Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 233 คุณเกลียดผมไหม
บทที่ 233 คุณเกลียดผมไหม
บรรยากาศในห้องนั่งเล่นค่อนข้างแปลก นานมากกว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะสังเกตได้
เมื่อหันไปมอง พบเพียงดวงตาของจิ๋นลี่ยวนสะท้อนตัวตนเล็กๆ ของเธอและกำลังมองเธออย่างอ่อนโยน เฉกเช่นที่เธอเคยเห็นมาตลอด แต่ถึงเธอจะพบมาหลายครั้งแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเล็กน้อย บ่อยครั้งในเวลาแบบนี้ เธอรู้สึกว่าที่จริงแล้วในใจจิ๋นลี่ยวนก็มีตน…
ถาวหยีค้นพบแล้วใช่ไหมว่ารูปแบบการอยู่รวมกันระหว่างเธอกับจิ๋นลี่ยวนค่อนข้างแปลกดังนั้นถึงได้เอาแต่จ้องจิ๋นลี่ยวนตลอด
คิดถึงความเป็นไปได้นี้ สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยิ่งแดงขึ้น
“ถาวหยี อยู่ทานข้าวที่นี่ก่อนแล้วค่อยไปนะ” รีบเปลี่ยนเรื่อง ยินเสี้ยวเสี้ยวหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรไปที่ ‘ร้านอาหารเทาถี้’ ให้ผู้จัดการหวงส่งอาหารมาเพิ่ม
บนโต๊ะอาหาร จิ๋นลี่ยวนนั่งข้างยินเสี้ยวเสี้ยว เพราะได้รับบาดเจ็บมือข้างขวาซึ่งไม่สะดวกอย่างมากยินเสี้ยวเสี้ยวจึงดูแลอย่างจริงจัง บางครั้งก็จะคีบพวกอาหารใส่ชามให้เขา ขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่การทานจึงไม่ได้เป็นไปอย่างเชื่องช้า เว้นแต่ว่ามีปัญหาจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สร้างปัญหาให้ยินเสี้ยวเสี้ยวต้องลำบากเลย
“ถาวหยี เธอกับต๋งไขจะแต่งงานกันเมื่อไรเหรอ พวกเธอวางแผนให้คลอดลูกก่อนแล้วค่อยแต่งเหรอ” หลังจากดื่มซุปไก่แล้วถาวหยีก็ถามด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา ทำไมต๋งไขที่หวงถาวหยีมากขนาดนั้นกลับไม่อยากแต่งงานกับเธอ
ถาวหยีหยุดมือที่กำลังคีบอาหารอยู่เล็กน้อย ฝืนยิ้มตอบกลับไปว่า “เธอก็รู้ว่าการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ฉันกับต๋งไขไม่ใช่คนที่มีเวลามากขนาดนั้น มีเวลาเมื่อไรค่อยดูอีกครั้ง ถ้าหากจัดแน่นอนแล้วจะมาหาเธอนะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มพลางพยักหน้า อย่างไรมันก็เป็นเรื่องของพวกเขาสองคนเธอจึงไม่ได้พูดอะไรมากอีก
เพียงแต่เมื่อถาวหยีพูดคำพูดนี้จบกลับอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาขึ้นมองจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ตรงข้าม แล้วสุดท้ายก็ทนไม่ได้จนถามออกไปว่า “คุณชายสาม ตอนนั้นที่คุณแต่งงานกับเสี้ยวเสี้ยวก็เหนื่อยมากเลยใช่ไหมคะ ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจิ๋นจะจัดงานแต่งงานทั้งที คงจะเป็นงานใหญ่มากเลยใช่ไหม”
จิ๋นลี่ยวนที่กำลังทานอาหารเงียบๆ ถูกเอ่ยชื่อจึงเหลือบตาขึ้นมองเละพูดว่า “ยิ่งใหญ่หรือไม่ไม่สำคัญต้องดูว่าเป็นใคร ถ้าเป็นลูกสะใภ้ที่ตระกูลจิ๋นถูกใจโดยธรรมชาติแล้วแน่นอนว่ายิ่งใหญ่”
คิดถึงเรื่องงานแต่งงาน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็พูดว่า “ที่จริงแล้ว งานแต่งงานของตระกูลจิ๋นล้วนแล้วแต่ยิ่งใหญ่มาก ถาวหยีหรือไม่เธอก็ให้ต๋งไขจัดงานให้เธอสิ งานใหญ่ไม่ได้ เป็นงานเล็กๆ ก็น่าจะได้ใช่ไหม”
อย่างไรแล้วเธอยังรู้สึกว่าในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งหากไม่มีการแต่งงานสักหนึ่งครั้งมันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นถาวหยียังเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอด้วยไม่ใช่เหรอ เธอไม่อยากให้ต่อไปเธอต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
“ฉันได้ยินมาว่าลูกสะใภ้ทุกคนของตระกูลจิ๋นจะได้รับโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทจิ๋นซื่อกรุ๊ปโดยเฉพาะ เป็นความจริงไหม” ถาวหยีถามด้วยรอยยิ้มบาง ดวงตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะตอบคำถามยินเสี้ยวเสี้ยวว่า “การแต่งงานของฉันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ยังไงก็ต้องเป็นเขาเต็มใจด้วย”
เขางั้นเหรอ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สายตาของถาวหยีเหลือบไปมองจิ๋นลี่ยวนโดยไม่รู้ตัว
ผู้ชายฝั่งตรงข้ามอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แต่ก็อดกลั้นไว้ไม่โต้กลับ
ยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มปากโดยไม่ได้พูดอะไร หากหัวข้อนี้ยังคงดำเนินต่อไปเธอรู้ดีว่ามีแต่จะทำให้ทุกคนไม่สบายใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันส่งผลต่ออารมณ์ของถาวหยี ก็ไม่รู้ว่าต๋งไขทำอย่างไร ถึงได้ทำให้ถาวหยีไม่มีความสุขขนาดนี้ จนถึงขั้นไม่มีความมั่นใจ…
ในไม่ช้า ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เปลี่ยนเรื่อง ทั้งสองคนคุยกันอย่างมีความสุขราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปที่โรงเรียนอีกครั้ง มีเพียงจิ๋นลี่ยวนคนเดียวที่ขมวดคิ้วมองไปที่ถาวหยีอยู่หลายต่อหลายครั้ง
ตกค่ำ ตอนที่ถาวหยีกลับไปนานแล้วและยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังจะกลับไปทำงานที่ห้องหนังสือกลับถูกจิ๋นลี่ยวนเรียกรั้งไว้
“เสี้ยวเสี้ยว วันนี้คุณทำงานมาห้าชั่วโมงแล้ว พักสักหน่อยเถอะ” พูดอย่างนั้นแล้ว จิ๋นลี่ยวนก็เอื้อมมือข้างที่ใช้การได้ออกไปดึงเธอมานั่งที่โซฟา จากนั้นก็เอารีโมตคอนโทรลมาใส่ไว้ในมือเธอ “ต่อให้เป็นเรื่องด่วนคุณก็ต้องดูแลตัวเองไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ในท้องของคุณยังมีทารกอีกหนึ่งคนนะ”
เดิมทียินเสี้ยวเสี้ยวยังค่อนข้างโมโหแต่เมื่อได้ยินคำพูดของจิ๋นลี่ยวนจึงปรับอารมณ์ทันที
ยกมือขึ้นมาสัมผัสท้องตัวเอง ใช่แล้วตอนนี้ไม่ใช่เธอคนเดียว ต่อให้เธอจะกังวลใจอีกแค่ไหนก็ต้องดูแลลูกไม่ใช่เหรอ
จิ๋นลี่ยวนนั่งลงข้างยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วพูดเสียงเบา พูดสบายๆ ราวกับว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันเช่นเดิม “เมื่อสัปดาห์ที่แล้วไปตรวจสอบสภาพครรภ์หมอเหยา บอกว่าลูกแข็งแรงดี เพียงแต่ร่างกายของคุณค่อนข้างอ่อนล้า”
ยินเสี้ยวเสี้ยวตรวจครรภ์สัปดาห์ละครั้ง ในขณะที่หญิงตั้งครรภ์จำนวนมากเป็นเดือนละครั้ง ยังเหลือเวลาอีกเยอะ อาจเป็นเพราะลูกคนแรกยินเสี้ยวเสี้ยวจึงระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ไปตรวจครรภ์ข้างกายจะมีคนไปเป็นเพื่อนด้วย ส่วนใหญ่ในแต่ละครั้งจะเป็นจิ๋นลี่ยวนที่ไปเป็นเพื่อน เพียงแต่หลายต่อหลายครั้งผลการตรวจที่เธอได้รับมาไม่มากเท่าจิ๋นลี่ยวน…
หันเหสายตาไปมองจิ๋นลี่ยวน ยินเสี้ยวเสี้ยวมีความกังวลเล็กน้อย
สุขภาพที่ไม่ดีของเธอจะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกเหรอ
“วางใจเถอะ จะไม่ส่งผลกระทบต่อลูก” ราวกับเป็นผู้อ่านใจได้ จิ๋นลี่ยวนพูดแผ่วเบา ทั้งทั้งที่เห็นเธอเครียดแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะทำอย่างนั้นเพราะรู้สึกขำดี “คุณแค่ต้องพักผ่อนให้ดี อย่ายุ่งทุกวันจนดึกดื่น นอกจากนี้คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องท้องของคุณขนาดนั้น แม้ว่าท้องจะเล็กมาก แต่หมอเหยาบอกว่าลูกแข็งแรงดี เพียงแต่เติบโตได้น้อยไปหน่อยเท่านั้น อย่าเพิ่งกังวล…”
ได้ยินคำพูดแบบนี้ ใจของยินเสี้ยวเสี้ยวถึงได้ผ่อนคลายลง
พูดกันตามจริง หลังจากเห็นท้องของถาวหยีวันนี้เธอก็เริ่มกังวล เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้มีคนท้องมาอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้เธอก็ไม่ได้มีใครมาคอยดูแลข้างกาย ดังนั้นจึงมีหลายสิ่งที่ไม่เข้าใจ หลังจากเห็นถาวหยีถึงได้รู้สึกว่าท้องของตัวเองเล็กจนน่าอนาถ แต่ดีที่จิ๋นลี่ยวนให้กำลังใจเธอ
ในห้องนั่งเล่น แสงไฟอันอบอุ่นสว่างขึ้นทั่วทุกมุม ในทีวีมีโฆษณาสำหรับเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง บรรยากาศรื่นเริงมีความสุข แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกับจิ๋นลี่ยวนไม่ได้ฟัง
เธอตัวเล็กๆ อยู่ในสายตาดั่งนกฟีนิกซ์ สีหน้าแดงเรื่อ น่ารักมีเสน่ห์
“เสี้ยวเสี้ยว คุณชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง” จิ๋นลี่ยวนถามเสียงเบา ร่างกายเข้าใกล้เธอเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เสียงนั้นเต็มไปด้วยการล่อลวงที่ร้ายแรง “เคยคิดไหมว่าหลังจากลูกเกิดมาแล้วจะเรียกว่าอะไร”
พูดถึงลูก ยินเสี้ยวเสี้ยวก็มองลงไปที่ท้องใหญ่ไม่ชัดของตัวเองโดยอัตโนมัติและเอ่ยถามแผ่วเบา “คุณล่ะ คุณชอบผู้ชายหรือผู้หญิง เคยคิดชื่อไว้บ้างไหม”
เวลานี้ ทั้งจิ๋นลี่ยวนและยินเสี้ยวเสี้ยวเหมือนจะลืมความจริงที่ว่าพวกเขาหย่าร้างกันแล้ว และเหมือนจะลืมไปว่าเด็กคนนี้หลังจากเกิดมาจะมีชะตากรรมที่ต้องถูกส่งไปยังบ้านตระกูลจิ๋น พวกเขาเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไปที่พูดถึงลูกของพวกเขา อนาคตของพวกเขา…
“ผมเหรอ” จิ๋นลี่ยวนยิ้มบาง ยิ่งโน้มตัวเข้ามาใกล้และพูดว่า “ตราบใดที่เป็นลูกของคุณกับผม ผมชอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง”
ยินเสี้ยวเสี้ยวตกตะลึงเล็กน้อยเพราะคำตอบของเขา
นี่หมายความว่าอะไร
คือจะบอกว่าต่อไปถ้าเขาแต่งงานใหม่ ถ้าไม่ใช่ลูกของพวกเขา เขาก็ไม่ชอบเหรอ
“เสี้ยวเสี้ยว…” ยินเสี้ยวเสี้ยวยังไม่ได้มีเวลาคิดอะไรมาก ผู้ชายตรงหน้าก็แนบชิดเข้ามาแล้ว ในที่สุดฝ่ามือใหญ่อันอบอุ่นก็ได้ลูบเส้นผมนุ่มของเธอหลังจากที่เขาอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาสองสัปดาห์
ที่จริงเขาไม่ได้อยากทำอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสองคนในตอนนี้ที่คนหนึ่งกำลังอุ้มท้อง คนหนึ่งที่ยังบาดเจ็บก็เป็นไปไม่ได้เลย เขาอาศัยอยู่ที่นี่เพียงต้องการที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ เขามาพักอยู่ที่นี่เพียงต้องการจะได้ใกล้ชิดกับเธอบ้าง ให้ตัวเองประทับลงในจิตใจของเธอ แต่ในทุกๆ วันกลับมีคนมารบกวนพวกเขามากเหลือเกิน
ลูบเส้นผมของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างอ่อนโยน จิ๋นลี่ยวนมองเธออย่างตกอยู่ในภวังค์ จนในที่สุดก็ถามคำถามที่ตัวเองอยากถามมาโดยตลอดออกไป “เสี้ยวเสี้ยว คุณเกลียดผมไหม”
ยินเสี้ยวเสี้ยวตัวแข็งทื่อเล็กน้อยไปครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “เกลียดคุณเรื่องอะไร แต่งงานเหรอ หย่าเหรอ หรือว่าเด็กคนนี้”
คำพูดราบเรียบมาก ถึงขนาดไม่ได้ยินแม้แต่ร่องรอยของความผิดปกติทางอารมณ์ แต่กลับทำให้การลูบผมของจิ๋นลี่ยวนแข็งทื่อ มองลงไปยังสาวน้อยในอ้อมแขน แววตาเต็มไปด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ
เป็นเวลานานที่ทั้งสองคนต่างไม่มีใครพูดอะไรมีเพียงรักษาการกระทำอันอบอุ่นเอาไว้แทนคำพูดเย็นชา
สุดท้ายยังเป็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่เปิดปากพูดว่า มองตรงไปที่ดวงตาดั่งนกฟีนิกซ์ของเขาและพูดว่า “จิ๋นลี่ยวน ฉันควรเกลียดคุณไหม ฉันเกลียดคุณได้ไหม ตอนนั้นคนที่ให้คุณแต่งงานคือฉัน คนที่ต้องตั้งท้องลูกของคุณคือฉัน หรือแม้แต่สุดท้าย…คนที่ยอมหย่าคนนั้นก็เป็นฉัน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นฉันเลือกเอง ฉันมีคุณสมบัติอะไรไปเกลียดคุณ”
จิ๋นลี่ยวนกลืนน้ำลายอย่างแรง มองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยใจที่หลีกเลี่ยงความว้าวุ่นไม่ได้
เขากลัว กลัวยินเสี้ยวเสี้ยวที่สงบนิ่งแบบนี้
“ทุกอย่างเป็นฉันที่หาเรื่องใส่ตัวเอง ฉันมีคุณสมบัติอะไรไปเกลียดคุณ” ยินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้วเล็กน้อยมองเขา หายใจอกกระเพื่อมรุนแรงขึ้นเล็กน้อย “คุณกับฉันหย่ากันไม่ได้มีอะไรผิด บางทีคุณอาจจะไม่ชอบฉัน ไม่รักฉัน ไม่สามารถทนกับอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ของฉันได้ ไม่ยอมรับในแบบที่ฉันเป็น พูดขึ้นมาแล้วสุดท้ายปัญหาก็ล้วนอยู่ที่ตัวฉัน แล้วทำไมฉันต้องเกลียดคุณ”
เมื่อพูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็หันหลังให้จิ๋นลี่ยวนและพูดว่า “จิ๋นลี่ยวน ฉันไม่เกลียดคุณ ฉันไม่เคยเกลียดคุณ”
มองดูด้านหลังของยินเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังเดินเข้าห้องนอน จิ๋นลี่ยวนตัวชาหนึบ ก่อนที่วินาทีถัดมาจะรีบวิ่งไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว…
ตรงบันได จิ๋นลี่ยวนคว้าจับข้อมือของยินเสี้ยวเสี้ยว พลิกเอาเธอเข้ามา มือที่เดิมที ‘บาดเจ็บสาหัส’ ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งโอบกอดเอวของเธอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เธอถูกตัวเองชนด้วยแรงกำลังที่ควบคุมไม่ได้ แต่มือข้างหนึ่งกลับจับข้อมือของเธอเอาไว้แน่นโดยกดเธอเอาไว้ระหว่างผนังกับอ้อมแขนของตนเอง
ลดสายตาลงมองเธอ ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยสีหน้าทนไม่ไหว
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่พูดออกมานั้นไม่เข้าใจเลยว่าคำพูดแบบนี้เมื่อเข้าหูของเขามันกลับเป็นคำพูดที่โหดร้ายว่า ‘จิ๋นลี่ยวน ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว’ ดังนั้นเขาจึงแทบทนรอที่จะยืนยันไม่ไหว ยืนยันว่าในหัวใจของเธอยังมีเขาอยู่!
“ยินเสี้ยวเสี้ยว คุณหมายความว่ายังไง”
ลมหายใจพ่นลงบนแก้มของยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนอยู่ใกล้มาก ใกล้มากจนสามารถจูบเธอได้แทบจะทันทีที่ก้มหน้า ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่มีช่องแทรกตัวออกไปเลยแม้แต่น้อย ได้แต่จำยอมรับอำนาจของเขา…
เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า ยินเสี้ยวเสี้ยวหายใจถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย พยายามระงับอารมณ์ของตัวเองรีบก้มหน้าไม่มองเขา อ้าปากหอบหายใจ…
เธอไม่คิด ไม่คิด…ไม่คิดว่าเวลานี้ต้องมายอมรับความพ่ายแพ้!
“เสี้ยวเสี้ยว ความหมายของคุณคือ ในใจของคุณไม่มีผมอยู่แล้วงั้นเหรอ” แต่ละคำเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหวี่ยง หัวใจของจิ๋นลี่ยวนกำลังจะระเบิดออกมา
บรรยากาศในห้อง จู่ๆ ก็ตึงเครียดขึ้นมาฉับพลัน