Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่151 คุณชายน้อยตระกูลยิน
บทที่151 คุณชายน้อยตระกูลยิน
มุมปากขยับเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนค่อยๆหันมามองที่ยินจื่อเจิ้น
ยินจื่อเจิ้นจึงปล่อยแขนของยินเสี้ยวเสี้ยว ผิวของเธอบอบบาง ใช้แรงเพียงเล็กน้อยก็แดงแล้ว ข้อมือของตัวเองถูกจิ๋นลี่ยวนจับอยู่เธอก็ไม่ได้สนใจ แค่พูดด้วยสายตาเย็นชา “จิ๋นลี่ยวน อย่าคิดว่าเสี้ยวเสี้ยวเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไป อย่างไรเสียเธอก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลยิน และเป็นน้องสาวของฉันยินจื่อเจิ้น ถึงแม้บ้านยินของฉันจะเทียบบ้านจิ๋นของคุณไม่ได้ แต่ถ้าทำให้เธอไม่สบายใจ ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยคุณไปง่ายๆแน่นอน”
หลายๆคำพูด เขาอยากจะพูดมานานแล้ว แต่เสียดายที่ไม่มีโอกาสนั้น ถึงแม้โอกาสในตอนนี้อาจจะไม่ได้เหมาะสมที่สุด แต่ก็ทำให้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป
หากแม้แต่อิสระในการให้ของขวัญก็ยังไม่มี เช่นนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวแต่งกับจิ๋นลี่ยวนจะเหลืออะไรอีกไหม
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่มีโอกาสได้พูดเลย เพียงแค่มองไปที่ชายสองคนนี้ก็เริ่มตึงเครียด
ปล่อยมือยินจื่อเจิ้น จิ๋นลี่ยวนสองมือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วก็จ้องมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ผ่านไปสักพักแล้วพูดเบาๆว่า “ยินจื่อเจิ้น คุณก็ยังพูดว่าเธอเป็นภรรยาของฉัน แล้วฉันจะถามของที่ภรรยาฉันจะให้ผู้ชายอื่นไม่ได้เหรอ”
ท่ามกลางฝูงชน อดไม่ได้ที่จะมีคนจ้องมองด้วยตาโตอย่างแปลกใจ
นี่กำลังยอมรับว่าตัวเองกำลังหึงพี่ชายของภรรยา
จากคำร่ำลือของคุณชายสามบ้านจิ๋นน่ารักมากเลยใช่ไหม
แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับยิ้มไม่ออกเลย เอื้อมมือและดึงแขนเสื้อของจิ๋นลี่ยวน ใบหน้าดูไม่ค่อยสบอารมณ์แล้วพูดว่า “พวกเรากลับไปคุยกันที่บ้านได้ไหม”
พวกเขาทำเอะอะเช่นนี้ นั่นก็ไม่ต่างอะไรไปจากการเรียกร้องความสนใจท่ามกลางฝูงชน
งานเลี้ยงการรับตำแหน่งของยินจื่อเจิ้นครั้งแรก เธอไม่อยากทำให้งานพัง
ดูจากสีหน้า เหมือนจิ๋นลี่ยวนกำลังหึง ยินเสี้ยวเสี้ยวเงียบสงบ แต่พวกเขาต่างก็รู้ เรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด จิ๋นลี่ยวนโกรธจริง ยินจื่อเจิ้นก็โกรธจริง
มองไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ข้างๆ ในดวงตาของจิ๋นลี่ยวนมีความเย็นเล็กน้อย ขยับเล็กน้อยและหลุดจากมือเล็กๆของเธอ หันหลังจิ๋นลี่ยวนก็เดินออกไป…….
ทันใดนั้น แต่เดิมงานเลี้ยงที่มีเสียงหัวเราะก็นิ่งไป
คุณชายสามบ้านจิ๋นโมโหแล้ว
ยินจื่อเจิ้นสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย ใบหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวซีดเล็กน้อย
ทันใดนั้นบรรยากาศก็อึมครึม ในขณะที่ทุกคนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เฉิงกังได้รับโทรศัพท์หนึ่งสาย ในขณะที่ทุกคนมองไปที่ยินไป่ฝันที่ได้ข่าวอะไรจากผู้จัดการหวงมาอย่างรีบร้อน ในที่สุดเขาก็พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “คุณชายใหญ่ คุณชายน้อยมีเรื่องกับคนอื่นระหว่างทางที่มา ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายตีกันแล้ว……..”
ยินไป่ฝันเพิ่งเดินมาก็ได้ยินคำพูดแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะเมื่อกี้ผู้จัดการหวงก็บอกเขาแล้วเรื่องนี้ ตอนนี้ได้แค่เฝ้าดูยินจื่อเจิ้นอย่างห่วงใย “จื่อเจิ้น ทางจื่อเว่ยเอาไงดี”
หน้าบึ้ง ยินจื่อเจิ้นมองยินเสี้ยวเสี้ยว เมื่อเห็นเธอราวกับว่าเธอกำลังจะตามไปด้วยจึงถอนหายใจเบาๆ แล้วให้ยินไป่ฝันกับหลี่หมึ้งคอยดูแลต้อนรับแขก เขาพายินเสี้ยวเสี้ยวไปหายินจื่อเว่ย เมื่อครู่ความอับอายที่จิ๋นลี่ยวนให้ก็เป็นเพราะด้วยเหตุนี้……….
‘บริษัทจื่อยิน’หลังจากเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ อำนาจทุกอย่างของบ้านยินก็ตกอยู่ในมือของยินจื่อเจิ้น ในหลายๆครั้งยินไป่ฝันก็พูดอะไรมากไม่ได้ แต่นี่ก็เป็นที่สิ่งที่เขาเต็มใจยอมรับ มีแค่‘บริษัทจื่อยิน’อยู่ในมือของยินจื่อเจิ้นเท่านั้นถึงจะเป็นช่วงที่เจริญรุ่งเรืองมาก…….
ยังไม่ใกล้ถนน ยินจื่อเจิ้นกับยินเสี้ยวเสี้ยวก็เห็นคนจำนวนมากกำลังมุงอยู่ มีคนแอบอยู่รอบๆอย่างเงียบๆไม่กล้าเข้าไปดู ตรงนั้นมีคนอยู่สองกลุ่ม นับดูดีๆแล้วมีจำนวนไม่น้อยกว่าสามสิบคน……
ยินจื่อเว่ยที่มีอายุยี่สิบเอ็ดปียืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มบอดี้การ์ดอย่างภาคภูมิใจ ตรงหน้ามีวัยรุ่นไฟแรงสามคนยืนอยู่ ดูแล้วอายุก็ไล่เลี่ยกับยินจื่อเว่ย แต่ที่เห็นได้ชัดคือไม่อยู่ในแวดวงของพวกเขา ถ้าตอนนี้จิ๋นลี่ยวนอยู่ ก็จะสั่งเกตเห็นว่าเฉินหยูที่เกี่ยวพันกับเรื่องที่แล้วของมู่เยียนหรานก็อยู่ด้วย
มีคนหลายสิบคนนอนอยู่รอบ ๆ ร้องเบา ๆ สภาพเหมือนได้รับบาดเจ็บ
ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวลงจากรถเห็นชายหนุ่มสามคนยืนอยู่ตรงนั้น คนหนึ่งย้อมผมสีเหลือง สายตาจับจ้องไปที่ยินจื่อเว่ย มีรอยเลือดที่มุมปากแต่ก็ไม่ยอมแสดงถึงความอ่อนแอ คนหนึ่งย้อมผมสีแดง และมีบาดแผลเล็กน้อย อีกคนไม่ได้ย้อมผม แต่มีรอยสักลายเสือที่แขน………..
เหมือนกับ นี่ก็คือที่เรียกว่าสามอันธพาล………
ยินจื่อเจิ้นกับยินเสี้ยวเสี้ยวลงจากรถก็ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนไม่น้อย แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกับยินจื่อเจิ้นสังเกตเห็น แม้แต่บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆยินจื่อเว่ยก็อดไม่ได้ที่จะหันมามอง มีแค่เฉินหยูคนเดียวที่ไม่หันมามองพวกเขา จ้องมองยินจื่อเว่ยอย่างใจจดใจจ่อ……..
“พี่ชาย ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ตอนนี้ฉันก็สามารถฆ่าโจรได้อย่างเต็มที่แล้ว” เมื่อยินจื่อเว่ยเห็นยินจื่อเจิ้นมาแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้น ‘ฆ่า’เป็นข้ออ้าง แต่อยากชกต่อยนั้นเป็นเรื่องจริง คุณชายน้อยตระกูลยินชอบชกต่อยหลายคนก็รู้ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ถูกยินจื่อเจิ้นกับยินไป่ฝันส่งไปเรียนที่ไกลๆเมืองL “ฮ่าๆ ทีนี้ฉันจะดูสิว่าพวกแกจะทำอย่างไร”
พูดจบ ยินจื่อเว่ยก็เตรียมที่จะให้บอดี้การ์ดของตัวเองนำหน้าไปก่อน สีหน้านั่นดูกระหายเลือดอย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นชายหนุ่มสามคนที่ยืนอยู่ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย
“หยุด” เสียงนั้นหยุดการเคลื่อนไหวของบอดี้การ์ด เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก เพราะผู้หญิงเสียงนี้ทำให้หันกลับมา
ยินเสี้ยวเสี้ยวยังสวมใส่ชุดราตรีสีดำ เดินเข้าไปทีละก้าวเหมือนหญิงสาวแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ ยินจื่อเจิ้นที่เดินตามหลังเหมือนผู้พิทักษ์ดอกไม้
มองยินเสี้ยวเสี้ยวตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ถึงแม้ยินจื่อเว่ยจะไม่พอใจแต่ก็หยุดการเคลื่อนไหวลง หันกลับมามองยินเสี้ยวเสี้ยวเรียกเบาๆว่า “พี่สาว”
ยิ้มอย่างไม่เต็มใจ ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินไปถึงข้างๆยินจื่อเว่ยมองดูชายหนุ่มที่ตัวสูงใหญ่กว่าตัวเองมาก
ในสายตาคนนอก คุณชายน้อยตระกูลยินเป็นลูกผู้ดีตีนแดงแต่ในสายตาของยินเสี้ยวเสี้ยว เขาก็คือน้องชายของเขา เป็นน้องชายที่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเธอ ดีตรงที่ น้องชายคนนี้เป็นคนที่ดีต่อเธอคนหนึ่งในบ้านยิน
ทันใดนั้นก็เห็นความเชื่อฟังของยินจื่อเว่ย เฉินหยูก็หันมามองด้วยความแปลกใจ
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่สวมใส่ชุดสีดำ ขับผิวที่ขาวเหมือนหิมะ แววตาที่สดใสทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจ
“จื่อเว่ย คุณอยากให้พี่ชายส่งไปเรียนที่เมืองL อีกเหรอ” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดเบาๆ มีรอยยิ้มเล็กน้อยในคำพูด “กลับมาถึงก็ให้ของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ดูเหมือนไม่กลัวถูกจัดการเลย”
ใบหน้าของยินจื่อเว่ยแดงเล็กน้อย ก้มหน้าลงไม่พูดอะไร
ในบ้านยิน เขาเชื่อฟังแค่สองคน คนหนึ่งคือยินจื่อเจิ้น อีกคนคือยินเสี้ยวเสี้ยว
เหตุผลง่ายมาก คนหนึ่งคือพี่ชายที่แข็งแกร่งของเขา คนหนึ่งคือพี่สาวที่อ่อนแอของเขา คนหนึ่งปกป้องเขา อีกคนให้เขาปกป้อง
ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดอยู่ก็เดินไปตรงหน้าเฉินหยู ชายหนุ่มสามคนเห็นเป็นผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพียงแค่มองดูเธอ
ใช้เวลาอยู่ข้างนอกมานานแล้ว พวกเขาเรียนรู้จะไม่มองข้ามคนใดคนหนึ่ง
“ขอโทษด้วย เป็นเพราะน้องชายของฉันสะเพร่า ขอถามหน่อย………” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดเบาๆ ในคำพูดมีความอ่อนโยนเล็กน้อย “ขอถามหน่อยนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
ยินจื่อเว่ยที่ยืนข้างๆยินเสี้ยวเสี้ยวกลอกตา ริมฝีปากของฉันมุ่ยเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ เป็นเช่นนี้ตลอด เขาชกต่อยคนพี่สาวก็จะไปขอโทษและถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุในรอบ 21 ปี……..
บอดี้การ์ดถอยไปอย่างรวดเร็ว ยินจื่อเจิ้นยืนอยู่ด้านหลังยินเสี้ยวเสี้ยวปกป้องไม่ให้เธอถูกทำร้าย
เฉินหยูมองยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วมองยินจื่อเจิ้นอยู่สักพักแล้วพูด “ถ้าฉันบอกว่าเป็นเพราะน้องชายของคุณตั้งใจหาเรื่องพวกเราคุณจะเชื่อไหม”
ยินเสี้ยวเสี้ยวนิ่งไปสองวินาที แล้วพูดว่า “มีความเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
“ถุ้ย นึกว่าจะเป็นคนที่มีเหตุผล ในเมื่อจะลำเอียงก็ให้มันเนียนหน่อย อย่าแสร้งทำเป็นน่าขยะแขยงเช่นนั้น” ทันใดนั้นเฉินหยูรู้สึกมีอารมณ์ร่วมเล็กน้อย ไอ้พวกคนมีเงินใครจะไปเชื่อคำพูดของพวกเขา สุดท้ายก็แค่ทำเอาหน้า “น้องชายของคุณตั้งใจหาเรื่องพวกเรา คุณไม่เห็นเหรอพี่น้องของฉันนอนอยู่บนพื้น หรือคิดว่าสมองฉันโดนประตูหนีบจนไม่รู้เรื่องแล้วไปหาเรื่องเขาเหรอ”
หันกลับมา ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่ยินจื่อเว่ยที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ด้านหลัง
ออกไปตั้งหลายปี แต่ก็รู้สึกดีต่อยินจื่อเว่ย อย่างน้อยก็ระงับอารมณ์ร้อนนี้ไว้ได้
“จื่อเว่ย” ยินจื่อเจิ้นพูดเสียงเบา น้ำเสียงแสดงถึงไม่พอใจ “บอกมา นี่มันเรื่องอะไร”
ยินจื่อเว่ยรอคำนี้มานานแล้ว ตอนนี้มีโอกาสพูดแล้ว พูดทันทีว่า “ไปไกลๆเลย คุณชายอย่างฉันเหรอจะไปหาเรื่องคุณ ทั้งๆที่คุณจงใจหาเรื่องชายชราคนนั้น ฉันทนไม่ได้ก็เลยมาคุยกับคุณ ยังพูดไม่ถึงสองคำคุณก็ลงมือก่อนแล้ว ถ้าไม่ชกคุณให้ล้มลงกับพื้น ให้ฉันรอคุณชกฉันนอนลงบนพื้นเหรอ ฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
จนยินจื่อเว่ยพูด ยินเสี้ยวเสี้ยวกับยินจื่อเจิ้นจึงสังเกตเห็นชายชราคนหนึ่งหลบอยู่ทางโน้น เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆเมื่อคนอื่นสังเกตเห็นเขา……
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ใครก็ต้องคิดว่าเด็กวัยรุ่นที่ย้อมสีผมและมีรอยสักจะต้องไม่ใช่คนดีอะไร สำหรับชายชราคนหนึ่งก็ต้องเรียกค่าคุ้มครองเป็นธรรมดา ในขณะที่ทุกคนรอบข้างมองพวกเขาด้วยความดูถูก ชายวัยรุ่นสามคนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความอาย แต่เป็นความโกรธ………
พูดด้วยเสียงเบา ยินเสี้ยวเสี้ยวถาม “ขอโทษ เกิดความเข้าใจผิดหรือเปล่า น้องชายของฉันอาจจะเข้าใจสถานการณ์ผิด”
เฉินหยูมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ โดยปกติแล้ว เธอควรตัดสินลงโทษพวกเขาทันที แล้วต่อว่าพวกเขาอย่างหนักเหรอ แต่ตอนนี้กลับถามเช่นนี้ ก็แสดงว่าให้โอกาสพวกเขาอธิบายสิ……..
ทันใดนั้น วัยรุ่นทั้งสามรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแม้กระทั่งเด็กวัยรุ่นที่นอนอยู่บนพื้นด้วย
ผู้หญิงคนนี้มีปัญหาด้านสมอง หรือเธอเชื่อพวกเขาจริงๆ
อยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน สิ่งที่พวกเขาพบเจอบ่อยที่สุดคือการดูถูกและการไม่ไว้ใจจากผู้อื่น หลังจากนั้นก็จะกลัว…….
แต่เธอกลับให้โอกาสพวกเขาได้พูด
เฉินหยูมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย อยู่ที่บ้าน แม้แต่แม่และพี่สาวก็ยังไม่เชื่อใจเขา ไม่เคยให้โอกาสในการอธิบายเลย แต่ตอนนี้ กลับมีคนนอกยินดีที่จะเชื่อใจพวกเขา ให้โอกาสพวกเขาได้พูด……..
หลังจากผ่านไปสักครู่ เฉินหยูก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นเด็กผู้ชายผมสีแดงเป็นคนพูด “พวกเราเห็นชายชราล้ม ดังนั้นจึงช่วยพยุงเขาก็เท่านั้น ใครจะไปรู้คุณชายท่านนี้ไม่ถามอะไรเลย ลงมาก็ต่อว่า……..