Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 200 ประชุมกับพญายม
บทที่ 200 ประชุมกับพญายม
ถาวหยีโอบกอดยินเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้ ปล่อยให้เธอมีอิสระในการพูด และให้เธอได้มีอิสระในการร้องไห้ออกมา และปล่อยให้น้ำตาของเธอนั้นไหลออกมาเรื่อยๆ
“ถาวหยี เธอบอกฉันหน่อย เธอบอกฉันเถอะนะว่าทำไมเขาถึงไม่ต้องการฉันแล้ว?หรือเป็นเพราะฉันปากแข็งเหรอ ฉันแก้ดีไหม?หรือเป็นเพราะว่าคุณย่าไม่ชอบฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันพยายามให้มากขึ้นดีไหม ? หรือเป็นเพราะว่าฉันเคยถูกลวนลามเมื่อตอนสิบขวบ ฉัน….ฉัน….ควรชะล้างตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์อย่างนั้นเหรอ?” เธอพูดไปพลางร้องไห้ไปจนดวงตานั้นแดงก่ำ จนดวงตาของเธอนั้นพร่ามัวมองอะไรไม่ชัด อารมณ์ที่เธอเก็บไว้มาตลอดก็ปะทุออกมา “ถาวหยี ฉันควรทำยังไงดี?ทำไมกัน ทำไมตอนนั้นฉันต้องป่วยด้วย ทำไมร่างกายของฉันมันต้องอ่อนกำลัง ทำไมฉันต้องโดนคนอื่นขืนใจ! ทำไม!ทำไม!ถาวหยี จิ๋นลี่ยวนเขาเกลียดฉัน เขาเกลียดฉันแล้ว ตอนนี้เขาไม่ต้องการฉันแล้ว ฉันควรทำยังไงดี?”
ทุกคำพูดนั้นมันช่างบีบหัวใจของถาวหยีเหลือเกิน สุดท้ายก็ทำได้เพียงกลืนน้ำลายและพูดอะไรออกมาไม่ได้
“ถาวหยี ถาวหยี…..” ยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงร้องไห้ออกมา ทุกประโยคและทุกคำพูดยังคงดังห้องอยู่ในหัวใจและหัวหู “ฉันรู้ ฉันรู้ว่าตอนที่เขาแต่งงานกับฉันในตอนแรกเขาไม่ได้ชอบฉัน แต่ฉันนั้นชอบเขา พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขานั้นชอบฉัน ฉันอยากได้รับคงามรู้สึกตอบกลับ และฉันก็ยิ่งต้องการให้เขาฉันรักฉัน และฉันก็ได้ยินอย่างชัดเจนแล้วว่าเขานั้นก็ชอบฉันเหมือนกัน แต่ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนไปแล้วล่ะ?ทำไมกันนะ!”
ในที่สุดยินเสี้ยวเสี้ยวก็ร้องไห้จนอ่อนแรง และไม่สามารถพยุงตัวเองได้อีก
เธอไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ความรู้สึกของจิ๋นลี่ยวน ทัศนคติและมุมมองของเขา……
เธอรู้สึกว่าเธอเป็นคนนอกคนหนึ่ง มองดูเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจว่าทำไมจิ๋นลี่ยวนถึงต้องการที่จะแต่งงานกับเธอ และก็ต้องการที่จะหย่ากับเธอ
“ถาวหยี เธอช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม?” เสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวเริ่มเบาลง และไม่มีเสียงใดๆออกมาอีก
“ยินเสี้ยวเสี้ยว ยินเสี้ยวเสี้ยว…..” แต่ถาวหยีก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ทำได้เพียงกอดเธอไว้แน่น
“ถาวหยี….” ยินเสี้ยวเสี้ยวร้องไห้ออกมาอย่างหนัก กอดเพื่อนรักตัวเองอย่างแน่น “ถาวหยี ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ชอบฉัน แต่ฉันก็รู้ว่าเขานั้นไม่ได้ชอบมู่เยียนหราน ในใจของเขามีใครสักคน ฉันสัมผัสได้ ฉันสัมผัสมันได้จริงๆ คนๆนั้นไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน เขาก็เลยไม่ลองที่จะดำเนินชีวิตกับฉันใช่ไหม?ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ถ้าหากว่าคนนั้นปรากฏตัว ฉันก็พร้อมที่จะปล่อยมือ แต่ทำไมกันล่ะ ในเมื่อตอนนี้คนนั้นยังไม่ได้ปรากฏออกมา เขาก็อยากที่จะปล่อยมือฉันแล้ว….ถาวหยี ฉันไม่อยากปล่อยเขาไป……”
ไม่อยาก ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่คนโง่ มีเหรอที่เธอจะไม่รู้ความรู้สึกของชายที่เธอร่วมหลับนอนมาด้วยเกือบครึ่งปี จิ๋นลี่ยวนเขาเป็นคนที่ความรู้สึกเปราะบางมาก เขาไม่เคยล่อลวงใคร คนที่ได้ครองใจเขามาตลอดก็ไม่ใช่ยินเสี้ยวเสี้ยว แต่ในใจของเขานั้นยังคงมีใครคนหนึ่งซ่อนเอาไว้ในหัวใจ
ก่อนที่จะแต่งงานกัน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้ว่าเธอนั้นไม่อาจที่จะแทนใครคนนั้นที่อยู่ในใจของเขาได้
“ถาวหยี ฉันอิจฉาผู้หญิงคนนั้นจังเลย อิจฉาเขาจริงๆ…….จิ๋นลี่ยวนนั้นรักแต่เธอ……” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดออกมา น้ำตาก็ไหลอย่างไม่ขาดสาย ทุกๆคำพูดนั้นพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด ”ถาวหยี จิ๋นลี่ยวนนั้นเขาไม่เคยรักฉันไม่ ไม่เคยเลยสักนิด แม้แต่วินาทีก็ไม่มีเลย!“
ประโยคสุดท้ายนั้น ทำให้ทุกคนนิ่งสนิท
เฉิงชื่อชิงได้ยินเสียงร้องไห้จากยินเสี้ยวเสี้ยวมาจากทางด้านหลัง เขากำหมัดแน่น อยากที่จะดึงผู้ชายที่อยู่ในวิดีโอนั้นออกมา และฉีกให้เป็นชิ้นๆ แต่ประโยคสุดท้ายของยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นมันทำให้เขารู้สึกไร้พลัง และอ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาเป็นผู้ชาย เขารู้ดี เมื่อชายคนหนึ่งไม่ได้รักผู้หญิงคนหนึ่ง ว่ามันจะไร้ความรู้สึกขนาดไหน
ในทันใดนั้นเฉิงชื่อชิงก็เริ่มรู้สึกเสียใจในภายหลัง เสียใจที่โทรหาเขาและให้เขาได้ยินความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ
ถาวหนีเองก็นิ่งอึ้งไป
ผู้หญิงตัวเล็กๆที่อยู่ทางด้านหลังของเขายังคงร้องไห้ไม่หยุด เฉิงชื่อชิงตัดสายทิ้ง ปิดเสียงโทรศัพท์และเดินเข้าไปในห้องครัว ดื่มน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
หลังจากที่ร้องไห้เป็นเวลานาน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนล้า
หลังจากที่ต๋งไขกลับมาจากที่ทำงาน ก็อดตกใจไม่ได้เมื่อเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวนอนหลับอยู่ในห้องของเขา
แก้มของเธอมีบาดแผล และใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
เมือง Y
จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้วมองวีดีโอนั้นในห้องพักโรงแรม แต่ทันใดนั้นภาพที่จ้องมองอยู่ก็ถูกตัดไป เขาโทรกลับไปแต่ก็ไม่มีใครรับสาย
เขายืนขึ้น และรู้สึกกังวลใจ
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ?
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นหน้าจริงๆของยินเสี้ยวเสี้ยว แต่เขาก็รู้ในทันทีว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ……
ยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนอดทนและแข็งแกร่ง ไม่มีทางร้องไห้ออกมาแบบนั้นง่ายๆเด็ดขาด และยังร้องไห้ต่อหน้าของถาวหยีกับเฉิงชื่อชิงอีกด้วย
เขารีบโทรหาเก๋อเฉิงเฟย เก๋อเฉิงเฟยหาข้อมูลและรวบรวมทุกอย่าง คนที่ต้องการพบเขา ณ เมือง Y ก็ยอมปรากฏตัวและเจรจากัน
จิ๋นลี่ยวนจัดเนคไทของตัวเอง จากนั้นก็เดินออกจากห้องและตามเฉินผูลี่ไป ปล่อยให้เก๋อเฉิงเฟยนั้นอยู่ภายในห้องเพียงคนเดียว
ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อย เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้
ชายพวกนั้นเขาตามมาถึงที่มหาวิทยาลัยจริงๆ และถึงขั้นที่ตบหน้ายินเสี้ยวเสี้ยว
แต่เขากลับไม่มีโอกาสที่จะบอกกับจิ๋นลี่ยวนด้วยซ้ำ!
เฉินผูลี่พาจิ๋นลี่ยวนไปตามสถานที่นัด และปิดเครื่องโทรศัพท์ รวมถึงจิ๋นลี่ยวนด้วย
สำหรับคนนี้ พวกเขาไม่กล้าตุกติกหรือทำอะไรเล่นๆ
เพราะชื่อของเขานั้นโด่งดังไปทั่วโลก ‘พญายม‘
ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะมาทำอะไรเล่นๆด้วย
‘พญายม‘ นั่งอยู่ที่ด้านหน้า พร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้ว เขาลิ้มรสมันอย่างระมัดระวัง เขากำลังสนใจกับเนื้อหาบางอย่างที่แท็บแล็ต มุมปากของเขายกขึ้น แต่ดวงตาของเขานั้นเย็นชาและโหดเหี้ยม และกำลังกระหายเลือด
“สวัสดี ฉันคือจิ๋นลี่ยวน” เขายืนอยู่ที่ด้านหน้าของ ‘พญายม’ จิ๋นลี่ยวนไม่ยื่นมือออกไปจับทักทายเขา
ทุกคนคือผู้ชายประเภทเดียวกัน เขารู้ดีว่า ‘พญายม’ นั้นชอบดูถูก แม้กระทั่งกับคุณชายสาม เขาก็ไม่เว้น
หลังจากที่พญายมดูคลิปเสร็จเขาก็เงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้น ก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ว่า “คุณชายสาม ดูไม่ออกจริงๆว่าคุณเนี่ยเป็นกษัตริย์ที่ต้องการประเทศไม่ใช่ต้องการหญิงงาม คิดไม่ถึงว่าคุณจะทิ้งภรรยาของตัวเองแล้วมาถึงที่นี่”
ประโยคนี้ถึงกับทำให้สีหน้าของจิ๋นลี่ยวนนั้นเปลี่ยนไป
เกิดเรื่องขึ้นกับยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว!
แม้กระทั่งคนนอกอย่างพญายมยังรู้เรื่องพวกนี้ แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับภรรยาของเขา พญายมมองจิ๋นลี่ยวนด้วยสายตาที่ชื่นชม “ไหนๆนายก็มาที่นี่แล้ว งั้นเรามาคุยกันเรื่องเมืองYดีกว่า”
จิ๋นลี่ยวนพยายามข่มอารมณ์ของตัวเอง และพยักหน้าตอบรับ
“คุณชายสาม ที่คุณก่อตั้งสถานที่แบบนี้ที่เมืองY คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่? ช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้ไหม?เท่าที่ฉันรู้สิ่งที่นายมีอยู่มันก็เพียงพอสำหรับคนหลายชั่วอายุคนเลยนะ แต่ก็จะยังเข้ามาแปดเปื้อนกับเรื่องๆนี้ คิดว่ามันเกินไปหรือเปล่า?” พญายมเอ่ยปากพูดอย่างเป็นกันเอง โดยที่เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันมากเกินไปจริงๆหรอก “ฉันคิดว่าตอนนี้นายรีบกลับไปปกป้องภรรยาของตัวเองเถอะนะ เกรงว่าเธออาจจะถูกคนกำจัดทั้งผิวหนังและเส้นเอ็น เมืองYของคุณไม่ควรแปดเปื้อนน่าจะดีกว่านะ”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น จิ๋นลี่ยวนก็แสยะยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส “พญายม ยุ่งก็เห็นแล้วหนิ ในตอนนี้ฉันมาปรากฏตัวที่นี่ ก็คงจะพอมองออกว่าจริงๆแล้วอะไรสำคัญสำหรับฉัน และอะไรคือสิ่งที่ไม่สำคัญ ฉันรู้ว่าคุณยุ่งมาก และทำไมเรายังไม่หยุดพูดเรื่องสำคัญและไม่พูดเรื่องคนอื่นล่ะ?”
คำพูดนี้ทำให้พญายมหัวเราะออกมาอย่างดัง ดวงตาที่ทะลุหน้ากากออกมานั้นช่างเข้าใจยากเสียจริง จากนั้นสักพักหนึ่ง พญายมก็วางแก้วน้ำลง“ตกลง ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาคุยกัน ส่วนเรื่องอื่นก็ให้คนอื่นจัดการไปแล้วก็กัน”
จิ๋นลี่ยวนไม่ได้ยิ้มออกมา แต่กลับเต็มไปด้วยความสงสัย
จิ๋นลี่ยวนก็เข้าเรื่องธุรกิจทันที “พญายม ฉันแค่ต้องการที่จะสร้างโรงพยาบาลที่เมืองYเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นนั้นฉันรับรองว่าจะไม่เป็นการขัดขวางหรือมีผลกระทบกับคุณ ต่างคนก็ต่างขุดน้ำในบ่อของตัวเองอย่างสมบูรณ์ ฉันแค่ต้องการที่ตรงนั้นในการก่อตั้งโรงพยาบาล ส่วนสิ่งที่คุณต้องการ ก็คือสิ่งที่คุณต้องการ เราไม่ได้ขัดแย้งอะไรกัน?”
พญายมหรี่ตามองและยิ้มออกมา พูดด้วยอารมณ์ธรรมดา “คือแบบนี้นะ แต่ตอนนี้ฉันไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไหร่ เพราะอย่างนั้นถ้าฉันไม่ต้องการให้ที่ผืนนั้นกับนาย นายจะทำอย่างไรล่ะ?“
ใบหน้าของเขาสะดุ้งเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนพูดต่อ “ฉันยินดีให้ผลกำไรกับคุณสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่เปิดทางให้ฉันได้ทำ“
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พญายมมองเขาอยู่นาน “คุณชายสามนี่ง่ายจริงๆ แค่เปิดปากก็ได้สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว มันช่างเรียบง่ายและเด็ดขาด ไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็นภรรยาของนายโดนทำร้ายและโดนดูถูกอยู่ที่เมือง T เพราะต้องการมาคุยกับฉันเรื่องธุรกิจ ฉันละนับถือนายจริงๆ!“
เสร็จ พญายมก็ลุกขึ้นและพูดกับเขา “ไหนก็เป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้ดีที่สุดในฐานะเจ้าบ้าน คืนนี้ถ้าไม่เมาไม่กลับ เพราะไม่ว่ายังไงคุณชายสามก็คงไม่กลับไปจัดการกับเรื่องที่มันน่ารำคาญใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“
จิ๋นลี่ยวนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าเบาๆเป็นการตอบตกลง
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเป็นห่วงยินเสี้ยวเสี้ยว แต่ในใจของเขาแล้วนั้น การที่ต้องตามหาซูเหนียงนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า……
เขาในตอนนี้ ก็ยังคิดลึกๆว่าทำไมตัวเองถึงได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อจะได้พบกับซูเหนียง
ตลอดทั้งคืน เขาพูดคุยกับพญายมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จิ๋นลี่ยวนนั้นเป็นงูที่เก่งกาจและชำนาญ ณ เมืองT แต่ไม่ได้เป็นงูที่ชำนาญ ณ เมืองY จนเวลาตีหนึ่งที่ทั้งคู่เมาได้ที่แล้วนั้น พญายมก็ต้องยอมจบงานเลี้ยงลง ถึงแม้จะไม่อยากทำ เฉินผูลี่พยุงจิ๋นลี่ยวนขึ้นรถ ใครจะได้คิดว่าพอขึ้นรถจิ๋นลี่ยวนก็เปิดปากพูดทันที “เฉินผูลี่ กลับเมืองYเดี๋ยวนี้“