Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา - บทที่96 จิ๋นลี่หยาวที่มาสาย
บทที่96 จิ๋นลี่หยาวที่มาสาย
แสงแฟลชแวบวับอย่างบ้าคลั่ง กลุ่มคนมากมายที่ยืนอยู่ข้างรถโรลส์รอยซ์แฟนทอมได้ปรากฎตัวออกมาเหมือนดวงดาวที่ห้อมล้อมด้วยแสงจันทร์ ในกลุ่นคนไม่ได้ยินเสียงเลยแม้แต่น้อย เสียงเดียวที่มีคือเสียงแฟลช………..
คนหนึ่งใส่เสื้อสูทสีดำ คนหนึ่งใส่ชุดเดรสยาวสีชมพู ทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้ากล้อง ไม่มีความรู้สึกอึดอัดเลยสักนิด
ตอนที่จิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยวปรากฎตัวอยู่ตรงหน้ากล้อง ไม่แปลกเลยที่ได้เห็นทุกคนอ้าปากค้าง รีบร้อนและตื่นตะลึง
คนหนึ่งคือคุณชายสามของบ้านจิ๋นที่สวมใส่ชุดสูทเข้ารูป มีความสามารถและมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองT เป็นคนทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน
คนหนึ่งคือหญิงสาวสวยงามที่สวมใส่ชุดเดรสยาวสีชมพู คุณหนูของบ้านยิน ในเมืองTต่างก็ลือกันว่าเธอเป็นคนไร้คุณธรรม
คนสองคนแบบนี้มายืนด้วยกัน ไม่แปลกเลยที่จะทำให้ทุกคนแปลกใจไม่น้อย!
จิ๋นลี่ยวนคือคุณชายที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองT เมื่อเทียบกับชื่อเสียงเจ้าชู้ของจิ๋นลี่โป๋แล้ว ความสามารถของจิ๋นลี่ยวนถึงจะยิ่งทำให้ทุกคนบ้าคลั่ง หนึ่งเป็นเพราะฐานะ สองเป็นลือกันว่าเขาสนิทกับ’เทรดเดอร์มืออาชีพ’ คนระดับนี้เพียงแค่คำว่า’คุณชายสามบ้านจิ๋น’ก็ไม่มีคนกล้ามาหาเรื่องแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีเพื่อนสนิทอย่าง’เทรดเดอร์มืออาชีพ’?
จิ๋นลี่ยวนยื่นมือไปกุมมือเล็กๆของยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ จูงมือเธอเดินขึ้นบันไดของ’โรงแรมเฉิงหยู’ ทีละก้าวๆ วินาทีนั้น จู่ๆผู้จัดการของ’โรงแรมเฉิงหยู’ยังรู้สึกว่า’โรงแรมเฉิงหยู’ที่ตัวเองภูมิใจมาโดยตลอดนั้นยิ่งมีหน้ามีตาขึ้นเพราะการมาเยือนของพวกเขา……..
จิ๋นลี่ยวนแต่งตัวเรียบง่ายแต่กลับดูหรูหรามาก ส่วนยินเสี้ยวเสี้ยวใส่ชุดเดรสเกาะอกยาวสายไขว้สีชมพูยิ่งเสริมให้เธอดูน่ารักเป็นพิเศษ ผมลอนยาวเกล้าผมขึ้นเล็กน้อย ทิ้งตัวอยู่ที่แผ่นหลังที่ขาวเนียน ใบหน้าเรียวเล็กที่สวยงามมีเส้นผมบางๆทิ้งตัวลงมายิ่งเสริมให้ดึงดูดสายตาคน ทั้งสองกุมมือต่อหน้าผู้คนอย่างไม่วิตกกังวลเลยสักนิด เห็นได้ชัดเลยว่าเพื่อให้ทั้งโลกรู้………
จนกว่าจิ๋นลี่ยวนจูงมือยินเสี้ยวเสี้ยสเดินขึ้นมาแล้ว คนรอบๆถึงได้ดึงสติกลับมาและทยอยห้อมล้อมมาที่พวกเขา เฉินผูลี่ได้เตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ได้เคลียร์พื้นที่ๆปลอดภัยไว้ให้กับสำหรับจิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยว แต่แล้วก่อนที่จะถามคำถาม นักข่าวก็ไม่ได้โง่ ทุกคนต่างกล่าวคำอวยพรให้พวกเขาเพื่อให้พวกเขามีความรู้สึกที่ดีต่อตัวเอง……..
—— ขอแสดงความยินดีกับคุณชายกับคุณนายสามด้วยนะคะ
—— ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ทั้งสองท่านช่างมีความสามารถและช่างสวยงามจริงๆเลยครับ
—— ขอแสดงความยินดีกับข้าวใหม่ปลามันทั้งคู่ด้วยนะคะ ขอให้ทั้งสองรีบมีทายาทตัวน้อยเร็วๆนะคะ
……….
ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีและกล่าวคำอวยพร จิ๋นลี่ยวนแค่ยิ้มเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวทั้งยิ้มและพยักหน้า
แค่เห็นแบบนี้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่กล้าถามคำถามมั่วซั่วแล้ว
แต่เดิมเรื่องที่คุณชายสามของบ้านจิ๋นคบกับคุณหนูของบ้านยินก็เป็นเรื่องที่แปลกอยู่แล้ว! เวลานี้ยังจะมีใครหน้าไหนที่ไม่กลัวตายไปถามคำถามมั่วซั่วล่ะ? ไม่ใช่แค่ไม่กล้าถามคำถามมั่วๆนะ แม้แต่ก่อนที่จะถามคำถามยังต้องไตร่ตรองดีๆเลย!
คุณชายสามของบ้านจิ๋น คุณชายของตระกูลร่ำรวยที่ใช้ชีวิตอย่างถ่อมตนในข่าวลือ ไม่นึกเลยว่าจะไปคบกับคุณหนูยินที่ถูกลือกันในเมืองTก่อนหน้านี้ ต่างก็คิดว่าเธอเป็นคนที่ประพฤติกรรมไม่ดีและไร้คุณธรรม ใครจะกล้าบอกว่านี่ไม่ใช่ภาพที่น่าตกใจล่ะ?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่กำลังจะบอกให้คุณว่าคนๆนึงที่แต่เดิมได้ตกนรกไปแล้ว จู่ๆก็ได้ขึ้นสวรรค์อย่างสุขกายสบายใจอย่างไรอย่างนั้น!
แต่ว่า เรื่องพวกนี้ไม่กล้าถาม แต่บางเรื่องพวกเขาก็ยังต้องถามอยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นคาดว่าพรุ่งนี้คงจะไม่มีข่าวให้เสนอแล้ว………
—— คุณชายสามคะ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณมาร่วมงานหมั้นของตระกูลฉีกับตระกูลกู่โดยเฉพาะ หรือเพราะว่าบริษัทจิ๋นซื่อมีความเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่าคะ?
—— คุณชายสามครับ ขอถามหน่อยว่าบ้านจิ๋นกับบ้านยินจะมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจรึเปล่าครับ?
—— คุณชายสามครับ ไม่ทราบว่าคุณเลือกปรากฎตัวต่อหน้าสื่อในเวลานี้ นั่นก็แสดงว่าคุณเตรียมตัวจะเข้าทำงานที่บริษัทจิ๋นซื่อแล้วใช่มั้ยครับ?
—— คุณชายสามค่ะ ไม่ทราบว่า…………
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ข้างกายของจิ๋นลี่ยวนอย่างเชื่อฟัง และรักษารอยยิ้มไว้ตลอดเวลา เธอรู้ดีว่าเวลานี้คนพวกนี้ไม่กล้าถามอะไรมั่วๆ เช่นชื่อเสียงของเธอ และก่อนหน้านี้เธอ’มีหน้ามีตา’ขนาดไหน เช่นเธอแต่งเข้าบ้านจิ๋นได้ยังไง คำถามเหล่านี้ถ้าหากก่อนที่จิ๋นลี่ยวนจะปรากฎตัว อาจจะยังพอช่วยให้พวกเขาเขียนข่าวที่ดึงดูดผู้ชมบ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าถามเลย
เห็นจิ๋นลี่ยวนถูกคนเยอะขนาดนี้ล้อมตัวไว้ ยินเสี้ยวเสี้ยวอดขำไม่ได้
เธอรู้อยู่ว่า ในโรงพยาบาลหนันหยู เพื่อนร่วมงานของจิ๋นลี่ยวนยังไม่รู้ฐานะของจิ๋นลี่ยวนเลย วันนี้ข่าวนี้ได้ประกาศออกไปแล้ว ตอนนี้บรรยากาศในโรงพยาบาลหนันหยูคงวุ่นกันไปหมดแล้วล่ะ เธออยากเห็นจริงๆว่าตอนที่มีคนถามจิ๋นลี่ยวนเรื่องนี้ เขาจะทำยังไง……
อาจจะเป็นเพราะง่วงนอนก็มีคนส่งหมอนมาให้จริงๆ ทันใดนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ยินคนถามว่า
—— คุณชายสามครับ มีข่าวลือว่าคุณเป็นหมอของแผนกศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลหนันหยูเป็นเรื่องจริงมั้ยครับ?
ถามคำถามนี้เสร็จ ยินเสี้ยวเสี้ยวหันไปมอง เป็นนักข่าวชายที่ยังหนุ่ม น่าจะเพิ่งจบจากโรงเรียนมั้ง ถามคำถามเสร็จแล้วยังเลียปากด้วยความตื่นเต้น ยินเสี้ยวหันกลับมามองจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างกาย เฝ้ารอคำตอบของเขา
คำถามก่อนหน้านี้จิ๋นลี่ยวนไม่ได้ตอบเลยสักคำถาม มีเพียงคำถามนี้ที่เขาตอบ
เพ่งมองที่หน้ากล้อง จิ๋นลี่ยวนพูดเสียงเบา เสียงที่ทุ้มต่ำของเขาทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวสงสัยว่ามีพลังที่ทำให้คนตั้งท้องได้เลยใช่มั้ย
“อาศัยโอกาสนี้ ผมต้องขอโทษเพื่อนร่วมงานของผมที่โรงพยาบาลหนันหยูด้วย” ระหว่างพูด จิ๋นลี่ยวนพยักหน้าเบาๆ ท่าทางง่ายๆแต่กลับทำให้คนรู้สึกมีความจริงใจมาก หลังจากนั้นถึงพูดต่อ:“ผมคือจิ๋นลี่ยวน คุณชายสามของบ้านจิ๋น แต่ผมก็เป็นหมอของโรงพยาบาลหนันหยูเช่นกัน ตำแหน่งของผมเป็นแค่หมอที่ช่วยชีวิตและรักษาคนบาดเจ็บเท่านั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นกับฐานะคุณชายสามของบ้านจิ๋นเลย ผมหวังว่าทุกคนจะแยกแยะได้นะครับ ขอบคุณครับ”
น้ำเสียงค่อนข้างจะแข็งกระด้าง แต่ก็ทำให้คนรู้สึกมันควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้ามองใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาของเขาอยู่ตลอดเวลา จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องมีฐานะของคุณชายสามบ้านจิ๋น จิ๋นลี่ยวนก็เป็นผู้ชายที่เพียงพอจะดึงดูดสายตาผู้คนแล้ว ‘มืออัจฉริยะ’คู่หนึ่ง ‘มือที่คุมเกมส์’คู่หนึ่ง จิ๋นลี่ยวนก็คือคนที่ลือกันว่าไม่ต้องพึ่งพาฐานะ ไม่ต้องพึ่งพาหน้าตา แต่ก็สามารถยืนอยู่จุดสูงสุดของพีระมิดได้อย่างมั่นคง
จิ๋นลี่ยวนหลุบตามองสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า แววตาที่เต็มไปด้วยความรักของเธอ จู่ๆได้ตกหล่นเข้าไปในใจเขา
ยังจำครั้งแรกที่เธอล้มลงอย่างน่าอนาถต่อหน้าตัวเอง ยังจำได้ว่าเธอขอตัวเอง’แต่งงาน’อย่างขี้กลัว จำได้เธอตกใจมือที่บาดเจ็บของตัวเอง จำเรื่องเธอได้เยอะแยะมากมาย แต่สิ่งเดียวที่จำไม่ได้กลับเป็นแววตาที่เธอรักตัวเอง………..
ทันใดนั้น จิ๋นลี่ยวนรู้ตัวว่า ตัวเองค่อนข้างที่จะละเลยโลกแห่งความรักของยินเสี้ยวเสี้ยวรึเปล่า?
ยื่นมือไปช่วยเธอจัดเส้นผมอย่างเป็นธรรมชาติ จิ๋นลี่ยวนยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ถ้าหากทั้งชีวิตคนๆนั้นไม่ได้ปรากฎตัวเลย แล้วใครจะสามารถพิสูจน์ได้ ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้จะไม่ใช่คนๆนั้นล่ะ?
แฟลชที่อยู่รอบตัวแวบวาบอย่างบ้าคลั่ง ภาพนี้ถูกกล้องมากมายและคนมากมายเป็นพยานแล้วว่า หลังจากผ่านไปหลายๆปีก็ยังมีคนพูดถึง ฤดูร้อนในปีนั้น คนรักคู่นั้น ความรักที่อ่อนโยนในวินาทีนั้น…..
หลังจากได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการแล้ว จิ๋นลี่ยวนจูงมือของยินเสี้ยวเสี้ยวเดินเข้าไปในห้องจัดงานเลี้ยง ครั้งนี้งานหมั้นของบ้านฉีกับตระกูลกู่ไม่ได้หลบหน้าสื่อ กลับกันงานหมั้นครั้งนี้บ้านฉีกับตระกูลกู่แทบอยากจะเชิญนักข่าวทั้งหมดมาที่งาน แต่สุดท้ายสถานการณ์ต่างๆทำให้เชิญมาได้แค่สามสำนักข่าวที่ใหญ่ที่สุดในเมืองTกับสำนักข่าวที่มีอิทธิพลต่างๆมาติดตามถ่ายวีดีโอ ในงานหมั้น สามารถเห็นนักข่าวชื่อดังเดินไปมาอยู่บ่อยๆ…..
หลังจากจิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยวเดินเข้ามาในงานแล้ว พยายามอ่อนน้อมถ่อมตนเอาไว้ พวกเขาแค่อาศัยงานหมั้นนี้เปิดตัวจิ๋นลี่ยวนสู่หน้าสื่อมวลชนเท่านั้น ที่มาที่นี่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าฉีเคอหานจะไม่ทำเรื่องโง่ๆอะไรออกมาแค่นั้นเอง สำหรับงานหมั้นนี้ อย่างน้อยพวกเขาสองคนก็หวังว่าจะจบได้ด้วยดี……
เหมือนจะดูอารมณ์ที่ไม่อยากแย่งซีนของจิ๋นลี่ยวนกับยินเสี้ยวเสี้ยวออก คนในงานต่างก็รักษาระยะห่างกับคนของบ้านจิ๋นไว้อย่างเหมาะสม ทุกสิ่งดูแล้วช่างนิ่งสงบ จนตอนที่พิธีกรยืนอยู่บนเวทีประกาศว่างานหมั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว แสงไฟของทั้งงานเลี้ยงได้มืดลง แสงไฟที่สว่างส่องไปที่ประตูไม้ใหญ่ที่แกะสลัก ทุกคนต่างกลั้นหายใจรอ…..
เด็กโปรยดอกไม้ที่นอกประตู ได้เปิดประตูออก
วินาทีนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวถึงได้โล่งอกสักที……..
ฉีเคอหานไม่ได้หนีไป กู่ชูเหยาก็ไม่ได้จากไป………
คนหนึ่งชุดสีแดง คนหนึ่งชุดสีดำ ทั้งสองได้ปรากฎตัวอยู่หลังประตู มือเล็กๆของกู่ชูเหยาควงแขนของฉีเคอหานไว้ ทั้งสองคนได้เดินเข้ามาในงานพร้อมกับเสียงดนตรีที่ไพเราะ วินาทีนั้นในห้องจัดงานเต็มไปด้วยเสียงปรบมือ ยินเสี้ยวเสี้ยวสังเกตเห็นคนของตระกูลฉีกับคนของตระกูลกู่แล้วหายใจออกมาลึกๆโดยไม่รู้ตัว ดูๆแล้ว คนที่เป็นห่วงงานหมั้นนี้มีไม่น้อยเลยจริงๆ
หลังจากเรื่องทุกอย่างเข้าสู่จังหวะปกติแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงมองไปรอบๆงานเลี้ยงเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง
ยกแชมเปญในมือขึ้นมาจิบคำนึง จิ๋นลี่ยวนถามด้วยเสียงเบาว่า:“คุณกำลังหาใครอยู่?”
ด้วยความประหลาดใจ ยินเสี้ยวเสี้ยวอึ้งไปครู่หนึ่ง เงยหน้ามองจิ๋นลี่ยวนเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างและไม่พูดอะไรตั้งนาน
เม้มปากเล็กน้อย สายตาที่เดิมทีมองยินเสี้ยวเสี้ยวได้มองไปที่ไกลแล้วถามอีกว่า:“คุณมองอะไร?”
ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกแปลกใจมาก เป็นแค่คำถามง่ายๆแท้ๆ แต่ทำไมยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าน้ำเสียงของจิ๋นลี่ยวนเหมือน…….อารมณ์ไม่ดีล่ะ?
เธอไปทำอะไรขัดใจเขาหรือ?
“ไหนบอกว่าพี่สาวจะมาด้วยไม่ใช่หรอคะ? แล้วคนล่ะ?” ตอบจิ๋นลี่ยวนด้วยเสียงเบา ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ถามคำถามของตัวเองออกมาด้วย
แววตาขยับเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนหลุบตามองยินเสี้ยวเสี้ยว เหมือนกำลังดูว่าเธอกำลังโกหกอยู่รึเปล่า ผ่านไปสักครู่แล้วยิ้มมุมปากพูดว่า:“อื้ม กำลังเดินทางมาอยู่”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้พูดอะไร เธอไม่เข้าใจพฤติกรรมของจิ๋นลี่หยาวเลยสักนิด ไม่เข้าใจว่าเธอจะมางานหมั้นนี้ทำไม ไม่กลัวว่าฉีเคอหานจะสมองเพี้ยนแล้วทำเรื่องอะไรออกมาหรือ?
ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยก้องเข้าไปในหูของยินเสี้ยวเสี้ยว:“เสี้ยวเสี้ยว ไม่เจอกันนานเลยนะครับ?”
หันหน้าไป ไม่นึกเลยว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะเห็นเฉิงชื่อชิงยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง!
“พี่ชื่อชิง?” จะบอกว่าไม่ตื่นตะลึงก็คงเป็นไปไม่ได้ ยังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอเฉิงชื่อชิงอยู่ที่นี่!
เฉิงชื่อชิงใส่ชุดสูทสีเทา ท่าทางสง่า แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคุณชายที่อ่อนโยนเหมือนหยก ดูไม่ออกเลยว่าจะมีจุดไหนที่เหมือนตำรวจสากลเลยแม้แต่น้อย? แต่ก็ดูชื่นใจสบายตาดีนะ
เฉิงชื่อชิงไม่แปลกใจปฏิกิริยาของยินเสี้ยวเสี้ยวเลยแม้แต่น้อย แค่เอาแก้วไวน์ของตัวเองไปชนกับแก้วไวน์ของยินเสี้ยวเสี้ยวเบาๆแล้วอธิบายด้วยเสียงเบาว่า:“ตระกูลเฉิงกับตระกูลกู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่บรรพบรุษ คุณลุงกู่กับพ่อของผมเป็นเพื่อนสนิทกันอ่ะครับ”
แค่คำพูดเดียวก็คลายความสงสัยของยินเสี้ยวเสี้ยวได้แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกตื่นตะลึงมาก! หันไปมองจิ๋นลี่ยวนด้วยสายตาแปลกใจ หมอนั่นไม่รู้สึกตื่นตะลึงเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวยังไม่ทันพูดอะไรก็เห็นในกลุ่มคนมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย พอมองไป กลับเป็นจิ๋นลี่หยาวที่ใส่ชุดเดรสยาวสีม่วงเดินเข้ามาอย่างช้าๆ…..