Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 72 ฉันกลับมา หาคนที่ฉันรัก
บทที่ 72 ฉันกลับมา หาคนที่ฉันรัก
ตอนที่ออกมาจากห้องจัดแสดงนั้นประมาณสี่ทุ่มกว่าแล้ว จิ๋นลี่ยวนไม่ได้ขับรถกลับไปบ้านยิน แต่กลับขับรถไปยังร้านอาหารบนยอดดอยที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง สั่งของหวานให้กับยินเสี้ยวเสี้ยวหนึ่งอย่าง และสั่งกาแฟให้ตนเองหนึ่งแก้ว ทั้สองนั่งอยู่ตรงโต๊ะติดหน้าต่างภายในร้านอาหารบนยอดดอยเพื่อชมดวงดาวที่สุดแสนจะโรแมนติก……
ดวงตาหงส์หรี่ตาลง จิ๋นลี่ยวนจิบกาแฟจากนั้นมองดูผู้หญิงตรงหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดพิจารณาบางอย่าง
แรกเริ่มเดิมทียินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลังจากที่ตักเค้กคำเล็กๆเข้าไปในปากนั้นเธอก็รู้สึกหิวขึ้นมาในทันที อีกทั้งเค้กชิ้นนี้ยังเป็นเค้กรสมะม่วงที่ตนชอบมากที่สุดอีกด้วย…..
กลางดึกแบบนี้ภายในร้านอาหารบนยอดดอยมีคนไม่เยอะเท่าไหร่ ยินเสี้ยวเสี้ยวและจิ๋นลี่ยวนที่นั่งกำลังนั่งอยู่นั้นราวกับภาพวาด ทำให้คนรอบๆอดไม่ได้ที่จะหันหน้ากลับไปมอง
ผู้ชายสุขุม ผู้หญิงหน้าตาสะสวย
ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นภาพที่หญิงชายรักกัน เป็นภาพที่คอยอยู่เคียงข้างกัน
ยินเสี้ยวเสี้ยวกินเค้กของตนเองคำเล็กๆ เหมือนว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตจะมีความสุขแบบนี้ ใบหน้าที่งดงามนั้นเต็มไปด้วยความสุข แต่หลังจากที่มีความสุขแล้วนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกว่าคืนนี้จิ๋นลี่ยวนมีบางอย่างผิดปกติ มือที่กำลังจับช้อนเงินอยู่นั้นบีบแน่นขึ้น
เขามีเรื่องอยากจะพูดงั้นหรอ ไม่อย่างนั้นจากนิสัยใจคอของเขาแล้วทำไมจู่ๆถึงได้ทำเรื่องโรแมนติกแบบนี้?
หึหึ ดูการแสดงเสร็จแล้วขึ้นมามองดูดาวในร้านอาหารบนยอดดอย ถ้าไม่เจอกับตัวเองจริงๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวยากที่จะคิดว่านี่เป็นสิ่งที่จิ๋นลี่ยวนกระทำ……
เพียงแต่ การอ่อนโยนของเขาในเวลานี้กลับทำให้เธออดไม่ได้ที่จะสั่นเทา
เขาอยากพูดเรื่องอะไร? พูดเรื่องแฟนเก่าของเขา หรือว่าเรื่องที่วันข้างหน้าเธอต้องรู้จักหลีกทาง?
รอยยิ้มมุมปากค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าขึ้นมา
บางครั้งเธอก็มีความกล้ามาก กล้าจนถึงขั้น‘ขอแต่งงาน’บนท้องถนน แต่บางเวลาเธอเองก็ไม่มีความกล้าเลย ไม่กล้าแม้แต่จะฟังสิ่งที่จะออกมาจากปากของเขาในเวลานี้……
“เสี้ยวเสี้ยว……” วางแก้วกาแฟลง จิ๋นลี่ยวนกล่าวพูดเสียงเบา เพียงแต่คำพูดในประโยคหลังยังไม่ทันได้เอ่ยพูดก็ถูกยินเสี้ยวเสี้ยวพูดขัดขึ้นมาก่อน
“จิ๋นลี่ยวน วันนี้เป็นครั้งแรกที่คุณพาฉันมาเดทแบบจริงจังใช่ไหมคะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่จิ๋นลี่ยวน ลูกตาดำขาวเต็มไปด้วยการร้องขอ “ถ้าอย่างนั้น เราไม่ต้องพูดเรื่องอื่นกันได้ไหมคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของครอบครัวของคุณ หรือว่าเรื่องของครอบครัวฉัน แต่ถ้าจะพูดจริงๆละก็ เรามาพูดเรื่องของเรากันเถอะค่ะ คุณและฉัน”
ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนั้นทำให้จิ๋นลี่ยวนแปลกใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาหงส์หรี่ลง จิ๋นลี่ยวนไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็กลายเป็นคนขี้กลัวแบบนี้ หรือสิ่งที่ตนเองพูดเมื่อครั้งที่แล้วทำร้ายจิตใจเธอ? เขาเป็นคนไม่ชอบพูดจาอ้อมค้อม แต่นั่นเป็นความจริง หรือว่าเขาจะไม่ได้สนใจความรู้สึกของยินเสี้ยวเสี้ยวจริงๆหรอ?
ประสานเข้ากับดวงตาคู่นั้นของยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนถอนหายใจแล้วพยักหน้า
มุมปากของยินเสี้ยวเสี้ยวคลายยิ้มที่อ่อนโยน เพียงแต่มือที่จับส้อมเงินกลับใช้แรงมากขึ้น
คิดไม่ถึงจริงๆว่าวันหนึ่งเธอจะน่าสงสารแบบนี้ แต่ความเป็นจริงนั้นชีวิตของเธอก็น่าสงสารตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรอ? ตอนอยู่ที่บ้านยิน เธอก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปเพิ่งพิงคนอื่นไม่ใช่หรอ? แล้วทำไม หลังจากที่จิ๋นลี่ยวนปรากฏตัวขึ้น เธอกลับต้องการเพิ่งพิงในตัวเขาทั้งๆที่ใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ?
ทั้งสองคน นั่งอยู่ในร้านอาหารพูดคุยเรื่องสมัยเด็กๆ บรรยากาศนั้นดีขึ้นมา เพียงแต่ทั้งสองต่างคนก็ต่างมีเรื่องในใจ เขาคิดว่าเธอเสียใจในสิ่งที่เขาพูดเมื่อคราวที่แล้ว เธอนึกว่าเขาอยากจะพูดเรื่องในอดีตให้เคลียร์เพื่อที่วันข้างหน้าเธอจะได้รู้ว่าตัวเองควรอยู่จุดไหน…..
ยังคงห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทว่ากลับไกลห่างออกจากกันมากๆเช่นเดียวกัน ถึงขั้นที่ว่าไม่มีทีท่าที่จะเข้าใกล้กันได้……
จิ๋นลี่ยวนส่งยินเสี้ยวเสี้ยวกลับไปถึงบ้านเวลาก็ล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืนครึ่งแล้ว ทั้งหมู่บ้านนั้นเงียบมาก มีแสงสว่างจากโคมไฟบ้างเป็นบางที เป็นความรู้สึกครึ่งสว่างครึ่งพร่ามัว
ตอนที่ลงจากรถนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นจิ๋นลี่ยวนเดินลงจากรถเช่นเดียวกัน ทั้งสองยืนอยู่ข้างรถเรนจ์โรเวอร์ แสงสว่างหน้ารถทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเห็นหน้าของจิ๋นลี่ยวนด้วยความพร่ามัว
หลังจากที่จิ๋นลี่ยวนมองดูยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่นานแล้วนั้น เขาก็พูดในสิ่งที่พูดในห้องจัดแสดงอีกครั้ง “ยินเสี้ยวเสี้ยว ขอบคุณคุณมากนะครับ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวคลายยิ้ม จากนั้นพูดขึ้น:“รีบกลับไปเถอะค่ะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ขับรถดีๆนะคะ”
พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็หมุนตัวหันหลังเดินไปทว่าคิดไม่ถึงว่าจิ๋นลี่ยวนจะยื่นมือมาจับข้อมือของเธอเอาไว้ ทำให้วินาทีต่อมาเธอจึงล้มตัวลงในอ้อมกอดของจิ๋นลี่ยวน ยังไม่ทันดึงสติกลับมา หน้าผากของเธอก็ถูกประทับด้วยจุมพิตอันอ่อนโยน
เสียงแหบพร่าของเขาเอ่ยพูดอยู่ข้างหู :“ฝันดีครับ”
ภายในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกสบายใจขึ้น เธอจึงมีความกล้าขึ้นมา!
ในเมื่อตอนนี้คนที่อยู่ข้างกายเขาคือตน เช่นนั้นเธอก็สามารถพยายามอยู่ข้างกายเขาต่อไป ไม่ให้เขาเปลี่ยนเป็นคนอื่น?
วินาทีที่เงยหน้าขึ้นนั้น นัยน์ตาของยินเสี้ยวเสี้ยวเคล้าไปด้วยความมุ่งมั่น!
มีหลายอย่างที่ไม่ควรจะไม่พยายามทำอะไรแล้วปล่อยมันไป!
เพียงแต่ สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือความกล้าหาญของเธอนั้นต้องแลกด้วยความเจ็บปวด……
วันที่ยี่สิบสาม
ท้องฟ้าในเมือง Tโล่งโปร่งไร้ก้อนเมฆ เต็มไปด้วยสีฟ้าอย่างคาดไม่ถึง ดูเป็นท้องฟ้าที่สดใสและสวยงามมาก
ยินเสี้ยวเสี้ยวถูกยินจื่อเจิ้นส่งไปที่ห้องสำหรับเจ้าสาวใน‘โรงแรมหซือซัน’แต่เช้า ถาวหยีได้ไปรอที่นั่นแต่เช้าแล้ว ตอนที่เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวเดินมานั้นอดไม่ได้ที่จะดีใจขึ้นมา
ยินเสี้ยวเสี้ยวถูกช่างแต่งหน้าพาให้นั่งตรงหน้ากระจก ข้างหูของเธอมีเสียงของถาวหยี:“เสี้ยวเสี้ยว แกรู้อะไรไหม? งานแต่งงานของคุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นเองก็จัดขึ้นที่นี่ พระเจ้า ในที่สุดฉันก็จะได้เจอหน้าคุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นที่ถูกพูดถึง นี่ฉันกำลังฝันไปใช่ไหม?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองดูท่าทีโอเวอร์ของถาวหยีด้วยความตลก หลังจากที่เรียนจบนั้นเธอได้เข้าไปทำงานในบริษัทออกแบบโฆษณาที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่มาก เงินเดือนและสวัสดิการเองก็ถือว่าไม่เลว อย่างน้อยๆตอนนี้ถาวหยีก็ดูสบายดี นึกขึ้นได้ว่าถาวหยียังไม่รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนเป็นใคร เธอจึงเอ่ยถามขึ้น:“ถาวหยี ทำไมแกถึงอยากเห็นหน้าคุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นนัก?”
ถาวหยีทำหน้าเพ้อฝันมองดูยินเสี้ยวเสี้ยว เหมือนว่าตั้งแต่รู้จักกันมาหลายปีเธอไม่เคยโง่แบบนี้มาก่อน แล้วพูดขึ้น:“ยินเสี้ยวเสี้ยว แกเป็นคนเมืองTรึเปล่า? คุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นเชียวนะ!นั่นเป็นคนระดับไหน? คุณชายใหญ่แห่งตระกูลจิ๋นขอแค่แกไปบริษัทจิ๋นซื่อทุกวันก็ได้เจอหน้าแล้ว คุณหนูสองแห่งตระกูลจิ๋นขอแค่แกมีความสามารถแกก็จะได้เจอเธอที่งานแฟชั่นโชว์ในต่างประเทศ แต่ว่าคุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋น กลับไม่เคยปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าผู้คนมาก่อน!อีกอย่างแกรู้ไหมว่ายีนส์ของครอบครัวนั้นบ้าแค่ไหน?”
ขณะที่พูดนั้น ถาวหยีก็ได้หยิบนิตยสารสองเล่มที่อยู่บนโต๊ะมาให้ยินเสี้ยวเสี้ยว ซึ่งเป็นนิตยสารบันเทิงหนึ่งเล่ม นิตยสารธุรกิจหนึ่งเล่ม บังเอิญว่าบนนิตยสารทั้งสองเล่มนั้นล้วนมีหน้าของคุณชายใหญ่ตระกูลจิ๋นที่หล่อจนเหมือนสวรรค์สร้างขึ้นมา!
ถาวหยียื่นมือไปชี้หน้าของผู้ชายบนนิตยสารแล้วพูดขึ้น:“ยินเสี้ยวเสี้ยว แกดูสิ ดูสิ นี่คือยีนส์ของครอบครัวจิ๋น!ได้ยินมาว่าคุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นนั้นมียีนส์ที่ดีที่สุด ฉันจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง? ถึงแม้ว่าจิ๋นลี่ยวนของแกจะหน้าตาดีไม่น้อย แต่ว่าฉันอยากจะเปรียบเทียบดูจริงๆว่าเมื่อเทียบกับคุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นแล้วนั้น ใครจะชนะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ได้ยินคำพูดของเถาหยีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แม้แต่ช่างแต่งหน้าที่ช่วยแต่งหน้าให้เธอ และช่างทำผมเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ดูท่าแล้วเพื่อนสนิทของเจ้าสาวคงไม่รู้จริงๆว่าวันนี้คนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวจะแต่งงานด้วยก็คือคุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋น!
ยินเสี้ยวเสี้ยวหัวเราะ เธออยากรู้จริงๆว่าถ้าถาวหยีรู้ว่าจิ๋นลี่ยวนก็คือคุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นผู้ลึกลับนั้นเธอจะทำสีหน้ายังไง……
หลังจากที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเปลี่ยนแต่งหน้าเสร็จนั้นก็เตรียมตัวไปเปลี่ยนชุด เพราะว่าชุดแต่งงานหรูหรามากดังนั้นครั้งนี้พวกเขาจึงแต่งหน้าเสร็จแล้วค่อยเปลี่ยนชุด เพียงแต่ต้องคอยระวังเล็กน้อย เพราะถ้าไม่เปื้อนเข้ากับสีอื่นนั้นก็จะไม่สวยแล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ชุดเจ้าสาวเพียงชุดเดียว แต่ทุกคนในห้องแต่งหน้าแทบจะเข้ามาช่วยกันเปลี่ยน….
เถาหยีช่วยอะไรไม่ได้ จึงนั่งดูทีวีด้านนอก
ไม่ง่ายเลยกว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะใส่ชุดแต่งงานเสร็จ เธอยืนอยู่ตรงที่ที่กว้างที่สุดในห้องเพื่อรอให้ผู้ช่วยที่อยู่รอบๆมาช่วยจัดแจง ทว่าสายตากลับเหลือบมองไปที่ทีวี
ในทีวีนั้นกำลังมีรายการสัมภาษณ์บางอย่าง คนที่ถูกสัมภาษณ์นั้นเป็นคนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวคุ้นเคยแต่ไม่รู้จัก
เป็นนักเต้นบัลเล่ต์ที่จัดการแสดงเมื่อหลายวันก่อน….
——ไม่ทราบว่าคุณมู่ คุณกลับมาในครั้งนี้มีเป้าหมายอะไรคะ? ต้องการที่จะมาสร้างชื่อเสียงในประเทศหรอคะ?
นักเต้นบัลเล่ต์ที่อยู่ในโทรศัพท์กลับคลายยิ้ม ดวงหน้าที่งดงามนั้นกลับทำให้คนไม่อาจละสายตาได้ คล้ายว่าปากของเธอเปื้อนไปด้วยความเขินอาย พูดเพียงแค่ประโยคเดียว:“ฉันกลับมา หาคนที่ฉันรักค่ะ”
ให้ตายสิ อยู่ใจของยินเสี้ยวเสี้ยวก็หล่นวูบ
“ชิๆๆ นี่มันคนที่เกิดมาพร้อมกับความชนะ หน้าตาก็ดี ครอบครัวก็ดีขนาดนี้อีก…..” ถาวหยีที่นั่งอยู่ตรงนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น นักเต้นบัลเล่ต์ในทีวีนั้นสวยมากจริงๆ “ไม่รู้ว่าใครกันที่โชคดีได้เป็นคนที่เธอรัก”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่มองดูทีวีนั้นไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มมุมปากของเธอแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้า เธอพูดเสียงเบา “อย่างน้อยเธอก็มีความกล้า ไม่ใช่หรอ? ตอนนี้จะมีคนดังสักกี่คนกันที่กล้าพูดแบบนี้ออกมา?”
ถาวหยีพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของยินเสี้ยวเสียว
“ที่จริงคุณมู่อะไรนี่ก็ไม่ได้สวยมาก เพียงแต่การเต้นบัลเล่ต์ที่สั่งสมมาหลายปีทำให้เธอดูสวย อ่อนโยยน เหมือนตุ๊กตาที่ถูกสร้างมาอย่างดี” ช่างทำผมที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นขณะที่กำลังจัดชุดแต่งงานให้ยินเสี้ยวเสี้ยว “พี่ได้ยินมาว่าเมื่อก่อนเธอมีแฟนหนุ่มที่ดีมากๆ ไม่รู้ว่ากลับมาหาเขารึเปล่า….”
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินแต่กลับไม่พูดอะไร เพียงแต่หันกลับไปมองผู้หญิงในทีวีอีกครั้ง พบว่าเปลี่ยนเป็นรายการอื่นแล้ว บทสนทนาในห้องแต่งตัวของเจ้าสาวเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นในทันที
หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนั้นยินจื่อเจิ้นมาดูยินเสี้ยวเสี้ยว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวหัวเราะเขา ว่าทำเหมือนลูกสาวตัวเองจะแต่งงานเสียอย่างนั้น สิ่งนี้ทำให้ความกลัวที่อยู่ภายในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวหายไป เพียงแต่ทำในสิ่งที่เจ้าสาวควรจะทำ เธอรู้ดี ว่าวันนี้เป็นวันที่ยากจะลืมที่สุดในชีวิต เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึง วันที่ยากจะลืมนี้ กลับใช้วิธีแบบนั้นในการฝังมันลงในใจของเธอ……
ถ้าเธอรู้แต่แรกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าอย่างนั้นเธอจะปล่อยให้จิ๋นลี่ยวนพูดทุกอย่างตั้งแต่ค่ำคืนนั้น……