Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่246 พ่อของเด็ก
บทที่246 พ่อของเด็ก
ท้าทาย! ท้าทาย!
นี่มันท้าทายกันชัดๆ!
คุณย่าจิ๋นโกรธจนอยากจะเข้าไปสั่งสอนจิ๋นลี่ยวนในทันที แต่กลับถูกจิ๋นลี่หยาวกับจิ๋นลี่โป๋รีบพาตัวออกไป สุดท้ายตลอดทางที่กลับบ้านเก่าคุณย่าก็ด่าจิ๋นลี่ยวนทั้งทาง
เธอจะไม่สนใจได้ยังไงกัน?
ลูกในท้องยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นหลานคนแรกของจิ๋นหยวนเชิ่งเชี่ยวนะ เป็นสายเลือดเดียวที่ลูกชายคนโตตัวเองจิ๋นลี่ยวนเหลือไว้ให้ จิ๋นหยวนเชิ่งสายเลือดนั้นก็เกือบขาดไปแล้ว ตอนนี้กว่าจะรู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวท้อง เธอจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง? จิ๋นลี่ยวนหมอนั่นเป็นแค่คนที่ไร้หัวใจ ใครจะรู้ว่าต่อไปเขายังจะมีลูกอีกไหม แต่เธออายุแปดสิบปีแล้ว แม้จะมีเธอจะรอถึงวันนั้นเหรอ? ถ้าไม่มีเชื้อสายนี้ไม่รู้ว่าจะขาดไหม?
ลองคิดในมุมของคุณย่าที่เธอให้ความสำคัญกับเด็กในท้องยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่เกินไป! แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้คำพูดที่จริงใจของเธอนั้นมันทำให้คนอื่นโมโหแค่ไหน
หยูเจียห้วยปลอบคุณย่าเสียงเบา จิ๋นหยวนเฟิงอยู่ข้างๆเงียบๆโดยไม่สนใจอะไร
คนพอแก่ตัวลงแล้ว สับสนบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นคือคนแก่ที่มีอำนาจไม่น้อยในมือ บางคนใจกว้างอาจจะไม่เป็นแบบนี้ ก็กลัวแต่คนที่ชอบดันทุรัง
เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยรอทุกคนแยกกันแล้ว ต๋งไขก็ปล่อยตัวถาวหยีออกอย่างรังเกียจ ไม่สนใจเลยว่าเธอเกือบจะล้มลงเพราะไม่ทันตั้งตัว มองดูถาวหยีด้วยสายตาที่เย็นชา ต๋งไขกลับหลังหันก็ไปห้องทำงานของหมอเหยาทันที เขาเป็นห่วงร่างกายของยินเสี้ยวเสี้ยวมากกว่า
ถาวหยียืนอยู่ที่เดิม ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าสีหน้าของเธอในตอนนี้นั้นซีดขาวจนน่าตกใจมากแค่ไหน หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ และเสื้อซับในก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว แทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว สุดท้ายถาวหยีก็ทนไม่ไหวจับท้องตัวเองไว้แน่นและล้มตัวพึ่งผนังข้างๆ ความเจ็บปวดที่ข้อเท้าแสดงฤทธิ์อย่างเห็นได้ชัดขึ้น……
เธอสวมรองเท้าบูตหิมะสีทราย และตอนนี้เท้าอวบๆข้างซ้ายนั้นก็กลับยกขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ถาวหยียังอดทนได้ แต่ตอนนี้ผ่อนคลายลงเธอจะอดทนได้ยังไง? เธอเจ็บจนกัดริมฝีปากตัวเองจนเป็นแผล!
ที่นี่เป็นเขตห้องVIP ไม่มีการเรียกจากผู้ป่วยก็แทบไม่มีพยาบาลผ่านไปมาด้วยซ้ำ ถาวหยีจึงทำได้แค่หายใจถี่ลากขาตัวเองที่บาดเจ็บอยู่ขยับไปช้าๆ กว่าจะขยับมาถึงหน้าประตูลิฟต์ เธอเหนื่อยจนแทบจะล้มทั้งยืนแล้ว……
“นี่ เป็นอะไรน่ะ?” ทันใดนั้น น้ำเสียงประชดประชันก็ดังขึ้น และพอเสียงนั้นดังขึ้นมา ร่างกายของถาวหยีก็อดไม่ได้แข็งตัวไปทันที และขนาดความเจ็บปวดบนเท้าก็เทียบไม่ได้กับหัวใจเลยด้วยซ้ำ
เงยหน้าขึ้น ถาวหยีก็เห็นจิ๋นลี่โป๋ที่พิงผนังในลิฟต์มองตัวเองอยู่ ดวงตาสวยคู่นั้นช่างมีเสน่ห์มาก รอยยิ้มมุมปากก็มีความเย็นชาแฝงอยู่ด้วย……
จิ๋นลี่โป๋……
พ่อของลูกในท้องเธอ……
จิ๋นลี่โป๋มองดูผู้หญิงตรงหน้าที่ไม่เจอกันมานาน ดวงตาที่ลึกซึ้งคาดเดาอารมณ์ของเขาไม่ออกเลย เห็นว่าลิฟต์กำลังจะปิดแล้ว ร่างกายยาวนั้นก็รีบขยับตัวเข้ามา ตกใจจนถาวหยีถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว ร่างกายผอมบางก็ขยับเล็กน้อย
เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ฝ่ามือของจิ๋นลี่โป๋กดไว้บนประตูลิฟต์ ประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดลงถูกขัดขวางไว้ เปิดออกอย่างรวดเร็วอีกครั้ง รอคอยในรอบถัดไป
สายตามองไปที่เท้าของถาวหยี ตอนที่จะละสายตาออกก็มองไปที่ท้องโตของเธออย่างไม่ตั้งใจ และถามว่า “ไม่เข้ามาเหรอ? คุณถาว”
สูดหายใจเข้าแรงๆ ถาวหยีมองดูผู้ชายที่เป็นดั่งมารร้าย สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าและเดินเข้าลิฟต์ไป ไม่นานลิฟต์ก็เริ่มทำงานตามปกติ ภายในพื้นที่เล็กๆมีเพียงพวกเขาสองคน
จิ๋นลี่โป๋อิงตัวข้างๆ เท้าข้างซ้ายขวางเท้าข้างขวาไว้ กอดอกไว้ เลิกคิ้วขึ้นและพูดเสียงเบาว่า “ไม่เจอกันนานเลยนะ คุณถาวท้องแล้วเหรอเนี้ย?”
ถาวหยีกำลังจะพูดอะไรแต่จิ๋นลี่ยวนก็กลับถามก่อนว่า “ของฉันเหรอ?”
ตอนแรกว่าจะโกหกทันใดนั้นก็หยุดชะงัก ถาวหยีมองดูประตูลิฟต์ตรงหน้าตัวเองเงียบๆไม่พูดอะไร ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
“จึ๊ๆๆ ฉันมีความสามารถขนาดนั้นเชียว?” มองดูท้องของถาวหยี จิ๋นลี่โป๋ถอนหายใจ แต่ท่าทางนั้นดูน่าตบมาก แน่นอนถาวหยีไม่มีความกล้าขนาดนั้นก็ทำได้แค่คิดในใจเท่านั้น “ฉันถึงว่าเธอเป็นแฟนฉันดีๆอยู่ ทำไมหายไปกะทันหันเลย นี่เตรียมไปคลอดลูกเหรอเนี้ย? ต๋งไขโง่ขนาดที่จะเป็นพ่อคนแบบนี้เหรอ?”
แต่ละคำพูดล้วนแต่แทงใจดำทั้งนั้น ถาวหยีฟังแล้วเนื้อตัวสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้ สีหน้าซีดเซียวจนน่าตกใจ
ลิฟต์ใกล้ถึงชั้นที่จะต้องออกแล้ว ในที่สุดถาวหยีก็หันหน้าไปมองจิ๋นลี่โป๋และพูดว่า “คุณชายจิ๋น คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณ สามีของฉันคือต๋งไข เขาไม่เป็นพ่อง่ายๆหรอก และฉันก็ไม่ให้เขาได้เป็นพ่อด้วย”
พูดจบ ถาวหยีก็ไม่สนใจจิ๋นลี่โป๋อีก เธอเดินขากะเผลกออกนอกลิฟต์ไป
หมอและพยาบาลแผนกกระดูกเยอะมาก และอยู่ในพื้นที่ที่มีคนมากมายอยู่ที่ลิฟต์ มีพยาบาลเห็นถาวหยีท้องโตและยังเดินขากะเผลกอีกก็รีบเข้าไปช่วยทันที จิ๋นลี่โป๋ได้ยินถาวหยีพูดขอบคุณเสียงเบา และเห็นด้วยว่าพยาบาลคนนั้นที่พอเห็นเขา ก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น จิ๋นลี่โป๋ก็หัวเราะ ยื่นมือจูบส่งให้พยาบาลคนนั้น พริบตาเดียวประตูลิฟต์ก็ปิดลงทันที
รู้ว่าผู้ชายด้านหลังไม่ได้ออกมา และรู้ด้วยว่าคงไม่รักษาเธอไว้เหมือนไข่ในหินอย่างคู่เสี้ยวเสี้ยวกับลี่ยวน ถาวหยีถูกพยุงมาโดยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ในที่สุดก็เดินเข้ามาในแผนกกระดูก
วันนี้บ่ายเธอได้รับข้อความจากยินเสี้ยวเสี้ยวก็ตกใจอย่างมาก เธอที่กำลังจะลงบันไดไม่ทันระวังสะดุดล้ม ยังดีที่เธอไหวพริบดีจับราวบันไดไว้ได้ทัน ลูกในท้องไม่เป็นอะไร แต่เธอก็เท้าแพลง ความเจ็บปวดแบบจี๊ดถึงใจนั้นทำให้เธอต้องนั่งอยู่นานกว่าจะหาย ตอนแรกเธอว่าจะออกไปซื้อของใช้ด้านนอก ก็ต้องไปโรงพยาบาลอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในเวลานั้นคือเวลาที่เลิกงานพอดี ในเมืองTก็รถติดมาก……
นั่งบนเก้าอี้ข้างทางเงียบๆ ถาวหยีไม่ไหวใจจึงโทรหายินเสี้ยวเสี้ยว แต่โทรศัพท์ของยินเสี้ยวเสี้ยวกลับปิดเครื่อง ในตอนนั้นเองถาวหยีก็ร้อนรนขึ้นมา ลุกขึ้นมาอยากโทรหาจิ๋นลี่ยวน แต่บังเอิญมีพวกเด็กๆที่พึ่งเลิกเรียนกระโดดโลดเต้นพุ่งมาทางนี้ เธอไม่ถูกชนหรอก แต่โทรศัพท์กลับกระเด็นตกพื้นไป……
อะไรคือสำนวนที่ว่า ‘พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก’ สงสัยคงเป็นแบบนี้แหละ!
ถาวหยีกำโทรศัพท์ไว้ในมือแน่นรู้สึกอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ เรียกรถไม่ได้ เธอไปไหนไม่ได้เลย! ช่วยไม่ได้เธอต้องอดทนกับอาการบาดเจ็บที่เท้าและเดินไปทางโรงพยาบาล กว่าจะหาจิ๋นลี่ยวนเจอ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็หายไปนานกว่าสี่หาชั่วโมงแล้ว……
“อาการเท้าคุณบาดเจ็บรุนแรงขนาดนั้น ทำไมถึงมาตอนนี้ล่ะ?” หมอแผนกกระดูกมองดูเท้าของถาวหยีอดไม่ได้ถาม ข้อเท้าบวมขนาดนี้ ถ้าไม่มีความหนาของรองเท้าบูตละก็คงปิดบังไว้ไม่อยู่ “ไม่อยากได้เท้าตัวเองแล้วหรือไง?”
ถาวหยียิ้มมุมปาก พูดโดยสายตาที่เปล่งประกายว่า “ไม่หรอกค่ะ ฉันยังต้องเลี้ยงดูลูกอีกนะ”
หมอเห็นตอนนี้ถาวหยียังมีอารมณ์ยิ้มหัวเราะอีก สายตามองไปที่ท้องของเธอและพูดเตือนว่า “จะเลี้ยงลูกก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี แม่ที่ดูแลตัวเองไม่ได้ จะดูแลลูกได้ยังไง?”
นิสัยเธอเป็นคนร่าเริง เป็นมิตรกับคนรอบข้างได้ง่าย ต่างกับยินเสี้ยวเสี้ยว จิตใจของเธอลึกเกินยากที่จะหยั่งถึง
คุยกับหมออยู่นั้น ถาวหยีก็ไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างยากลำบากแล้ว แต่อาการบาดเจ็บที่เท้าก็รุนแรงมากขึ้น แต่ฝีมือของหมอในตอนนี้เมื่อเทียบกับเรื่องที่เธอต้องอดทนมาทั้งวันนี้ดีกว่าเยอะมาก กลับไม่รู้สึกเจ็บด้วยซ้ำ
เสียง ‘กึก’ ดังขึ้น กระดูกที่ผิดรูปของเธอถูกบิดกลับมาเข้าที่ หมอหันไปกลับเห็นถาวหยียิ้มอยู่
ริมฝีปากอมชมพูยิ้มกว้าง ถาวหยีหายใจถี่และจับท้องตัวเองด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนี้ เธอถึงจะหายดีทั้งหมด……
ส่วนความคิดของผู้ชายคนนั้น ในตอนที่เธอเลือกที่จะจากไปก็ไม่อยู่ในการพิจารณาของเธอแล้ว……
มองดูเท้าตัวเองที่ถูกห่ออย่างแน่นหนา ถาวหยีเหนื่อยใจ สุดท้ายก็ต้องให้พยาบาลไปตามต๋งไขมารับตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ ไม่มีวิธีอื่นเบอร์โทรศัพท์ที่เธอจำได้ก็มีแค่สามเบอร์นี้ หนึ่งคือคุณยาย สองเสี้ยวเสี้ยว สุดท้ายคือ……ขนาดอยากหาต๋งไขก็ต้องให้คนช่วยไปตามเลย
พยาบาลกำลังจะขึ้นไปพอดีก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย
สุดท้าย ก็ต้องให้ต๋งไขที่รังเกียจเธอจนจะเป็นจะตายมารับเธอกลับบ้าน……
ตอนดึก โรงพยาบาลหนันหยู
จิ๋นลี่ยวนอยู่ในห้องผู้ป่วยยินเสี้ยวเสี้ยว ไม่ห่างเลยสักก้าวเดียว ทำเอาเฉินหยูที่หลบอยู่ข้างๆก็ถูกจับได้ สุดท้ายก็ถูกไล่ออกมา และในตอนที่เก๋อเฉิงเฟยมาจิ๋นลี่ยวนไม่ได้กินข้าวเลยด้วยซ้ำ รีบให้ผู้จัดการหวงส่งอาหารมาให้ ใช้โอกาสว่างนี้พูดเสียงเบาว่า “ซานช่าว ยินรั่วอวิ๋นเหมือนตกใจกับ ‘พญายม’ มาก ไม่ยอมพูดเลยสักคำ บอกแค่ว่าเขาอยากคุยกับคุณยินดังนั้นถึงได้เรียกเธอออกไป ไม่คิดว่าจะเจอเข้ากับ ‘พญายม’ …….”
คิ้วขมวดชนกัน จิ๋นลี่ยวนเม้มปากแน่นไม่พูดอะไร
ยินรั่วอวิ๋น! ‘พญายม’!
ทั้งสองคนทำเอาโมโหแล้วล่ะ!
กล้าแตะต้องคนของเขาก็ต้องถูกลงโทษสถานหนัก ส่วนยินรั่วอวิ๋น ไม่ว่าเบื้องหลังเธอจะเป็นใคร ความแค้นนี้เขาจะต้องชำระให้ได้! ขอแค่คนที่ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวเสียใจ เขาก็จะทำให้คนทั้งบ้านนั้นเสียใจเช่นกัน!
“ให้เฉินผูลี่เตรียมตัวเลย ฉันจะให้บ้านยินกับบ้านเซี่ยงทะเลาะกัน!” พูดเสียงเข้ม ดวงตาเฉียบคมของจิ๋นลี่ยวนเต็มไปด้วยความอาฆาต! ในเมื่อพวกนั้นทำตัวว่าง เขาก็จะเติมไฟให้ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร “ฉันจะให้คนทั้งเมืองTรู้เรื่องขายขี้หน้าของบ้านยิน ระวังดึงตัวเสี้ยวเสี้ยวออกมาด้วย อย่าเอาเธอไปปนเปื้อนกับเรื่องนี้”
เก๋อเฉิงเฟยมองดูยินเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังนอนอยู่และพยักหน้าตอบ วันนี้ภาพที่ยินเสี้ยวเสี้ยวคุกเข่าขอร้องไม่เพียงแต่ทำให้จิ๋นลี่ยวนอึ้ง มีพวกเขาที่คอยดูอยู่ข้างๆด้วย บางทีก็ต้องยอมรับเลยว่า ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่มาก แต่ก็มีที่ไม่ยิ่งใหญ่ เช่น ซูเหนียง
ขมวดคิ้วเล็กน้อย เก๋อเฉิงเฟยพูดเสียงเบาว่า “ซานช่าว ทางด้านซูเหนียงมีข่าวแล้วครับ”
จิ๋นลี่ยวนรีบหันไปมองเก๋อเฉิงเฟยทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและลำบากใจ แต่ยังไงเก๋อเฉิงเฟยก็ยังพูดอยู่ดี “ข่าวบอกมาว่า ซูเหนียงตอนนี้อยู่ในเมืองT!”