Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่138 ของขวัญของยินเสี้ยวเสี้ยว
บทที่138 ของขวัญของยินเสี้ยวเสี้ยว
สีสันที่เกิดขึ้นอย่างมากมายทันตานั้นมันรู้สึกอย่างไรกันนะ?
จิ๋นลี่ยวนเพิ่งจะได้เคยรู้สึกเป็นครั้งแรก คิดว่ามันเป็นฤดูใบไม้ร่วงเดือนเก้า แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากฤดูใบไม้ผลิ
ความสวยของยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็น แต่ว่าเมื่อเธอทำทุกอย่างเพื่อเขา เขาก็รู้สึกว่าใจแทบจะหยุดเต้น……
ในนิยาย ความรู้สึกตอนมีความรักมันไม่โกหกนี่หน่า
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ที่เดิม ด้วยใบหน้าสีแดง พลางเขินอาย
จิ๋นลี่ยวนจ้องยินเสี้ยวเสี้ยว ก่อนจะเข้าไปจูบเบาๆ ที่หน้าผากของเธอจากนั้นจึงบอกให้เธอรอสักครู่
เมื่อออกมาอีกครั้ง จิ๋นลี่ยวนใส่ชุดทักซิโด้สีดำ ยืนอยู่ข้างๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวดูเข้ากันเกินบรรยาย
เมื่อจิ๋นลี่ยวนเดินมาที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณ ก็หันมาโค้งพลางยื่นมือให้ยินเสี้ยวเสี้ยว มุมปากของยินเสี้ยวเสี้ยวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น
จิ๋นลี่ยวน เหมือนกับว่าผลลัพธ์ในวันนี้จะเป็นที่น่าพอใจมาก……
ในห้อง ทั้งสองคนโอบกันเอาไว้ เรือนร่างที่มีสีชมพูวับวาว และสีดำที่ดูหนักแน่น ทั้งสองคนส่องประกายภายใต้แสงรำไร เท้าก้าวไปตามๆ กัน แววตาจ้องกันโดยไม่มีท่าทีจะผละออก มันทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกหายใจลำบากอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับสมองขาดการคิดแบบปกติธรรมดาไปโดยปริยาย……
ทันใดนั้น แผ่นหลังที่บริสุทธิ์ผุดผ่องก็แนบเข้ากับกำแพงที่เย็นยะเยือก เอวก็ถูกเขาใช้แรงโอบมากขึ้น จนทำให้เรือนร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นโค้งเข้ามาหา ดวงตาก็จดจ้องไปที่ใยตาของเขามากกว่าเดิม
มุมปากยกสูงขึ้น จิ๋นลี่ยวนใช้มือหนึ่งโอบเอวของเธอ อีกมือหนึ่งก็จับแก้มของเธอเอาไว้ คิ้วที่โค้งสวยงาม หางตาที่ดูละเอียดลออ จากนั้นก็มาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากแดงของเธอ……
ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง ลมหายใจของจิ๋นลี่ยวนนั้นหนักหน่วงมากกว่าเดิมเธอสามารถรู้สึกได้บ้างแล้วนิดหน่อย แต่ว่าตอนนี้ลมหายใจของตัวเธอเองมันหนักหน่วงมากเสียเหลือเกิน จนต้องผลักเขาออกก่อนจะวิ่งออกไปหายอกหายใจที่หน้าต่างบานใหญ่ แต่ว่า……มือกลับยังคงอยู่ที่หน้าอกของเขา กลับ……ไม่อยากจะปล่อย……
จิ๋นลี่ยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะจับหัวของยินเสี้ยวเสี้ยวมาจูบอย่างรุนแรงด้วยมือเดียว……
ภรรยาของเขา ไม่ดึงดูดใครแต่กลับดึงดูดได้มากกว่าคนไหนๆ
หลังจากนั้นผ่านไป ยินเสี้ยวเสี้ยวหายใจลำบากมากแล้วถึงได้พยายามยื่นมือมาผลักเขาออกไป จิ๋นลี่ยวนปล่อยเธอออกด้วยความไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เมื่อเห็นเธอหายใจเฮือกใหญ่ในอ้อมกอดของตัวเอง สีปากก็ซีดลง แต่มันกลับให้ความเปล่งปลั่ง จนจิ๋นลี่ยวนอดไม่ได้ที่จะขำออกมา……
ยินเสี้ยวเสี้ยวแอบเคือง เธอใช้ปากของเธอกัดเข้าไปที่ตรงส่วนไหนก็ได้ตรงหน้าอกของเขา กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจิ๋นลี่ยวนจะยื่นมือออกมาเชยคางของเธอ ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ ว่า: “เสี้ยวเสี้ยว วันนี้ต้องอ่อนโยนกับฉันหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา จากนั้นจึงเบือนหน้าหนีไปโดยที่ไม่มองเธอ
การเบะปากเล็กน้อยนั้นทำให้คิดถึงหลงใหลเป็นอย่างมาก แทบจะไร้สติสำนึกไป จิ๋นลี่ยวนก้มหัวลงจูบอีกครั้ง กลับไม่คิดเลยว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะหันมาพอดี เลยจูบไปที่หน้าอกของจิ๋นลี่ยวน……
สีสดสวยงามนั้นมันประทับลงบนเสื้อสีขาวของจิ๋นลี่ยวนพอดี
ปากของยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังจะบอกว่าขอโทษพอดี จิ๋นลี่ยวนกลับดึงเธอจูบเหมือนเดิม
เสี้ยวเสี้ยวของเขา เพียงแค่การกระทำเล็กๆ ก็สามารถทำให้เขาบ้าคลั่งได้แล้ว……
เขาเดาว่า เธอในตอนนี้น่าจะกำลังสับสนงงงวยอยู่ อย่างประหลาด จนอยากจะอยากให้เขาออกไป……แต่ว่า อาหารหวานเข้าปากมาแล้วจะให้ปล่อยไปได้อย่างไร?
คนอื่นจะปล่อยไหมเขาไม่สนใจ แต่จิ๋นลี่ยวนนั้นจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน
ในห้องรับแขกไฟสลัวนั้น บนโต๊ะมีอาหารที่พยายามจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อให้เจ้างานชอบมาเสิร์ฟแล้ว มีเสียงเพลงคลอไปเบาๆ แต่เขาอยู่ตรงหน้าตัวเอง พยายามจะให้กดเธอเอาไว้แนบกำแพงให้ได้ ก่อนจะจูบลงเบาๆ ……
ทุกๆ ก้าว ยินเสี้ยวเสี้ยวสามารถรับรู้ได้ถึงความสั่นไหวของจิตวิญญาณนั้น!
ทุกๆ อย่างนั้นเมื่อมองก็เหมือนจะเป็นไปตามแบบแผน ขนาดจิ๋นลี่ยวนเองยังรู้สึกว่าบรรยากาศนั้นมันดีมาก ไม่แน่ว่าจากนี้เสี้ยวเสี้ยวอาจจะไม่มีอาการกลัวนั้นแล้วก็ได้……
ทันใดนั้น ในห้องรับแขกก็มีเสียงโทรศัพท์ของจิ๋นลี่ยวนดังขึ้นเสียงดัง……
ยินเสี้ยวเสี้ยวมีสติกลับมาได้ เธอผลักจิ๋นลี่ยวนออกเหมือนมีใครกำลังมาเห็นคนสองคนพลอดรักกัน จิ๋นลี่ยวนถูกผลักออกโดยไม่ทันตั้งตัว อยากจะเข้าไปหาอีกแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวบอกให้ไปรับสาย
หายใจออกอย่างรุนแรง จิ๋นลี่ยวนเดินไปรับโทรศัพท์ด้วยความไม่พออกพอใจเป็นอย่างมาก
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเขาคุยโทรศัพท์กับเถียนหรงด้วยความเสียอารมณ์ ก็อดไม่ได้ที่จะขำ เธอจัดแจงตัวเองก่อนจะเดินไปเตรียมของขวัญวันเกิดให้เขา เมื่อเธอเดินกลับมา จิ๋นลี่ยวนก็วางสายด้วยความอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
เมื่อหันมามอง ใบหน้าเล็กๆ ของยินเสี้ยวเสี้ยว มุมปากของจิ๋นลี่ยวนก็หุบยิ้มไม่ได้ เขาเอื้อมมือไปโอบเธอ แต่กลับถูกเธอเอาของขวัญที่จะให้มาขวางไว้
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเขา ก่อนจะพูดด้วยความยิ้มแย้มว่า: “สุขสันต์วันเกิด”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ตอนนี้จิ๋นลี่ยวนไม่มีอารมณ์ไปดูนาฬิกาเรือนนั้น ตอนที่แบกยินเสี้ยวเสี้ยวนั้น เขามองไปไม่รู้กี่รอบแล้ว ขนาดรายละเอียดต่างๆ ยังบอกได้เลย แล้วจะมีอะไรน่าสนใจอีก?
สุดท้ายจิ๋นลี่ยวนเอากล่องของขวัญวางไว้อีกด้าน ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับพูดว่า: “คุณไม่ดูสิว่าเหมาะไหม?ฉันไม่รู้ว่าคุณชอบอะไร คิดว่าคุณเป็นหมอน่าจะชอบเครื่องฟังเสียงหัวใจ เลยซื้อมาให้น่ะ”
คำพูดนี้มันเหมือนกับน้ำเย็นที่สาดเข้ามาที่หัวของจิ๋นลี่ยวนอย่างรุนแรง แต่ก็สาดเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งความมองกล่องนั้นของจิ๋นลี่ยวนก็ถาโถมเข้ามาอีกครึ่งหนึ่งด้วยเช่นกัน
กล่องใส่นาฬิกานั้นเป็นทรงจัตุรัส เป็นกล่องกำมะหยี่ทางสี่เหลี่ยม แต่กล่องใส่เครื่องฟังเสียงหัวใจกลับใหญ่กว่าหน่อย หนังกลับสีดำนั้นดูหนักแน่นเป็นพิเศษ……
เขาปรายตามองยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนไม่ได้พูดอะไร
เครื่องฟังเสียงหัวใจ?
แน่นอน เขาเป็นหมอผ่าตัดก็ยังต้องใช้เครื่องฟังเสียงหัวใจอยู่บ่อยๆ ถ้าเกิดเขาไม่เห็นนาฬิกาเรือนนั้น เขาก็คงจะรู้สึกเซอไพรส์กับของขวัญนี้ แต่ว่าตอนนี้เขาอยากรู้มากกว่า ว่านาฬิกานั้นยินเสี้ยวเสี้ยวจะให้ใคร?
“คุณไม่ชอบเหรอ?” เมื่อมองแววตาของจิ๋นลี่ยวนอย่างระมัดระวัง ก็พบว่าอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปมาก ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวก็เริ่มเครียด “ถ้างั้น ฉันเอาของขวัญอีกอย่างเตรียมให้ดีไหม?”
“เปล่า ฉันแค่รู้สึกตกใจที่คุณให้เครื่องฟังเสียงหัวใจกับฉัน” จิ๋นลี่ยวนยิ้มขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย โดยที่แววตาไม่เปลี่ยนแปลง
ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นว่าเขาไม่มีอะไรที่ไม่พอใจเลยวางใจก่อนจะพูดออกมาเบาๆ ว่า: “ฉันกลัวว่าคุณจะไม่ชอบ ฉันไม่รู้ว่าคุณอยากได้อะไร เลยซื้อตามใจฉัน แต่ถ้าคุณชอบก็ดีแล้ว”
จิ๋นลี่ยวนมอง ยินเสี้ยวเสี้ยวมีท่าทีโล่งอก และก็อดไม่ได้ที่จะยักคิ้วขึ้นก่อนจะยื่นมือออกไปโอบเธอเข้ามาหาตัวอีกครั้ง จากนั้นจึงมองเธอด้วยความพราวเสน่ห์
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ เลยถามเบาๆ ว่า: “คุณไม่หิวเหรอ?ฉันหิวแล้ว ฉันอยากจะไปกินข้าว”
ความหงุดหงิดที่จิ๋นลี่ยวนมีกลายเป็นร่าเริงเพราะประโยคนี้ เลยกระซิบใกล้ๆ หูเธอว่า: “เสี้ยวเสี้ยว คุณรู้ไหมว่าในสถานการณ์แบบนี้คุณพูดว่าหิวน่ะ มันทำให้ฉันคิดถึงอะไร?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ใสๆ เหมือนเด็กอนุบาล ถ้าไม่ตั้งใจบอกก็คงจะไม่รู้ แต่จิ๋นลี่ยวนบอกใบ้ซะขนาดนั้นแล้ว เธอจะไปไม่รู้ได้อย่างไร?ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมา พลางยื่นมือไปผลักจิ๋นลี่ยวน
“จิ๋นลี่ยวน!” เรียกเบาๆ พลางมองเขาด้วยหางตา ที่เต็มไปด้วยความเขินอาย
จิ๋นลี่ยวนในตอนนี้กลับอารมณ์ดีสุดๆ เลยจับผมของเธอเก็บให้ดีๆ ก่อนจะพูดต่อ: “คุณว่าคุณควรจะเปลี่ยนคำเรียกไหม?ภรรยา”
สองพยางค์สุดท้ายนั้นจิ๋นลี่ยวนแทบจะพูดแนบหูยินเสี้ยวเสี้ยว เรือนร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวสั่นจนชาไปหมด
เธอเลยกัดปากเบาๆ พลางมองเขาแต่ไม่พูดอะไร
‘ภรรยา’ สองคำนี้จิ๋นลี่ยวนไม่เพียงแค่พูดแนบหูเธอแต่พูดช้าๆ ด้วย ถึงเธอจะไม่รู้จริงๆ ว่าจะเรียกแบบไหน ตอนนี้ก็ต้องรู้!
จู่ๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็พบว่า จิ๋นลี่ยวนนั้นเป็นแบดบอยคนหนึ่ง!
แย่จนไม่รู้จะแย่อย่างไรแล้ว!
ผู้ชายคนนี้มักจะเป็นแบบนี้ ใช้ความไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาหลอกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่เธอคิดว่าตัวเองโตมากแล้ว แต่กลับพบว่า อันที่จริงเธอที่เธอโตขึ้นมาได้ก็เพราะจิ๋นลี่ยวน เธอในตอนนี้สามารถไม่กลัวยินรั่วอวิ๋น ไม่สนใจมู่เยียนหราน เอาใจคุณย่าจิ๋นได้ ก็เป็นเพราะจิ๋นลี่ยวนสอนมาทั้งนั้น……
ผู้ชายคนนี้มักจะสอดแทรกการสอนให้เติบโตขึ้นมาตลอด……
สุดท้าย ยินเสี้ยวเสี้ยวก็พ่ายแพ้ เลยยื่นมือออกมาโอบเอวเขาก่อนจะพูดออกมาเบาๆ ว่า: “สามี สุขสันต์วันเกิด”
ครั้งนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวเรียกต่อหน้าจิ๋นลี่ยวน ความชาในตอนแรกนั้นหายไป ร่างกายกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ถ้าเกิดวันหนึ่ง มีคนมาอยู่ข้างๆ คุณ คุณรักเขาแล้วเขาก็รักคุณ พวกคุณคบกัน แค่คำเรียกง่ายๆ นี้ เทศกาลเรียบง่ายนี้กลายเป็นวันที่น่าจดจำมากที่สุด ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่าจะผ่านความยากลำบากมามากขนาดไหน เมื่อคิดถึงคืนนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ต้องยิ้มขึ้นมาทุกที…