Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 101
บทที่ 101 บ้านตระกูลเวินถูกทำลาย
เวินจิ้งถูกทำให้โกรธเข้าแล้ว การตอบกลับที่ใส่ร้ายมู่วี่สิงทุกโพสต์ต่างก็ถูกเธอ…ตอบกลับ
ตลอดจนกลับมาถึงบ้านเก่า เวินจิ้งก็ยังคงกดแป้นพิมพ์โทรศัพท์มือถือ นิ้วมือต่างก็ปวดเมื่อยไปหมด ตนเองกลับไม่รู้สึกถึงเลยแม้แต่น้อย
มู่วี่สิงจอดรถเสร็จ หันหน้ากลับมามองเวินจิ้งที่โมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ปกติเธอต่างก็มีท่าทีที่น่ารักน่าเอ็นดูสุภาพสงบเสงี่ยม ตอนที่โมโหขึ้นมา ก็ยังคงน่ารักดีเหมือนกัน
เขายกมุมริมฝีปากบางขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็กุมมือของเธอเอาไว้อย่างกะทันหัน “คุณนายมู่ ดูเหมือนคุณจะแคร์ผมมาก”
เวินจิ้งชะงักงันไปชั่วขณะ ถึงได้มีการตอบสนองกลับคืนมาว่าได้ถึงบ้านแล้ว
“ฉันก็แค่ไม่ชอบค่ะ!” ในขณะที่เธอพูดก็วางโทรศัพท์มือถือลง”
กลับไม่รู้สึกตัวว่า มู่วี่สิงได้เขยิบเข้ามาใกล้แล้ว
พอเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มก็อยู่ใกล้ชิดมาก
อีกนิดเดียวเธอก็จะจูบเขาแล้ว
แก้มทั้งสองข้างแดงขึ้นเล็กน้อย เธอยันไปบนหน้าอกของเขา “ฉันจะลงจากรถแล้วค่ะ”
“อือ ไม่รีบ” เขากุมมือของเธอเอาไว้อีกครั้ง ริมฝีปากบางถือโอกาสจูบลงบนริมฝีปากของเธอ
เวินจิ้วเหวอ นี่ยังคงเป็น…ในรถ!
แต่มู่วี่สิงแข็งกร้าวมาโดยตลอด ยิ่งจูบยิ่งดูดดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ เวินจิ้งไม่อาจจะต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ เธอรู้สึกว่าตนเองแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว มู่วี่สิงถึงได้ยอมปล่อยเธอ
มองดูเธอที่หอบหายใจแทบจะไม่ทัน มู่วี่สิงก็ยิ้มออกมา
เวินจิ้งจ้องมองเขา แทบจะดันประตูลงจากรถไปในทันที
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เป็นสายเข้าของมู่เฉิง
“คุณปู่” เขาขมวดคิ้วขึ้น แทบจะเดาออกว่าจะต้องเป็นเพราะเรื่องในช่วงนี้อย่างแน่นอน
“เกิดอะไรขึ้น? ข่าวไม่ดีเหล่านั้นแกไม่รู้จักถอนออกหรอ? หรือจะบอกว่า สิ่งที่ตระกูลฉินพูดคือความจริง!” มู่เฉิงเอ่ยขึ้นอย่างโมโห
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของมู่วี่สิง มู่เฉิงก็ต้องใส่ใจเป็นธรรมดา
“ผมจะจัดการครับ” เขาตอบรับอย่างเฉื่อยชา
“วี่สิง หากต้องการให้ปู่ลงมือ แกเอ่ยปากออกมาได้เลย รับมือกับแค่ตระกูลฉิน เหลือเฟือ”
“ไม่ต้องครับ คุณปู่ตั้งใจฝึกตนอยู่ทางนั้นให้ดีๆ เรื่องของทางนี้ก็อย่าสนใจเลยครับ”
“ฉันไม่สนใจได้หรอ!แกลองดูว่ารายงานข่าวเหล่านั้นกลายเป็นยังไงบ้างแล้ว ในตอนแรกฉันก็ไม่เห็นด้วยที่แกเป็นหมอ แกควรจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลมู่ของพวกเรา!” มู่เฉิงต่อว่าออกมาเสียงดัง
หากมู่วี่สิงสืบทอดตระกูลมู่แล้ว ใครจะกล้าใส่ร้ายเขาแบบนี้?
“ผมรู้ว่าอะไรควรไม่ควรครับ คุณปู่” เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าของมู่วี่สิงก็บึ้งตึงลง
เวินจิ้งได้ยินคำพูดที่เยือกเย็นของมู่วี่สิง อีกทั้งยังเอ่ยถึงคุณปู่ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “มีอะไรหรอคะ?”
“ไม่มีอะไรครับ”
เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น ปกติมู่เฉิงกับมู่วี่สิงเข้ากันได้ดีมาก ทำไมตอนนี้ถึงได้ทะเลาะกันขึ้นมา
เพียงแต่มู่วี่สิงไม่ยอมพูด เธอก็เลยไม่ได้ซักต่อ
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของเวินจิ้งก็ดังขึ้น ได้ยินเสียงที่สั่นของเจี่ยนอี ในใจของเวินจิ้งก็หวาดหวั่นขึ้นมา หันไปทางมู่วี่สิงโดยจิตใต้สำนึกในทันที
“ไปบ้านฉันค่ะ” ในขณะที่พูด เธอก็เดินย้อนกลับ
วางสายโทรศัพท์ลง สีหน้าของเวินจิ้งซีดเผือดไปตั้งนานแล้ว ถึงขั้นสั่นไปทั้งตัว
มู่วี่สิงยื่นมือเข้ามา เอ่ยถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“บ้านฉันถูกทำลายแล้วค่ะ”
วันนี้เจี่ยนอีไปซื้อผักเสร็จกลับมาที่บ้าน เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านก็ถูกทำลายจนระเนระนาดไปหมด
หรือว่าจะเป็นฉืออี้เหิง?
ในใจของเวินจิ้งสับสนวุ่นวายไปหมด ปลอบใจคุณแม่อยู่ตลอดทาง แต่แม้กระทั่งตัวเธอเองยังรู้สึกเจ็บปวด
ลงจากรถ มู่วี่สิงจับมือของเธอเอาไว้แน่นอยู่ตลอด สั่งให้ผู้ช่วยเกาเชียนก็เข้ามาด้วยอย่างรวดเร็ว
ในบ้านที่เก่าแก่ เจี่ยนอีนั่งอยู่ที่หน้าประตู พอเห็นเวินจิ้ง ก็ร้องไห้จนเสียงขาดๆหายๆ “ลูกแม่ ใครกันที่ทำร้ายบ้านของเรา…บ้านเก่าๆนี้ของพวกเราจะรับการถูกทำลายแบบนี้ได้ที่ไหนกัน…”
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น พอมองเห็น ก็นิ่งอึ้งไปในทันที
เละเทะมากกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้เสียอีก หน้าต่างที่อยู่ในบ้านถูกทุบแตกทั้งหมด ของมีค่าหรือไม่มีค่าก็ถูกทิ้งไปจนหมด เฟอร์นิเจอร์ก็แทบจะถูกทำลายจนไม่อาจทนดูต่อไปได้
ที่นี่ คือที่ที่เธออยู่มาตั้งแต่เด็กจนโต คือบ้านของเธอ เธอสั่นไปทั้งตัว กัดริมฝีปากเอาไว้แน่นถึงสามารถอดทนไม่ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาได้