Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่245 คุณย่าในความเป็นจริง
บทที่245 คุณย่าในความเป็นจริง
หลังจากที่ผ่านไปนาน กว่าจิ๋นลี่ยวนจะได้เดินเข้าไป ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเงียบๆ ยื่นมือออกไปแตะลงไปบนแผลตรงหน้าผากเธอเบาๆ ตรงนี้ ยังไม่ได้จัดการเลย…
คุณหมอและพยาบาลในห้องผ่าตัดต่างก็เห็นเขาเข้ามา แต่ในเวลานี้กลับไม่มีใครสนใจเขา
ยืนอยู่ตรงหน้ายินเสี้ยวเสี้ยว ตัวจิ๋นลี่ยวนก็ได้ถือสำลี แอลกอฮอล์ คีมหนีบจัดการบาดแผลบนหน้าผากของยินเสี้ยวเสี้ยวทีละนิดๆเบาๆ ความอ่อนโยนในนัยน์ตาคมกริบมองจนคนทั้งห้องผ่าตัดนั้นอดไม่ได้ที่จะอึ้งกันออกมาไม่ได้
เห็นรอยแผลเป็นบนหน้าผากของเธอจิ๋นลี่ยวนก็นึกถึงสภาพเธอที่คุกเข่าขอร้องต่อหน้าคนอื่นตอนนั้นขึ้นมา ใจของเขาก็เจ็บจนกระตุกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เสี้ยวเสี้ยวของเขา เสี้ยวเสี้ยวที่เย่อหยิ่งอย่างนั้น…
เพื่อลูกของพวกเขา ยอมทิ้งความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อขอร้องวิงวอนออกไป…
“หมอจิ๋น รบกวนหลังจากที่คุณจัดการกับปัญหาที่จะตามมาเสร็จแล้วก็ช่วยเย็บปิดปากแผลด้วยนะครับ” จู่ๆ หมอเหยาก็เอ่ยพูดออกมาประโยคนึง พูดจบก็เดินออกจากห้องผ่าตัดไป…
การผ่าตัดครั้งนี้ ในที่สุดก็เสร็จสิ้นเสียที ส่วนสุดท้ายนั้นก็ให้จิ๋นลี่ยวนเป็นคนจัดการเองไปเถอะ
หมอเหยากับคุณหมอหยางพาร่างที่เหนื่อยล้าเดินออกจากห้องผ่าตัดไป พยาบาลจำนวนไม่น้อยเดินตามกันออกไป เหลือเพียงพยาบาลอีกไม่กี่คนที่จะต้องอยู่จัดการเก็บกวาดทำความสะอาดสถานที่ตอนสุดท้ายแล้วยังรออยู่เป็นลูกมือให้จิ๋นลี่ยวนอยู่ตรงนั้นด้วย คำว่า “จัดการกับปัญหาที่จะตามมา” ประโยคนั้นที่หมอเหยาพูดออกมาก็คือให้จิ๋นลี่ยวนเป็นคนเย็บปิดปากแผลให้ยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยตัวเอง เรื่องอย่างนี้ปกติแล้วควรจะทำโดยพยาบาล แต่ตอนนี้กลับส่งมอบให้กับผู้เป็นความภาคภูมิใจของโรงพยาบาลหนันหยูผู้นี้
เดินมาถึงเตียงผ่าตัด จิ๋นลี่ยวนเห็นผิวหนังส่วนเล็กๆที่เปลือยเปล่าโผล่ออกมานั้น เรื่องทางสูตินรีเขาไม่ค่อยจะรู้เท่าไหร่นักแต่ในสายตาเขาในฐานะหมอแล้ว เขารู้ว่าหมอเหยาไม่เพียงแต่จะรักษายินเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้ได้ และก็ยังรักษาลูกของพวกเขาเอาไว้ได้ด้วยเช่นกัน
เป็นครั้งแรก ที่จู่ๆจิ๋นลี่ยวนก็คิดว่าตัวเองมีความรู้สึกขอบตาร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
มือข้างขวายื่นออกไปเล็กน้อย รอพยาบาลที่อยู่ข้างๆส่งเข็มกับไหมสำหรับเย็บแผลมาให้
ในข่าวลือบอกว่าจิ๋นลี่ยวนศัลยแพทย์แห่งโรงพยาบาลหนันหยู ผูกปมไหมผ่าตัดได้สวย พวกเขายังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะได้มีโอกาสอย่างนี้
นัยน์ตาคมกริบเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทั้งๆที่จิ๋นลี่ยวนรู้ว่าตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ในอาการสลบอยู่ไม่มีทางจะมีความรู้สึกอะไรได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปก้มลงกระซิบข้างๆใบหูของเธอว่า “เสี้ยวเสี้ยวเด็กดี ผมทำเบาๆ คุณจะไม่เจ็บ”
ภาพฉากนี้พยาบาลที่มองดูอยู่รอบๆอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงแอบอมยิ้มกันออกมา ในชั่วพริบตาเดียวก็เห็นจิ๋นลี่ยวนเริ่มทำการเย็บปิดปากแผลไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาที่เข็มกับไหมขยับขึ้นลงก็ได้เย็บปิดปากแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายจิ๋นลี่ยวนก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังเลยจริงๆเนื่องจากได้ผูกปมไหมผ่าตัดให้ยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างสวยงาม เพียงแต่ตอนนี้วิธีที่ใช้นั้นล้วนแล้วแต่จะเป็นวิธีการเย็บเพื่อเสริมความงามทั้งนั้น รอจนหลังจากที่แผลหายดีก็จะมองไม่เห็นมันแล้ว
ยุ่งจนเสร็จสิ้นไปทุกอย่างแล้ว จิ๋นลี่ยวนเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วเข็นยินเสี้ยวเสี้ยวไปยังห้องพักผู้ป่วยพร้อมกับพยาบาล อีกทั้งยังตั้งใจอ้อมออกจากกลุ่มคนที่กำลังเฝ้ากันอยู่ด้านนอกประตู จนมันส่งผลให้กลุ่มคนที่กำลังเฝ้ากันอยู่ด้านนอกรู้เพียงแต่จากทางหมอเหยาว่ายินเสี้ยวเสี้ยวพ้นขีดอันตรายแล้ว รักษาลูกเอาไว้ได้ด้วยเหมือนกัน แต่รออยู่นานยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเสียที…
……
ในห้องพักผู้ป่วย
ยินเสี้ยวเสี้ยวนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเงียบๆ จิ๋นลี่ยวนสวมเสื้อกาวด์นั่งอยู่ข้างเตียงของเธอเอื้อมมือออกไปจัดผมให้เธอเป็นครั้งคราว บางครั้งก็นิ้วมือเรียวยาวนั้นวนเวียนอยู่กับเส้นผมของเธออาลัยอาวรณ์ไม่ยอมปล่อยอยู่นาน ในดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยเต็มไปด้วยความลุ่มหลง
ใบหน้าสวยซีดเซียวเล็กน้อย หน้าผากก็มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ แต่ถึงแม้ว่าอย่างนี้จิ๋นลี่ยวนนั้นยังคิดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวสวยจนน่าเหลือเชื่อ จึงได้จรดริมฝีปากลงไปบนหน้าผากของเธออย่างอาลัยอาวรณ์
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่มีทางจะรู้ได้เลยว่านาทีที่จิ๋นลี่ยวนได้ข่าวว่าเธอหายตัวไป เขามีจิตใจว้าวุ่นขนาดไหน ตัวเขาตื่นตระหนกเหมือนราวกับว่าได้สูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไป จวบจนเก๋อเฉิงเฟยเตือนสติเขา เขาถึงได้มีสติกลับมาแล้วจัดการออกไปตามหาคนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เริ่มตามหาเบาะแสของเธอเหมือนกับคนบ้าไม่มีผิด…
บางทีอาจเป็นเพราะว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยสูญเสียก็เลยไม่รู้จักค่าของเธอ ขนาดความเจ็บปวดตอนที่เลิกรากันมันก็ยังเทียบไม่ได้กับความกังวลเหล่านั้นที่ได้รู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวตกอยู่ในมือของ “พญายม” เลย ตอนเลิกกันก็ยังรู้ว่าเธอรักเขาอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นยังรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของตนอยู่ด้วย โซ่ตรวนที่เชื่อมโยงกันทางสายเลือดไม่ใช่สิ่งที่จะลบล้างกันไปได้ง่ายๆ เขาก็เลยไม่กล้าปล่อยเธอออกไปเผชิญความยากลำบากด้านนอกอยู่เพียงลำพัง เพราะกลัวว่าสิ่งที่ตนจะทำในอนาคตจะทำให้เธอลำบาก และก็กลัวว่าการกระทำของตนในอนาคตจะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บไปด้วย เพียงแค่ทุกสิ่งมันล้วนมีการสันนิษฐานเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วจึงได้ให้ยินเสี้ยวเสี้ยวมาอยู่ในที่ที่อยู่ใกล้มือเขา! เขามันเลวทรามและทั้งใจแคบ ของของเขาไม่อนุญาตให้ใครมาแชร์ร่วมกับเขา ยินเสี้ยวเสี้ยวซวยมากที่ดันมารักเขา อย่างนั้นแล้วชั่วชีวิตนี้ในใจของเธอจะต้องมีเขาแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น!
แต่ตอนที่รู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวถูก “พญายม” พาตัวไป ความรุ่นร้อนภายในใจของจิ๋นลี่ยวนไม่อาจจะใช้คำว่า “ร้อนใจ” คำเดียวเอามาบรรยายได้เลย เรื่องที่เขากลัวที่สุดมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือกลัวว่าตั้งแต่นี้ไปบนโลกใบนี้จะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อว่ายินเสี้ยวเสี้ยวอีกแล้ว เขากลัวว่าหลังจากที่ผ่านไปแล้วสิ่งที่เจอจะเหลือเพียงคำนึงที่ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวที่เหลือเพียงแค่ร่าง…
คำพูดอย่างนั้น เขาทนรับไหวแน่…
โน้มตัวลงไปพาร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวข้ามาในอ้อมแขนตัวเองอย่างอ่อนโยน จิ๋นลี่ยวนกระซิบเบาๆข้างๆใบหูของเธอ “เสี้ยวเสี้ยว ชั่วชีวิตนี้คุณหนีไม่พ้นแล้ว พวกเราจะอยู่ด้วยกันไปจนตาย…
เพียงไม่นานคนพวกนั้นก็ได้ข่าวกันจึงรีบเดินจากห้องผ่าตัดไปยังห้องพักผู้ป่วยอย่างรีบเร่ง
ยินจื่อเจิ้นมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่บนเตียงด้วยความเป็นกังวล แม้แต่เฉิงชื่อชิงก็รีบมา คนกลุ่มนั้นล้อมมองเธอกันอยู่ในห้องผู้ป่วย
“หมอเหยา เหลนของฉันไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” ทันทีที่เห็นหมอเหยาเข้ามาตรวจดูอาการคุณย่าก็รีบเอ่ยปากถามออกไปทันที ความร้อนใจในคำพูดล้วนเป็นเพราะเด็กในท้องของยินเสี้ยวเสี้ยวทั้งนั้น
หมอเหยามองคุณย่าแล้วเอ่ยตอบเสียงนุ่มนวลออกไป “วางใจเถอะครับ ทั้งแม่ทั้งลูกไม่เป็นอะไร รักษาเอาไว้ได้กันทั้งคู่”
ได้รับคำตอบที่แม่นยำแล้ว อีกอย่างยินเสี้ยวเสี้ยวก็นอนนิ่งอยู่ตรงหน้าของทุกคน ทุกคนจึงนับได้ว่าวางใจลงได้จริงๆ ยินจื่อเจิ้นเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล “หมอเหยา ไม่ทราบว่าอาการของน้องสาวของผมเป็นยังไงบ้างครับ จะมีผลอะไรกับเธอหลังจากนี้หรือเปล่า?”
“วางใจเถอะ เธอมาได้ทันเวลามาก ถึงแม้ว่าจะจัดการยากไปบ้างแต่ก็โชคดีที่มันร้ายแรงแต่ไม่ได้อันตรายอะไร”
หมอเหยาตอบกลับไปอย่างใจเย็น ภายในใจมีความคิดเห็นต่อบ้านจิ๋นกับยินจื่อเจิ้นที่แตกต่างกัน “คุณยินถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บมาเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นบาดแผลภายนอกดูแลดีๆก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จะมีเพียงแต่ท้องของเธอที่เพิ่งจะครบสามเดือนยังไม่นับว่ามั่นคงนักก็มีเลือดอออกมาแท้ที่จริงแล้วมันไม่ดีกับเธอและลูกหรอก แต่เพียงแค่ดูแลให้ดีช่วงหลังก็ระวังสักหน่อยก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว”
หลังจากที่ได้ยินว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่เป็นอะไรแล้ว ยินจื่อเจิ้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
คุณย่าตอนที่ได้ยินว่ามีผลกระทบต่อเด็กแล้วอีกนิดเดียวก็เกือบจะไม่เกรงใจกับคำพูดของหมอเหยาเสียแล้ว ยังดีที่มีจิ๋นหยวนเฟิงดึงเธอเอาไว้ ตอนหลังตอนที่ได้ยินว่าไม่เป็นไรแล้วก็ได้วางใจ
“เจียห้วย แกเรียกคุณแม่เสิ่นมาหาฉัน ให้หล่อนตุ๋นซุปมาสักหน่อย ร่างกายของเสี้ยวเสี้ยวจะต้องบำรุงให้ดีๆหน่อย!” พูดไป คุณย่าก็มองจิ๋นลี่ยวนแล้วพูดต่อออกไปว่า “บางคนเดิมทีก็ไม่รู้ว่าจะดูแลคนท้องยังไงเลยสักนิดผลสุดท้ายก็พาคนท้องมาให้ฉันมาดูแลถึงในโรงพยาบาล ฉันเกือบจะเสียเหลนของฉันไปแล้ว! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกสิ่งทุกอย่างของยินเสี้ยวเสี้ยวฉันจะรับมือต่อเอง! ฉันจะต้องดูแลเด็กในท้องของหล่อนให้คลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยแน่!”
หยูเจียห้วยได้ยินคำพูดของคุณย่าก็ไม่ได้ตอบท่านออกไปในทันที และก็เป็นไปอย่างที่คิดต่อมายินจื่อเจิ้นก็ได้เอ่ยปากพูดออกมา
เห็นผู้อาวุโสที่เขาเคยเคารพมาก ยินจื่อเจิ้นรู้สึกแค่เพียงว่าหัวใจมันผิดหวังไปหมด ระหว่างน้องสาวของเขากับเด็กในท้องที่ไม่แม้แต่จะคลอดออกมาเลยด้วยซ้ำคนนั้น ตอนนี้ผู้อาวุโสคนนี้มาพูดอย่างนี้ต่อหน้าเขา ไม่คิดว่ามันจะเกินไปหน่อยเลยหรือไง? ได้ยินตอนนี้เธอยังพูดคำพูดอย่างนี้ออกมาได้อีก ยินจื่อเจิ้นก็รีบเอ่ยออกไปทันทีว่า “คุณย่าจิ๋นครับ เสี้ยวเสี้ยวได้หย่ากับจิ๋นลี่ยวนไปแล้ว ถึงแม้ว่าในท้องของเธอจะท้องลูกของจิ๋นลี่ยวนอยู่ แต่เรื่องดูแลเธอพวกนี้ คงไม่ต้องให้บ้านจิ๋นของคุณต้องกังวลกันหรอกนะครับ ผมจะจัดการไปตามสมควรเอง”
“นายจะจัดการตามความเหมาะสม? นายเคยท้องหรอ? นายรู้หรอว่าควรจะต้องดูแลคนท้องยังไง?” พอเห็นว่ามีคนจะมาแย่งเหลนของตน คุณย่าก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที “ถึงแม้ว่าจะหย่ากันแล้วมันจะยังไง? เด็กในท้องของหล่อนก็แซ่จิ๋น เป็นคนบ้านจิ๋นของฉัน ฉันดูแลหล่อนแล้วมันผิดตรงไหน? ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับพวกนายแล้วฉันกับเจียห้วยนั้นมีประสบการณ์กว่าพวกนายไม่ใช่หรือไง?”
เผชิญหน้ากับยินจื่อเจิ้นท่าทีของคุณย่าก็ยังนับว่าดีอยู่ เพราะถึงยังไงก็เป็นเด็กที่ตนโปรดปรานคนนึงเช่นเดียวกัน
คุณย่าจิ๋นชอบเขาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องชอบคุณย่า ตอนนี้ยินจื่อเจิ้นไม่ได้มีภาพจำอะไรดีๆต่อคนบ้านจิ๋นเลย แม้ว่าภาพของจิ๋นลี่โป๋ก็แขวนเอาไว้อยู่ตรงนั้นตลอด “คุณย่าจิ๋นวางใจเถอะ ผมจะหาแม่นมมาให้เสี้ยวเสี้ยว ตรงข้ามกับพวกคุณที่ไม่อยากเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก แต่ผมนั้นไม่อยากให้ไม่อยากเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของผมมากกว่า ผมไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นอะไร ไม่มีวันเลยแม้แต่น้อย!”
เป็นครั้งแรกที่ถูกคนอื่นไม่ไว้หน้าข้างนอกอย่างนี้ คุณย่าก็ขมวดคิ้วแน่นออกมาทันที ตอนที่มองยินจื่อเจิ้นเตรียมที่จะตวาดออกไป จิ๋นลี่ยวนก็ได้เอ่ยพูดออกมาเช่นเดียวกัน คำพูดประโยคแรกกลับเป็นคำว่า “ถ้าพวกคุณอยากคุยกันก็เชิญออกไปข้างนอก ผู้ป่วยต้องการพักผ่อน”
ทุกคนในที่แห่งนั้นหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจ แต่จิ๋นลี่ยวนหลังจากที่สวมเสื้อกาวด์ของตัวเองอยู่นานแล้วก็ได้เบนสายตาไปถามพวกเขาอย่างเอื่อยเฉื่อย “ทำไม? มีข้อคัดค้านหรอ?”
เสื้อกาวด์สีขาวสวมอยู่บนร่างได้แสดงสถานะของเขาออกมาอย่างชัดเจน หมอคนหนึ่งอยู่ให้ห้องผู้ป่วยมันไม่ใช่เรื่องปกติหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นบนร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวก็มีบาดแผลภายนอกอยู่ไม่น้อยเลย…
หมอเหยาเห็นจิ๋นลี่ยวนที่จู่ๆก็ทำตัวไม่เป็นมิตรออกมาเสียดื้อๆจนเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาตรงนั้นแล้ว จึงรีบนำคนของตนเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับใช้การกระทำเพื่อมาสนับสนุนเขา จิ๋นลี่ยวนก็มองไปที่คนบ้านจิ๋น คุณย่าจิ๋นโกรธจนแทบอยากจะยกไม้เท้าขึ้นมาตีเขาแรงๆสักหลายๆที หางคิ้วของเฉิงชื่อชิงเลิกขึ้นเล็กน้อยแล้วบอกให้ต๋งไขกับถาวหยีออกไปด้วย เฉินหยูแอบหลบอยู่อีกด้านไม่ให้ใครพบเห็นตน…
“เชิญทุกท่านออกไป อย่ามารบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วย” เมื่อเจอกับการที่คนบ้านจิ๋นนิ่งไม่ไหวติงกัน จิ๋นลี่ยวนก็เอ่ยปากพูดออกไปอีกครั้ง ลักษณะท่าทางอย่างนั้นเป็นการที่ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น สีหน้าของหยูเจียห้วยกระอักกระอ่วนออกมาเล็กน้อยพร้อมทั้งลากสามีของตนเบาๆเพื่อออกจากห้องไป
จิ๋นลี่โป๋กับจิ๋นลี่หยาวเองก็เดินเข้าไปดึงคุณย่าเพื่อที่จะออกไปเช่นเดียวกัน
แต่คุณย่าไหนเลยจะเป็นคนที่ยอมออกไปง่ายๆอย่างนั้น แต่เธอก็เหมือนจะรู้ว่ามาทะเลาะกับจิ๋นลี่ยวนที่นี่ตอนนี้มันจะไม่ได้จบลงด้วยดีอะไรเลย เพียงแค่ถลึงตามองเขาไปอย่างโหดเหี้ยมแล้วหันหลังเดินออกไป แต่จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างหลังก็ได้พูดเสริมออกมาอีกประโยคหนึ่งอย่างไม่กลัวตายว่า “จริงสิ เธอไม่มีทางจะไปอยู่ที่บ้านจิ๋น อยู่ที่นั่นท้องของเธอมีแต่จะดูแลได้ไม่ดีกว่าเดิม ถึงแม้ว่าผมจะดูแลได้ไม่ดีแต่ร้ายดียังไงก็ไม่มีทางจะคิดถึงแต่ลูกในท้องของเธออยู่ตลอดเวลา แล้วไม่ได้คิดถึงเธอเลย!”