Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 202 ตกลงหย่า
บทที่ 202 ตกลงหย่า
น้ำตาร่วงลงมาจะกลั้นอย่างไรก็กลั้นไว้ไม่อยู่ ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับยื่นมาอุดปากตัวเองเอาไว้ไม่ส่งเสียงออกมาเลยสักนิดเดียว แต่หัวไหล่ที่สั่นเทาก็ยังไม่สามารถปิดบังความจริงที่ว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ได้
จิ๋นลี่ยวนที่เข้าใจได้ทันที สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นนิ่งเงียบมองแผ่นหลังที่สงบนิ่งของเธอ
เองเช่นกันดวงตาแบบนกฟีนิกซ์ขยับเล็กน้อย เขาควรจะปล่อยยินเสี้ยวเสี้ยวใช่หรือไม่ ก็เท่ากับปล่อยตัวเขาเองเช่นกัน
ไม่หย่าก็ไม่หย่า……
ฝีเท้าค่อยๆก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จิ๋นลี่ยวนบอกตนเองด้วยความพยายามว่ายินเสี้ยวเสี้ยวกับซูเหนียงเป็นคนละคนกัน ต่อให้เธอเป็นลูกของซูเหนียงแต่ก็เป็นลูกสาวที่ถูกทอดทิ้ง หล่อนไม่มีทางมาสนใจเธอ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่หย่าแล้ว……
ยื่นมืออกมา สีหน้าบนใบหน้าของจิ๋นลี่ยวนปวดใจมากเป็นพิเศษ
เดิมทีคิดว่าคงจะยากมากที่จะสร้างความรู้สึกแบบนี้ แต่พอถึงเวลานี้เขากลับมีความรู้สึกแบบโล่งใจ อยากจะเอาตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอดของตนเองโอ๋รักอย่างสุดหัวใจในวินาทีถัดไป
“จิ๋นลี่ยวน……” ทันใดนั้นเอง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็พูดออกมา กลับไม่ได้หันกลับมามองเขาสักนิดเดียว พอเอ่ยปาก กลับพูดว่า “พวกเรา…หย่ากันเถอะ”
——พวกเราหย่ากันเถอะ
คำห้าคำเหมือนกัน ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคือเขาเป็นฝ่ายพูดคำนี้กับเธอ แต่หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไปกลับเป็นเธอที่เป็นฝ่ายพูดกับเขา
วินาทีนี้ เขาจึงเข้าใจได้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนั้นจะทุกข์ทรมานอย่างไร เสียใจจนพูดไม่ออกอย่างไร
ฝ่ามือที่ยื่นออกมาอยู่ห่างจากแขนของเธอเพียงไม่กี่เซนติเมตรในขณะนี้ แต่เขาไม่ก็สามารถสัมผัสเธอได้อีกต่อไป
ทันใดนั้น จิ๋นลี่ยวนรู้สึกแค่ว่าใจของตนเองสั่นไหวอยู่ไม่น้อย
ลูกกระเดือกเลื่อนไหลเล็กน้อย อ้าปากก็พบว่าเขาพูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว
หลังจากที่ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดออกมา น้ำตายิ่งไหลก็ยิ่งมีความสุข แต่กลับยังคงไม่ได้หันไปมองเขาเลยสักนิดเดียว ยื่นมือมาปาดน้ำตาบนใบหน้า ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดอีกครั้งว่า “จิ๋นลี่ยวน ฉันตกลงหย่ากับคุณ พวกเรา……ก็ตามนี้แล้วกัน”
เมื่อเธอพูดจบ จิ๋นลี่ยวนก็ไม่สามารถเอ่ยปากพูดอะไรได้อีก มองยินเสี้ยวเสี้ยวหมุนตัววิ่งออกจากห้องไปอย่างนั้น……
ลมในช่วงเช้ามืดเย็นมาก ลมที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างกลับทำให้เขาไม่รู้สึกเหน็บหนาวเลยสักนิด
มองเห็นห้องที่มีแสงสว่างไสว จิ๋นลี่ยวนไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่าห้องนี้ใหญ่เกินไปจนทำให้คนเราหายใจไม่ทัน……
——พวกเราหย่ากันเถอะ
ห้าคำนี้ก็วนเวียนอยู่แบบนั้นในหัวของเขา
วินาทีที่ยินเสี้ยวเสี้ยววิ่งออกจากห้องไปนั้น ตอนแรกเขาคิดว่าจะเป็นตอนที่ตนเองรู้สึกโล่งใจอย่างยากจะหาอะไรมาเปรียบได้กลับกลายเป็นความหดหู่สะเทือนใจบางอย่าง เป็นความทุกข์ที่ยากจะเอ่ยเป็นคำพูด
ร่างเซถลา พยุงตัวเองไปตรงหน้าโซฟา หลุบตามองต่ำกลับมองเห็นรอยคราบน้ำตาบนโซฟา
เม้มริมฝีปากแน่น ทันใดนั้นเอง ดวงตาเล็กเรียวปลายหางตาชี้ขึ้นคู่นั้นก็มีรอยคราบน้ำตาเล็กน้อย
ในที่สุด เขาได้หย่า‘สมดังใจปรารถนา’แล้ว……
ตีห้าครึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินอยู่บนถนนของเมืองTตามลำพัง ลมหนาวพัดจนปลายจมูกเธอเป็นสีแดงเรื่อ แต่ตอนนี้กลับไม่มีความรู้สึกอะไรเลยสักนิดเดียว
คราบน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าเล็กๆที่งดงามนั้นแห้งไปนานแล้ว สองมือกอดตัวเองเอาไว้ ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินเลียบไปตามแม่น้ำ ในสมองมีช่วงระยะเวลาที่แต่งงานครั้งนี้ค่อยๆโผล่มาทีละนิด มีความทะนุถนอมของเขา มีความหลงใหลของเขา มีความเข้าใจผิดของเขา และก็มีความหวงแหนของเขา……แต่สุดท้ายก็เป็นแบบนี้
มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ
ตนเองที่หนักแน่นขนาดนั้นในตอนแรกตอนนี้กลับทำอะไรไม่ได้แม่แต่น้อยเหตุผลที่เธอคาดเดาอาจจะถูกแล้ว แต่ถูกที่ตรงไหนเธอก็ไม่รู้ และก็ไม่อยากที่จะรู้แล้ว……
การแต่งงานครั้งนี้ ในที่สุดก็ต้องหย่าร้างกัน
นั่งที่ข้างแม่น้ำอยู่นาน จนกระทั่งสมองของเธอสับสนวุ่นวายเล็กกน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหายินจื่อเจิ้น พี่ชายของเธอที่นับตั้งแต่รู้ข่าวว่าตนเองจะหย่าก็ไม่ได้ติดต่อเธออีกคนนั้น
“พี่……” เสียงเรียกหนึ่งครั้ง เสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวแหบพร่าเล็กน้อย แต่ก็พยายามแสร้งทำเป็นผ่อนคลายออกมา “ พี่ พี่มารับฉันหน่อยได้มั้ย ฉันอยู่ริมน้ำ แล้วก็เอาทนายของพี่มาให้ฉันยืมใช้ก่อนนะ……”
……
ตอนที่ยินจื่อเจิ้นมาถึงริมแม่น้ำ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็สวมเสื้อไหมพรมธรรมดาๆตัวหนึ่งในอากาศของต้นฤดูหนาวที่มีลมหนาวพัดโชย ใบหน้าเล็กที่ถูกความเย็นจนแข็งมองจนเขารู้สึกสงสาร รีบสาวเท้าเดินเข้าไป ยินจื่อเจิ้นถอดเสื้อโค้ทสีดำของตนเองห่อตัวเธอไว้แน่น ไม่ให้ลมพัดเข้าไปได้แม้แต่น้อย
เงยหน้าขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวยิมให้ยินจื่อเจิ้น ขอบตาแดงก่ำ
โลกนี้ ทุกคนอาจจะหลอกเธอ เกลียดเธอ แต่มีเพียงพี่ชายของเธอเพียงคนเดียวที่จะไม่ทำแบบนั้น
ความสงสารเห็นใจที่แฝงอยู่ดวงตาถูกยินจื่อเจิ้นกลบเกลื่อนไป ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนตัวเล็กๆในอ้อมกอดก็เอ่ยปาก “พี่ พี่ช่วยฉันนะ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว”
ประโยคเดียว ยินจื่อเจิ้นกลับได้แต่นิ่งไปสองวินาทีจากนั้นก็พยักหน้า
ตั้งแต่เล็กจนโต เขาก็ทำตามความประสงค์ของเธอมาตลอด
เช้าตรู่
แสงอาทิตย์อันอบอุ่นสาดส่องทั่วทั้งเมืองไห่เมียว ประตูห้องไม่ได้ปิด ไฟก็ไม่ได้ปิด ดูเหมือนว่าเขายังคงรอให้ใครบางคนกลับมา จิ๋นลี่ยวนนั่งนิ่งเงียบอยู่บนโซฟา
ตอนนี้ เขาก็เหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของยินเสี้ยวเสี้ยวในคืนนั้นที่เฝ้ารอเขากลับไปว่าเป็นอย่างไร
ตอนที่เก๋อเฉิงเฟยรีบมานั้นก็มองเห็นจิ๋นลี่ยวนสงบนิ่งเป็นพิเศษ ตกใจเป็นอย่างมาก เดิมทีตกใจจนเหงื่อท่วมหัวจนแห้งไปแล้ว ในตอนนี้มีเรื่องที่จะต้องจัดการร้ายแรงยิ่งกว่า
ไม่ได้หันกลับไป จิ๋นลี่ยวนได้แต่ถามเบาๆว่า “เฉิงเฟย แกว่าฉันเลวมากใช่มั้ย”
เก๋อเฉิงเฟยยืนอยู่ด้านหลังเขาเงียบๆไม่พูดอะไร วางกระดาษบางๆในมือสองสามแผ่นลงบนโต๊ะข้างหน้าเขา
สายตาไม่ได้เหลียวมองเลย จิ๋นลี่ยวนหลับตาสั่งเบาๆว่า “ไปสืบดูว่าคนพวกไหนที่สร้างความเดือดร้อนให้เธอ เอาข้อมูลทั้งหมดมารายงานฉัน ฉันจะลงมือก่อนบ่ายวันนี้”
เงยหน้ามองจิ๋นลี่ยวนอย่างแปลกใจ เก๋อเฉิงเฟยพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “คุณชายสาม นี่คือคุณ……นี่คือหนังสือข้อตกลงการหย่าร้างที่คุณยินส่งมาให้เมื่อเช้าครับ”
หนังสือการหย่าร้าง
สี่คำกระจายอยู่ภายในห้อง มันว่างเปล่าแต่กลับดูเหมือนจะเติมเต็มโลกทั้งใบของเขากดจนเขาหายใจไม่ออก
เขารู้ รู้มาโดยตลอด คำพูดที่ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดจะต้องพยายามทำจนสำเร็จให้ได้ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนั้นเท่านั้น……
จริงเหรอ เร็วจัง……
ลุกขึ้นยืน จิ๋นลี่ยวนเดินมาที่หน้าต่างมองไปชั้นล่างเอ่ยปากว่า “ให้เวลาฉันได้สืบว่าใครสร้างความเดือดร้อนให้เธอในช่วงนี้ และยังคนที่นั่นที่ลงมือกับเธอก็ต้องสืบให้กระจ่าง ฉันจะทำให้ทุกคนรู้ว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้จะถูกรังแกง่ายๆ!”
นิ่งเงียบ เก๋อเฉิงเฟยไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
หลังจากหย่าแล้ว เขาจิ๋นลี่ยวนก็เป็นคุณชายสามตระกูลจิ๋น จะมีสิทธิ์อะไรไปก้าวก่ายชีวิตคนอื่นอีก
แต่ที่สุดแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความนิ่งเงียบของจิ๋นลี่ยวน เขาก็ได้แต่ตอบรับด้วยเสียงเบาๆ
หมุนตัวไป สายตาของจิ๋นลี่ยวนจึงได้มองหนังสือข้อตกลงการหย่าบนโต๊ะ ยังคงไม่อ่านและก็ไม่ขยับ พาเก๋อเฉิงเฟยจากที่นี่ไป วินาทีที่ลงกลอนประตูนั้นเสมือนกับล็อคเวลาที่นี่เอาไว้อย่างนั้น
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ฝังทุกอย่างเอาไว้ที่นี่เถอะ
โรงพยาบาลหนันหยู
จิ๋นลี่ยวนกลับมาทำงานที่นี่ ตอนนี้สีหน้าแฝงด้วยความเย็นชาเล็กน้อย ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาจริง
นับตั้งแต่วินาทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้องทำงาน เขาก็เอาตัวเองเข้าสู่การทำงานที่เคร่งเครียด การผ่าหนึ่งต่อด้วยการผ่าตัดหนึ่ง ไม่ง่ายที่จะเดินออกมาจากการผ่าตัดที่ต้องตัดอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งออก ยังไม่ทันจะยืนให้มั่นคงดีก็ถูกต่อยเข้าหนึ่งหมัด ล้มลงไปกองกับพื้นทันที!
เงยหน้ามองไป ในตาเรียวเล็กที่ปลายชี้ขึ้นนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ แต่เมื่อมองเห็นดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้นของยินจื่อเจิ้น ความโกรธของจิ๋นลี่ยวนก็สลายหายไปทันที
เถียนหรงและพวกพยาบาลคนอื่นๆต่างพากันอึ้งตะลึง ตั้งสติกลับมาไม่ทันอยู่พักใหญ่
จิ๋นลี่ยวนหมอบอยู่บนพื้นไม่ขยับแต่ไม่ได้หมายความว่ายินจื่อเจิ้นจะยอมปล่อยเขาไปแบบนั้น สาวเท้าเดินเข้ามาคว้าคอเสื้อเขาโดยไม่ลังเลลากเขาขึ้นมาต่อยทีละหมัดแรงๆ ไม่พูดพร่ำทำเพลง และก็ไม่อธิบายอะไรสักคำ!
ปึก ปึก ปึก
หลังจากถูกต่อยไปสามหมัดต่อเนื่อง เถียนหรงจึงตั้งสติได้ พุ่งเข้าไปลากยินจื่อเจิ้นไม่ให้ต่อยเขาอีก แต่เขาจะรั้งตัวยินจื่อเจิ้นที่ยังอยู่ในอารมณ์โกรธเกรี้ยวไหวได้อย่างไร ถูกยินจื่อเจิ้นสะบัดกระเด็นไปโดยไม่ทันระวัง ยังไม่ทันได้สติกลับมาก็มองเห็นยินจื่อเจิ้นที่ยืนขึ้นเตะแรงๆไปที่ท้องของจิ๋นลี่ยวน
ทำเสียงไม่พอใจ จิ๋นลี่ยวนยังคงไม่ตอบโต้ มุมปากมีรอยคราบเลือดสดๆอยู่
ในที่สุดคนที่อยู่รอบๆก็ตั้งสติได้เตรียมมาข้างหน้าเพื่อขัดขวาง แต่ตอนนี้ยินจื่อเจิ้นกลับไม่ต่อยแล้ว ได้แต่ยื่นมือมาชี้ไปที่จิ๋นลี่ยวนแล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า“จิ๋นลี่ยวน จำเอาไว้สิ่งที่นายเลือกวันนี้ นับตั้งแต่วันนี้ต่อไปนายจะไม่มีโอกาสใดๆได้เข้าใกล้เธออีก!”
ประโยคเดียว จิ๋นลี่ยวนที่หมอบอยู่บนพื้นแข็งเกร็งไปทั้งร่าง
ยินจื่อเจิ้น ลงมือได้อย่างเหี้ยมโหดเด็ดขาดจริงๆ!
พูดจบ ยินจื่อเจิ้นก็หมุนตัวเดินจากไป การชกต่อยครั้งนี้มาเร็วไปก็เร็ว แต่กลับนำมาซึ่งผลกระทบที่ใหญ่โต ยินจื่อเจิ้นลงมือกับจิ๋นลี่ยวน ด้วยเหตุผลเดียวอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะยินเสี้ยวเสี้ยว
ไม่นาน ข่าวการหย่าร้างกันของจิ๋นลี่ยวนและยินเสี้ยวเสี้ยวก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองT
ตอนที่มีนักข่าวรุมล้อมประตูบริษัท‘จื่อยิน’ ยินจื่อเจิ้นได้แต่สั่งให้ทนายหู้ผู้ที่จัดการเรื่องหย่าของยินเสี้ยวเสี้ยวลงไปรับมือกับนักข่าว
——ทนายหู้ ขอถามหน่อยค่ะคุณยินกับคุณชายสามจิ๋นหย่ากันแล้วจริงเหรอคะ
——ทนายหู้ ขอถามหน่อยค่ะพวกเขาหย่ากันด้วยเหตุผลอะไรคะ
——ทนายหู้ ขอถามหน่อยค่ะคุณชายสามต้องเสียค่าชดเชยมากขนาดไหนคะ
——ทนายหู้ ขอถามหน่อยค่ะชนวนในการหย่าร้างครั้งนี้เป็นเพราะ‘งานประมูล’ของเมื่อวานหรือเปล่าคะ
……
แต่ไม่ว่านักข่าวจะถามอย่างไร ทนายหู้ก็ได้แต่ตอบเพียงประโยคเดียวว่า “เกี่ยวกับสถานะของคุณยินและคุณชายสาม ผมบอกได้แค่ว่า พวกเขาได้หย่ากันแล้วจริงๆ ส่วนเรื่องอื่นนั้นผมไม่สามารถบอกได้”
ตอนนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมราวกับเสียงฟ้าร้องที่คำรามไปทั่ว ตอนที่คุณย่าจิ๋นทราบข่าวก็โกรธมากจนโยนถ้วยชาในมือออกไปอย่างแรง ทำเอาหยูเจียห้วยและจิ๋นหยวนเฟิงต่างก็เริ่มถูกนักข่าวจำนวนนับไม่ถ้วนไล่ตามรุมล้อมไปด้วย
ตระกูลจิ๋นไม่เคยมีข่าวเรื่องการหย่าร้างแพร่งพรายออกมาก่อนตั้งแต่ต้นตระกูล แม้ว่าภรรยาของเขาจะเสียชีวิตไปแล้วก็ไม่เคยแต่งงานรอบสอง แต่ครั้งนี้สะใภ้ที่แต่งกลับมาอย่างอึกทึกครึกโครมกลับหย่าขาดจากกันภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี
และในขณะเดียวกันนั้น ข่าวเรื่องการหย่าร้างของยินเสี้ยวเสี้ยวกับจิ๋นลี่ยวนก็เหมือนกับข่าว ทุกคนที่เผยแพร่คำพูดใส่ร้ายหมิ่นประมาทในอินเทอร์เน็ต เป็นกลุ่มแรกถูกจับกุมในข้อหา ‘ก่อความวุ่นวายในระบบอินเทอร์เน็ต’ ผู้ที่เข้าร่วมใน ‘งานประมูล’ที่มหาวิทยาลัยT ถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจทีละคน …
ทันใดนั้นทุกคนล้วนมีท่าทีสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างยินเสี้ยวเสี้ยวและจิ๋นลี่ยวนว่ามีการหย่ากันหรือไม่
ในเมื่อหย่าแล้ว จิ๋นลี่ยวนยังมาจัดการเรื่องนี้ จะเป็นการยุ่มย่ามมากเกินไปหรือเปล่า เขายังจะมีสิทธิ์อยู่เหรอ