Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 83 ซ่อนระเบิดเวลาไว้
บทที่ 83 ซ่อนระเบิดเวลาไว้
ยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่เพิ่งก้าวออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย ดังที่ จิ๋ลี่ยวนได้เห็น เธอไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัย ซื่อสัตย์จริงใจ ยินเสี้ยวเสี้ยวแบบนี้ ดึงดูดสายตาของจิ๋นลี่ยวนอย่างสมบูรณ์ และยังทำให้เขารู้สึกว่า ใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงของตัวเองตลอดชีวิต ก็ถือว่าไม่เลว ดังนั้นจึงมีงานแต่งนั้นขึ้น……
มือที่โอบเอวของยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ เพิ่มแรงเล็กน้อย หลังจากที่จิ๋นลี่ยวนกอดยินเสี้ยวเสี้ยวเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นอีก ถึงได้พูดว่า “เสี้ยวเสี้ยว ฉันยอมรับว่างานแต่งในครั้งนี้ มีบางสิ่งที่เตรียมเพื่อหล่อนจริงๆ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าสาวคนนั้นก็คือเธอ ไม่ใช่หรือ? ในความสัมพันธ์ของทะเบียนบ้านฉัน เธอเป็นภรรยาของฉันไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังจะมีอะไรให้ใส่ใจอีกล่ะ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่จิ๋นลี่ยวน ดวงตาสีขาวดำชัดเจน ดูเหมือนจะกะพริบไม่ได้กะทันหัน หลังจากมองดูเขาเนิ่นนาน ความกังวลบนใบหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวในเมื่อครู่ ก็คลายลงเล็กน้อย
หรี่ตาลง ยินเสี้ยวเสี้ยวในขณะนี้ ดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ
ทำไมเธอถึงลืมไปว่า จิ๋นลี่ยวนตอนนี้ไม่ได้รักเธอเลย……
เธอออดอ้อนเขาอย่างตามอำเภอใจแบบนี้ได้อย่างไร บ่นกับเขา และยังไล่อดีตคนรู้ใจของเขาออกไปด้วย?
ยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มปากไว้ไม่พูดอะไร หัวใจเต็มไปด้วยความเศร้าโศก แต่ท่าทางนี้ จิ๋นลี่ยวนดูแล้ว กลับเข้าใจว่า เธอคิดออกแล้ว ไม่ยึดติดเรื่องงานแต่งงานแล้ว
ถอนหายใจเบาๆ จิ๋นลี่ยวนพูดต่อประเด็นที่ยังไม่จบในเมื่อครู่ “ในตอนนั้นที่ฉันอยู่กับหล่อน หล่อนไม่เคยไปโรงพยาบาลของฉันเลย แต่เคยมาที่นี่ แต่เป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และก็คือครั้งนั้น เธอเอาคีย์การ์ดของที่นี่ไป ต่อมาเราก็เลิกกัน ฉันก็ลืมเรื่องที่จะเปลี่ยนกลอนประตู”
นี่ถือว่าเป็นคำอธิบายให้ยินเสี้ยวเสี้ยว ว่าทำไมวันนี้มู่ซูวถึงปรากฏที่นี่แล้ว น่าเสียดาย ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้ กลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้โดยสิ้นเชิงแล้ว เพราะตอนเมื่อกี้ เธอพึ่งความรู้สึกที่โดนโปรดปรานแล้วหยิ่งผยองของตัวเอง ได้รับรู้ความจริงบางอย่างได้อย่างง่ายดาย ความจริงที่ว่า จิ๋นลี่ยวนไม่ได้รักเธอเลย……
พวกเธอเป็นสามีภรรยากัน แต่ทำทุกสิ่งที่คู่สามีภรรยาควรทำ เธอจะพยายามทำในสิ่งที่ภรรยาคนหนึ่งสมควรทำ เช่นเดียวกัน จิ๋นลี่ยวนก็จะทำในสิ่งที่สามีคนหนึ่งสมควรทำ ยกเว้นเรื่องที่ ตอนนี้เขายังไม่ได้ตกหลุมรักเธอ……
พยายามปรับอารมณ์ของตัวเอง ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าอีกครั้ง ยิ้มแล้วพยักหน้า ถือว่ายอมรับคำอธิบายนี้ และนั่นก็หมายความว่า การสื่อสารครั้งแรกของพวกเขาหลังจากงานแต่งงาน ก็จบลงแบบนี้แล้ว ในรูปแบบที่ต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง
จิ๋นลี่ยวนเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวมีเหตุผลมากขนาดนี้ ก็รู้สึกดีขึ้นมาก ยื่นมือออกไปจับมือเล็กๆของเธอไว้ แล้วมองไปสถานที่แห่งนี้ ที่เขามาพักอาศัยอยู่เป็นครั้งคราว ถามเธอว่า “แล้วที่นี่ยังเหมาะที่จะเป็นเรือนหอของเราไหม?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเขา ครุ่นคิดอยู่นานถึงจะพูดว่า “สามารถเป็นที่นี่ได้ แต่ฉันอยากจะเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย”
ในความเป็นจริง ถ้าสามารถทำได้ เธอก็อยากจะย้ายออกจากที่นี่ แม้ว่าอาจจะไปพักอยู่ในคฤหาสน์ของบ้านจิ๋นชั่วคราว ก็ไม่คิดที่จะลังเล แต่ตอนนี้เธอดันไม่สามารถพูดแบบนั้นออกมาได้ เธอรู้ดีว่า ถ้าหากเธอพูดแล้ว นั้นจิ๋นลี่ยวนก็จะคิดว่า เธอยังคงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจตลอดเวลา……
จิ๋นลี่ยวนยกมุมปากขึ้นยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาเฉินผูลี่ ให้เขารีบมาทันที
ยินเสี้ยวเสี้ยวโทรให้กู่ชูเหยา กลับมา เพิ่งนั่งลง อาหารเดลิเวอรี่ของ ‘ร้านอาหารเทาถี้’ ก็ส่งมาถึงแล้ว ทั้งสามนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร รับประทานอาหารด้วยบรรยากาศที่ดี ในระหว่างนั้นกู่ชูเหยาก็จะคอยแอบมองยินเสี้ยวเสี้ยว เธอไม่รู้ว่า ช่วงเวลาที่เธอออกไป จิ๋นลี่ยวนได้คุยยังไงกับยินเสี้ยวเสี้ยว แต่ตอนนี้ เธอมองไปที่รอยยิ้มที่มุมปากของยินเสี้ยวเสี้ยว เพียงแค่รู้สึกเศร้าเสียใจ ตอนที่เฉินผูลี่มา เมื่อเธอได้ยินว่า ยินเสี้ยวเสี้ยว แค่จะเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ก็รู้สึกตกตะลึงไปทั้งตัว
เธอเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน จะไม่รู้ได้ยังไง สำหรับผู้หญิงคนอื่นแล้ว สิ่งที่ต้องห้ามมากที่สุด ก็คือผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายของตัวเอง ก้าวเข้ามาในบ้านของตัวเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า มู่ซูวเข้ามาเหมือนที่นี่ไม่มีเจ้าของ ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา เหมือนนายหญิงของที่นี่ ไม่สนว่ามู่จะทิ้งรอยไว้ในทุกมุมของห้องนี้หรือไม่ แต่มู่ซูว ได้ปรากฏตัวต่อหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวในท่าทางเช่นนั้น หัวใจของยินเสี้ยวเสี้ยว ยังไงก็ต้องมีเงามืดฝังอยู่แน่นอน!
กู่ชูเหยารู้สึกไม่เข้าใจ หันหน้าไปมองจิ๋นลี่ยวน ที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่บนโซฟา จากนั้นก็เหลือบไปมองที่ยินเสี้ยวเสี้ยว ที่กำลังคุยกับเฉินผูลี่ ว่าจะเปลี่ยนแปลงบ้านนี้ยังไงบ้าง ถอนหายใจเบาๆ
บ้านนี้ต่อให้เปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน ต่อไปยินเสี้ยวเสี้ยวก็จะนึกถึงโดยไม่รู้ตัว ว่ามู่ซูวเคยทำอะไรที่นี่ในเมื่อก่อน? หรืออาจเป็น เมื่อก่อนมู่ซูวกับจิ๋นลี่ยวนก็เป็นแบบนี้ใช่ไหม?
หัวใจของผู้หญิงอ่อนไหวและเปราะบางมาโดยตลอด แค่เรื่องง่ายๆ ก็ได้วางระเบิดเวลาให้กับการแต่งงานครั้งนี้อย่างแข็งกร้าว……
หลังจากคุยกับเฉินผูลี่เรียบร้อย ว่าจะปรับปรุงบ้านอย่างไรบ้าง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เตรียมพากู่ชูเหยาออกไปเดินเที่ยว และซื้อของสำหรับบ้านใหม่นี้ไปด้วย แต่สุดท้ายกู่ชูเหยา ก็หาข้ออ้างติดธุระ กลับบ้านไปก่อนแล้ว ที่เหลือไว้ก็มีเพียงแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวและจิ๋นลี่ยวน
จิ๋นลี่ยวนขับรถพายินเสี้ยวเสี้ยวไปที่ห้างสรรพสินค้า ‘หมั่นห้านชู้สี’ หลังจากจอดรถเสร็จ ก็จับมือเล็กๆของยินเสี้ยวเสี้ยวโดยอัตโนมัติ เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า โดยไม่ได้สังเกตเห็นถึงความจนใจที่ไร้ขอบเขตในแววตาของยินเสี้ยวเสี้ยวแม้แต่น้อย
หลายพฤติกรรม จิ๋นลี่ยวนทำออกมาโดยธรรมชาติ เมื่อก่อนเธอยังคิดอย่างไร้เดียงสาว่า นี่เป็นการแสดงออกของจิ๋นลี่ยวน ที่เริ่มสนใจตัวเอง แต่ตอนนี้เธอดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการกระทำอัตโนมัติของจิ๋นลี่ยวนเท่านั้น
เธอเป็นภรรยาของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดว่า การกระทำเหล่านี้ก็ควรจะทำ……
เพียงแค่เป็นเพราะว่า ควรจะทำ……
ในห้างสรรพสินค้า ยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามเก็บอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เดินเล่นในห้างสรรพสินค้าอย่างตื่นเต้น เห็นของประดับตกแต่งผนังที่สวยงาม ก็ซื้อไป เห็นนาฬิกาติดผนังสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ซื้อไป แม้แต่เห็นหมอนที่มีสีสันสดใส ก็ซื้อไปด้วย ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ซื้อของไปไม่น้อย มองไปที่ผลงานในมือของตัวเอง ยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามปลอบใจตัวเอง
ยินเสี้ยวเสี้ยว ไม่เป็นไร ด้วยวิธีนี้ บ้านนี้ก็จะเต็มไปด้วยกลิ่นของเธอแล้ว! แม้กระทั่งของทุกอย่างก็เป็นของเธอ จะไม่มีกลิ่นของคนอื่นแม้แต่น้อย!
เมื่อกลับไปถึงเมืองไห่เมียว ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ใต้ตึก รอให้จิ๋นลี่ยวนเอาของลงมาจากชั้นบน วันนี้พวกเขาจะต้องกลับไปพักที่บ้านจิ๋นแน่นอน แต่ตอนนี้ ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยว ไม่มีความต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
“คุณหนูยิน?” ทันใดนั้น เสียงเรียกหนึ่งก็ขัดจังหวะความคิดของยินเสี้ยวเสี้ยว หันกลับไปดู แววตาของยินเสี้ยวเสี้ยวพาดผ่านความไม่พอใจ และความไม่พอใจนั้น ก็โดนคนที่เข้ามา เห็นอย่างง่ายดาย
เป็นไปตามคาด ก็เป็นแค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลมู่เลยสักนิด!
จื่อผู่หยางและมู่หลง ยืนอยู่นอกรถเรนจ์โรเวอร์ มองยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ต่อให้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่พอใจมากขนาดไหน ก็ยังคงลงจากรถ แต่ยังไงก็ขัดใจในคำว่า ‘คุณหนูยิน’ ของ จื่อผู่หยาง
เธอได้แต่งงานแล้ว แต่คนในตระกูลมู่ ไม่ว่าจะเป็นนายหญิงของบ้านจื่อผู่หยางหรือมู่ซูวคุณหนูรองคนนี้ ก็จะเรียกเธอเช่นนี้ เรียกด้วยความไม่ยอมรับ ‘คุณหนูยิน’
“คุณลุงมู่ คุณป้ามู่” ยินเสี้ยวเสี้ยวเรียกอย่างอ่อนหวาน ยืนอยู่ตรงหน้าคนทั้งสองอย่างน่าเอ็นดู แม้ว่าเธอจะไม่มีพอใจ แต่ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เธอเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักมารยาท “ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่ได้?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวแค่พูดประโยคดังกล่าวโดยอัตโนมัติ แต่ยังไงก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จะถูกคนอื่นแว้งกัดอย่างหนัก
จื่อผู่หยางมองยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง แล้วพูดว่า “อุ้ย ไม่ใช่เธอเองที่พูดหรือ ว่าซูวซูวอยู่ที่นี่? ฉันกับคุณลุงมู่ของเธอ เลยรีบตามมาที่นี่อย่างไว? หรือว่าเธอแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย?”
และแล้ว จื่อผู่หยางก็ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเอง ‘ปากไม่มีหูรูด’ รีบไปคล้องแขนของมู่หลง ที่ได้ยินสิ่งนี้ก็โกรธเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เฮ้ย ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อาจเป็นแค่เรื่องกระทบกระทั่งเล็กๆน้อยๆระหว่างเด็กๆเท่านั้น เราก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายแล้วกัน คนเรานะ ถ้าอายุมากแล้ว ไม่ออกกำลังกายก็จะป่วยได้ง่าย…… เสี้ยวเสี้ยว เธออย่าใส่ใจคุณลุงมู่ของเธอ เขาก็แค่ไม่ชอบถูกหลอกเท่านั้นเอง……”
คำพูดที่ติดต่อกันสองประโยค ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยว ไม่มีโอกาสที่จะพูดแทรกเลย มองดู จื่อผู่หยาง ให้ข้อกล่าวหาตัวเองอย่างแน่ชัดแล้ว!
“หืม ยังไงก็เป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่งเท่านั้น แค่มารยาททั่วไปยังไม่มีเลย เธอจะรักษาหน้าตาของบ้านจิ๋นได้ยังไง?” นิสัยของมู่หลงไม่ดีนัก เพียงแค่เห็นคิ้วที่แหลมคมของเขาก็สามารถรู้ได้ อารมณ์ที่ได้รองรับจากคุณย่าจิ๋นในเมื่อครู่ ในตอนนี้ก็มีโอกาสระบายให้กับยินเสี้ยวเสี้ยวทันทีแล้ว “ยังคิดว่า คนอย่างตระกูลบ้านจิ๋น ยังไงก็จะเลือกหลานสะใภ้อย่างดีที่สุด แต่ไม่คิดว่าจะเลือกได้แบบไม่มีสัมมาคารวะ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้ จะต้องพาความซวยให้กับบ้านจิ๋นแล้วมั้ง”
ยินเสี้ยวเสี้ยวโดนมู่หลงว่าจนหน้าขาวซีด แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ เธอไม่รู้ว่าบ้านจิ๋นกับตระกูลมู่มีความสัมพันธ์แบบไหน เมื่อก่อนเคยได้ยินว่า สองตระกูลความสัมพันธ์ดีมาก แต่ตอนนี้ได้ยินที่มู่หลงเหยียดหยามบ้านจิ๋น ก็เกิดความสงสัยแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจริงๆ ถ้าหากทำเสียเรื่อง ทางคุณย่าจิ๋น ก็อาจตอบกลับได้ยาก……
“คุณลุงมู่ควรใจเย็นๆ มีเรื่องอะไร กลับไปถามมู่ซูวดีกว่า” ทันใดนั้น เสียงของจิ๋นลี่ยวนก็ดังขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไป ก็เห็นเขาถือแท็บเล็ตเดินเข้ามาพอดี ใบหน้ามองอารมณ์ไม่ออก ยื่นมือจับมือเล็กๆของยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ แล้วถึงพูดต่อว่า “คุณลุงมู่ คุณป้ามู่ พวกคุณมาสายนิดหน่อย มู่ซูวได้กลับไปแล้ว”
จื่อผู่หยางและมู่หลงมองไปที่จิ๋นลี่ยวน แต่ไม่กล้าที่จะเกิดความขัดแย้งโดยตรงกับเขา หนึ่งเป็นเพราะเขามีฐานะเป็นคุณชายสามแห่งบ้านจิ๋น สองเป็นเพราะเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับ‘เทรดเดอร์มืออาชีพ’ที่เล่าลือกัน ดูที่ ‘ร้านอาหารเทาถี้’ และ ‘โรงแรมหซือซัน’ที่‘เทรดเดอร์มืออาชีพ’ถือหุ้นส่วนใหญ่ ก็สามารถรู้ได้ว่า หากความสัมพันธ์ไม่ดี สามารถปิดกิจการไม่ทำธุรกิจเพื่องานแต่งเขาได้หรือ?
จนถึงทุกวันนี้ ในเมืองT ยังไม่มีใครได้รับเกียรติแบบนี้
“เธอเด็กคนนี้ ถูกเข้าใจผิดแล้วก็อธิบายไม่เป็นหรือ?” ทันใดนั้นจื่อผู่หยางก็สั่งสอนยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วยังยื่นมือออกมาจับมือของเธอด้วย ท่าทางแบบนี้ ถ้ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่มีความคิดอะไรเลยจริงๆ เกรงว่าจะต้องถูกหลอกแน่นอน “คุณลุงมู่ของเธอ ก็แค่พูดเสียงดังหน่อยเท่านั้น เธออย่าไปใส่ใจเลย ซูวซูวก็ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เดี๋ยวฉันกลับไปจะสั่งสอนดีๆ เธอก็อย่าโกรธหล่อนเลยนะ……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองตรงไปที่จื่อผู่หยาง โดยไม่หลบเลี่ยง ปฏิกิริยาโดยตรงทำให้คนเห็นเธออย่างชัดเจน แววตาที่ลึกล้ำกะพริบเล็กน้อย จื่อผู่หยางมองไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยว รู้สึกว่าครั้งนี้เยียนหรานได้ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่หน่อยแล้ว
ผู้หญิงอย่างยินเสี้ยวเสี้ยว มีค่าที่จะให้เยียนหรานจดจำหรือ?