Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่193 คำอธิบายของมู่เยียนหราน
บทที่193 คำอธิบายของมู่เยียนหราน
หลังจากลงจากรถแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รอบๆ ยังมีนักข่าวตามพวกเขามาอยู่ แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาแล้วก็พุ่งเป้าหมายมาที่พวกเขา ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกผ่อนคลาย
เดิมทีคิดว่าจะเสแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรแล้วก็หันไปยิ้มแล้วบอกลาจิ๋นลี่ยวน แต่ว่าตอนที่เห็นมู่เยียนหรานกำลังเดินเข้ามาใกล้ ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยังไม่ทันจะคลี่ยิ้มก็หยุดลงทันที
สมองของเธอเหมือนกับหยุดทำงานไป จนถึงตอนที่มู่เยียนหรานเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เธอถึงได้สติกลับมา
“เสี้ยวเสี้ยว อรุณสวัสดิ์” มู่เยียนหรานยิ้มพร้อมกับทักทายเธอ แล้วก็เดินไปหยุดอยู่ตรงตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับของรถเรนจ์โรเวอร์ “ขอโทษที นี่ฉันสร้างความลำบากให้ลี่ยวนรึเปล่า เธอเองก็รู้ สุขภาพของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้ถูกขอให้ไปตรวจร่างกายทุกเช้า มหาวิทยาลัยTก็อยู่ไม่ค่อยไกลจากโรงพยาบาลหนันหยูเท่าไหร่ ก็เลยต้องรบกวนให้ลี่ยวนมารับฉัน……”
มีเสียงฮึมฮัมอยู่ในหัวของเธอ สายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวมองเข้าไปในหน้าต่างสีดำมืดของรถคันนั้น
เธอมองไม่เห็นเขา แต่ว่าเธอก็ยังดื้อดึงที่จะมองเข้าไป
เดิมทีเธอนึกว่า ต่อให้มันเป็นคำสั่งของคุณย่า แต่ว่าสุดท้ายแล้วจิ๋นลี่ยวนก็มาส่งตัวเอง ครั้งแรกอาจจะยังดูไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ แต่ว่ามันก็จะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ว่าตอนนี้การปรากฏตัวของมู่เยียนหรานเท่ากับตบหน้าเธออย่างแรง!
เธอไม่ได้อยากมาส่งเธอที่มหาลัย แต่ว่าเขาตั้งใจมารับมู่เยียนหรานที่นี่ต่างหาก!
เธอกัดริมฝีปากแน่น นี่เป็นครั้งแรกที่ยินเสี้ยวเสี้ยวต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ทำให้เธอพูดไม่ออกแบบนี้
เธอในเมื่อก่อนถ้าเกิดว่าต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ยังกล้าโต้เถียง และก็กล้าถากถาง แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าตอนนั้นถึงเธอจะรู้ว่าจิ๋นลี่ยวนไม่ได้รักตัวเอง แต่ว่าเขาก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนอยู่ในสายตา แต่ว่าตอนนี้เธอกลับไม่กล้าแล้ว จิ๋นลี่ยวนกับมู่เยียนหรานอยู่ใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนความกล้าที่จะโต้กลับของเธอนั้นได้หายไปจนหมดสิ้น……
เธอไม่รู้ว่าเขาชอบหรือว่าไม่ได้ชอบเธอ แต่ว่าตอนนี้เธอมาถึงจุดนี้ ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ให้ความมั่นใจกับเธอให้มากพอ!
มู่เยียนหรานยิ้มแล้วก็ ‘อธิบาย’ ให้ยินเสี้ยวเสี้ยวฟัง หลังจากนั้นก็หันหลังแล้วก็เปิดประตูขึ้นรถไป หลังจากนั้นเธอก็เปิดกระจกรถแล้วพูดกับยินเสี้ยวเสี้ยวว่า “เอ้ะ เสี้ยวเสี้ยว ฉันลืมลาเรียนน่ะ เดี๋ยวตอนถึงเวลาเรียน เธอช่วยลาให้ฉันหน่อยนะ ยังไงคาบเรียนแรกของพวกเธอก็เป็นคาบเรียนของอาจารย์ที่ปรึกษาฉันพอดีไม่ใช่เหรอ? ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ในรถ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขาเอาแต่มองดูอย่างเงียบๆ แม้จะรู้ว่ามีนักข่าวหลายคนซุ่มดูอยู่รอบๆ แต่ว่าเมื่อเขาเผชิญหน้ากับมู่เยียนหรานแบบนี้เขากลับไม่คัดค้านอะไรออกมาสักคำ ตอนนี้ได้หันหน้าไปมองทางอื่น
มุมปากของยินเสี้ยวเสี้ยวยกขึ้นอย่างเย้ยหยัน ตอนนี้เธอกำลังหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ในใจ
ยินเสี้ยวเสี้ยว จนถึงตอนนี้แล้ว เธอยังจะรอคอยอะไรอยู่อีก?
เขาไม่ใช่จิ๋นลี่ยวนคนเดิมตั้งนานแล้ว……
ตลอดทั้งตอนเช้า ทั้งมหาวิทยาลัยTต่างมีแต่เรื่องของยินเสี้ยวเสี้ยว นักศึกษาสาขาวิชาการออกแบบโฆษณากับมู่เยียนหราน นักศึกษาสาขาวิชาการจัดการ ยินเสี้ยวเสี้ยวพึ่งจะแต่งงานเข้าตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งเมืองTนั่นก็คือบ้านจิ๋น แต่ว่ายังไม่ถึงครึ่งปีก็จะหย่าแล้ว และในเวลานี้สามีของเธอก็กลับอยู่ใกล้ชิดกับมู่เยียนหรานเป็นพิเศษ……
ในสถานการณ์ปกติ เวลานี้ยังไงยินเสี้ยวเสี้ยวก็คือผู้ถูกกระทำ ส่วนมู่เยียนหรานก็จะกลายเป็นชู้อย่างไม่ทันระวัง แต่ว่าคนที่ต้องแบกรับคำว่า ‘ชู้’นั้นกลับไม่ใช่มู่เยียนหราน แต่กลับเป็นยินเสี้ยวเสี้ยวซะเอง
——ฉันได้ยินมาว่า ก่อนหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวนั้น บ้านจิ๋นกับตระกูลมู่มีการหมั้นกันแล้ว!
——ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่คนดีอะไรจริงๆ ด้วย เป็นชู้ตัวแม่ แย่งสามีคนอื่น!
——เธอก็ดูใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่คิดเลยว่าจะแสบขนาดนี้ ทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้!
——มหาวิทยาลัยTของพวกเราช่างน่าอัปยศเสียจริง พูดออกไปก็ขายหน้า!
……
ตลอดทั้งวัน คำพูดพวกนี้ดังก้องอยู่ในหูของยินเสี้ยวเสี้ยว ไม่มีใครพูดข้อเท็จจริงแทนเธอเลยแม้แต่คนเดียว
หลังจากเลิกเรียนนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวเตรียมจะออกมาแต่ว่าก็ถูกเฉิงชื่อชิงเรียกไปก่อน
ทั้งสองคนไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้ว นัดกันที่‘ร้านอาหารซื่อฟาง’
เปิดหน้าต่างที่สวยงามของตึกนี้ออก ยินเสี้ยวเสี้ยวมองออกไปที่วิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง สวนแบบนี้ในเมืองTนั้นมีเอกลักษณ์มาก ในเวลานี้ยิ่งดูสวยงามมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่เฉิงชื่อชิงสั่งอาหารเสร็จแล้วเข้ามาก็เห็นท่าทางที่ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่ สีหน้าก็ดูทุกข์ใจ
“ฉันให้พ่อครัวทำอาหารพวกมะม่วงให้เธอด้วย อีกเดี๋ยวก็กินให้เยอะๆ หน่อยนะ……”เฉิงชื่อชิงมองไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยสายตาที่อ่อนโยน เขารู้สึกว่าไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน แต่ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวผอมลงไปเยอะจนน่าตกใจ “เด็กอย่างเธอนี่ก็ไม่ได้อ้วนสักหน่อย ทำไมถึงต้องไปลดน้ำหนักตามคนอื่นด้วย ระวังว่าจะลดน้ำหนักจนพี่ชายจำเธอไม่ได้นะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยกมุมปากขึ้น เธอยิ้มแล้ว เธอยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มเงียบๆ
หลังจากผ่านไปนาน ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงได้พูดขึ้นมา “พี่ชื่อชิง ถ้าเกิดว่าฉันหย่าแล้ว พี่ชายจะปวดใจแล้วก็ซื้อห้องให้ฉันสักห้องหนึ่งอะไรแบบนี้ไหม? ”
รอยยิ้มของเฉิงชื่อชิงค้างแข็ง
หย่า? จริงเหรอ?
ชั่วขณะนั้น เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกดีหรือว่าไม่ดีกันแน่
ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดตามอารมณ์ แต่ว่าสายตาของเธอกลับสงบนิ่งเหมือนกับน้ำ
ตอนแรกที่แต่งงานกับจิ๋นลี่ยวนนั้น เธอเคยเซ็นลงนามในสัญญาที่หลี่หมึ้งเอามาด้วยซ้ำ ว่าหลังจากที่เธอแต่งงานแล้วจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านยินอีก แม้แต่ตอนนั้นยังเคยพูดว่าถ้าเกดิว่ายินจื่อเจิ้นจะช่วยเหลืออะไรเธอจำเป็นต้องได้รับการเห็นด้วยจากคนที่บ้านทุกคนก่อน แต่ว่าหลี่หมึ้งจะยอมปล่อยให้ยินจื่อเจิ้นช่วยเหลือเธอได้ง่ายๆ ได้ยังไงกัน……
แต่งงานเพียงครั้งเดียว เธอกลับเหมือนคนไม่มีครอบครัวไปเลย……
รอยยิ้มที่ปากของเธอดูขมขื่นเล็กน้อย คำพูดดีๆ ที่จิ๋นลี่ยวนพูดตอนนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหู
“เสี้ยวเสี้ยว สรุปแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่? ” เสียงของเขาทุ้มต่ำ เฉิงชื่อชิงเก็บรอยยิ้มที่อ่อนโยนราวกับหยกไปแล้วเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา แต่ว่าสายตาของเขากลับมีความรู้สึกทุกข์ “ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นแบบนี้ได้? ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวส่ายหน้าและตอบว่า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าตัวฉันเองไม่ได้เป็นที่น่าพอใจก็ได้ เขาไม่ชอบฉันก็ไปบังคับเขาไม่ได้ หรือบางที……บางทีมู่เยียนหรานต่างหากที่เป็นคนที่ดีและเหมาะสมกับเขา”
พอพูดถึงมู่เยียนหราน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในลำคอของเธอ
“มู่เยียนหราน? ” ความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตาของเฉิงชื่อชิง แล้วเขาก็ถามออกมาทันที
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ทันสังเกต เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ก้มลงมองถ้วยชาในมือของตัวเองพลางพูดต่อ “อืม มู่เยียนหรานคือคุณผู้หญิงของตระกูลมู่ และตระกูลมู่ก็ได้มีสัญญาหมั้นกับบ้านจิ๋นไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าแค่ยังไม่ได้กำหนดว่าใครกับใครเท่านั้นเอง บวกกับที่สุขภาพของมู่เยียนหรานไม่ค่อยดี ต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆ จิ๋นลี่ยวนเองก็เป็นหมอ แม้แต่ว่าจะไม่ใช่หมอแผนกโรคหัวใจแต่ว่าเขาก็เรียนอย่างกว้างขวาง ได้ยินมาว่าตอนที่เรียนอยู่นั้นเขาก็เรียนเรื่องของแผนกหัวใจได้ดีมาก แต่แค่ว่าหลังจากนั้นเลือกแผนกศัลยกรรมเท่านั้นเอง……”
เธอบังคับให้ตัวเองเอ่ยชื่อของทั้งสองคนครั้งแล้วครั้งเล่า ในหัวก็ปรากฏภาพใบหน้าของทั้งสองคนออกมาอีกครั้งและอีกครั้ง ยินเสี้ยวเสี้ยวใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ตัวเองชินชา มันมาโซคิสต์มากแต่ว่าก็ได้ผลมากเหมือนกัน
บนโลกใบนี้มีผู้หญิงโง่ๆ แบบนี้อยู่เสมอ หลังจากได้รับความเจ็บปวดก็เอาแต่นึกถึงความเจ็บปวดนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า บางครั้งคิดมากแล้วก็ไม่รู้สึกถึงมันอีกต่อไปแล้ว และก็ไม่รู้สึกว่าตอนแรกตัวเองได้เจ็บปวดอีกด้วย ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถรู้สึกได้ว่าตอนนั้นตัวเองยังไร้เดียงสาอยู่ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็คือผู้หญิงโง่แบบนั้น
ตอนแรกที่เอ่ยชื่อของจิ๋นลี่ยวนกับมู่เยียนหรานขึ้นมา ใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก แต่ว่าพอเริ่มพูดเยอะขึ้น มันก็เริ่มชา……
“ความสัมพันธ์ของมู่เยียนหรานกับจิ๋นลี่ยวนนั้นไม่เลวเลย คุณย่าเองก็ชอบเธอมาก เพราะฉะนั้นในหลายๆ ทีมู่เยียนหรานก็ได้รับการดูแลจาก……จิ๋นลี่ยวน……” และยิ่งมีจิ๋นลี่ยวนที่มีทรัพยากรเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ไม่ยอมทิ้งประโยชน์ที่อยู่ใกล้และไปแสวงหาประโยชน์ที่อยู่ไกลหรอก ยินเสี้ยวเสี้ยวดื่มชาลงไป แล้วก็พูดต่อ “ฉันก็หวังว่าอาการป่วยของเธอจะโชคดีขึ้นมาหน่อย……”
เฉิงชื่อชิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม รอให้ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดจบแล้วก็รีบถามออกมาทันที “มู่เยียนหรานป่วยเป็นอะไร? ”
“โรคหัวใจ ได้ยินว่าเป็นมาจากกรรมพันธุ์” ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขึ้นมาและตอบคำถามเขา ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเฉิงกับตระกูลมู่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ไม่รู้ก็ไม่ถือว่าแปลก และตอนที่มู่เยียนหรานอยู่ที่มหาลัยก็ไม่เคยพูดออกมา คนไม่รู้ก็เยอะแยะ
ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างดุร้าย เฉิงชื่อชิงรู้สึกเหมือนกับว่าเขาจับอะไรได้แล้วก็จับอะไรไม่ได้ยังไงยังงั้น
“พี่ชื่อชิง เป็นอะไรไปเหรอ? ” ยินเสี้ยวเสี้ยวมองหน้าเขาพร้อมกับถามด้วยความห่วงใย
เขาส่ายหัว ตอนที่เฉิงชื่อชิงเตรียมจะพูดอะไรบางอย่างพนักงานเสิร์ฟก็ยกข้าวเข้ามา หัวข้อนี้ก็เลยถูกหยุดไว้ แต่ว่าเรื่องนี้ก็ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ในใจของเฉิงชื่อชิง
มู่เยียนหราน?
เป็นโรคหัวใจ?
ดูเหมือนว่าเขาประมาทมากไปแล้ว……
และอีกด้านหนึ่งที่ ‘บริษัทจื่อยิน’ เห็นได้ชัดเลยว่าวันนี้ยินจื่อเจิ้นสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย
เฉิงกังอยู่นอกประตูคอยกั้นผู้มาเยือนหลายชุด เหลือไว้แต่ยินจื่อเจิ้นเพียงคนเดียวที่นั่งไตร่ตรองบางอย่างอยู่ในห้องทำงาน
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่จู่ๆ จิ๋นลี่ยวนก็มาหานั้น ชีวิตแต่งงานของเสี้ยวเสี้ยวกับจิ๋นลี่ยวนก็เหมือนจะมีปัญหา ถึงขั้นตอนนี้จะหย่ากันเลยงั้นเหรอ?
หลังจากที่ได้รับข่าวนี้ ยินจื่อเจิ้นก็ตกใจยิ่งกว่าใคร
เขานึกไม่ถึงเลยว่าน้องสาวสุดที่รักที่ตัวเองประคับประคองด้วยสองมือและไม่มีวันจะทำร้ายเธอได้ เมื่อแต่งงานเข้าบ้านจิ๋นไปไม่ถึงครึ่งปีก็มีข่าวหย่าร้างออกมา แต่ว่า……เขากลับแอบดีใจ!
แน่นอน ยินจื่อเจิ้นโกรธมาก แม้แต่เกือบจะไปหาจิ๋นลี่ยวนแล้วด้วยซ้ำ แต่ว่าหลังจากที่ใจเย็นลงก็ไม่ได้ไป จิ๋นลี่ยวนรู้แล้วว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่คนของบ้านยิน บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาต้องการหย่า ตอนนี้ถ้าเกิดว่าเขาไป แล้วเรื่องนี้มันแตกต่อหน้าทุกคนจะทำยังไงล่ะ? ยินไป่ฝันไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่!
เขาไม่กลัวการแก้แค้นจากยินไป่ฝันหรอก และก็ไม่กลัวคำถามจากบ้านจิ๋น สิ่งเดียวที่เขากลัวก็คือสายตาผิดหวังของยินเสี้ยวเสี้ยว
ถ้าเกิดว่าเธอรู้ว่าตัวเองเป็นลูกสาวที่ถูกเก็บมาเลี้ยง เธอจะเจ็บปวดหรือไม่?
เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว แต่ว่าเขาไม่กล้าแม้แต่จะโทรหาเธอด้วยซ้ำ และก็ไม่กล้าไปเจอเธอด้วย เพราะว่ากลัวว่าเขาจะเผลอเปิดเผยอารมณ์ต่อหน้าเธอเข้า……
เสี้ยวเสี้ยว……
ถ้าเกิดว่าเธอไม่ใช่คนของบ้านยิน เธอจะดีใจไหม? ถ้าฉันบอกว่าฉันดีใจมาก เธอจะโกรธไหม?
เขาอยากจะเปิดเผยตัวตนของยินเสี้ยวเสี้ยว แต่ว่าต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ไม่เป็นการทำร้ายเธอ!
สถานการณ์แบบนั้น มันมีอยู่จริงๆ เหรอ?
ยินจื่อเจิ้นยังหาเหตุผลไม่ได้ โทรศัพท์จากบ้านยินก็โทรมาหาเขาแล้ว ยินจื่อเจิ้นขมวดคิ้วแน่นแล้วก็รับสาย “พ่อ มีอะไรเหรอครับ? ”
ยินไป่ฝันไม่ได้สนใจเรื่องที่ ‘บริษัทจื่อยิน’ตั้งนานแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโทรมาในเวลาทำงาน น้ำเสียงของเขาดูเคร่งขรึมเป็นพิเศษ “แกรีบกลับมาเลย พวกเราต้องปรึกษาหารือกันเรื่องยินเสี้ยวเสี้ยวหน่อย แล้วก็มีคำถามเกี่ยวกับรั่วอวิ๋นแล้วก็บ้านเซี่ยงด้วย”
ร่างสูงรีบลุกขึ้นทันที หยิบกุญแจรถที่อยู่บนโต๊ะแล้วก็เดินออกไป
เรื่องยินรั่วอวิ๋นกับบ้านเซี่ยงอะไรนั่นเขาไม่ได้สนใจหรอก แต่คำว่า ‘ยินเสี้ยวเสี้ยว’เพียงแค่สามคำเท่านั้นที่เป็นมารในชีวิตของเขา!
เรื่องการหย่า สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นแล้ว ทำได้แค่ดูว่าสุดท้ายแล้วจะเก็บกวาดมันยังไง……