะไหลออกมา
จ้องมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่บนเตียงด้วยสายที่ดุเดือด มู่เยียนหรานทำได้เพียงถอยออกไปอย่างไรเสียง
ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจ!ถึงแม้จิ๋นลี่ยวนจะหย่ากันกับยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว แต่แท้จริงแล้วสองคนนี้เขาหย่ากันหรือยัง?และเจ้าตัวก็ยังอยู่ที่บ้านจิ๋น มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกถ้าพวกเขาจะหย่ากัน เธอรู้ดีและรู้อยู่แก่ใจ และในสถานการณ์แบบนี้ นอกจากการถอยออกมาเธอสามารถทำอะไรได้อีกเหรอ?
พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน เรื่องพวกนี้มันเรื่องปกติ!ถ้าเธอวู่วามและเร่งรีบทำอะไรไป มันก็จะเป็นปัญหามาสู่เธอเอง!เรื่องโง่ๆแบบนี้เธอไม่มีทางทำเด็ดขาด!
เธอยืนอยู่ที่ด้านนอกของประตู ถึงขั้นได้ยินเสียงที่กำลังเสพสุขของยินเสี้ยวเสี้ยว มันก็ทำให้เธอแทบจะระเบิดออกมา เธออยากจะพุ่งเข้าไปและฉีกยินเสี้ยวเสี้ยวออกเป็นชิ้นๆ
เธอรีบจากไปและกลับไปที่ห้องของตัวเอง โกรธแค่ไหนก็ทำได้แค่ระบายความรู้สึกใส่ผ้าห่มและหมอน เธอเอาหมอนที่หัวของตัวเอง แต่ส่วนที่ยังรู้สึกเจ็บปวดก็คงมีแค่หัวใจ มู่เยียนหรานรีบคว้ายาของเธอและกลืนลงไป
เวลาผ่านไปครู่หนึ่งมู่เยียนหรานได้สติคืนมา แต่สายตานั้นก็เต็มไปด้วยความน่ากลัว!
ยินเสี้ยวเสี้ยว!
ฉันจะทำให้แกตายแบบไม่มีที่ฝังศพเลย!
วันถัดไป จิ๋นลี่ยวนสัมผัสได้เพียงไออุ่นจากอ้อมแขนของเธอ เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นเป็นพิเศษ ราวกับว่าตัวเองนั้นได้รับความรัก ความใส่ใจจากยินเสี้ยวเสี้ยว มุมปากของเขายิ้มออกมา
เขาทำตัวย้อนแย้งจริงๆ ย้อนแย้งมากๆ จะบอกว่าเขาไม่ได้ชอบยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างนั้นเหรอ?ก็คงชอบนิดหน่อย แต่ไม่ได้ชอบถึงขั้นที่จะเพิกเฉยกับเรื่องราวที่เธอเคยผ่านมานั้นได้!การปฏิบัติต่อเธอในช่วงนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกเจ็บปวด แต่ทำไมมันไม่ได้เป็นเธอนะ?มันเป็นเรื่องที่เธอนั้นพยายามจะประคับประคองมาโดยตลอด!
ยินเสี้ยวเสี้ยว สรุปว่าเป็นหุ้นส่วนในชีวิตของเขาหรือเปล่า
ถอยหายใจออกมาเบาๆ จิ๋นลี่ยวนรู้สึกไม่อยากตื่นขึ้นมาจากฝัน แต่เมื่อเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง ในหน้าเล็กๆก็มีร่องรอยของคราบน้ำตา แต่ทั้งสองก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
เป็นครั้งแรกที่จิ๋นลี่ยวนรู้สึกว่าสมองของตัวเองนั้นว่างเปล่า
คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เขาดื่มเหล้าเมานั้น ก็มีขืนใจยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างนั้นเหรอ?
เขาคิดว่าตัวเองนั้นกำลังฝันไป มันเป็นความฝันที่เหมือนกับความจริง เป็นความฝันที่ดีเหลือเกิน แต่….ทั้งหมดนั้นมันคือความจริงที่เกิดขึ้น
กลืนน้ำลายลงคออย่างแรงๆ ในตอนนั้นจิ๋นลี่ยวนไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ต่อไป
แต่เขาก็รู้อย่างแจ่มแจ้งว่าตัวเองนั้นจะต้องหย่ากันกับยินเสี้ยวเสี้ยว!
ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน ร่างกายอ่อนเพลียเล็กน้อย คิ้วบางๆขมวดลงเล็กน้อย มองเห็นจิ๋นลี่ยวน
ในตอนที่ดวงตาเปิดขึ้นนั้น จิ๋นลี่ยวนนั้นก็ได้ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ยื่นมือผลักยินเสี้ยวเสี้ยวออกไป โดยไร้ซึ่งความเสียดายใดๆ
ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนกับซูเหนียงในตอนเด็กเหลือเกิน!
เมื่อเห็นแววตาของเธอ เขาก็คิดถึงการตายที่น่าเศร้าของพ่อแม่ตัวเอง!
ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม เขาไม่สามารถที่จะให้อภัยซูเหนียงได้ และไม่สามารถให้อภัยยินเสี้ยวเสี้ยวและเฉินหยูได้!
ยินเสี้ยวเสี้ยวยังไม่ทันจะได้สติก็ถูกจิ๋นลี่ยวนผลักออกอย่างแรง เจ็บปวดไปทั้งร่างกาย แต่ความเจ็บปวดนี้ก็ยังไม่เทียบเท่ากับสายตาที่เฉยเมยของจิ๋นลี่ยวน
จิ๋นลี่ยวนลุกขึ้นแต่งตัว โดยมีสีหน้าเงียบขรึมจนทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกกลัว
ในช่วงจังหวะนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็นิ่งอึ้งอยู่ รีบลุกนั่งและเอาผ้าห่มนั้นมาปกคลุมตัวเองและมองเขาด้วยสีหน้าที่โง่งม
การที่พวกเราทำเรื่องแบบนี้กันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาดีกันแล้วเหรอ?ทำไมถึงแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา?
ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็ต้องถูกขัดจังหวะโดยจิ๋นลี่ยวน
จิ๋นลี่ยวนกำลังติดกระดุมเสื้อของตัวเอง และหันไปทางยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยสายตาที่เกลียดชัง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ ว่าเธอก็มีวันที่สิ้นหวังและไม่พอใจ พอเห็นฉันเมาก็เลยล่อลวงให้ฉันสับสนอย่างนั้นเหรอ? คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะไม่หย่ากับเธออย่างนั้นเหรอ? ”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวหันไปมองฝ่ายชายด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง
ใบหน้าอันเล็กของเธอนั้นยังคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตา สายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ถึงขั้นที่เรือนร่างภายใต้ผ้าห่มนั้นสั่นเบาๆ ทำไมเขาพูดแบบนั้น ยิ่งพูดก็ยิ่งเกินไปแล้ว “ถึงแม้คุณจะชอบฉันก็ไม่แคร์หรอกนะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็อยู่กันแบบนี้แหละ จนกว่าที่คุณจะยินยอมหย่า เพราะอย่างไรก็ตามคุณก็ควรปฏิบัติตามหน้าที่กับคู่หมั้นไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากนั้น จิ๋นลี่ยวนก็หันหลังกลับมา เขากลับได้ยินเสียงของน้ำตาหยดลงบนผ้าห่ม
หลังจากที่พูดประโยคนั้นจบดวงตาของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา เพราะเธอไม่สามารถกลั้นมันไว้อีกต่อไป ทั้งตัวของเธอก็สั่นอย่างรุนแรง เขามองไปที่ร่างอันสูงโปร่งด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ และไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดนั้นจะออกมาจากปากของเขา!ปากของเขาที่เคยเอ่ยถึงการยอมรับในตัวเธอ มุ่งมั่นที่จะดูแล ปากที่เคยเอ่ยถึงความหวัง ปากที่เคยเอ่ยถ้อยคำที่ให้ชีวิตใหม่ แต่ตอนนั้นมันกำลังจะทำให้เธอนั้นอยากจะตาย!
แต่ละคำพูดเหมือนกับกรีดลงไปที่หัวใจของเธอ มันทำให้เธอเจ็บจนรู้สึกเหมือนเลือดไหลและหยุดไม่ได้
คิดไม่ถึงว่าเขาจะปฏิบัติแบบนี้กับเธอ และคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนี้กับเธอ?
นี่มันบ่งบอกว่าเขานั้นคิดอย่างไรกับเธอ มันต่างอะไรกับการที่เอาร่างกายเพื่อแลกกับความร่ำรวยมั่งคั่งงั้นเหรอ?
น้ำตาของเธอไหลลงผ้าห่มอย่างไม่ขาดสาย ในตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ทำได้เพียงมองแผ่นหลังของเค้าที่ค่อยๆเดินจากไป!
เอวตัวพิงบนเตียง ยินเสี้ยวเสี้ยวร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียงร้องไห้ของเธอนั้นดังออกไปจนถึงนอกประตู จนทำให้ฝ่ายชายนั้นได้ยิน แต่เขากลับไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาปลอบโยนเธอเลยแม้แต่นิดเดียว!
ห้องรับแขกของบ้านจิ๋น มู่เยียนหรานตื่นขึ้นมาแต่เช้า ก็รีบไปนั่งที่ห้องรับแขกเพื่อพูดคุยกับคุณย่าจิ๋น นั่งพูดคุยหยอกล้อจนหญิงชรานั้นหัวเราะไม่หยุด
ในตอนที่จิ๋นลี่ยวนปรากฏตัวนั้น สีหน้าของมู่เยียนหรานก็แดงก่ำ แต่แล้วก็ต้องเก็บอาการให้กลับมาเป็นปกติ ไม่มีใครทันได้เห็น คงมีเพียงแค่จิ๋นลี่หยาวเท่าที่ผ่านมาเห็นพอดี จิ๋นลี่หยาวแค่ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ขอบคุณนะที่มาส่งฉันเมื่อวาน” เมื่อวานนั้นเขาดื่มหนักจนเมา แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่พาเขากลับมาส่ง เขาดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำ จิ๋นลี่ยวนนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสงบ
มู่เยียนหรานส่ายหัว แสดงท่าทีว่าไม่เป็นไร แต่คุณย่าจิ๋นก็เปิดปากพูดขึ้นมา “ก็รู้หนิว่ามันเป็นการรบกวนคนอื่น แล้วทำไมถึงไม่รู้จักควบคุมตัวเองไม่ให้สร้างปัญหาหน่อยล่ะ?”
เธอรู้สึกไม่พอใจ และรู้สึกโกรธเรื่องที่จิ๋นลี่ยวนดื่มจนเมาเละเทะ
จิ๋นลี่ยวนก้มหน้าและไม่พูดอะไร ราวกับว่าไม่รับปากและไม่ปฏิเสธใดๆ จนทำให้คุณย่าจิ๋นนั้นโกรธจนแทบลมจะออกหู เขาไม่ได้โต้แย้งอะไรคุณย่าจิ๋นจิ๋นลี่ยวนลุกขึ้นและหันไปพูดกับมู่เยียนหรานว่า “ไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันบอกให้คนขับรถที่บ้านมารับแล้ว ฉันให้คนขับรถเอารถมาทิ้งไว้ให้ฉัน ฉันขับรถกลับเองได้ค่ะ”มู่เยียนหรานพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นบอกลาคุณย่าจิ๋น และเตรียมตัวที่จะเดินจากไป “ไม่รบกวนคุณไปส่งหรอกค่ะ นานๆทีคุณจะได้มีวันที่พักผ่อน คุณพักผ่อนเถอะค่ะ”
คุณย่าจิ๋นเปิดปากพูด “จิ๋นลี่ยวน นายขับรถตามข้างหลัง จนกว่าจะมั่นใจว่าเธอถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วค่อยกลับมา”
เมื่อพูดจบคุณย่าจิ๋นก็หันหลังและเดินจากไป ด้วยท่าทีแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ปฏิเสธ
บ้านจิ๋นไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร และคุณย่าจิ๋นก็เป็นมากกว่าใครๆ และเรื่องแบบนี้เธอก็ไม่ยินยอมแน่อย่างแน่นอน คนไหนคือคนและสนิท และใครคือคนในครอบครัวคุณย่าจิ๋นนั้นสามารถแบ่งแยกได้อย่างชัดเจน และยิ่งตอนนี้ที่จิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นมีเรื่องบาดหมางกันถึงขั้นที่จะหย่าร้าง เธอจะไม่ยอมให้อะไรมากระทบเรื่องนี้เด็ดขาด
มู่เยียนหรานยิ้มอย่างจนปัญญา และหันตัวเดินจากไป
ที่บนถนน มู่เยียนหรานขับรถอยู่ด้านหน้า ส่วนจิ๋นลี่ยวนก็ขับรถตามที่ด้านหลัง ทั้งสองคนนั้นห่างกันในระยะที่ไม่ใกล้และไม่ไกล
มู่เยียนหรานไม่หยุดที่จะมองไปด้านหลังผ่านกระจก และยิ้มหวานๆออกมา
ในสถานการณ์แบบนี้เหมือนกับว่าหนุ่มสาวกำลังทะเลาะกัน และฝ่ายชายก็เป็นฝ่ายวิ่งตามง้อฝ่ายหญิง
ช่วงเวลาเพ้อฝันอันหวานๆนั้นยังไม่ทันจะจบลง ก็มีเรื่องโทรศัพท์ของมู่เยียนหรานดังขึ้น เธอไม่ได้มองโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย แต่ก็กดรับสาย “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใครเหรอคะ?”
ด้วยความที่เธอกำลังอารมณ์ดีจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใส
แต่ผ่านไม่เสี้ยววินาที มู่เยียนหรานก็ตกใจมากๆจนโทรศัพท์นั้นแทบจะหลุดออกไป
“สวัสดีคุณมู่เยียนหราน ฉันเองพญายม”น้ำเสียงที่ไม่ซื่อตรงและดูน่ากลัวดังขึ้นมาจากโทรศัพท์
ดวงตาของมู่เยียนหรานเต็มไปด้วยอาการตกตะลึง เธอกำลังพวงมาลัยไว้แน่น “พญายม แก…..”
เขาโทรมาเธอทำไมกันนะ?หรือว่าโทรมาเร่งรัดเรื่องๆนั้นกันนะ?
“ดูเหมือนว่าคุณมู่เยียนหรานจะลืมไปหมดแล้วนะครับ? แต่เธอติดฉันไว้ตั้งสิบคนเลยนะ และดูเหมือนว่าถ้าฉันไม่โทรมาหาเธอ เธอก็คงจะลืมจนสนิท?”พญายมกล่าวอย่างเบาๆ แต่ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ มันยิ่งทำใหเธอนั้นรู้สึกเย็นวูบไปทั้งตัว “ตอนนี้ฉันขาดคน ?คุณมู่เยียนหรานก็ควรเตรียมที่จะหาคนมาให้ฉันใช่ไหม?”
มู่เยียนหรานสั่นไปทั้งตัว
สิบคนเลยหรอ?
เธอจะไปหาสิบคนมาจากไหนกันล่ะ!
แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะต่อกรอะไรได้!
“พญายม ช่วยผ่อนปรนให้ฉันหน่อยได้ไหม? ฉัน…”มู่เยียนหรานยังพูดไม่ทันจบ สมองของเธอก็หยุดชะงักและคิดว่าควรจะทำอย่างไร ถึงจะหาสิบคนมาให้พญายมได้ ”ช่วงนี้ฉัน……..“
“มู่เยียนหราน อย่าต่อรองกับฉัน ฉันไม่ชอบ!“ อยู่ๆน้ำเสียงของพญายมก็เย็นชา ได้ยินการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน สักพักหนึ่งมู่เยียนหรานก็พูดต่อ ”ตอนนี้ฉันมีแค่สามคน วันจันทร์ฉันจะหาเวลาไปส่งสินค้าให้นาย“
ท้ายที่สุดพญายมก็เป็นฝ่ายวางสายไป โดยไม่เปิดโอกาสให้มู่เยียนหรานพูดอะไรต่อ แต่มู่เยียนหรานนั้นมีอะไรมากมายที่อยากจะพูด เธอไม่ทันได้สังเกตว่าข้างหน้านั้นมีรถบรรทุกอยู่ เธอเงยหน้าขึ้นเมื่ออีกฝั่งบีบแตรอย่างดัง และก็เบรคอย่างกะทันหัน……
รถบรรทุกคันใหญ่ต้องหยุดชะงักลงด้วยความไม่ง่าย รถยังจากไม่สนิทและค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ รถของมู่เยียนหรานกำลังจะถูกชน ในตอนนั้นเธอดึงสติกลับมาและไม่สนใจโทรศัพท์อีกต่อไป สุดท้ายเธอก็หักรถชนกับต้นไม้ต้นใหญ่!
กระจกหน้ารถแตก ถุงลมนิรภัยก็เปิดออก มู่เยียนหราน ตกใจเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกเวียนหัวและที่หัวของเธอนั้นก็มีเลือดไหลออกมา
จิ๋นลี่ยวนที่ขับรถตามมาด้านหลังนั้นต้องหยุดชะงักลงและรีบเดินลงมา รถนั้นถูกชนอย่างรุนแรง มู่เยียนหรานที่อยู่ในรถนั้นก็มีเลือดไหลออกมา เธอดูอ่อนกำลังมากในตอนนี้ เขายื่นมือเข้าไปเพื่อเปิดประตูรถ เสียงของจิ๋นลี่ยวนร้องตะโกนเรียกชื่อ “มู่เยียนหราน มู่เยียนราน!“