Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 79 รอวันที่คุณพร้อม
บทที่ 79 รอวันที่คุณพร้อม
รุ่งเช้าของเช้าวันใหม่ ยินเสี้ยวเสี้ยวตื่นมาอย่างสะลึมสะลือ เธอถูกเสียงรบกวนจนต้องตื่น เมื่อคืนก็ได้ปะทะกับจิ๋นลี่ยวนมาทั้งคืน ทำให้เธอต้องพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ข้างล่างตึกไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกัน แต่ฟังดูแล้วเหมือนจะครึกครื้นมากๆ แต่ว่าจิ๋นลี่ยวนกลับไม่ได้กลืนกินเธอ และไม่ได้แตะต้องตัวเธอเลย ก็แค่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันเท่านั้น……
ยินเสี้ยวเสี้ยวลืมตาขึ้นก็ได้ใบหน้าอันหล่อเหลาอยู่ตรงหน้าตัวเอง เธอจึงรู้สึกสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองแต่งงานแล้ว พอได้ยินเสียงของผู้ชายที่อยู่ข้างๆเอ่ยพูดขึ้น แก้มของเธอแดงขึ้นมาทันที
“ยินเสี้ยวเสี้ยว คุณเตรียมพร้อมที่จะเป็นสะใภ้ของบ้านจิ๋นหรือยัง?”
คำแรกที่พูดออกมาตอนเช้าก็มาคำนี้ ทำให้เธอรู้สึกหวาดผวาเล็กน้อย นี่มันหมายความว่าอะไร?
จิ๋นลี่ยวนกลับไม่คิดจะอธิบายให้ยินเสี้ยวเสี้ยวเลยสักคำ มือข้างหนึ่งของตัวเองจับหัวและมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอด น้ำเสียงมีความเข้มงวดแอบแฝง “เสี้ยวเสี้ยว สิ่งที่ผมตกลงกับคุณไว้ ผมก็ต้องทำได้แน่นอน แต่คุณควรรู้ เราแต่งงานกันไม่ใช่แค่การเล่นเกมส์ ผมก็ไม่มีทางไม่ล่วงเกินหรือแสดงกิริยาลวนลามคุณตลอด…….”
ยินเสี้ยวเสี้ยวนอนตะแคงข้าง นัยน์ตาแววใสของเธอมองเขาไว้ สีหน้าดูจริงจังมากๆ
“คุณเป็นภรรยาของผม ผมเป็นสามีคุณ ตอนนี้เราเป็นกันในนามและจริงๆแล้ว…….” พูดไป จิ๋นลี่ยวนก็ยื่นมือมาปัดผมอันยุ่งเหยิงของยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วพูดขึ้นต่อ “ยินเสี้ยวเสี้ยว คุณจะรอคุณ รอวันที่คุณพร้อม”
คำพูดหลังจากที่แต่งงานกันใหม่ๆ ทำให้ใจของยินเสี้ยวเสี้ยวสั่นไหวไม่หยุด แม้แต่ดวงตาทั้งสองข้างของจิ๋นลี่ยวนยังดูเขินอาย ดูยังไง ท่าทางของเขาก็น่าดึงดูดมากๆ…..
หลังจากที่ตื่นนอนก็รีบแต่งตัวและเก็บห้องอย่างเร็วจนเสร็จ จิ๋นลี่จวนดึงมือของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วเดินลงไปชั้นล่าง ถึงเวลานี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงจะสังเกตเห็นว่าคนที่อยู่ในห้องรับแขกของบ้านจิ๋นไม่ได้เยอะเหมือนปกติ แม้กระทั่งคนส่วนมากเธอยังไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ แต่ว่ายังดีที่มีจิ๋นลี่ยวนอยู่ เขาเรียกอะไร เธอก็เรียกตามอย่างนั้น สองสามีภรรยาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
คุณย่าจิ๋นเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวตามจิ๋นลี่ยวนลงมาชั้นล่าง นัยน์ตาจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็รีบยื่นมือไปดึงตัวยินเสี้ยวเสี้ยวมา ท่าทางของเธอทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ แต่กลับต้องตามเธอไป
“เหอะๆ นี่เป็นภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกับลี่ยวนหรอ สวยจริงๆเลย” จู่ๆก็มีเสียงอันอ่อนโยนนั้นส่งมา และทุกคนก็มองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยว สตรีคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อผ้าที่มีดูแพงและมีราคา เมื่อกี้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ทันได้สังเกตมองเธอ
จิ๋นลี่ยวนเดินตามไปนั่งอยู่ข้างๆยินเสี้ยวเสี้ยว มือข้างเดียวกุมมือเล็กๆของเธอไว้ ท่าทางแบบนี้ของเธอทำให้ทุกคนถึงกับซุบซิบนินทาขึ้นมา
“โถ่ ดูพวกเขารักกันมากจริงๆเลย” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆก็ได้แซวขึ้น ท่าทางของเขาดูเป็นธรรมชาติจริงๆ
หยูเจียห้วยมองยินเสี้ยวเสี้ยวหยุดชะงักเล็กน้อย เธอจึงจะเริ่มแนะนำคนที่อยู่ในบ้าน มีชายสามคน หญิงสามคน ทุกคนต่างก็ไม่ใช่คนในบ้านจิ๋น
ผู้ชายสองในสามคนนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่พาภรรยาของตนมา บ้านหนึ่งแซ่กู่ บ้านหนึ่งแซ่มู่ และผู้ชายอีกคนที่แซวพวกเขาเมื่อกี้นี้ ปีนี้เขาอายุยี่สิบห้าที่มาจากตระกูลฉี ซึ่งเป็นตระกูลที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลจิ๋นมากๆ เขาที่ชื่อว่าฉีเคอหานเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล ได้ยินว่าเขามีสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับจิ๋นลี่ยวนและจิ๋นลี่โป๋ ยินเสี้ยเสี้ยวเห็นเลยเรียกคุณลุงคุณป้า และลูกสาวของพวกเขาที่ชื่อว่ากู่ชูเหยา ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจิ๋นลี่ยวนอยู่เหมือนกัน และอีกหนึ่งตระกูลคือตระกูลมู่ กลับทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกคาดคิดไม่ถึง……
ทีแรกยินเสี้ยวเสี้ยวนึกว่านามสกุลของพวกเขาเหมือนกันเท่านั้น แต่ตอนที่หยูเจียห้วยแนะนำตัว สตรีที่สวมใส่เสื้อผ้าสุดหรูหราก็เริ่มแนะนำตัวเอง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเบิกบาน และให้ความรู้สึกว่าเธอเหมือนมู่ชุนเฟิงมากๆ แค่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับรู้สึกได้ถึงความเย็นชา…….
“เสี้ยวเสี้ยว คุณน้าจื่อ เธอมาเพื่อที่จะมาขอโทษหนู” คำๆเดียวก็สามารถทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวสามารถคาดเดาในใจได้ และดั่งที่คาด คำพูดต่อไปก็ได้ยินเธอพูดว่า “เมื่อวานซูวซูวเป็นฝ่ายผิดเอง เด็กคนนั้นถูกพวกฉันเลี้ยงดูอย่างเอาใจ จึงทำให้เธอเอาแต่ใจ หนูอย่าถือสาเธอเลย เดี๋ยวถึงเวลาความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งสองตระกูลอาจจะไม่ดีกันก็ได้……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวกระตุกมุมปากแล้วคลี่ยิ้มที่ดูเกร็งออกมาเล็กน้อย
วันนี้คนในตระกูลมู่คงจะมาไม่ดีหรือไม่?
เมื่อกี้ท่าทางของมู่ซูว ตอนที่อยู่ในงานแต่ง ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้าสาวคนอื่นๆ ไม่มีทางที่จะไม่สนใจแน่นอน แต่แม่ของมู่ซูวกลับทำเป็นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้หนักหนาสาหัสมาก แม้กระทั่งยังคิดจะเอาความสัมพันธ์ของทั้งตระกูลจิ๋นและตระกูลมู่มาอ้าง นี่เธอมาขอโทษจริงๆหรอ?
ยินเสี้ยวเสี้ยวก้มหน้าลงแล้วยิ้มอ่อนๆขึ้น ไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ตอบกลับ เรื่องบางเรื่องสามารถยอมๆกันได้ก็ยอม แต่บางอย่างกลับยอมไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ว่าเธอจะยังเด็ก และมีหลายๆอย่างที่เข้าใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถยอมให้คนอื่นมารังแกได้
จื่อผูหยางเห็นว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่พูดไม่จา จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “โถ่ ต้องโทษน้ากับพ่อของซูวซูว ที่มัวแต่กลุ้มเรื่องที่เยียนหรานป่วย จนมองข้ามลูกสาวคนนี้ไป ตอนนี้เลยต้องทำให้เธอสร้างเรื่องสร้างปัญหาอย่างใหญ่หลวงมากขนาดนี้ คุณย่าคะ ฉันต้องขอโทษจริงๆ เป็นความผิดของตระกูลมู่ทั้งหมด”
จิ๋นลี่ยวนนั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็ได้หันไปคุยกับฉีเคอหานไม่กี่คำ ท่าทางของเขาทำเหมือนไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้เลย แม้กระทั่งยังสามารถดูออกได้ว่าเขารู้สึกเฉยๆต่อตระกูลมู่ จู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็นึกถึงเมื่อวานที่จิ๋นลี่ยวนบอกว่าหลังจากที่เกิดเรื่องให้ไปหาคนในตระกูลมู่ แต่สุดท้ายพวกเขาก็มาเยือนด้วยตัวเองในเช้าวันที่สอง
คุณย่าจิ๋นได้ยินคำพูดของจื่อผูหยาง กลับหรี่ตาลงแล้วยิ้มขึ้น ผ่านไปสักพัก จึงจะเอ่ยพูดขึ้น “เรื่องของหนูซูวเราไม่ต้องคุยกันแล้ว แต่อาการของหนูเยียนหรานเป็นยังไงบ้าง? ฉันได้ยินมาว่าโรงพยาบาลที่อเมริกาสามารถหาหัวเราะที่เหมาะสมจนเจอแล้วใช่ไหม?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยิน จึงไม่พูดขึ้นใดๆ แต่ในใจกลับรู้สึกสงสัย ฟังจากความหมายของคุณย่าแล้ว เหมือนจะชอบผู้หญิงที่ชื่อมู่เยียนหรานมาก……
จิ๋นลี่ยวนไม่อยากสนใจเรื่องพวกนี้อีก และกำลังจะลุกขึ้นพลางดึงตัวยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วเตรียมตัวออกจากที่นั่น บอกว่าจะไปช้อปปิ้ง ฉีเคอหานก็โวยวายและขอติดตามไปด้วย สุดท้ายตระกูลกู่ก็คงได้เพียงปล่อยให้กู่ชูเหยาตามไปด้วย ทันใดนั้นในห้องมีแค่รุ่นผู้ใหญ่ไม่กี่คนกำลังพูดคุยกัน และเป็นคำพูดที่ยินเสี้ยวเสี้ยวฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
อย่างเช่นเรื่องที่มู่เยียนหรานป่วย และฐานะของมู่ซูวในตระกูลมู่……
หลังจากที่ออกจากบ้านจิ๋น ฉีเคอหานและกู่ชูเหยาขึ้นรถเลนโรเวอร์ของจิ๋นลี่ยวนอย่างไม่เกรงใจ ท่าทางแบบนั้นเหมือนกลัวว่าพอหันโค้งไป จิ๋นลี่ยวนจะทิ้งพวกเขาไป จิ๋นลี่ยวนจึงค่อยๆเม้มปากแล้วยิ้มขึ้น หลังจากที่เพิ่งขับรถออกจากบ้านจิ๋นไปสักระยะ ก็ได้พูดขึ้น “เสี้ยวเสี้ยว เดี๋ยวอย่าลืมซื้อสร้อยหนึ่งเส้นกลับมาให้พี่สาวนะ…….”
“จิ๋นลี่หยาวอยู่บ้านหรอ?” น้ำเสียงที่เรียกขึ้นอย่างตกใจ ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงกับเบิ่งตาโตแล้วมองฉีเคอหาน
จิ๋นลี่ยวนยังไม่ได้พูดอะไร ก็เห็นฉีเคอหานทำสีหน้าที่ดูตื่นเต้นดีใจ จากนั้นบอกให้เขารีบจอดรถ “จิ๋นลี่ยวน นายรีบจอดรถเร็ว ฉันจะกลับไปๆ! จิ๋นลี่หยาวอยู่บ้าน ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก? นายนี่มันไม่สำนึกบุญคุณจริงๆ!”
จิ๋นลี่ยวนไม่ได้สนใจเขา แต่ค่อยๆขับรถไปจอดอยู่ข้างๆ จากนั้นก็มองฉีเคอหานลงรถไปทันที
ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกทนดูไม่ได้ เลยพูดขึ้น “จิ๋นลี่ยวน ที่นี่ไม่มีรถให้เรียกหรือเปล่า?”
หรือว่าจะให้ฉีเคอหานเดินกลับไป?
เหอะๆ ระยะทางนั้นมันไม่ตลกเลยสักนิด
เขามองฉีเคอหานผ่านกระจกหลัง ยินเสี้ยวเสี้ยวและกู่ชูเหยามองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างถนน แล้วก็ทำใช้สายตาที่เห็นใจมองเขา ไปผิดใจใครไม่ว่า แต่กลับไปผิดใจกับพี่ลี่ยวน ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรือไง?
ดวงตาดั่งหงส์ของจิ๋นลี่ยวนเหลือบตาเขาเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรีบนั่งตัวตรง เธอถือว่ามองออกมา หมอนี่ไม่มีทางยอมเสียเปรียบแน่นอน! ก็แค่ถูกฉีเคอหานแซวนิดๆหน่อยๆไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องกลั่นแกล้งคนอื่นแบบนี้ด้วย……
พอเขาลงรถไปก็เหลือแค่สามคนที่อยู่ในรถ กู่ชูเหยาที่เป็นก้างขวางคอของคู่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆก็คงจะรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย ยังดีที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นผู้หญิงที่ร่าเริงแจ่มใส และคุยด้วยแล้วสนุก ทีแรกกู่ชูเหยาก็คิดจะหาข้ออ้างเพื่อเผ่นหนีไปก่อน แต่ว่าจิ๋นลี่ยวนกลับเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนว่ายังไงก็ไม่มีธุระอะไร ก็ให้เธอรอหน่อย เดี๋ยวก็ทำธุระเสร็จ แล้วจะได้กินข้าวด้วยกันแล้ว
นานแล้วที่กู่ชูเหยาเองไม่ได้กินข้าวกับจิ๋นลี่ยวน พอเห็นว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ทำสีหน้าไม่พอใดอะไร จึงได้ตอบกลับ
แต่กู่ชูเหยาไม่เคยนึกเลยว่า เธอก็แค่อยากจะกินข้าวสักมื้อกับพี่ชายที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่สะใภ้เท่านั้น แต่เธอกลับได้เจอเรื่องแบบนี้
ยินเสี้ยวเสี้ยวและกู่ชูเหยากลับคุยกันอย่างเมามันส์ และเริ่มจากเสื้อผ้าการแต่งตัว เครื่องดับจนถึงภาพวาด โฆษณา สุดท้ายก็พูดถึงข่าววงการบันเทิงในช่วงนี้ ทั้งสองมีความคิดที่เหมือนกัน ตลอดทั้งทาง จิ๋นลี่ยวนกลับขับรถไปอย่างเงียบๆ และต้องทนกับเสียงหัวเราะและพูดคุยกันของพวกเธอ สุดท้ายรถก็ขับถึงคอนโดที่เขาอยู่คนเดียว
กู่ชูเหยาและยินเสี้ยวเสี้ยวตามอยู่ข้างหลังของจิ๋นลี่ยวน และกำลังพูดคุยเล่นกัน ผู้หญิงสองคนนี้ก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ตอนที่จิ๋นลี่ยวนอยู่ตัวคนเดียว ทำไมเขาถึงมาพักอาศัยอยู่ที่แบบนี้ได้
“พี่ชาย พี่อย่าได้แอบซ่อนผู้หญิงอยู่ในห้องล่ะ ไม่งั้นถ้าพี่สะใภ้รู้ก็คงจะเจอดีแน่นอน ” หลังจากที่กู่ชูเหยาสนิทสนมกับยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกเขินอายอีกต่อไป จากนั้นก็กล้าหยอกเล่นกับจิ๋นลี่ยวนขึ้นมา
ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกเกรงใจหน่อยๆ ยังไงกู่ชูเหยาก็โตกว่าเธอสองปี แต่กลับมาเรียกเธอว่า ‘พี่สะใภ้’ แล้วยังเรียกได้ธรรมชาติมากๆ
จิ๋นลี่ยวนยังไม่ทันได้บอกอะไรออกมา การ์ดในมือของเขาไปรูดบัตรที่อยู่ตรงหน้าประตู จากนั้นได้มีเสียง ‘ตี้ด’ ดังขึ้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออก จากนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวกลับทำสีหน้าเหมือนต้องพบเจอกับลมพายุที่อยู่ด้านหน้า
“ลี่ยวน…….” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจดังขึ้น จริงๆยินเสี้ยวเสี้ยวเคยได้ยินแค่ครั้งเดียว แต่ทำไมเหมือนเสียงๆนั้นเหมือนเสียงของมารที่กำลังกล่อมหูของเธออยู่ ทำให้สามารถจดจำได้อย่างชัดเจน!
พอเงยหน้าขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เห็นมู่ซูวยืนอยู่ตรงประตู แม้กระทั่งยังสวมใส่รองเท้าที่ใส่ในบ้าน อีกทีทั้งใส่ผ้ากันเปื้อน ในมือกำลังยกเนื้อที่เพิ่งย่างเสร็จเป็นจาน สีสันของอาหารดูน่ารับประทานมากๆ พอเห็นจิ๋นลี่ยวนกลับมา สีหน้าของเธอจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน แต่ตอนที่เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวและกู่ชูเหยา สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่ได้รับความเป็นธรรมของเธอเปล่งออกมาจากข้างใน และตอนนี้ไฟแห่งความโมโหก็ได้ลุกโชนขึ้นมาบนหัวของยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
วันนี้เป็นวันแรกแห่งชีวิตของการแต่งงาน! นี่คนในตระกูลมู่คิดจะสร้างเรื่องสร้างปัญหาอะไรกัน? แต่เช้าตรู่จื่อผูหยางก็ไปบ้านจิ๋น แล้วพูดจาแบบนั้น เธอก็ได้ปล่อยมันไปแล้ว เธอถือว่ามันก็แค่ตด เลยปล่อยให้มันผ่านไป แต่ตอนนี้มู่ซูวทำแบบนี้มันหมายความว่าอะไร? รองเท้าคู่นั้นจริงๆแล้วเธอเองที่สมควรได้ใส่มัน ทำท่าทางเหมือนเป็นคุณผู้หญิงในบ้านนี้ เธอตั้งใจทำให้เธอเห็นใช่ไหม!
เวลานี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวแทบจะเครียดจนจะตายบ้า!
ไม่ว่าตอนนี้จิ๋นลี่ยวนกับมู่ซูวจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่มู่ซูวมีสิทธิ์อะไรมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอ! หรือว่าเธอรู้สึกว่าเธอยินเสี้ยวเสี้ยวไม่พูดไม่จาแล้วจะรังแกง่าย?
วันนี้เธออยากจะดูเหมือนกันว่ามู่ซูวคิดจะทำอะไร! เธอยินเสี้ยวเสี้ยวต้องการลากตัวเธอให้ออกจากที่นี่ ใครหน้าไหนจะกล้ามาขัดกขวาง!