Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่212 เธอยังสนใจฉันอยู่
บทที่212 เธอยังสนใจฉันอยู่
โดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาของยินจื่อเจิ้นหดลึกลงเล็กน้อย…
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างภูมิใจ “ถึงจะเป็นพี่ชายฉันก็จะใช้เส้นไม่ได้หรอกนะ จนกว่าคนจะมากันครบไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เริ่มกินทั้งนั้นแหละ แน่นอนว่ายกเว้นถาวหยี ถ้าสามารถมีเด็กน้อยในท้องให้ฉันได้ ฉันจะเสิร์ฟให้กินเดี๋ยวนี้เลย!”
คำบางคำทำเอาทุกคนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พวกเขาชายฉกรรจ์สามสี่คนจะไปท้องได้ยังไงล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องแต่งสะใภ้แล้ว หาผู้ชายสักคนก็ได้แล้วน่ะสิ!
ยินจื่อเจิ้นถอนมือกลับมา แต่กลับจำคนที่ทำให้คนตั้งเยอะต้องมารอเขาเอาไว้แล้ว!
แม้แต่เฉิงชื่อชิงและต๋งไขก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวรออยู่คอใครกันแน่?
หนึ่งทุ่มครึ่ง ในที่สุดเฉินหยูก็มาถึงอย่างล่าช่า บาดแผลที่ขาของเขายังไม่หายทั้งหมด ตอนนี้เดินเท้าก็ยังกะเผลกอยู่เล็กน้อย แต่แค่พักผ่อนอย่างเดียวก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร เพียงแต่เขาอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปไม่ไหวจึงออกมา
วันนี้มาถึงที่อยู่ของยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นครั้งแรก เด็กน้อยดูค่อนข้างจะเก้ ๆ กัง ๆ ยืนอยู่นอกประตูพร้อมตะกร้าผลไม้ขนาดใหญ่ในมือ ท่าทางนั้นทำเอาถาวหยีอดหัวเราะไม่ได้ เฉินหยูเองก็หน้าแดงแล้วเกาหัวยิ้ม ๆ เขามองยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วเรียกอย่างน่าเอ็นดู “พี่เสี้ยวเสี้ยว”
ยินเสี้ยวเสี้ยวรับตะกร้าผลไม้ในมือเขาแล้วเรียกเข้ามา จากนั้นก็แนะนำคนในบ้านให้เขารู้จัก เมื่อถึงยินจื่อเจิ้น ทั้งสองคนต่างจ้องตรงไปยังฝ่ายตรงข้าม ความรู้สึกแปรปรวนในสายตานั้นมีเพียงพวกเขาที่เข้าใจ
เขาเป็นพี่ชายของพี่สาวมา 23 ปี…..
ทำไมเขาถึงหน้าตาคล้ายเสี้ยวเสี้ยวกันล่ะ? เมื่อนึกถึงเรื่องที่จิ๋นลี่ยวนถามตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้ ในใจยินจื่อเจิ้นรู้สึกประหลาดใจขึ้นมานิดหน่อยอย่างอดไม่ได้ และเริ่มสนใจในตัวเฉินหยูมากขึ้น
เซี่ยงเฉิงเองก็เห็นเฉินหยูแบบนี้เป็นครั้งแรก ครั้งก่อนได้ยินอยู่นอกห้องทำงานของจิ๋นลี่ยวน แต่ก็แค่ชื่อเท่านั้น แม้แต่ตอนที่เขาไปดูเอง เฉินหยูยังถูกจิ๋นลี่ยวนตีอย่างน่าเวทนา จะเหมือนเด็กหนุ่มหล่อเหลาอย่างวันนี้ได้ที่ไหนกัน พอมองดี ๆ แล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวกับเฉินหยูก็คล้ายกันอยู่ไม่น้อยจริง ๆ
ในบ้าน คาดว่านอกจากยินเสี้ยวเสี้ยวคนต้นเรื่องและต๋งไขกับถาวหยีที่ประสาทสัมผัสทื่อจนไม่สังเกตเห็นความแตกต่างนี้ คนอื่น ๆ ก็เห็นกันหมด ส่วนคนแรกที่สังเกตเห็นนั้นน่าจะเป็นเฉิงชื่อชิง โรคเปรียบเทียบจากการทำงานแสดงออกมา แทบจะตอนที่เฉินหยูปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน เฉิงชื่อชิงก็หันกลับมามองยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว
คนไม่น้อยรอบโต้ะอาหาร ภายใต้บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาแบบนี้ไร้หมอกควันของการหย่าร้างของยินเสี้ยวเสี้ยวเลยแม้แต่น้อย พูดออกไปก็คงมีน้อยคนจะเชื่อ
แต่ท้ายที่สุดความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือเป็นแค่การอำพรางของยินเสี้ยวเสี้ยว ก็มีเพียงตัวเธอเองที่รู้
บนโต๊ะอาหาร ทุกคนต่างพูดคุยกับเฉินหยูบ้างเป็นครั้งคราว หนึ่งในนั้นที่มากที่สุดก็คือเซี่ยงเฉิง ซึ่งเฉิงชื่อให้ความสนใจกับบทสนทนาของพวกเขาอยู่ตลอด จะสบตากับยินจื่นเจิ้นบ้างนาน ๆ ครั้ง แต่เฉินหยูเหมือนจะรู้สึกสนใจในตัวยินจื่อเจิ้นมากกว่า จึงพูดคุยกับยินจื่อเจิ้นเป็นบางครั้ง
ความรู้สึกแปลก ๆ นี้ทำให้ยินจื่อเจิ้นและเฉิงชื่อชิงที่มีความรุ้สึกไวรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันพวกเขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
เมื่อกินไปได้พอสมควรแล้ว โทรศัพท์ของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ดังขึ้น เธอวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อรับโทรศัพท์ เธอเคลื่อนไหวอย่าวรวดเร็วจนไม่ทันได้ดูหมายเลข จนเมื่อหลังจากรับขึ้นมาแล้วถึงได้เสียใจทีหลัง
“ฮัลโหล?” เธอเอ่ยเบา ๆ น้ำเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวเจอความเมาอยู่เล็กน้อยแล้ว
เธอที่ดื่มไม่เก่งเธอมักจะเมาง่ายด้วยแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อย ตอนนี้เองก็ไม่มีข้อยกเว้น
“เสี้ยวเสี้ยว….” ในโทรศัพท์น้ำเสียงอ่อนแรงดังออกมาอย่างแผ่วเบา ไม่ต้องใช้คำมากมาย เพียงแค่เรียกคำเดียวยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้แล้วว่าอีกฝั่งคือใคร มือที่ถือโทรศัพท์กระชับขึ้นเล็กน้อย “เสี้ยวเสี้ยว….”
จิ๋นลี่ยวนไม่นึกเลยสักนิดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะรับสายของเขา เขารู้สึกยินดีอย่างไม่คาดฝัน แต่จากนั้นกลับเต็มไปด้วยความคิดถึง เพิ่งจะหย่ากันไปแค่สามสิบกว่าชั่วโมงแท้ ๆ เขาก็มีความรู้สึกราวกับแยกจากกับยินเสี้ยวเสี้ยวมาแล้วเป็นหลายร้อยปี!
ยินเสี้ยวเสี้ยวหายใจเข้าออกลึก ๆ ไม่ได้พูดอะไรแต่กลับไม่ได้วางสาย เธอเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่น
เมื่อเผชิญหน้ากับคนนอก เธอจะสามารถเด็ดเดี่ยว แข็งแกร่ง กระทั่งเย็นชาได้เป็นพิเศษ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิ๋นลี่ยวนเพียงลำพัง เปลือกปลอมทั้งหมดของเธอก็ไม่ไยดีอีก เปราะบางจนเกินทน!
“แค่กแค่ก….” จิ๋นลี่ยวนไออย่างรุนแรงในสาย น้ำเสียงที่แหบพร่าแค่ฟังก็รู้ว่าทางนั้นป่วยหนัก “แค่กแค่ก เสี้ยวเสี้ยว เธอทำอะไรอยู่เหรอ?”
จิ๋นลี่ยวนถามเสียงเบา ในตอนนี้เขาแค่อยากจะคุยกับเธอ
ที่จริงแล้วที่เขาอยากพูดที่สุด คงไม่พ้นว่าเขาเสียใจ เขาไม่เต็มใจ แต่ไม่ว่ายังไงกลับพูดออกไปไม่ได้…..
เรื่องของซูเหนียงไม่ได้รับการแก้ไข เขาก็ไม่มีทางได้เจอยินเสี้ยวเสี้ยว เช่นเดียวกับที่เขาเชื่อ หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข เมื่อถึงตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้ เธอเองก็หมดหนทางจะเจอเขา….
การหย่า คงต้องพูดว่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองในตอนนี้
ยินเสี้ยวเสี้ยวหายใจหนัก ๆ เธออยากจะวางสายไปด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง แต่เมื่อได้ยินเสียงไอของอีกฝั่ง เธอก็กลืนคำพูดพวกนั้นลงไป “นายเป็นยังไงบ้าง? กินยารึยัง?”
เมื่อสิ้นเสียงพูด ยินเสี้ยวเสี้ยวแทบจะตบตัวเองซะ!
ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอจะมีอนาคตหน่อยจะได้มั้ย?
“ฮะฮะ….” จิ๋นลี่ยวนที่อยู่อีกฝั่งของสายไอพลางหัวเราะ เสียงหัวเราะนั้นทำเอาแก้มของยินเสี้ยวเสี้ยวแดงไปครึ่งหนึ่ง เธอกัดริมฝีปากแน่นยังไงก็ไม่ยอมพูดอีกแล้ว “เสี้ยวเสี้ยว เธอยังสนใจฉันอยู่ ใช่ไหม?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามระงับอารมณ์ในใจ เอ่ยคำถามที่เธอใช้เวลาหลังจากหย่าทั้งสามสิบกว่าชั่วโมงคิดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “จิ๋นลี่ยวน ที่นายหย่ากับฉัน ได้ถูกบังคับรึเปล่า?”
เพียงคำเดียว อีกคนที่อยู่ในสายไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
มือทั้งสองข้างจับโทรศัพท์แน่นแนบไว้กับหู กลัวจะพลาดคำตอบของเขาแม้แต่คำเดียว
ความเงียบของจิ๋นลี่ยวนทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวกล้าที่จะถามต่อ แต่ละคำยิ่งดังและมีพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ “จิ๋นลี่ยวน เหตุผลที่ฉันเดาไปวันนั้นมันผิด ใช่ไหม? เพราะเหตุผลอื่นนายถึงไม่หย่ากับฉันไม่ได้ใช่ไหม? จิ๋นลี่ยวน….นายไม่ได้ชอบมู่เยียนหราน ใช่ไหม?”
คำถามสุดท้ายนั้น ด้วยเสียงสั่นเครือนิด ๆ แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ถามออกไป
เป็นเวลานาน ในสายก็ไม่ยังมีเสียงพูดมีเพียงเสียงหายใจต่ออยู่อย่างต่อเนื่อง จิ๋นลี่ยวนในสายไอออกมาไม่กี่ครั้งอย่างกลั้นไม่ได้ แล้วจึงตอบกลับไป “เสี้ยวเสี้ยว พวกเราไม่สมควรอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร พวกเราก็ไม่เหมาะสมกัน”
คำคำนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มปากแน่นร้องไห้
“ทำไม!” เงียบไปสองวินาที ร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวแข็งตึงเอ่ยถามเสียงดัง คนที่อยู่ข้างนอกตกใจจนไม่กล้าเข้ามาได้แต่ยืนฟังยินเสี้ยวเสี้ยวตั้งคำถามอย่างบ้าคลั่งอยู่นอกประตูอย่างเงียบ ๆ “ทำไมถึงไม่เหมาะสม? จิ๋นลี่ยวน ตอนแรกคนที่บอกจะปกป้องฉันอย่างดีก็คือนาย ตอนแรกคนที่บอกว่าต่อให้ฉันจะไม่มีบ้านตัวเองก็ปกป้องฉันได้ก็คือนาย นายพาฉันเข้าตระกูลจิ๋น ฉันเคยปฏิเสธแล้ว ฉันเคยบอกแล้วว่าไม่อยากแต่งเข้าตระกูลจิ๋น นายนั่นแหละบังคับให้ฉันแต่งเข้าไป! ทำไมตอนนั้นคนที่บอกว่าเหมาะสมคือนาย ตอนนี้คนที่บอกว่าไม่เหมาะสมก็คือนาย? ตั้งแต่พวกเราเริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ในช่วงเวลายาวนานนั่น นายยังไม่รู้ว่าพวกเราเหมาะสมหรือไม่กันแน่อย่างนั้นเหรอ? นายถึงได้ใช้เหตุผลแบบนั้นมาพูดแบบขอไปทีกับฉัน? คิดว่าฉันโง่จริง ๆ รึไง?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวถือโทรศัพท์อย่างคลุ้มคลั่ง ความขุ่นเคืองในใจที่มีต่อจิ๋นลี่ยวนระเบิดออกมาในทันที
“จิ๋นลี่ยวน ที่ฉันหย่ากับนายก็เพราะฉันมองเห็นช่องว่างระหว่างตัวเองกับนายแล้วอย่างชัดเจน และฉันก็รู้ว่าเรื่องที่นายต้องการจะทำ้ใครก็หยุดไม่ได้ ในเมื่อนายอยากเลิกก็เลิกไปเถอะ ฉันเองก็เคยคิดว่าในเมื่อเลิกแล้วก็ทำลายมันให้หมดไปเลย แต่ทำไมหลังจากหย่าแล้วนายถึงยังต้องมาทำเหมือนรักกันแบบนี้อีก? นายไม่รู้เหรอว่ามันทำให้ฉันหวั่นไหวนับครั้งไม่ถ้วน? จิ๋นลี่ยวน นายเคยบ้างไหมว่าฉันจะเป็นยังไงบ้าง?” ยินเสี้ยวเสี้ยวตะคอกเสียงดัง น้ำตาไหลอาบแก้มหยดลงบนพื้น แต่ละคำพูดนั้นปลิดหัวใจของจิ๋นลี่ยวน “จิ๋นลี่ยวน ตอนนี้เรื่องทั้งหมดก็เป็นไปตามที่นายต้องการแล้ว งั้นตอนนี้นายก็ควรทำตัวตามสบาย ไม่ต้องมารบกวนฉันอีก แล้วก็อย่าให้แม่ผีเสื้อหลากสีของนายมาวุ่นวายกับฉันอีก! ตอนนี้ฉันเห็นพวกหล่อน เห็นนายก็รู้สึกรำคาญแล้ว! ฉันหงุดหงิกจนแทบอยากจะไม่เคยรู้จักนายตั้งแต่แรก!”
แค่กแค่กแค่ก…..
จิ๋นลี่ยวนในอีกด้านหนึ่งไออย่างไม่สามารถควบคุมได้เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาตกจากโซฟาโดยไม่ระวังล้มลงบนพื้นเย็นเฉียบ ร่างกายกระแทกกับโต๊ะกาแฟอย่างแรงจนส่งเสียงดัง ยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่อีกฝั่งตกใจจนนิ่งอึ้ง
แค่กแค่กแค่ก….
เสี้ยวเสี้ยว เสี้ยวเสี้ยว…..
เธอพูดถ้อยคำโหดร้ายแบบนั้นออกมาได้ยังไง?
แทบอยากจะไม่เคยรู้จักเขาตั้งแต่แรก?
มุมปากของเขายกขึ้นอย่างประชดประชัน จิ๋นลี่ยวนไอเหมือนจะขาดใจ แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ
เป็นเวลานาน ที่ในสายโทรศัพท์มีเพียงเสียงไอของจิ๋นลี่ยวน เสียงไอนั้นค่อย ๆ เบาลง จนอีกฝั่งไม่ส่งเสียงอะไรอีก ทันใดนั้นหัวใจของยินเสี้ยวเสี้ยวก็กระวนกระวาย กำโทรศัพท์ไว้อย่างบ้าคลั่ง “จิ๋นลี่ยวน! จิ๋นลี่ยวน! นายพููดกับฉันสิ! พูดสิ! ไอ้คนโกหก! เจ้าบ้า! พูดกับฉันสิ!”
แต่ไม่ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวก็เรียกในโทรศัพท์ทางนี้ยังไง จิ๋นลี่ยวนที่อยู่อีกฝั่งของสายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลย แม้แต่เสียงไอตามปกติก็ไม่มี…..
“จิ๋นลี่ยวน จิ๋นลี่ยวนพูดกับฉัน พูดกับฉันเถอะนะ?” ยินเสี้ยวเสี้ยวตื่นตระหนก ร้องเรียกเขาเบา ๆ “จิ๋นลี่ยวน นายพูดกับฉันหน่อย นายอยู่ที่ไหน? จิ๋นลี่ยวน…..”
พักใหญ่ที่ในสายไม่มีใครพูด
ในที่สุด ยินเสี้ยวเสี้ยวก็วิ่งผ่านประตูออกไปอย่างทนไม่ได้ เธอวิ่งออกไปขณะในมือถือโทรศัพท์แน่น
คนในห้องมองหน้ากัน หลังจากได้สติเฉิงชื่อชิงและยินจื่อเจิ้นก็ตามพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานต๋งไขและเซี่ยงเฉิงก็ไล่ตามไปเช่นกัน เหลือถาวหยีและเฉินหยูที่เคลื่อนไหวไม่สะดวกอยู่ที่เดิมด้วยความเป็นกังวล ทำได้แค่รอข่าวคราวอยู่อย่างนั้น
ในความมืด ยินเสี้ยวเสี้ยววิ่งออกจากบ้านอย่างลนลาน สมองอยู่ในความสับสนวุ่นวายแต่ร่างกายก็ไล่ตามทิศทางที่คุ้นเคยไปอย่างไม่รู้ตัว โทรศัพท์ในมือโทรหาอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุด
ยินเสี้ยวเสี้ยวเรียกรถแล้วตรงไปยังที่อยู่ในเมืองไห่เมียว
และในขณะเดียวกันถาวหยีที่อยู่ที่บ้านเองก็ต่อสายถึงคนที่ไม่ได้ติดต่อมานาน แต่อีกฝ่ายกลับขึ้นสถานะไม่ว่างอยู่ตลอด ไม่ว่ายังไงก็โทรไม่ติด.