Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 76 ใช้ตาข้างไหนมองหรอ
บทที่ 76 ใช้ตาข้างไหนมองหรอ
ดวงตาดั่งหงส์ค่อยๆหรี่ลงเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนเงยหน้าขึ้นแล้วมองเหล้าในแก้วที่ถูกเขาดื่มเข้าไปในท้องจนหมดแก้วโดยที่ไม่พูดไม่จาอะไรใดๆ
จิ๋นลี่หยาวเหมือนรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองมีปัญหาหน่อยๆ จึงไม่ได้เอ่ยพูดอะไรต่อ ยังไงวันนี้เธอก็แค่รับผิดชอบส่งข่าวเท่านั้น ยังไงเธอก็ส่งข่าวเสร็จแล้ว ก็ต้องดูว่าต่อไปจิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยวจะทำยังไงต่อ
คุณย่าจิ๋นอยากให้จิ๋นลี่ยวนและยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ที่บ้านจริงๆ คนเฒ่าคนแก่ก็มักจะหวังว่าลูกสาวของตัวเองอยู่เคียงข้างอย่างใกล้ชิด วันนี้คำพูดพวกนี้ ถ้าเก็บไปพูดในเวลาอื่น ยินเสี้ยวเสี้ยวและจิ๋นลี่ยวนก็คงไม่ตอบตกลง แต่เมื่อกี้เพิ่งจะเกิดเรื่องของมู่ซูว และคนในครอบครัวตระกูลจิ๋นนั่งนิ่งดูดายอย่างไม่สนใจ จิ๋นลี่ยวนยังรู้สึกว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่น่าตกลง
จริงๆแล้ว คุณย่าจิ๋นก็ทำตัวไม่ถูกอยู่เหมือนกัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเมื่อกี้ แต่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย จึงไม่สามารถยื่นมือไปช่วยเหลือได้ แล้วถ้าพูดถึงหลานทั้งสามคนในบ้าน จิ๋นลี่โป๋ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกตั้งนานแล้ว จิ๋นลี่หยาวก็ยิ่งไปกว่านั้น เขานานๆจะกลับประเทศที มีแต่จิ๋นลี่ยวนคนเดียวที่อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลจิ๋นอยู่ตลอด บางครั้งถ้าในโรงพยาบาลยุ่งเกินไป ก็จะนอนในเมืองแล้วไม่กลับมา ไม่ว่าจิ๋นลี่ยวนจะแต่งหรือไม่แต่งงาน เธอก็หวังว่าหลานคนอื่นจะอยู่ข้างกายเธอ……
แค่ว่า หลังจากที่เพิ่งเกิดเรื่อง แม้แต่เธอเอง เธอยังไม่อยากคิดถึง
จิ๋นลี่ยวนและจิ๋นลี่หยาวพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยเพียงไม่กี่คำ จิ๋นลี่ยวนจึงหาข้ออ้างว่าจะพักผ่อนแล้วออกจากที่นั่นไป จิ๋นลี่หยาวดื่มไปแล้วเหลือบตามองเขาเดินจากที่นั่นไป จากนั้นก็อดใจไม่ได้ที่จะเม้มปากยิ้ม
เสี่ยวยั่ง ฉันยังคงจับจุดอ่อนของแกไม่ได้งั้นหรอ?
หลังจากที่งานแต่งงานครั้งนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น เพราะว่ามีโรงแรมหซือซันและร้านอาหารเทาถี้ค่อยสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง งานแต่งครั้งนี้ถ้าไม่น่าตื่นเต้นก็คงเป็นไปไม่ได้ แค่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับไม่ได้นึกถึงว่าแค่จุดเด่นของโรงแรมและร้านอาหารของการจัดงานครั้งนี้ และจิ๋นลี่ยวนขึ้นไปพูดอะไรบนเวทีแค่ไม่กี่คำ ก็สามารถทำให้การปรากฏตัวของมู่ซูวถูกกลบทันที……..
ยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นเจ้าสาว มันคงไม่ดีที่เธอจะอยู่แต่ในห้องเจ้าสาว โดยที่ไม่ออกไปไหน ถาวหยีถูกต๋งไขเรียกออกไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ทั้งห้องพักเหมือนแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งไปสักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป แค่เธอนึกไม่ถึงว่าเมื่อเธอเพิ่งออกจากห้องไปไม่ไกล ในระเบียงที่ยาวเหยียดของ‘โรงแรมหซือซัน’ เธอก็ได้เจอกับผู้ชายที่เปล่าประโยชน์ให้คนทั้งโลกรู้ว่าเขารักเธอ……..
ระเบียงชั้นแรงของ‘โรงแรมหซือซัน’สามารถมองเข้ามาจากห้องนอกได้ แสงแดดอันอ่อนโยนสอดส่องผ่านกระจกใส ก็ได้สอดส่องลงบนตัวของพวกเขา ทำให้เรือนร่างดูเปล่งประกายด้วยความงดงาม
ชุดทักซิโด้อันสง่าผ่าเผยที่สวมใส่อยู่บนตัวของจิ๋นลี่ยวน ไม่ว่าจะมองกี่ครั้ง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกว่าเขาดูสง่าผ่าเผย และมีเสน่ห์มาก และเธอก็ไม่รู้ว่าชุดราตรีที่แดงที่ลากพื้นของตัวเอง ในสายตาของจิ๋นลี่ยวน เธอก็งดงามจนน่าตกตะลึงดูเหมือนกัน
สายตาดั่งหงส์มองตายินเสี้ยวเสี้ยวไว้ จิ๋นลี่ยวนอดใจไม่ไหวที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจว่าต้องปกป้องตัวเองยังไงจริงๆ ท่าทางที่ดูซื่อๆของเธอ กลับทำให้คนรู้สึกหวั่นไหวที่ในใจ
“เสี้ยวเสี้ยว” จิ๋นลี่ยวนเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตว่าเสียงของตัวเองสามารถพูดได้อ่อนโยนถึงขั้นนี้
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองผู้ชายตรงหน้าที่กำลังกระตุกมุมปากและเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา เธอจึงก้าวเดินไปหาเขาทีละก้าว แล้วยืนอยู่ตรงหน้าเขา พลางพูดขึ้น “คุณเหนื่อยแล้วใช่ไหม? งั้นก็สักพักหน่อยเถอะ ฉันจะออกไปดูงานข้างนอกก่อนนะ เดี๋ยวจะได้ไม่ต้องวุ่นวายจนหาพวกเขาไม่เจอ”
พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงเตรียมตัวเดินออกจากข้างกายจิ๋นลี่ยวน มุมปากของเธอยังคงคลี่ยิ้มอยู่
จิ๋นลี่ยวนยื่นมือไปกุมข้อมือของยินเสี้ยวเสียวไว้ เพื่อให้เธออย่าได้เดินจากไป จากนั้นก็หันข้างไปมองใบหน้าเรียวเล็กที่กำลังแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แต่จริงๆแล้วเธอกำลังเสียใจ ในใจจึงรู้สึเจ็บจี๊ดขึ้นไม่หยุด
ผู้หญิงคนนี้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบ รักหรือไม่รัก แต่เขารู้ว่าเขาเอ็นดูและห่วงใยเธอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ดูลำบากต่อหน้าเขา เธอก็ได้ดึงดูดให้เขาต้องอยากที่จะปกป้องเธอ นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน และหลังจากนั้นเขาก็เห็นว่าเธอเติบโตมาในสภาพแวดล้อมของครอบครัวยินมาได้ยังไง ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ และเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและซื่อตรงจริงๆ แต่เขานึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่เธอทำลายความสื่อตรงของตัวเองไป……
“เสี้ยวเสี้ยว คุณรู้ว่ามู่ซูวมีชีวิตอยู่” เขาไม่ได้ถาม แต่ก็การบอกเล่า จิ๋นลี่ยวนจึงได้แฉเรื่องที่ยินเสี้ยวเสี้ยวต้องทนทุกข์ทรมานในที่ผ่านมา และไม่เหลือเยื่อใยให้กับเธอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวทำสีหน้าที่ขาวซีดเล็กน้อย แม้แต่การฝืนยิ้มเพื่อความมีมารยาท เธอยังไม่อยากจะฝืน เธอแค่ยืนอยู่นั่งๆอย่างเงียบสงบอยู่ตรงนั้น
เขามาหาเธอ ก็เพื่อเรื่องนี้ใช่ไหม?
จะบอกว่าเรื่องที่เขาพูดขึ้นเมื่อกี้นี้ ทุกอย่างที่ทำก็เพื่อที่จะปกป้องครอบครัวจิ๋น และปกป้องครอบครัวยิน ดังนั้นตอนนี้มู่ซูวเพิ่งจะจากเขาไป เขาอยากจะแบ่งแยกและขีดเส้นกั้นระหว่างเขากับเธออย่างทนไม่ได้อีกต่อไปใช่ไหม?
เธอไม่ใช่คนโง่ ความหมายของจิ๋นลี่ยวน เธอดูออกอยู่แล้ว เขายอมทิ้งเหยื่อรายใหญ่ขนาดนั้นก็เพื่อชื่อเสียงของเธอหรือไง? ขอโทษทีนะ เธอไม่เชื่อจริงๆ และไม่อยากมีความมั่นใจในตัวเองแบบนั้น! ความคิดของจิ๋นลี่ยวนก็ต้องการปกป้องให้เธอได้ปลอดภัยจริงๆ แต่ใครจะสามารถพูดออกมาได้ว่าต้องการปกป้องมู่ซูวอยู่เหมือนกันล่ะ?
เรื่องของวันนี้ ถ้าหากถูกปล่อยข่าวออกไป ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ต้องเผชิญกับการถูกว่ากล่าวตำหนิแน่นอน แต่คำพูดข้างหลังของจิ๋นลี่ยวนที่บอกว่า ‘ผมยินยอม’ จึงได้ทำลายข่าวลือเสียๆหายๆทิ้งไปให้หมด ถึงเวลา คนที่ได้รับบาดเจ็บคือมีแค่มู่ซูว และเธอเองก็แค่ยืนอยู่ตรงตำแหน่งของผู้เสียหาย ไหนๆตอนที่เธอกับจิ๋วลี่ยวนอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็เลิกรากันไปแล้วไม่ใช่หรือไง?
ฝ่ายชายก็ดีใจ ฝ่ายหญิงก็มีความสุข อยู่กันด้วยดี และจากกันด้วยดี เธอไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับความรู้สึกของคนอื่นอยู่แล้ว!
ยังไง มู่ซูวคนที่ได้เลิกลากันไปแล้วกลับมาร้องโวยวายในแต่งงานของคนอื่นแบบนี้ ก็แค่จะทำให้ตัวเองถูกคนที่มาร่วมงานว่ากล่าวนินทาเอา……
ยินเสี้ยวเสี้ยวหันไปมองผู้ชายตรงห้นา นัยน์ตาสีนิลของเขากำลังรู้สึกตกใจ
จิ๋นลี่ยวนไม่รู้ว่าในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังคิดอะไรอยู่ เขารู้แค่ว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ เขาไม่อยากให้เธอต้องเสียใจ
“เสี้ยวเสี้ยว” ยินเสี้ยเวี้ยวจึงหันไปมอง จิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ตรงระเบียงแล้วมองเธออย่างเงียบๆ นอกกระจกยังมีผู้คนที่มาร่วมงานแต่งงานอยู่ไม่น้อยต่างก็หันมามองท่าทางอันน่าแปลกของพวกเขา “ผมกับมู่ซูว…….”
“จิ๋นลี่ยวน” ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบเอ่ยพูดขึ้น น้ำเสียงมีความสั่นเทาแอบแฝง ยินเสี้ยวเสี้ยวเอามือเล็กๆที่กำเป็นหมัดแน่นๆห้อนลง ครั้งแรกที่เธอพูดความเห็นของตัวเองออกมาด้วยเสียงเบา “ฉันรู้ก่อนวันนี้อยู่แล้วที่คุณมีแฟนสาวที่คบกันมาสองปี แต่ที่ผ่านมาฉันไม่พูดออกมา แม้กระทั่งคุณยอมแต่งงานกับฉัน ฉันก็คิดว่าแค่ลองดูเท่านั้น เหมือนครั้งแรกที่ฉันไปที่บ้านคุณ และคำพูดที่ฉันบอกคุณ ดังนั้นฉันจึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ในวันนี้…….”
จิ๋นลี่ยวนยังคงอยู่ในความสงบแล้วตั้งใจฟังเธอ ดวงตาดั่งหงส์ของเขามองเห็นว่าเธอทำให้คนอื่นรู้สึกเจ็บปวดใจเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในงานแต่งของตัวเองก็คงจะรู้สึกไม่ดี ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เป็นอย่างนั้นด้วย
ยินเสี้ยวเสี้ยวหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้นต่อ “ฉันไม่รู้ว่าคุณยังชอบเธอหรือไม่ แต่ฉันรู้……..คุณไม่ชอบฉัน แต่ฉันก็ยังอยากบอกว่า ขอบคุณสิ่งที่คุณทำให้ฉันในวันนี้…….”
พูดไปยินเสี้ยวเสี้ยวจึงเงยขึ้นแล้วสบตากับเขาด้วยความดื้อรั้น น้ำเสียงของเธอฟังเหมือนอ่อนแอและเข้มแข็งในขณะเดียวกัน “และฉันอยากบอกว่า ไหนๆคุณทำถึงขั้นนี้แล้ว งั้นคุณทำให้ฝันครั้งนี้ของฉันได้บรรลุจริงๆได้ไหม อย่างน้อยฉันไม่อยากได้ยินคุณพูดในตอนนี้ว่า คุณรักเธอมาขนาดไหน คุณอยากจะไปหาเธอมากขนาดไหน แม้กระทั่งคุณอยากจะจบ………ชีวิตการแต่งงานกับฉันมากขนาดไหน”
จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้วขึ้นแล้วหรี่ตาดั่งหงส์ลง
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองจิ๋นลี่ยวนไม่พูดไม่จา แล้วก้มตาก้มตาลง จากนั้นเธอจึงพูดขึ้นอย่างทำอะไรไม่ได้ “คุณวางใจเถอะ รอให้จบจากงานแต่งนี้ฉันจะ…….”
“ยินเสี้ยวเสี้ยว!”
เสียงอันเกรี้ยวกราดเปล่งออกจากอก ดวงตาดุจั่งหงส์ของจิ๋นลี่ยวนมองยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยความโมโหอย่างไม่เคยมีมาก่อน สายตาแบบนั้นมองยินเสี้ยเสี้ยว ทำให้ทั้งตัวของเธอเกร็งไปทันที เธอไม่รู้จริงๆว่าตัวเองไปทำเรื่องกวนใจอะไรให้เขา
จิ๋นลี่ยวนไม่เคยนึกว่ามีวันที่เขาได้ยินคำพูดของเธอแล้วก็ทำให้เขารู้สึกโมโหขนาดนั้น ก่อนหน้านี้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่ว่าไม่เคยพูด แม้แต่เขาเองยังเคยพูดคำว่า ‘หย่า’ ออกมา แต่ทำไมวันนี้พอคำๆนี้ออกจากปากของยินเสี้ยวเสี้ยว เขาจะรู้สึกว่าเธอไม่สมควรได้รับการให้อภัยแบบนี้ล่ะ?
ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างละเอียด จิ๋นลี่ยวนก็ได้ยินเสียงร้องเจ็บของยินเสี้ยวเสี้ยวที่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดด้วยเสียงอันแผ่วเบา ที่แท้เขาใช้แรงบีบข้อมือของเธออย่างไม่ระวังตัว
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองจิ๋นลี่ยวนด้วยความรู้สึกลำบาก วันนี้เธอถูกทำให้เจ็บปวดมามากพอแล้ว แล้วตอนนี้เขายังจะโมโหใส่ตัวเองอีก ทันใดนั้น ทั้งตัวของเธอจึงรู้สึกแย่กว่าเดิม น้ำตาที่นัยน์ตาจึงไหลพรากลงมาไม่หยุด
พอเห็นสีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยว ความโมโหจนลุกโชนเป็นไฟของจิ๋นลี่ยวนจึงดับลงไปกว่าครึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ปล่อยมือออกจากข้อมือของเธอ แล้วโอบเอวอันผอมเพรียวของเธอไว้พลางดึงตัวเองมาอยู่แนบชิดตรงกลางอกของตัวเอง จิ๋นลี่ยวนก้มหน้าลงมาใกล้ตรงข้างดูของเธอ “ยินเสี้ยวเสี้ยว คุณใช้ข้างไหนดูว่าผมยังชอบเธอหรอ?”
เขาพูดขึ้นอย่างแยกเขี้ยวยิงฟัน
ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับหยุดชะงักไปเพราะคำๆนี้ของเขา
ตาข้างไหนมองออกว่าเขายังชอบเธอ?
ตาทั้งสองข้างมองเห็น หรือตาทั้งสองข้างมองไม่เห็น?
ทันทีทันใด ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับไม่รู้ว่าควรตอบยังไง จึงทำได้เพียงมุดหัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาด้วยความตกตะลึง
จิ๋นลี่ยวนมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่ทำหน้าเอ๋อหรือซื่อๆ จึงทนไม่ได้ที่จะอุทานด้วยเสียงเบา น้ำเสียงกลับยังคงพูดด้วยอาการที่ไม่เสนาะหู “ยินเสี้ยวเสี้ยว คำพูดพวกนี้ถ้าคุณพูดให้ผมฟังอีก ผมจะจัดการคุณ จนทำให้คุณจดจำไว้ในใจจนมไมีวันลืม!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที วันนี้เธอยังจดจำจนไม่มีวันลืมไม่พอหรือไง? เจ้าสาวในงานแต่งคนไหนเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นล่ะ? จริงๆเธอเป็นเมียหลวง แต่แทบอีกนิดเธอก็ได้กลายเป็นเมียน้อยแล้ว!
เธอจึงเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองจิ๋นลี่ยวนไว้ ถึงแม้สมองของเธอยังคงไม่ได้สติกลับมา แต่ก็สามารถดูออก จิ๋นลี่ยวนไม่ได้คิดจะถอดทิ้งเธอแล้วกลับไปหามู่ซูว เธอยังได้สติกลับมาทันที
นัยน์ตาดุจดั่งตาหงส์มีรอยยิ้มแอบแฝง จิ๋นลี่ยวนทำสีหน้าที่ยังคงโมโห พอนึกถึงคำพูดเมื่อครู่นี้ของยินเสี้ยวเสี้ยว ในใจของเขายังคงรู้สึกไม่สบายใจ เขาจึงมองไปยังหูที่ขาวและเล็กของเธอ และท่าทางที่ทำแสดงออกมาโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการสมอง จากนั้นก็ได้ก้มหน้าลงแล้วไปกัดหูเล็กๆของยินเสี้ยวเสี้ยว
“โอ้ย…….” ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกตกใจจนลำตัวของเธออ่อนแรง
ความเหน็บชาของหูทำให้เธอสั่นเทาไม่หยุด ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้ทรุดตัวลงในอ้อมกอดของจิ๋นลี่ยวนอย่างอ่อนแรง ท่าทางของเธอดูอ่อนโยนและงดงามมากๆ
จิ๋นลี่ยวนกัดหูของเธอเสร็จ แล้วยังไม่ได้ได้เข้าไปตอบสนองกับเรือนร่างของเธอที่ล้มลงในอ้อมกอดของเขา จากนั้นเขาก็มองท่าทางที่เชื่อฟังของเธอตอนอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง เขาจะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอีกได้ยังไง? ใบหน้าของเธอแดงก่ำ และเรือนร่างที่อ่อนแรงของเธอนั้น สำหรับจิ๋นลี่ยวนแล้ว ทุกกระทำของเธอเป็นความทุกข์ทรมานที่แสนหอมหวาน
จนถึงตอนนี้ เขาจึงจะรู้สึกว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเป็นภรรยาของเขาจริงๆ
รู้สึกอ่อนโยน และอ่อนหวาน อืม ความรู้สึกที่ไม่ไหว…