Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 80 ไม่เจ็บใจเลยสักนิดหรือไง
บทที่ 80 ไม่เจ็บใจเลยสักนิดหรือไง
กู่ชูเหยายืนอยู่ตรงข้างหลังของยินเสี้ยวเสี้ยว และกำลังรู้สึกทำตัวไม่ถูก แต่ก็รู้สึกว่าวันนี้มู่ซูวทำแบบนี้มันก็เกินไปจริงๆ คนอื่นเขาเพิ่งจะใช้ชีวิตแต่งงานกันวันแรก เธอกลับทำตัวเหมือนคุณผู้หญิงที่นี่ แล้วมายืนอยู่ในถิ่นฐานของคนอื่นแบบนี้ มันเกินไปหรือเปล่า?
จากนั้น กู่ชูเหยาจึงยื่นมือออกไปดึงมือของยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ ถ้าเป็นนิสัยของเธอ เธอต้องหวังว่าเธอสามารถไกล่เกลี่ยให้ยุติความขัดแย้ง แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวจะเป็นแบบไหนหรอ?
ไม่มีทาง!
ไม่เพียงแต่ไม่มีทาง วันนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวต้องทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตแน่นอน!
จิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ตรงประตู แล้วยังไม่ทันได้ก้าวเข้ามา ก็เห็นมู่ซูวปรากฏตัวอยู่ในห้องของตัวเอง คิ้วของเขาจึงขมวดคิ้วเป็นปม เวลานี้ เขาไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็สามารถสัมผัสได้ว่าคนข้างหลังกำลังโมโหจนฟ้าดินถล่ม ดั่งทื่คาด เขายังไม่ทันได้เอ่ยพูดเลยสักคำ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ก้าวเข้ามา แล้วใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณมู่อยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?” ยินเสี้ยวเสี้ยวกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็สาวเท้าเข้ามาในห้อง แค่เห็นเธอเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าในใจของเธอโมโหขนาดไหนแล้ว แต่สีหน้ากลับฝืนยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปมองจิ๋นลี่ยวนและมู่ซูวพลางพูดขึ้น “ลี่ยวน ทำไมคุณถึงให้คุณมู่ทำงานของแม่บ้านล่ะ? ยังไงเธอก็เคยเป็นแฟนเก่าของคุณนะ”
คำๆเดียวของเธอ ก็ได้แอบหลอกด่ามู่ซูวและจิ๋นลี่ยวน และเป็นคำพูดที่ไม่มีคำหยาบสักคำปนอยู่!
จิ๋นลี่ยวนกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และไม่พูดไม่จาใดๆ
มู่ซูวกลับทำสีหน้าที่ขาวซีด
คำว่าป้าแม่บ้าน คำว่าแฟนเก่า มันได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของมู่ซูวจนจมดำไปแล้ว!
มู่ซูวเงยหน้าขึ้นแล้วมองยินเสี้ยวเสี้ยวแต่ไม่ได้พูดอะไรใดๆขึ้น แค่ใบหน้าอันสะสวยของเธอนั้นเต็มไปด้วยความอึดอัด ในมือยังจับเนื้อย่างไว้ แล้วมองจิ๋นลี่ยวนอย่างไม่สบายใจ ท่าทางแบบนั้น ถ้าเธอไม่แน่ใจว่าเมื่อวานจิ๋นลี่ยวนอยู่กับเธอ ไม่แน่เธออาจจะนึกว่าจิ๋นลี่ยวนแอบหนีมาหามู่ซูวก็ได้!
ยินเสี้ยวเสี้ยวกระตุกมุมปากแล้วเผยยิ้มที่เลือดเย็นพลางมองมู่ซูวด้วย
เธอยินเสี้ยวเสี้ยว ถึงแม้บางครั้งอาจจะขี้ขลาดต่อความรัก แต่กลับไม่ได้หมายความว่าเธอจะกลัวไปสักทุกอย่าง แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามกันหมด เธอยินเสี้ยวเสี้ยวถึงแม้จะกลัวทุกอย่าง แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธอไม่กลัว! ไม่เช่นนั้น ตอนนั้นที่มีคนเคยกล่าวหาว่าเธอ ‘ไร้จริยธรรม และไร้คุณธรรม’ คำพูดแบบนี้ถูกลือออกไป เธอจะทำเหมือนทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นได้ยังไง? งั้นก็เพราะว่าตอนนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เคยคิดจะใส่ใจ! ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ไปโต้แย้งกลับใดๆ!
แต่วันนี้ ทุกการกระทำของมู่ซูวนั้นท้าทายเธอมากๆ และมันก็ได้ท้าทายเธอ ไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะไม่สวนกลับ!
“ชูเหยารีบเข้ามาเถอะ ไหนๆคุณมู่ก็ทำกับข้าวเสร็จแล้ว เรากินข้าวที่บ้านได้พอดีเลย” ยินเสี้ยวเสี้ยวยื่นมือไปเรียกกู่ชูเหยาเข้ามา นัยน์ตาอันเลือดเย็นจึงกวาดผ่านจิ๋นลี่ยวนไป
กู่ชูเหยาถูกขานชื่อ เวลานี้เธอก็ไม่ควรจะไม่ตอบกลับ ไม่ว่าจิ๋นลี่ยวนกำลังคิดอะไรในใจ และกู่ชูเหยาก็ได้หันข้างไปมองยินเสี้ยวเสี้ยว มิตรภาพของผู้หญิงนั้น สามารถสร้างขึ้นง่ายๆ
ทีแรกยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่สนใจสีหน้าของมู่ซูล แม้กระทั่งตอนนี้สีหน้าของจิ๋นลี่ยวน เธอยังไม่สนใจเลย เธอแค่รู้ว่าในใจของเธอกำลังลุกโชนเป็นไฟ ถ้าเธอยังไม่ระบายมันออกไป เธอคงจะแผดเผาตัวเองตาย! เธอจึงดึงมือของกู่ชูเหยาแล้วเดินไปที่ข้างโต๊ะเล็กๆ ที่นั่นมีถ้วยและตะเกียบวางอยู่ตั้งนานแล้ว พอยินเสี้ยวเสี้ยวเห็น มุมปากของเธอก็ยังกระตุกอย่างเลือดเย็นมากขึ้น
มู่ซูว ถือว่าเก่งกาจจริงๆ!
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองกับข้าวที่โต๊ะที่มีกับข้าวสามอย่างและซุปหนึ่งอย่าง แค่รู้สึกว่าจริงๆแล้วปกติเธอชื่นชมในฝีมือการทำกับข้าว แต่ทำไมวันนี้เธอกลับรู้สึกมันขวางหูขวางตาจริงๆ แต่เธอก็ทำเป็นนิ่งเข้าไว้ จากนั้นก็พากู่ชูเหยาไปนั่ง พอเห็นจิ๋นลี่ยวนสาวเท้าเดินมาทางเธอ เธอเลยรู้สึกโมโหเป็นไฟอย่างน่าแปลก จากนั้นก็พูดขึ้น “ลี่ยวน วันนี้ตอนคุณตื่นขึ้นมา คุณบอกว่าคุณท้องไส้ไม่ดีหรือไง?”
คำๆเดียวของเธอจึงทำให้จิ๋นลี่ยวนหยุดฝีเท้าลง จากนั้นต้องค่อยๆเดินไปหยุดอยู่ตรงข้างโต๊ะ จะนั่งลงก็ไม่ใช่ ไม่นั่งลงก็ไม่ใช่
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าจึ้นแล้วมองเขายิ้ม จากนั้นก็พูดขึ้น “ฉันเห็นว่าอาหารบนโต๊ะเป็นอาหารที่คุณไม่ค่อยถูกปากซะเท่าไหร่ ไม่งั้นคุณก็ลองให้ ‘ร้านอาหารเทาถี้’ ส่งอาหารมาให้สิ”
พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวมองก็ไม่มองจิ๋นลี่ยวนอีกต่อไป จากนั้นก็ได้เอาตะเกียบขึ้นแล้วเริ่มกินข้าว แค่เธอแสดงความไม่พึงพอใจออกมาอย่างชัดเจนยิ่งนัก กู่ชูเหยาจึงเอาตะเกียบขึ้นอย่างลำบากใจ ท่าทางของเธอเหมือนจะร้องไห้ เธอนึกไม่ถึงเลย เธอก็แค่อยากจะมารู้จักภรรยาของพี่ชายเท่านั้น ทำไมถึงได้เจอเรื่องแบบนี้?
รู้สึกอึดอัดหรือไม่อึดอัดใจ?
ยังไงตอนนี้เธอก็รู้สึกว่ารอบข้างของเธอมีบางอย่างผิดปกติไป!
ยินเสี้ยวเสี้ยวกินข้าวที่นุ่มนวลไปหนึ่งคำ จากนั้นก็รีบขมวดคิ้วขึ้น ไม่รอให้กู่ชูเหยากินหนึ่ง ก็พูดขึ้น “ข้าวนี้แข็งเกินไปแล้ว คงไม่เหมาะกับกระเพาะของจิ๋นลี่ยวน”
พูดจบเธอจึงรีบวางถ้วยข้าวลง จากนั้นก็เทลงในถังขยะ มู่ซูวอ้าปากขึ้นแล้วกำลังคิดจะพูดอะไรออกม ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับคีบผัดหน่อไม้ขึ้น วินาทีต่อไป เธอจึงพูดขึ้น “หน่อนี้แก่เกินไป ไม่อร่อยเลย”
พูดจบ จากนั้นเธอก็ได้เทกับข้าวจานหน่อไม้ทิ้งทันที
“ซุปนี้เค็มเกินไป ไม่อร่อย”
“เนื้อนี้ผัดแก่เกินไป กินแล้วปวดกราม”
“ผักนี้ล้างได้ไม่อร่อย เห็นแล้วจะอ้วก”
……
ทุกครั้งที่เธอขยับตะเกียบก็จะได้ยินเสียงวิจารณ์ของเธอ จากนั้นแม้แต่โอกาสที่จะให้ฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่มี ก็ได้เทกับข้าวทิ้งไป ตั้งแต่ที่เธอนั่งลงตรงโต๊ะอาหารไม่ถึงสามนาที ทีแรกกับข้าวสามอย่างซุปหนึ่งอย่างที่ดูน่ารับประทาน ก็ถูกเททิ้งหมด ขยะที่เต็มไปด้วยอาหารที่แปะปนกันหลายเมนู ทำให้ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา คนที่อยู่ในสถานการณ์เหมือนจะไม่ได้กลิ่น…….
ในมือของกู่ชูเหยายังคงจับตะเกียบไว้ แต่ชามและจานตรงหน้ากลับดูสะอาดสะอ้าน ทุกอย่างถือว่าถูกเทลงในถังขยะจนหมดเกลี้ยง!
พอทำเรื่องพวกนี้จบ อารมณ์ของยินเสี้ยวเสี้ยวจึงดีขึ้นหน่อยๆ แค่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เลือดเย็น เวลานี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวเหมือนมองเห็นมู่ซูวที่ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างน่าตกตะลึง “โถ่ โทษทีนะน้องมู่ ฉันไม่ได้คิดว่าเธอยังอยู่ ยังไงไม่ว่าจะอยู่ในบ้านยินหรือบ้านจิ๋น พอเสิร์ฟกับข้าวเสร็จ คนใช้ก็จะออกจากโต๊ะอาหาร”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงทำสีหน้าที่ดู ‘รู้สึกผิด’ พลางมองมู่ซูว สีหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความได้ใจ
เหอะ!
เธอตั้งใจ กล้าทำให้เธอรู้สึกแย่แต่เช้า เธอก็จะทำให้ทุกคนรู้สึกแย่เหมือนตัวเอง!
ยังไงตอนนี้เธอก็ตัวคนเดียว จะกลัวอะไรอีก?
ไม่ว่าวันนี้จิ๋นลี่ยวนจะรู้สึกเอ็นดูมู่ซูวแล้วจะว่ากล่าวตำหนิเธอ และคิดจะว่าในการกระทำในวันนี้ของเธอนั้นไม่สมควร เธอก็จะไม่สนใจใดๆอีก!
เมื่อ ‘ศัตรูหัวใจ’ กล้ามาเยือนถึงที่ เธอยินเสี้ยวเสี้ยวจะถอยได้ยังไงกัน?
มู่ซูวมองยินเสี้ยวเสี้ยวทำท่าทีแบบนี้ ทั้งร่างกายของเธอก็หยุดชะงักไปทันที เธอทำได้เพียงกัดริมฝีปากของตัวเองไว้แน่นๆ จากนั้นก็หันไปมองจิ๋นลี่ยวน ท่าทางที่ดูน้อยใจนั้นเหมือนว่ายินเสี้ยวเสี้ยนตีเธอแรงๆในเมื่อครู่นี้
กู่ชูเหยานั่งอยู่ตรงที่เดิมและไม่กล้าขยับเลยสักพัก พี่สะใภ้ของเธอ อายุก็ยังไม่มาก แต่ความมีเสน่ห์ของเธอนั้นไม่เหมือนคนธรรมดาจริงๆ เธอทำเป็นอยู่เงียบๆจะดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวถึงเวลาไม่รู้ว่าตัวเองจะตายท่าไหน! เธอไม่ได้โง่เหมือนฉีเคอหาน!
จิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ตรงข้างโต๊ะอาหาร แล้วเห็นท่าทางทุกอย่างของยินเสี้ยวเสี้ยว ในใจจึงรู้สึกอยากหัวเราะ ดวงตาดั่งหงส์จึงเงยขึ้น แล้วมองผู้หญิงที่กำลังโมโหเป็นไฟตรงหน้า
เขาเป็นโรคติดต่อจากยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว แม้แต่เขายัง ‘ซื่อบื้อ’ แล้ว? แต่ไม่พูดไม่ได้ว่าเขาก็ยังชอบในท่าทีของยินเสี้ยวเสี้ยว
คำบางคำเขาพูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว แต่มักจะมีคนที่ไม่เข้าใจในคำพูดของเขา งั้นก็ไม่ใช่ปัญหาของเขา
ไม่รอให้จิ๋นลี่ยวนพูดอะไรออกมา ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้พูดแทรกขึ้นสองคำ จากนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยืนอยู่ตรงหน้ามู่ซวแล้วยิ้มอย่างน่าหวาดผวา “คุณมู่ ต้องขอโทษจริงๆ ฉันได้ทำในเรื่องที่เสียมารยาทกับคุณขนาดนั้น แต่ว่าฉันก็ทำอะไรไม่ได้ กระเพาะของจิ๋นลี่ยวนเป็นกระเพาะคุณชาย ไม่สามารถกินอะไรเรื่อยเปื่อยได้”
นัยน์ตาของมู่ซูวดูคราบน้ำตาค้างอยู่เล็กน้อย แล้วกำลังมองยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ และก็มองจิ๋นลี่ยวนในขณะเดียวกัน และยืนอยู่นิ่งๆและไม่พูดไม่จาใดๆ เหมือนกำลังแสร้งทำทางที่น่าสงสัยให้ถึงที่สุด!
ยินเสี้ยวเสี้ยวก้มหน้าลงต่ำแล้วหัวเราะออกเสียงต่ำๆ จากนั้นก็พูดขึ้น “แต่ว่ามีคำบางครั้ง ฉันอยากจะเตือนคุณมู่ หวังว่าคุณมู่จะไม่ถือสา”
พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่คิดจะสนใจว่าเธอมู่ซูวว่าอยากฟังหรือไม่อยากพูดคำพูดพวกนั้น
“บางครั้ง ผู้หญิงก็ควรจะรักนวลสงวลตัวหน่อย ถ้าทำตัวตกต่ำเกินไป แบบนี้จะทำให้ผู้ชายรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงราคาถูก!”
พูดจบ คนที่อยู่ในห้องต่างก็กลั้นหายใจ ท้ายสุด นัยน์ตาของมู่ซูวมีน้ำตาไหลลงมา กู่ชูเหยาจึงเงยหน้าขึ้นมองจิ๋นลี่ยวน่ที่อยู่ข้างๆ เพราะกลัวว่าอารมณ์โกรธของเขาจะระเบิดออกมาทันที
วันนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกโมโหมากๆ แม้กระทั่งคำพูดคำจาที่พูดออกมา เธอจะไม่ทันได้ครุ่นคิดถึงใดๆ!
และถึงเธอจะเป็นถึงขั้นนี้ เธอก็ยังรู้สึกไม่พอใจ จากนั้นก็เอามือถือของตัวเองขึ้นแล้วโทรหาคุณย่าจิ๋นโดยตรง และคำแรกที่พูดขึ้น “คุณย่าคะ คุณลุงมู่กับคุณป้ามู่ยังอยู่ไหมคะ? ถ้าอยู่หนูวานให้คุณย่าช่วยเชิญพวกเขามารับมู่ซูวกลับไปที ตอนนี้เธอร้องไห้เสียใจอยู่ และไม่รู้ว่าคำพูดของหนูกระทบจิตใจของเธอเกินไปหรือเปล่า!”
ยังไงเธอไม่มีทางอยู่บ้านจิ๋นแน่นอน และบ้านจิ๋นก็ไม่มีทางยอมให้จิ๋นลี่ยวนถูกลือด้วยข่าวเสียๆหายๆแบบนั้น ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าเธอจะโวยวายยังไ ก็คงจะมีคนคิดว่าเธอถูกกระทบจิตใจเกินไป เธอก็ไม่สนใจชื่อเสียงพวกนั้นอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือไง?
จิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ตรงข้างหลังยินเสี้ยวเสี้ยวและเห็นทุกกระทำของเธอ ท้ายสุดจึงได้กระตุกมุมปากแล้วยิ้มขึ้นอย่างทนไม่ได้
มู่ซูวยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา แค่รู้สึกว่าเธอยังไม่เคยได้อับอายขายขี้หน้าแบบนี้มาก่อน!
ตั้งแต่เด็กคนจนโต ถึงแม้ว่าตระกูลมู่จะไม่ค่อยรักเธอสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยให้เธอต้องลำบากแบบนี้ ถ้าไม่เห็นยิ้มของจิ๋นลี่ยวน มู่ซูวคงจะเดินไปอยู่เคียงข้างจิ๋นลี่ยวน จากนั้นก็จะพูดด้วยน้ำตา “ลี่ยวน คุณดูเธอสิ ทำไมเธอจึงว่าฉันขนาดนี้? เธอทำเกินไปจริงๆ!”
จิ๋นลี่ยวนรีบหลบจากการสัมผัสจากมู่ซูว จากนั้นก็เดินไปข้างกายยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วถามด้วยเสียงเบา “คุณภรรยา คุณหิวหรือยัง? ไม่งั้นเราให้ ‘ร้านอาหารเทาถี้ส่งอาหารมาหน่อยดีไหม?”
การตอบสนองของจิ๋นลี่ยวนทำให้ผู้หญิงทั้งสามที่อยู่ในสถานการณ์รู้สึกอึ้งทึ้ง จากนั้นทุกคนก็ได้มองหน้ากันแล้วมองเขา เหมือนไม่รู้จักเขา ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขึ้นแล้วมองนัยน์ตาดั่งหงส์ของจิ๋นลี่ยวนที่กำลังแอบแฝงด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงได้หน้าแดงขึ้นอย่างน่าแปลก
ไอ้หมอนี่ ตั้งแต่แรกเขาก็คิดจะเป็นผู้ชมที่ดีเท่านั้น!
แค่ว่า เขาไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงและเอ็นดูแฟนเก่าของเขาสักนิดหรือไง?