Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 209 คืนที่หนาวเหน็บ
บทที่ 209 คืนที่หนาวเหน็บ
——จิ๋นลี่ยวน คุณแพ้แล้ว!
ใช่ เขาแพ้แล้ว นับตั้งแต่เริ่มต้นเขาก็แพ้เลย ตอนที่รู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเป็นลูกสาวของซูเหนียงเขาก็แพ้แล้ว ทั้งยังแพ้อย่างราบคาบ น่าเสียดายที่เขายังคงทำในสิ่งที่คิดว่าถูกเหมือนคนโง่ ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เต็มใจที่จะแก้ไขเรื่องทั้งหมด
เขาแพ้แล้ว แพ้ตั้งแต่ที่เขารักยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว
ทุกท่วงท่าทุกรอยยิ้มของยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ตอนแรกสุดที่รู้ว่าเธอคือลูกสาวของซูเหนียงความโกรธหายสาบสูญไปเลย เหลือไว้แต่ความเสียใจเต็มเปี่ยม ทำไมเธอถึงเป็นลูกสาวของซูเหนียง
แต่ว่า ก็เหมือนกับยินเสี้ยวเสี้ยวที่เป็นคนหัวดื้อ เขาจิ๋นลี่ยวนก็เป็นคนหัวดื้อคนหนึ่ง
ในเมื่อผิดไปแล้ว อย่างนั้นก็ผิดแบบนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าเดินออกมาก็อาจจะพบเจอกับทิวทัศน์อีกที่หนึ่ง……
จะว่ากันถึงที่สุด เขายังไม่อยากให้ยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ข้างกายตนเองทิ้งระเบิดที่ไม่รู้ว่าจะระเบิดตอนไหนเอาไว้ข้างกายตนเอง……
ขึ้นรถยินจื่อเจิ้นแล้ว ในที่สุดยินเสี้ยวเสี้ยวก็นิ่งเงียบราวกับว่าไม่มีตัวตนอยู่อย่างนั้น
ยินจื่อเจิ้นถอนหายใจเบาๆ โน้มตัวไปรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ ยื่นมือมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอที่ไหลออกมาตอนไหนไม่รู้ จากนั้นพูดเบาๆว่า “เสี้ยวเสี้ยว เธออยากไปที่ไหน”
ไปไหนเหรอ
ความคิดค่อยๆวนเวียน ดวงตาที่สีขาวดำแยกกันอย่างชัดเจนค่อยๆขยับเล็กน้อย ตอนนี้เธอยังไปที่ไหนได้อีก มองยินจื่อเจิ้นอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ยินเสี้ยวเสี้ยวตอนนี้ยังเทียบกับเด็กคนหนึ่งไม่ได้เลย
ใบหน้าเล็กๆที่งดงามยังคงมีคราบน้ำตา ในดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยท่าทางที่ได้รับบาดเจ็บ ในที่สุดยินจื่อเจิ้นก็ยังอดทนเอาไว้ได้ ยื่นมือไปดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดเบาๆพูดว่า “เสี้ยวเสี้ยว อย่ากลัว มีพี่อยู่นะ”
ใช่ มีพี่ชายอยู่ด้วย
ทุกครั้งที่ใกล้ชิดกัน เขาได้แต่ใช้สถานะความเป็น‘พี่ชาย’สองคำนี้เป็นข้ออ้างของเขา
พยักหน้า ยินเสี้ยวเสี้ยวสงบจิตใจลง นั่งอยู่บนรถอย่างเชื่อฟังปล่อยให้ยินจื่อเจิ้นพาตนเองจากไป
ชู่ถีหย้วนหนานเยวี่ยน หลังจากยินจื่อเจิ้นจอดรถแล้วก็หันไปมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ข้างๆ อาจจะเพราะช่างนี้เหนื่อยเกินไป เธอจึงหลับไปบนรถ แต่แม้ว่าเธอจะอยู่ในความฝันคิ้วก็ยังขมวดอยู่น้อยๆ เขาเองก็มองจนคิ้วค่อยๆขมวดเข้าหากัน ยื่นมือมาจัดผมที่ยุ่งเหยิงข้างหูของเธอ แต่ไม่ได้รบกวนจนทำให้เธอตื่น
ยินจื่อเจิ้นปรับเบาะที่นั่งให้ยินเสี้ยวเสี้ยวเล็กน้อย หยิบผ้าห่มที่วางไว้บนรถออกมาห่มให้เธอ แล้วก็นั่งอยู่ข้างๆมองดูเธอนอนเงียบๆอยู่อย่างนั้น ไม่พูดอะไร
โลกภายนอกหน้าต่างมีลมเย็นพัดแรงเป็นระยะ แต่โลกภายในรถกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน เขานั่งอยู่เบาะคนขับ มองเธอไม่กะพริบตา ไม่มีท่าทีจะยอมแพ้เลยสักนิด
เริ่มตั้งแต่อายุสิบสองย่างกรายตระกูลยิน เขาก็รู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวคนที่เรียกว่า‘น้องสาว’ตรงหน้าไม่ใช่น้องสาวของตนเอง รักเธอเข้าให้โดยไร้ซึ่งเหตุผล ความรักนี้เป็นเวลาแปดปีเต็มแล้ว จากเด็กชายอายุสิบสองปีเติบโตเป็นชายหนุ่มโสดอายุสามสิบปีในตอนนี้ สิ่งของรอบกายมากมายล้วนเปลี่ยนแปลงไป แต่มีเพียงสิ่งที่ที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือความรักที่มีต่อเธอ
ฝ่ามือหยาบใหญ่ลูบคลำใบหน้าของเธออย่างสั่นไหวเล็กน้อย ภายใต้นิ้วและฝ่ามือคือสัมผัสอันอบอุ่นของเธอ พอได้สัมผัสแบบนี้ก็ดูเหมือนจะทำให้เขารู้สึกได้ถึงเส้นเชือกในหัวใจของเขา เนิ่นนานก็เอากลับมาไม่ได้
เมื่อตอนอายุยี่สิบห้าปีนั้นเขาไม่สนใจเชื่อเสียงของตนเองเลือกที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ก็เพื่อตัดขาดความคิดที่มีต่อยินเสี้ยวเสี้ยว แต่เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า เดินทางไปอยู่ต่างประเทศห้าปียิ่งทำให้เขาคิดถึงเธอมากขึ้น ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้มีวิธีที่จะตัดขาดได้ง่ายๆขนาดนั้น อายุสามสิบปีเลือกที่จะกลับมา เขาคิดว่าขอแค่เขาเห็นเธอมีความสุขก็พอแล้ว เขาก็ทำแบบนั้นจริงๆ ปล่อยให้ยินเสี้ยวเสี้ยวแต่งงานกับจิ๋นลี่ยวน แต่ในใจของเขารู้สึกอย่างไรก็มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้……
ถ้าเป็นไปได้ ความจริงแล้วตอนนี้เขาแทบจะอดไม่ได้ที่จะเอายินเสี้ยวเสี้ยวเข้ามาในอ้อมกอดประคบประหงมแสดงความรักแรงๆ
เธอไม่เคยรู้เลย วินาทีที่รู้ว่าเธอจะหย่า ใจของเขาลิงโลดดีใจอย่างไร้ยางอายมากแค่ไหน!
ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้ก็นอนหลับอยู่ข้างกายเขา แทบไม่รู้ตัวเลยว่าข้างกายเธอมีหมาป่าที่ตะกละตะกลามขนาดนี้อยู่!
กลืนน้ำลายอึกหนึ่งแรงๆ ยินจื่อเจิ้นสูดลมหายใจเข้าดึงมือตนเองกลับมาไม่พูดอะไร หลับตาเพื่อให้อารมณ์ของเขาสงบลง จากนั้นก็ลงจากรถสูบบุหรี่ข้างๆรถรอให้คนในรถตื่น……
เมื่อไหร่ ที่เขาจะสามารถเอ่ยปากพูดกับเธอได้ ว่ารักเธอนะ
……
อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เหน็ดเหนื่อยเกินไป อาจจะเพราะสาเหตุที่ช่วงนี้เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ นี่จึงทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวหลับลึกเป็นพิเศษ หากไม่เพราะตอนพลิกตัวรู้สึกไม่ค่อยสบายไม่แน่ว่าอาจจะนอนหลับต่อไปอีก ลืมตาสองข้างก็มองเห็นตนเองอยู่ในรถ ยินจื่อเจิ้นที่อยู่นอกรถสูบบุหรี่พลางรอเธอไปพลาง เธอที่ดิ้นอยู่จึงได้ตื่นมาอย่างไม่เต็มใจนัก
เปิดหน้าต่างรถ ลมหนาวที่พัดอยู่นอกรถพัดเอาความง่วงงุนของเธอไปแล้ว “พี่……”
ส่งเสียงเรียกเบาๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวขยี้ตามองไปที่เขา ดูเหมือนว่ายังไม่ได้สติกลับมา
ยินจื่อเจิ้นทิ้งบุหรี่ในมือหลุบตามองยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ในรถกระดกมุมปากขึ้น ยื่นมือไปขยี้ผมยาวของเธอพูดว่า “ลงมาเถอะ พาเธอไปลองดูว่าพอใจมั้ย”
สีหน้าค่อยๆตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวลงรถพลางพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เธอหย่าแล้ว ไม่สามารถกลับไปที่บ้านตระกูลยินได้ และก็กลับไปที่บ้านตระกูลจิ๋นไม่ได้ เธอจำได้
คอนโดมิเนียมแบบมีลิฟต์ธรรมดา ยินจื่อเจิ้นเตรียมห้องที่ชั้นสิบเจ็ดไว้ให้เธอ สองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นทั่วไป ตกแต่งอย่างอบอุ่นและสวยงาม สไตล์การตกแต่งล้วนทำตามรูปแบบที่เธอชอบ
ยินจื่อเจิ้นเห็นเธอพอใจ ในใจก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นพูดว่า “จื่อเว่ยจากไปแล้ว อีกครึ่งปีเขาก็จบการศึกษาแล้ว รอจนตอนที่เขามาเยี่ยมเธออีก เธอก็จะรู้ถึงอารมณ์ร้ายของเขา หลีกเลี่ยงไม่ให้เขามารบกวนเธอ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งลงบนโซฟาพยักหน้า กอดหมอนมองไปยังยินจื่อเจิ้น
รินชาร้อนๆให้ยินเสี้ยวเสี้ยวแก้วหนึ่งยินจื่อเจิ้นนั่งลงตรงข้ามเธอแล้วพูดต่อว่า “พ่อแม่ทางนั้น เธอก็อย่าไปคิดเลย ตอนนี้พ่อไม่ทำงานแล้วไม่รู้หาเรื่องอะไรทั้งวัน แม่บางครั้งก็ไปที่บ้านตระกูลเซี่ยงเยี่ยมรั่วอวิ๋น เธอกลับไปก็ไม่มีใครดูแลเธอ แล้วยังไม่มีอิสระ สู้พักอยู่ที่นี่ดีกว่า ‘บริษัทจื่อยิน’ ก็อยู่ใกล้กับที่นี่ พี่เลิกงานแล้วก็มาเยี่ยมเธอได้……”
ดวงตาขยับเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้ นี่คือยินจื่อเจิ้นกลัวว่าเธอจะคิดมากดังนั้นจึงพูดให้เธอสบายใจ
ความจริงแล้ว ผ่านเรื่องผู้จัดการจางแล้ว ผ่านการช่วงที่แต่งงานกับจิ๋นลี่ยวน เธอจะไปขอความรักจากครอบครัวที่ไกลแสนไกลได้อย่างไรอีก หลี่หมึ้งไม่ต้องพูดถึง ในเมื่อนั่นคือแม่เลี้ยง แต่ยินไป่ฝัน หลายปีขนาดนั้นกลับไม่เคยสนใจเป็นห่วงเธอเลย เขาให้โอกาสเธอได้ร่ำเรียน ให้ที่หลบแดดหลบฝน ที่เหลือกลับไม่เคยให้อะไรเธอเลย เธออยู่ที่บ้านตระกูลยินก็เหมือนกับคุณหนูที่ถูกทำเหมือนเป็นคนรับใช้……
“พี่ อย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะเริ่มไปทำงานนะคะ ไม่ได้ไปทำงานนานแล้ว ถึงเวลาพี่คงไม่หาเหตุผลไล่ฉันออกนะคะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มพลางเอ่ยเบาๆ ราวกับว่าเป็นตัวของตัวเองเดินออกมาจากเรื่องการหย่าร้างแล้วอย่างนั้น “ตอนนี้ฉันถือว่าเป็นคนตกงานแล้วนี่ ถ้าไม่ขยันทำงาน แม้แต่เลี้ยงตัวเองคงไม่รอด……”
ห้องนี้เป็นห้องของพี่ชายเธอนี่ ไม่รู้ว่าหลังจาก หลี่หมึ้งรู้แล้วจะเป็นอย่างไร
ยินจื่อเจิ้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองเธออย่างรักใคร่ไม่ได้พูดอะไร แต่เรื่องที่ยินเสี้ยวเสี้ยวจะไปทำงานเรื่องนี้เขาดีใจมาก เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนั้น เขายังหวังให้ยินเสี้ยวเสี้ยวได้อยู่ข้างกายตนเอง
หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน สุดท้ายยินจื่อเจิ้นก็เอ่ยปากถามหนึ่งประโยค “เสี้ยวเสี้ยว เธอกับจิ๋นลี่ยวนเกิดเรื่องอะไรกัน”
หากจิ๋นลี่ยวนรังแกยินเสี้ยวเสี้ยว อย่างนั้นข้อแลกเปลี่ยนเขาก็คงไม่ใช่แค่ต่อยสักหมัดง่ายๆขนาดนั้นแล้ว
องค์หญิงที่เขายินจื่อเจิ้นประคบประหงมในมืออย่างดี จะปล่อยให้คนอื่นรังแกได้อย่างไร
แก้วน้ำที่ถืออยู่ในมือ ยินเสี้ยวเสี้ยวนิ่งเงียบไปสองวินาที
เกิดอะไรขึ้นเหรอ
ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร รู้แค่ว่าหลังจากที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันแล้วจิ่นลี่ยวนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเลย แต่จะบอกยินจื่อเจิ้นด้วยคำพูดแบบนั้นได้อย่างไร ไม่ว่าเธอจะหน้าหนาแค่ไหนเธอก็ไม่สามารถพูดได้……
“ก็นิสัยเข้ากันไม่ได้ ดังนั้นก็เลยเลิกกัน” เอ่ยด้วยเสียงเบาๆ เสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวเรียบเฉยและเบามาก แต่เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นมีเธอเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเจ็บปวดเสียใจแค่ไหน “พี่อย่าถือสาหาความอะไรมากนักเลย ตอนนี้ก็หย่ากับเขาแล้ว ดีกว่ารอหย่ากันตอนที่ฉันแก่หง่อมนะ ยังดีที่ตอนนี้ระหว่างฉันกับเขาไม่มีอะไรยึดติดผูกพันกัน ไม่ใช่เรื่องที่ดีเหรอ”
ดวงตาค่อยๆหรี่มอง ยินจื่อเจิ้นไม่ได้พูดอะไร
นิสัยเข้ากันไม่ได้
เรื่องโง่ๆแบบนี้ถ้าเขาเชื่อ เขาก็ไม่ใช่ยินจื่อเจิ้นแล้ว!
แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ยอมพูด เขาก็ไม่อยากบังคับ ยินจื่อเจิ้นลุกขึ้นยืนแล้วพับแขนเสื้อขึ้นทำบะหมี่ให้ยินเสี้ยวเสี้ยวกินด้วยตนเองหนึ่งชาม หลังจากที่มองดูเธอกินจนหมดแล้วก็หมุนตัวออกไป กำชับให้เธอพักผ่อนให้เต็มที่
ในค่ำคืนที่เงียบสงบ ยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยนอนอยู่บนเตียงเนิ่นนานไม่สามารถข่มตานอนหลับได้
ชีวิตการแต่งงานของตนและจิ๋นลี่ยวนจบลงอย่างแปลกประหลาด เธอไม่รู้เลยว่าเกิดปัญหาที่ไหน แต่ว่าตอนนี้ในเมื่อหย่ากันแล้วเธอก็ไม่อยากที่จะไปดิ้นรนอะไรแล้ว หลับตาสองข้างยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามที่จะให้ตนเองหลับสนิทไป
เรื่องในอดีตเธอไม่อยากรื้อฟื้นอีกแล้ว ดังนั้นทั้งหมดก็ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติอะไรจะเกิดก็เกิดเถอะ
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทราไม่รู้เลยว่า ในคืนแรกที่เธอเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่ มีรถเรนจ์โรเวอร์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ชั้นล่างไม่ได้ออกไปเลยทั้งคืน ชายคนนั้นนั่งอยู่บนรถเปิดหลังคาซันรูฟ ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองไปที่ตำแหน่งบนชั้นที่สิบเจ็ดโดยไม่ยอมละสายตา บุหรี่ในมือยังไม่ทันได้สูบสักครั้งเดียว ก็ปล่อยให้ควันลอยคละคลุ้งในคืนฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ …
ไม่รู้ว่า เธอกำลังร้องไห้อยู่หรือไม่ ขาเจ็บมั้ย กินข้าวตรงเวลาหรือเปล่า……
จิ๋นลี่ยวนรู้สึกว่าตนเองใกล้จะบ้าแล้ว คิ้วขมวดแน่น รู้ดีอยู่แล้วว่าตนเองไม่ควรจะทำแบบนี้แต่ร่างกายก็ไม่ฟังคำสั่งของตนเอง อยู่ๆก็เดินมาอย่างไม่มีเหตุผล อยากจะเห็นหน้าเธออย่างไม่มีสาเหตุ แม้จะรู้ว่าเธอไม่อยากพบตนเอง คนที่อยากหย่าคือเขา แต่หลังจากที่หย่าแล้วยังคงตัดใจไม่ได้คือเขา
เขาสงสัยจริงๆ ตนเองบ้าไปแล้วหรือเปล่า
ตอนเช้ามืด โทรศัพท์ของจิ๋นลี่ยวนดังขึ้น เก๋อเฉิงเฟยโทรมา บอกว่าหุ้นบางตัวมีปัญหาให้เขากลับไปดู แต่จิ๋นลี่ยวนกลับปฏิเสธอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย จิ๋นลี่ยวนเห็นคนมาส่งนมในตอนเช้า อยู่ก็เดินไปสั่งนมสดให้เธอทั้งปีเหมือนถูกผีผลักทำอะไรโดยไม่รู้ตัว ยังกำชับด้วยว่าถ้าหากยินเสี้ยวเสี้ยวถามก็บอกว่ายินจื่อเจิ้นสั่งให้เธอ
ถูกลมหนาวพัดมาทั้งคืน ร่างกายที่แข็งแกร่งของจิ๋นลี่ยวนก็รับไม่ไหว สุดท้ายก็เป็นหวัดแล้ว ตอนที่เห็นต๋งไขขับรถมาส่งถาวหยีอยู่ไม่ไกล ก็รีบขึ้นรถขับรถไปให้ไกลจากที่นี่ คนบางคนเขาก็ยังไม่อยากพบเจอ!
ต๋งไขขับรถพลาง สายตาจับจ้องมองรถเรนจ์โรเวอร์ที่เพิ่งขับหนีออกไปไม่ไกลขมวดคิ้วเล็กน้อย
รถคันนั้น ดูเหมือนจะคุ้นตาอยู่นะ แต่กลับคิดไม่ออกว่าเป็นของใคร
“มีเรื่องอะไรเหรอ” ถาวหยีถามเบาๆ สายตามองไปยังต๋งไข