Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่171 เปลี่ยนแปลงฉับพลัน
บทที่171 เปลี่ยนแปลงฉับพลัน
จิ๋นลี่ยวนขับรถแหวกอากาศส่งเสียงหวีดดังราวกระสุนปืนบนถนนยามราตรี
ยินเสี้ยวเสี้ยวและถาวหยีหัวใจแทบจะขึ้นมาอยู่ที่ลิ้นไก่ สองตาปิดแน่นไม่กล้าลืมขึ้นมา
รถหักเลี้ยวซ้ายขวาอย่างรวดเร็วทำให้พวกเธอโคลงเคลงไม่น้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวปกป้องถาวหยีเอาไว้ เธอนึกขึ้นได้ว่าหล่อนยังตั้งครรภ์อยู่ จะไปทนต่อสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง…..
ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ดวงตาคมเรียวจ้องเขม็งไปยังคนที่กำลังไล่ตามพวกเขา ทันใดนั้น จิ๋นลี่ยวนก็หักรถไปทางซ้ายแล้วขับไปยังอีกฝั่งของถนน แล้วขับตรงไปอีกทาง รถที่ถูกสลัดทิ้งรีบหมุนตัวไล่ตามไปทันที…..
ยางที่เสียดสีกับพื้นอย่างรุนแรงส่งเสียงแสบแก้วหู เสียงปืนที่ทำชีวิตแขวนบนเส้นด้าย ทั้งลมหายใจที่ตึงเครียดทำเอาอดไม่ได้ที่จะเหงื่อตก ยินเสี้ยวเสี้ยวลืมตาขึ้นอย่างกล้าหาญ มองไปยังชายหนุ่มที่กำลังขับรถ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
ผ่านกระจกมองหลัง จิ๋นลี่ยวนสบเข้ากับสายตาของยินเสี้ยวเสี้ยว มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
มีเขาอยู่ เขาจะไม่ให้ใครมาทำอะไรเธอได้…..
ในที่สุด หลังจากไล่ล่ากันพักใหญ่ ในที่สุดจิ๋นลี่ยวนก็พบกับรถคันหนึ่งที่จอดอยู่บนถนนมืด รถคันนั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเฉิงชื่อชิงนั่นเอง เฉิงชื่งชิงที่หยิบปืนของตัวเองออกมายิงยางรถที่ตามมาด้านหลัง
ปัง ปัง ปัง ปัง
เสียงที่เรียบง่ายดังขึ้นสี่ครั้ง ทำให้ยางรถส่งเสียงดังจากแรงต้านที่เกิดอย่างกะทันหัน รถถูกบังคับให้หยุดลง เฉิงชื่อชิงเตรียมขึ้นไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชายในรถนั้นลงจากรถยิงสวนเข้ามา คนพวกนั้นไม่สนใจสถานการณ์ทางนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวกอดถาวหยีไว้ในอ้อมกอดแน่น จิ๋นลี่ยวนเองก็กุมหัวของตัวเอง มีเพียงเฉิงชื่อชิงที่ยิงปะทะกับสองคนนั้น….
หลังจากเสียงปืนดังขึ้นหลายครั้ง ในที่สุดสถานการณ์ด้านนอกนั้นก็สงบลงเล็กน้อย
เสียงสาดส่องมาจากที่ไม่ไกลนัก คงจะมีคนมาแล้ว ทั้งสองคนนั้นจึงหันหนีไปอย่างรวดเร็ว เฉิงชื่อชิงตามไปอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
ในรถเรนจ์ โรเวอร์ หลังจากจิ๋นลี่ยวนตรวจสอบความปลอดภัยภายในจนมั่นใจแล้วจึงยอมให้ยินเสี้ยวเสี้ยวและถาวหยีลงจากรถ หญิงสาวทั้งสองเสียขวัญจนใบหน้าซีดเซียว
นี่มันFast & Furiousรึไง?
พวกเธอไม่อยากพบเจอแล้วจริง ๆ …..
“คุณชายสาม ดูเหมือนโรงพยาบาลทางนั้นก็เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ได้ยินมาว่าวันนี้คนไข้สามคนถูกตัดอวัยวะทั้งหมดออกไป”เก๋อเฉิงเฟยพูดอย่างไม่ปกปิดยินเสี้ยวเสี้ยและถาวหยี “คุณหนูสองเป็นรายที่สี่”
สีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวและถาวหยียิ่งซีดเผือดลงไปอีก
จิ๋นลี่ยวนยื่นมือไปจับมือของยินเสี้ยวเสี้ยวปลอบโยนอย่างเงียบ ๆ แต่สายตาของเขากลับมองไปที่เก๋อเฉิงเฟยอย่างดุเดือด
เมื่อสัมผัสได้ เก๋อเฉิงเฟยก็หยุดทันที
ผ่านประสบการณ์การปะทะกับปืนมาแล้ว ยังต้องกลัวไม่กี่คำนี้อีกเหรอ?
ทันใดนั้นเอง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็นึกขึ้นมาได้เหมือนว่าเซี่ยงเฉิงกับเซี่ยงหลินจะยังอยู่ในโรงพยาบาล เธอหน้าถอดสี เซี่ยงเฉิงติดค้างเธอแต่สุดท้ายก็ไม่น่าถึงกับเจอหายนะแบบนี้ คนพวกนั้นไล่ล่าพวกเธอเพราะไปทำลายเป็นของพวกเขา แต่เซี่ยงเฉิงกับเซี่ยงหลินกลับยังอยู่ในโรงพยาบาล คนหนึ่งยังถูกฉีดยาสลบไม่รับรู้เรื่องอะไรด้วย……
“จิ๋นลี่ยวน เซี่ยงเฉิงกับเซี่ยงหลิน…..”ยินเสี้ยวเสี้ยวเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่ได้พูดจนจบแต่ความหมายนั้นชัดเจน
จิ๋นลี่ยวนนิ่งเงียบไปสักพัก แล้วจึงพูด “ตอนนี้พวกเธอไม่ควรเข้าไป ฉันจัดการเอง ตอนนี้พวกเธอกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ไม่อะไรก็ค่อยพูดกันพรุ่งนี้”
ยินเสี้ยวเสี้ยวนึกถึงสภาพร่างกายของถาวหยี ก็ไม่พูดถึงเรื่องโรงพยาบาลอีก เรื่องของคุณย่าคงต้องปล่อยไว้ชั่วคราว
การลักลอบขายอวัยวะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยจริง ๆ…..
ผ่านไปเกือบทั้งคืน ยินเสี้ยวเสี้ยวพาถาวหยีกลับไปที่เมืองไห่เมียวแต่กลับนอนไม่หลับเลย จนถึงตอนนี้เธอยังคงมีความกลัวต่อเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นหลงเหลืออยู่ในใจ
อยู่ในโรงพยาบาลแท้ ๆ ก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้ได้ คนพวกนั้นไม่ใจกล้าบ้าบิ่นเกินไปหน่อยเหรอ?
คนไข้สามคนถูกเอาอวัยวะไปแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวแค่คิดถึงเรื่องนี้ดวงหน้าเล็กก็ซีดขาวแล้ว
อวัยวะของคนคนหนึ่ง ทั้งหัวใจตับม้ามปอดและอย่างอื่นอีกมากมายล้วนเบียดเสียดกันอยู่ในท้อง แต่เมื่ออวัยวะพวกนั้นถูกเอาออกมาจากท้องแล้ว ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงเปลือกนอกแล้วน่ะสิ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเคยได้ยินมาว่าแก๊งค้าอวัยวะบางกลุ่มเหิมเกริมยิ่งกว่า พวกเขาลักพาตัวคนมาแล้วเอาอวัยวะของคนออกมาทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่……
ร่างกายของถาวหยีไม่ได้แข็งแรงเท่ายินเสี้ยวเสี้ยว ท้องก็แก่เดือนมากแล้ว ในตอนที่ได้สติ ในหัวฉายภาพกองเลือดพวกนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำอย่างทนไม่ไหว
ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินตามเข้าไป ยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อที่จะยื่นน้ำให้ แล้วเอื้อมมือไปลูบหลังเธอเบา ๆ ….
อ้วก อ้วก….
เสียงโอ้กอากดังขึ้น แต่ถาวหยีก็ไม่ได้อาเจียนอะไรออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน ถาวหยีก็ราวกับจะล้มไปพิงตัวยินเสี้ยวเสี้ยว นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งยินเสี้ยวเสี้ยวก็ถามขึ้น “ถาวหยี บอกฉันได้ไหมว่าพ่อเด็กคือใคร?”
ร่างของถาวหยีชะงักแข็งเล็กน้อย เอาแต่ส่ายหัวไม่ยอมพูด
ยินเสี้ยวเสี้ยวทอดถอนใจ แล้วไม่เซ้าซี้ต่อ
ไม่บอกก็ไม่บอก สักวันเธอคงได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ที่ทำให้ถาวหยีสิ้น แต่ก็ทำให้เธอมีความหวังด้วย……
เช้าตรู่ ยินเสี้ยวเสี้ยวเปิดโทรทัศน์เห็นข่าวของโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ หญิงสาวทั้งสองเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องจะดำเนินไปถึงจุดนี้ได้
——มีรายงานว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อบ่ายวานนี้ที่โรงพยาบาลหวู่เฉิง เหยื่อสามรายถูกนำอวัยวะภายในออกจากร่างกายขณะยังมีชีวิต ในตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงเหยื่อทั้งสามก็ไม่มีสัญญาณชีพแล้ว เรื่องถูกเปิดเผยเนื่องจากเมื่อคืนคุณหนูสองแห่งตระกูลเซี่ยงได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือเมื่อคืนนี้และถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาพยาบาล ด้วยคำแนะนำของเพื่อนคุณชายเซี่ยงจึงพบบางสิ่งแปลกประหลาด……
——สมาชิกในครอบครัวของเหยื่อทั้งสามมาถึงที่เกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ ตามที่อ้างมา พวกเขาเชื่อคำแนะนำของแพทย์มาโดยตลอด จึงปฏิบัติตามคำแนะนำนั้นเพื่อ“การตรวจร่างกายอย่างสมบูรณ์”เพราะพวกเขาทั้งหมดอยู่ในเมือง T ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ หมอและพยาบาลในโรงพยาบาลบอกแค่ว่าคนไข้ไม่สะดวกที่จะรบกวน พวกเขาจึงไม่ได้สอบถามหรือเข้าไปเยี่ยม เป็นเหตุให้คนร้ายสบโอกาส…..
——คุณหนูสองตระกูลเซี่ยงได้กลายเป็นเหยื่อรายที่สี่ แม้ว่าทางคุณชายเซี่ยงจะค้นพบและแทรกแซงได้ทันการณ์ แต่น่าเสียดายที่คนร้ายไม่เพียงไม่กลัว แต่ยังเกิดเหตุการณ์เข้าปะทะกับตำรวจโดยตรง คุณชายเซี่ยงพุ่งเข้าไปในห้องผ่าตัดเพื่อช่วยน้องสาวของตน แต่กลับถูกยิงที่ไหล่…..
——ปัจจุบัน สถานการณ์ทั้งหมดยังอยู่ในระหว่างการสังเกตการณ์และสถานีของเราจะติดตามและรายงานต่อไป
……
เซี่ยงเฉิงบาดเจ็บเหรอ?
งั้นจิ๋นลี่ยวนล่ะ?
ราวกับเป็นครั้งแรกที่ยินเสี้ยวเสี้ยวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาจิ๋นลี่ยวน ในสายส่งเสียง ‘ตู๊ดตู๊ดตู๊ด’อยู่อย่างนั้นโดยอีกฝั่งไม่ได้รับสาย สายถูกต่อไปเรื่อย ๆ ในที่สุดตอนที่จิ๋นลี่ยวนรับสาย ยินเสี้ยวเสี้ยวก็แทบจะระเบิดน้ำตาออกมา
ปะทะด้วยกำลังอาวุธ
คำ ๆ นี้ช่างห่างไกลจากชีวิตของเธอนัก แก๊งลักลอบค้าอวัยวะและค้ามนุษย์ก็อยู่ห่างไกลจากตัวเธอมาก แต่เมื่อคืนทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นต่อหน้าเธอแล้ว…..
เขาไม่ได้กลับมากับพวกเธอ เธอก็ยิ่งเป็นห่วงอยู่ทั้งคืน
“เสี้ยวเสี้ยว…..”เสียงเบาตอบกลับมาคำหนึ่ง น้ำเสียงของจิ๋นลี่ยวนแฝงความเหนื่อยล้าเล็กน้อย “มีอะไรเหรอ?”
“จิ๋นลี่ยวน…..”สุดท้ายยินเสี้ยวเสี้ยวก็สะอื้นออกมาเบา ๆ แล้วถาม “นายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
จิ๋นลี่ยวนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ตะลึงไปชั่วขณะ ในตอนนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้โทรหาเธอเลยทั้งคืน และในตอนนี้ข่าวที่เซี่ยงเฉิงได้รับบาดเจ็บคงจะกระจายไปแล้ว เธอกลัวเขาจะเสียท่าสินะ?
“ฉันไม่เป็นไร วางใจเถอะนะ”มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนพลันรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าหายไปมากทีเดียว
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้ารัว เป็นเวลาเดียวกันที่เสียงถ่ายทอดทางโทรทัศน์และของจิ๋นลี่ยวนดังออกมาพร้อมกัน
“ฉันเป็น ‘นักเต้นบัลเล่ต์’ ฉันจะเป็นนักเต้นบัลเล่ต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ฮ่า ๆ … “
ทันใดนั้นเซี่ยงหลินก็ปรากฏตัวขึ้นในโทรทัศน์ มีร่องรอยเลือดออกจาง ๆ บนเสื้อกันหนาวสีขาวและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าปากแผลจะเปิด แต่ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เซี่ยงหลิน เพราะในมือของเธอได้ถือมีดผ่าตัดสองเล่มเอาไว้….
เสียงเย็นวาบประกาย ความคมของมีดผ่าตัดไม่ได้ด้อยไปกว่ามีดอื่น ๆ เลย
ในล็อบบี้ใหญ่ของโรงพยาบาล ทุกคนล้วนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
คุณหนูสองเซี่ยง เป็นอะไรไป?
เซี่ยงหลินก้าวเท้าเปลือยเปล่าเต้นบนพื้นเย็นเฉียบ เต้นรำอย่างสง่างามในเสื้อสเวตเตอร์สีขาวและกางเกงยีนส์ เส้นผมพลิ้วสยายอยู่ในอากาศ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันจะเป็นนักเต้นบัลเล่ต์ที่ดีที่สุดในโลก ฉันจะเต้นหงส์ขาวแล้วก็เต้นหงส์ดำด้วย ฉันจะต้องยอดเยี่ยมกว่าใครในโลกนี้…..”เซี่ยงหลินหมุนตัวพลางพูดพึมพำ ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและปรารถนา แต่ดวงตากลับไร้ความแวววาว “ฉันจะต้องยอดเยี่ยมกว่าพี่ซูว แล้วฉันก็จะทำให้ผู้ชายทุกคนบนโลกนี้ตกหลุมรักฉัน! ฮ่าฮ่าฮ่า….ฉันคือคนที่โดดเด่นที่สุด….”
ความผิดปกติของเซี่ยงหลินทำให้ทุกคนในที่นั้นล้วนตะลึงลาน ดึงสติกลับมาไม่ได้อยู่พักใหญ่
จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้ว เขาบอกลายินเสี้ยวเสี้ยวก่อนวางสายไป
ในโทรทัศน์คนของตระกูลเซี่ยงปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเว่ยโถ้หยีแดงเรื่อราวกับผ่านความปวดร้าวมา แววตาของเซี่ยวกั๋วซิวแดงก่ำ มีทั้งความโมโหและเจ็บปวด ยินรั่วอวิ๋นมองไปยังเซี่ยงหลินอย่างตกตะลึง
เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย ทำไมวันนี้ถึง….เป็ยบ้าได้ล่ะ?
ครั้งก่อนเพราะการวิวาทในKTVจึงทำให้คุณหนูสองตระกูลเซี่ยงเป็นที่รู้จักของคนทั้งเมืองT เซี่ยงหลินในตอนนั้นทั้งเย่อหยิ่งและโอหัง ความสำเร็จในด้านบัลเลต์เองก็ถือว่าสูงมาก แต่วันนี้ไม่ว่าจะมองยังไงก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
เสียงแฟลชสว่างขึ้นรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง ในใจของทุกคนล้วนมีการคาดเดาบางอย่างเอาไว้แต่กลับไม่มีใครพูดออกมา
คุณหนูสองตระกูลเซี่ยง เสียสติไปแล้ว
ทันใดนั้น สเต็ปการเต้นหมุนตัวของเซี่ยงหลินก็หยุดลง จากนั้นเธอก็จ้องมองไปที่มีดผ่าตัดที่เธอถืออยู่ในมืออย่างว่างเปล่า ดวงหน้าเล็กเอียงเล็กน้อย มองดูด้วยความงุนงงขณะเอ่ยพึมพำ “ของนี่มาอยู่ในมือฉันได้ยังไงกัน?”
วินาทีต่อจากนั้น เซี่ยงหลินก็ทำเรื่องที่ทำเอาทุกคนต้องสูดหายใจเฮือก
มือข้างหนึ่งยกเสื้อของตัวเองขึ้นสูง รอยแผลเปรอะเลือดบนหน้าท้องจนดูไม่ชัดเจน และยังสามารถเห็นรอยของลำไส้ได้ราง ๆ เซี่ยงหลินนั้นเงื้อมีดขึ้นแล้วแทงเข้าที่บาดแผลของตัวเอง..