Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่ 84 โอบกอดเต้นรำกันในยามพระอาทิตย์ตก
- Home
- Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา
- บทที่ 84 โอบกอดเต้นรำกันในยามพระอาทิตย์ตก
บทที่ 84 อบกอดเต้นรำกันในยามพระอาทิตย์ตก
จิ๋นลี่ยวนยื่นมือออกไปโอบกอดยินเสี้ยวเสี้ยว ยิ้มขึ้นแล้วพูดกับผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลมู่ว่า “คุณลุงมู่ คุณป้ามู่ ขอโทษที่ปล่อยให้พวกท่านมาเสียเที่ยวแล้ว แต่วันนี้ ฉันได้บอกกับมู่ซูวอย่างชัดเจนแล้ว ยังหวังว่าพวกท่านจะกลับไปอบรมสั่งสอนเธอหน่อย นิสัยของเสี้ยวเสี้ยวไม่ค่อยดี ถ้าครั้งหน้ายังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ฉันคิดว่าทางคุณย่า ก็คงปกปิดไม่ได้แล้ว”
มู่หลงกับจื่อผู่หยางสีหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย มู่หลงหันหน้าไม่ไปมองจิ๋นลี่ยวนเสียเลย แต่กลับเป็นจื่อผู่หยางที่ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “ใช่เลย ฉันจะกลับไปอบรมหล่อนดีๆ พวกเธอวางใจไว้เลยนะ”
โทรศัพท์ของมู่หลงก็ดังขึ้นในเวลานี้พอดี ดูเหมือนว่าเป็นคนรับใช้ในบ้าน โทรบอกว่ามู่ซูวกลับไปแล้ว พูดเรื่อยเปื่อยกับจิ๋นลี่ยวนอีกสองสามคำ มู่หลงก็รีบพาจื่อผู่หยางขึ้นรถของตระกูลมู่ ที่จอดรออยู่ด้านข้างตั้งแต่แรก
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่ด้านหลังที่ห่างไกลของพวกเขา ในใจรู้สึกสับสนชั่วขณะ แต่จิ๋นลี่ยวนไม่ได้มองพวกเขาแม้แต่นิดเดียว เพียงแค่ก้มมองยินเสี้ยวเสี้ยว
ผู้หญิงคนนี้ ยังบริสุทธิ์ใสซื่อมากเกินไป
ยินเสี้ยวเสี้ยว จำต้องเติบโตขึ้นแน่นอน แต่ว่าจะโตขึ้นขนาดไหน ในตอนนี้เขากลับอยากรู้เป็นพิเศษ
โชคดีที่ ตอนนี้เขาเป็นสามีของเธอ พวกเขาสองคนก็จะไม่หย่าร้างกัน ดังนั้นเขาจึงมีเวลาตลอดชีวิต ที่สามารถเฝ้าดูการเติบโตของเธอ มียินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ข้างกาย เขาเชื่อว่าอนาคตจะไม่น่าเบื่อเกินไป
ขึ้นรถเรนจ์โรเวอร์ จิ๋นลี่ยวนกลับไม่ได้พายินเสี้ยวเสี้ยวกลับไปที่บ้านจิ๋น แต่ได้ไปที่ ‘โรงแรมหซือซัน’ เก๋อเฉิงเฟยออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ท่าทางนั้น เหมือนกับว่าต่อไปจะให้จิ๋นลี่ยวนทำชื่อเสียงของ คุณชายสามแห่งบ้านจิ๋น เผยแพร่ออกไป!
“คุณชายสาม” เก๋อเฉิงเฟยยืนอยู่ข้างๆจิ๋นลี่ยวน ก้มหน้าเรียกเสียงเบา ความเคารพและ……ความยกย่องอย่างไม่อาจบรรยายได้
ถ้ายินเสี้ยวเสี้ยวมองไม่ผิด ก็คือความยกย่อง
เงยหน้าขึ้นมองจิ๋นลี่ยวน ที่จริงเธอรู้สึกชื่นชมยกย่องเขาเล็กน้อย แต่นั่นเป็นเพราะ จิ๋นลี่ยวนอายุน้อยๆ ก็เป็นมือหนึ่งของแผนกศัลยกรรมโรงพยาบาลหนันหยู เธอรู้ดีว่า การไปนั่งถึงตำแหน่งนั้น ศัลยแพทย์คนหนึ่ง ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน เมื่อก่อนรอบตัวเธอ ก็มีคนที่อยากจะเป็นหมอ แต่สุดท้ายเพราะมือได้รับบาดเจ็บ ถึงได้ล้มเลิกไปไม่ใช่หรือ?
นึกถึงคนคนนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกกะทันหันว่า ไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว
พยักหน้าเบาๆ จิ๋นลี่ยวนจับมือของยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์ เก๋อเฉิงเฟยเข้ามาพาพวกเขาตรงไปที่ห้องชุดชั้นบนสุดของ ‘โรงแรมหซือซัน’โดยตรง ยินเสี้ยวเสี้ยวเพิ่งสังเกตว่า ที่นี่คือความลึกลับสิบอันดับแรกของเมืองT ห้องเพรสซิเดนท์สูทของ ‘โรงแรมหซือซัน’ ที่ไม่เคยเปิดสู่ผู้คนมาก่อน ที่แท้เป็นห้องนอนของจิ๋นลี่ยวน?
ตามจิ๋นลี่ยวนเข้าไป ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้สึกกดดันเลย หลังจากเข้าไปแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำอย่างเหนื่อยล้า เตรียมที่จะอาบน้ำแล้วก็เข้านอนเลย วันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยใจมากจริงๆ รับมือกับมู่ซูวก็ใช้เวลาช่วงเช้าทั้งหมดแล้ว ช่วงบ่ายยังต้องยุ่งกับเรื่องของบ้าน ตอนนี้เธอไม่อยากที่จะกินข้าวเย็นด้วยซ้ำ เพียงแค่อยากขึ้นเตียงแล้วนอนเฉยๆ!
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เดินออกมา ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เห็นจิ๋นลี่ยวนนั่งอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่นอกห้องน้ำ ข้างหน้ามีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ถึงสี่เครื่อง ยินเสี้ยวเสี้ยวดูจนตกตะลึงเล็กน้อย แล้วเดินไปอย่างช้าๆ แต่ไม่ได้เข้าใกล้ เพียงแค่หยุดลงในระยะห่างจากจิ๋นลี่ยวนห้าเมตร แล้วถามขึ้นเสียงเบา “จิ๋นลี่ยวน คุณกำลังเล่นเกมอยู่หรือ?”
ในความคิดของเธอ มีเพียงแบบเกมเมอร์มืออาชีพเท่านั้น ที่จะวางคอมพิวเตอร์จำนวนมากไว้ข้างหน้าในเวลาเดียวกัน
จิ๋นลี่ยวนได้ยินคำพูดของยินเสี้ยวเสี้ยว ก็ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือออกไปปิดคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง แล้วเดินไปพูดเบาๆว่า “อืม ฉันกำลังเล่นเกมอยู่”
ยินเสี้ยวเสี้ยวจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขากำลังพูดส่งเดชกับเธอ แต่ถ้าเขาไม่อยากบอก เธอไม่ถามก็ได้แล้ว
หันตัวกลับไป ยินเสี้ยวเสี้ยวล้มนอนลงบนเตียง จิ๋นลี่ยวนเดินเข้ามา หยิบโทรศัพท์ข้างหัวเตียง เรียกใช้บริการรูมเซอร์วิส หลังจากสั่งอาหารหลายอย่างและไวน์แดงหนึ่งขวดแล้ว ก็ได้ตามขึ้นไปบนเตียง เอื้อมมือไปหยิบรีโมทคอนโทรลที่ด้านข้าง แล้วกดไปที่ม่านหน้าต่าง ม่านหนาก็ได้ค่อยๆเปิดออก ยินเสี้ยวเสี้ยวเบิกตากว้างขึ้นในทันที
เมื่อครู่ตอนที่เดินเข้ามา ผ้าม่านในห้องถูกดึงปิดไว้อย่างมิดชิด แม้กระทั่งพวกเขาก็เปิดไฟด้วย เลยทำให้เธอเกิดความเข้าใจผิดโดยปริยายว่าตอนนี้คือเวลากลางคืนแล้ว จนกระทั่งจิ๋นลี่ยวนเปิดผ้าม่านออก เธอถึงได้พบว่าตอนนี้ก็แค่ช่วงเวลาเย็นเท่านั้นเอง กลางคืนในฤดูร้อน จะมืดช้า ตอนนี้เธอสามารถเห็นอาทิตย์ตกที่ เมืองTพอดีเลย!”
พระอาทิตย์ตกสีเหลืองอบอุ่นผสานสีแดง ส่องผ่านเข้ามาจากหน้าต่างสูง ระบายแสงรัศมีบนพรมหนา ยินเสี้ยวเสี้ยวยังสามารถมองเห็นอนุภาคของรอยยิ้มหรือแสงที่สะท้อนออก เต้นรำในยามพระอาทิตย์ตก เงยหน้ามองออกไป ยังสามารถเห็นทะเลที่อยู่ไม่ไกลที่ติดกับเมืองT จุดสีขาวบนพื้นผิวทะเล ล้วนเป็นร่องรอยของเรือใบ พระอาทิตย์ตกขนาดใหญ่ราวกับว่าแค่อยู่ตรงหน้า และราวกับว่าไกลสุดขอบฟ้า……
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง ลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว รองเท้ายังไม่ได้สวม ก็เดินไปเลย ดวงตาขาวดำกระจ่างชัดเจน เต็มไปด้วยความประหลาดใจ……
ดูเหมือนว่าตั้งแต่อยู่กับจิ๋นลี่ยวนแล้ว ชีวิตที่เคยธรรมดายิ่งว่าธรรมดาอีก ก็ได้กลายเป็นมีสีสันมากมายขึ้นมา
ดวงดาวบนยอดเขา พระอาทิตย์ตกข้างชายหาด ทุกอย่างล้วนทิ้งความทรงจำที่สวยงามไว้ในหัวใจของยินเสี้ยวเสี้ยว และเธอก็ไม่เคยคาดคิดว่า เป็นเพราะความทรงจำเหล่านี้ ที่ทำให้เธออดทนข้ามผ่านค่ำคืนยากที่จะลืมมากมายนับไม่ถ้วนหลังจากนั้น
จิ๋นลี่ยวนดูใบหน้าที่งดงามของยินเสี้ยวเสี้ยว ใต้แสงอาทิตย์ ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นเบาๆ หลังจากที่เขาไปเปิดประตูเอง ให้พนักงานเสิร์ฟเข้ามาวางของเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินไปที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณด้านข้าง แล้วเปิดเสียงดนตรี ยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงอยู่ในความอึ้งทึ่งกับการชมพระอาทิตย์ตกจากสถานที่ที่ยอดเยี่ยมของเมืองT เสียงดนตรีที่คลาสสิคและไพเราะก็ลอยเข้ามาในหู หันกลับไป จิ๋นลี่ยวนยืนอยู่บนพรมด้วยเท้าเปล่าดั่งเช่นเธอ โค้งตัวให้กับเธอเล็กน้อย แล้วเหยียดมือขวาของตัวเองออก……
นี่คือท่าทางเชิญเต้นรำ……
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองดูจิ๋นลี่ยวน ทันใดนั้นก็เม้มปากยิ้มเล็กน้อย วางมือเล็กๆของตัวเองไว้ในฝ่ามือของเขาอย่างเป็นทางการ เสมือนมอบหัวใจของตัวเองให้กับเขา ปล่อยให้เขากระทำตามอำเภอใจ
ห้องเพรสซิเดนท์สูทที่ชั้นบนสุดของ ‘โรงแรมหซือซัน’ ครองตำแหน่งทิวทัศน์ที่ดีที่สุดในเมืองT ขณะนี้บนพรมที่มาจากอียิปต์ หนุ่มสาวคู่หนึ่ง เต้นรำในยามพระอาทิตย์ตกตามเสียงดนตรี……
เหตุการณ์ในครั้งนี้ จะยังคงอยู่ในความทรงจำของพวกเขาตลอดไป ต่อให้พวกเขาในอนาคต จะประสบกับสิ่งที่ยากจะลืมเลือนมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังคงจำได้เสมอว่ามีวันนี้ ในเวลาที่พวกเขายังไม่แน่ใจในความรู้สึกของกันและกัน โอบกอดเต้นรำกันโดยไม่รู้ตัว……
ตอนที่จิ๋นลี่ยวนแต่งงาน แม้จะบอกว่า ต่อไปนี้จะเข้าสู่แวดวงคนดังของเมืองT ในฐานะคุณชายสามของบ้านจิ๋น แต่เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีโอกาสที่เหมาะสมโดยตลอด สามารถที่จะให้บ้านจิ๋นผลักเขาออกไปโดยสิ้นเชิง โดยใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ จิ๋นลี่ยวนยังคงสามารถเป็นคุณชายสามที่เก็บตัวสบายๆ เพราะทั้งสองไม่มีความคิดที่จะฮันนีมูน ดังนั้นแค่ได้พักผ่อนไม่กี่วัน จิ๋นลี่ยวนก็โดนยินเสี้ยวเสี้ยวไล่กลับไปทำงานแล้ว และเธอก็ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องบ้านพอดี……
ตั้งแต่เช้าตรู่ ยินเสี้ยวเสี้ยวยังนอนงัวเงียอยู่ ก็รู้สึกว่าชายข้างๆตื่นนอนแล้ว ตอนที่เห็นเขาแต่งตัวเรียบร้อยเตรียมที่จะไปทำงาน ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกขมเล็กน้อย
ไม่อยากฮันนีมูน?
มีผู้หญิงกี่คนที่มีความคิดเช่นนี้? ถ้าหากแต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรัก เกรงว่าผู้หญิงทุกคน ก็อยากมีช่วงเวลาสำหรับทั้งคู่ แต่เสียดายเธอในตอนนี้แม้แต่คิดยังไม่กล้าเลย……
จิ๋นลี่ยวนแต่งตัวเรียบร้อย ก้มมองไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่บนเตียง ก้มลงจูบหน้าผากเธอเบาๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “นอนเยอะหน่อย ฉันไปทำงานก่อนนะ”
พยักหน้าไปเรื่อยเปื่อย ยินเสี้ยวเสี้ยวพลิกตัวไม่ไปมองเขา ดูเหมือนว่ากลับเข้าไปในความฝันอย่างราวเร็ว
จนกระทั่งได้ยินเสียงของประตูปิดลง ยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่บนเตียง ถึงได้ค่อยๆลืมตาขึ้น ตรงข้ามก็คือทิวทัศน์ที่ผ้าม่านบางๆกั้นอยู่ ดวงอาทิตย์ตกในวันนั้น ดูเหมือนเป็นแค่ในเมื่อวาน แต่เธอกลับหาไม่เจอความรู้สึกในเวลานั้นแล้ว ยื่นมือออกไปแตะที่หน้าผากของตัวเอง บนนั้นเหมือนยังหลงเหลืออุณหภูมิการจูบของเขา ยินเสี้ยวเสี้ยวอยากจะกระชากตัวเขาแล้วถามว่า จิ๋นลี่ยวน คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไรกันแน่?
แต่เธอไม่ต้องถามก็รู้คำตอบ จิ๋นลี่ยวนก็จะบอกว่า เห็นเธอเป็นภรรยาของฉัน
ใช่ ภรรยา
แต่เป็นแค่ภรรยาที่เขาไม่รักเท่านั้น
ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เกิดความสงสัยมาก ในใจของจิ๋นลี่ยวนแล้ว ตกลงการแต่งงานคืออะไรกันแน่?
เขาสามารถทดสอบมู่ซูวแล้วขอเธอแต่งงาน และแม้กระทั่งตอนจบจะเป็นตกลง หรือไม่ตกลง ก็ได้คิดแผนตอนจบได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขายังสามารถยอมรับ ‘การขอแต่งงาน’ ของเธอ โดยไม่รู้จักตัวเองเลยด้วยซ้ำ แล้วยังแสดงได้อย่างน่าประทับใจหลังจากแต่งงาน ชั่วขณะหนึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวพบว่า ที่แท้ตัวเองรู้สึกแปลกหน้าจิ๋นลี่ยวนมากถึงเพียงนี้……
เรื่องหลายสิ่งหลายอย่างเธอก็ไม่รู้ และความไม่รู้แบบนี้ ทำให้เธอจิตใจว้าวุ่น
หลังจากที่นอนไม่หลับจริงๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ลุกขึ้นแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วไปที่เมืองไห่เมียวโดยตรง เฉินผูลี่หาคนงานจำนวนมาก เรื่องบ้านจึงดำเนินอย่างรวดเร็ว คาดว่าไม่เกินสามวัน เรื่องทั้งหมดก็จะเสร็จสิ้นแล้ว
ขณะที่ดื่มนม ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เดินไปที่บ้านหลังใหม่ของตัวเองในเมืองไห่เมียว ด้วย
เฉินผูลี่กำลังทำงานในที่นั่นอยู่แล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก้าวเข้ามาดูความคืบหน้าภายใน ก็รู้สึกพอใจไม่น้อย
ที่จริงที่นี่ทั้งหมดเกือบจะได้รับการเปลี่ยนแปลงหมดแล้ว เพื่อที่จะทำให้บ้านใหญ่ขึ้นอีกหน่อย จิ๋นลี่ยวนถึงกับซื้อบ้านที่อยู่ติดกัน ให้คนงานตีกำแพงให้ทะลุ แล้วส่งมอบให้ยินเสี้ยวเสี้ยวไปออกแบบทั้งหมด เพราะยังไงเธอก็ได้เรียนด้านออกแบบ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การออกแบบภายใน แต่ก็เกี่ยวข้องกับด้านออกแบบทั้งนั้น การจับคู่สีนั้นยิ่งทำได้อย่างง่ายดาย
“คุณนายน้อย” เฉินผูลี่เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวเข้ามาก็กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม เผยให้เห็นลักยิ้มใหญ่ทั้งสองข้าง
ทุกครั้งที่เห็นเฉินผูลี่ ยินเสี้ยวเสี้ยวจะรู้สึกคุ้นเคย น่าจะเป็นเพราะว่าเป็นคนที่มีลักยิ้มด้วยกัน เคยคุ้นเคยเป็นพิเศษ
เห็นคนงานยุ่งกลับการทำงาน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เลยนั่งลงบนโซฟาข้างๆแล้วพูดคุยกับเฉินผูลี่เสียเลย หลังจากคุยกันไม่กี่คำ เธอก็ได้รู้ว่า เฉินผูลี่ ได้ติดตามจิ๋นลี่ยวนมาสิบปีแล้ว เมื่อคำนวณดูแล้ว น่าจะจิ๋นลี่ยวนอายุประมาณสิบเจ็ดปี ก็ได้ติดตามเขาแล้ว ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“แล้วเก๋อเฉิงเฟยล่ะ? ฉันเห็นความสัมพันธ์ของเขากับจิ๋นลี่ยวนก็ไม่เลวนะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวเพียงถามด้วยความสงสัยเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะทำให้ เฉินผูลี่แปลกใจเล็กน้อย
มองดูเฉินผูลี่มองตัวเองด้วยท่าทางที่น่าทึ่งแบบนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวสังเกตได้อย่างละเอียดอ่อน พบว่าคำถามของตัวเองนี้ผิดพลาดบางอย่าง แต่ว่าผิดพลาดตรงจุดไหนเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
เฉินผูลี่รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย มีเรื่องบางอย่าง จิ๋นลี่ยวนไม่ได้บอกยินเสี้ยวเสี้ยว จากคำถามของยินเสี้ยวเสี้ยว ก็สามารถดูออกแล้ว เขาก็ไม่รู้ความหมายของจิ๋นลี่ยวน ก็เลยไม่รู้จะตอบคำถามของยินเสี้ยวเสี้ยวยังไงดี ตอบตามความจริง? ถ้า จิ๋นลี่ยวนไม่ได้หมายถึงแบบนี้จะทำยังไงดี? พูดโกหก? ถ้าหากจิ๋นลี่ยวน แค่ลืมไปล่ะ จะทำยังไง?
ครู่ขณะ ทั้งสองนั่งอยู่ที่นั่นโดยทำตัวไม่ถูก
จิ๋นลี่ยวนมีเรื่องที่ไม่ได้บอกตัวเอง นี่เป็นความรู้สึกแรกของยินเสี้ยวเสี้ยว!