Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1049
บทที่ 1048 จะไม่ลากคุณไปเกี่ยวข้องแน่นอน
ฉินซีสังเกตเห็นว่าจ้าวจิ้งเหมือนจะถามอะไรอีก เธอจึงเสียงสูงกว่าเธอทันที”อย่าพูดเรื่องนี้เลย สิ่งของที่คุณควรได้รับครบยัง”
ความสนใจของจ้าวจิ้งถูกดึงไปทางอื่น และตอบทันทีว่า”ได้รับแล้วค่ะ”
เมื่อวานหลังจากได้รับโทรศัพท์จากจ้าวจิ้ง เธอก็ติดต่อลู่เหวยทันที
ลู่เหวยบอกว่าจะสั่งคนไปรับเธอ คิดว่าจะต้องรออยู่เขตการปกครองสักสองสามชั่วโมง แต่ไม่คิดว่าแป๊บเดียวก็มีคนมาแล้ว
เธอและเสี่ยวเฉินขึ้นรถที่ลู่เหวยสั่งมา ไม่กล้าที่จะลังเล และตรงไปยังสถานที่ที่บอกเพื่อรับหลักฐานทั้งหมด
“ฉันตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เห้อเสียงไม่ได้โกหก สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์ไปหมด”จ้าวจิ้ง กล่าว “เมื่อวานหลังจากกลับมา ฉันเอาสิ่งของให้กับประธานลู่โดยตรงแล้ว ท่านบอกว่าตอนนี้ฉันยังไม่ปลอดภัย ดังนั้นตอนนี้ฉันยังอาศัยอยู่ในตระกูลลู่เลยค่ะ”
ฉินซีพยักหน้า”อืม ยังไม่ปลอดภัยจริงๆ คุณก็อาศัยอยู่ในตระกูลลู่อย่างสบายใจแล้วกันนะ”
เธอรู้ ที่คนของลู่เหวยไปถึงได้เร็วขนาดนี้ คงเป็นเพราะใช้กลุ่มคนที่ลู่เซิ่นสั่งมาปกป้องตัวเองในรอบๆ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองลู่เซิ่นด้วยสายตาที่ขอบคุณ
“ค่ะ” จ้าวจิ้งก็ไม่ได้ปฏิเสธ”การพิจารณาใหม่ของคดีของเห้อเสียงฉันเกือบจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วสถานที่ดำเนินคดีของเขาอยู่ที่นี่ ดังนั้นช่วงนี้ฉันจะอยู่ที่นี้จัดการเรื่องนี้ต่อ มีอะไรคืบหน้าฉันจะรีบแจ้งนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”ฉินซีกล่าว
เมื่อวานจ้าวจิ้งน่าจะก็กลัวเหมือนกัน แต่เธอก็ไม่ลืมภารกิจของตัวเอง
ฉินซีชื่นชมเด็กหญิงคนนี้จากใจจริงในขณะนี้
จ้าวจิ้งยิ้มอย่างเต็มใจ”พี่ฉินซี ระหว่างเราสองคนไม่ได้พูดขอบคุณหรอกค่ะ คุณอยู่โรงพยาบาลไหน ฉันขอไปเยี่ยมคุณได้ไหมคะ”
ฉินซีปฏิเสธ”ถ้าไม่มีอะไร วันนี้ฉันจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว คุณไม่ต้องมาหรอก ตัวคุณยังไม่ปลอดภัยเลยนะ อย่าออกมาเลยค่ะ”
น้ำเสียงของจ้าวจิ้งมีความผิดหวัง แต่เธอก็ไม่ได้ยืนยันและพยักหน้า
ทั้งสองคุยเล่นสักพัก ฉินซีก็วางสายไปแล้ว
ขณะที่ลู่เซิ่นนั่งฟังสองคนคุยกัน มีรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า”ออกไปข้างนอกครั้งเดียว ก็รู้จักเพื่อนใหม่แล้วเหรอ”
ฉินซียิ้มและพยักหน้า”ฉันชอบจ้าวจิ้งคนนี้มาก”
ลู่เซิ่นยกมือขึ้นลูบหัวของเธอ”คุณชอบก็ดี”
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอดีต
เมื่อเหยาหมิ่นเสียชีวิตไป ฉินซีก็อยู่คนเดียว มีแค่อานหยันเพื่อนคนเดียวอยู่ข้างๆ นอกนั้นแทบจะไม่เหลือ
อะไรเลย เพราะฉะนั้นเธอถึงรู้สึกว่าเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงบนโลกใบนี้เลย จึงเลือกที่จะกระโดดลงไป
ในทะเลสาบโดยไม่คิดอะไรเลย
ในหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาเห็นฉินซีร่าเริงขึ้นทุกวัน ค่อยไม่ปิดตัวเองอยู่คนเดียวอย่างแน่นหนา ค่อยรู้จักเพื่อน
มากขึ้นเรื่อยๆ ความหมายของชีวิตนอกจากแก้แค้นให้เหยาหมิ่นแล้ว ยังมีอีกมากมาย
เขาถึงค่อยๆรู้สึกโล่งใจ
ฉินซีในสภาพแบบนี้ เหมือนคนมีชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เครื่องจักรแก้แค้นที่มืดมน
ฉินซีไม่รู้ว่าทำไมรอยยิ้มบนใบหน้าของเขามีความโล่งใจเบาๆ เธอยังไม่ทันพูดอะไร โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้อานหยันโทรมา
ทันทีที่ฉินซีหยิบขึ้นมารับสาย ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากทางนู้นแล้ว”ฉินซี แกรับสายสักที แกรู้ไหมว่าฉันโทรไปตั้งกี่ครั้งแล้ว”
ฉินซีถือโทรศัพท์ให้ห่างจากหู รอให้เธอตะโกนเสร็จ ถึงวางโทรศัพท์เข้าใกล้หูและพูดด้วยรอยยิ้มว่า”ฉันไม่ได้รับสายเพราะติดธุระไงล่ะ”
ความโกรธของหวานหยันไม่ได้ลดลง”แกคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกเกิดอะไรขึ้นเหรอ มันแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตแล้ว”
ฉินซีเลิกคิ้ว”กระจายแล้วเหรอ กระจายอะไรเหรอ”
อานหยันตอบด้วยไม่พอใจ”ฉินซึ่งเทียนไม่ใช่คน ทำให้ลูกสาวไปทางที่สิ้นหวังอะไรแบบนั้น แกไม่รู้หรอกว่าภาพนั้นน่ากลัวขนาดไหน ฉันคิดว่าคุณเกิดอะไรขึ้นแล้วซะอีก”
ฉินซีอึ้ง”ภาพอะไร เมื่อวานหลังๆฉันลมหลับไปแล้ว ไม่ได้เล่นอินเทอร์เน็ต ก็ไม่ได้ดูโทรศัพท์ด้วย”
เมื่ออานหยันได้ยินเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสับสน เธอก็รู้ว่าเธอไม่รู้อะไรจริงๆ เธอถึงอ่อนโยนขึ้นว่า”ฉันจะส่งลิงค์ให้แก แกดูเองแล้วกัน ตอนนี้แกรู้สึกยังไงบ้าง ร่างกายไม่มีอะไรใช่มั้ย”
ฉินซีส่ายหัว”ไม่เป็นไร ฉันสบายดี”
“ฉันรู้จักแกดี” อานหยันพูด”ตอนไหนแกก็บอกว่าสบายดีทั้งนั้นแหละ”
ฉินซียิ้มอย่างไม่รู้ทำยังไง”ฉันสบายดีจริงๆ ฉันกลับบ้านบ่ายนี้แล้ว ถ้าแกเป็นห่วงจริงๆ ก็มาดูที่รีสอร์ทชิงหยวนสิ”
เมื่ออานหยันได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ค่อยโล่งใจหน่อย และบอกให้เธอดูแลตัวเองให้ดีๆ ถึงจะวางสาย
ฉินซีวางสายและได้รับลิงค์จากเธอแล้ว
เธอกดเข้าไปลิงค์หนึ่ง ก็รู้สึกตกใจกับหัวข้อข่าวที่น่าตื่นเต้น
“ความไม่ลงรอยกันภายในของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ฉินซึ่งเทียนลงมือฆ่าลูกสาวคนโต”
เธอเลื่อนลงไปเรื่อยๆ และอ่านอย่างเร็ว โดยไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือเปล่า
ข่าวนี้ครอบคลุมมาก รวบรวมข่าวสารทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตและเขียนอย่างรายละเอียด
มันแสดงให้เห็นว่ามีคนโพสต์บนWeibo โดยบอกว่าเห็นบอดี้การ์ดหลายคนจับหนุ่มสาวคู่หนึ่ง และมีคนถูกทำร้ายเข้าโรงพยาบาลด้วย จากนั้นมีคนจากตลาดกลางคืนในเมืองเก่ารับสัมภาษณ์ว่า เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกบังคับจนสิ้นหวัง เลือกที่ขับรถทำพังแผงขายอาหารของพวกเขาอย่างไม่สนใจอะไร ท้ายด้วยภาพหลายรูป พยานแถวนั้นเห็นกับตาว่า รถคันนั้นถูกคนที่ฉินซึ่งเทียนพามาบังคับขับเข้าไปในสถานที่ก่อสร้าง คนก็ถูกเจาะ เลือดเต็มพื้นเลย
ภาพถ่ายดูน่ากลัวอย่างมาก และข่าวก็ไม่ได้พูดให้ชัดเจน ให้ผู้คนสามารถมองเห็นได้ว่าเป็นเลือดของใครมันง่ายที่จะเข้าใจผิดว่าคนที่ถูกเจาะคือฉินซี
ไม่น่าล่ะที่อานหยันกังวลมาก
ฉินซีถอนออกมาและอ่านคอมเมนท์
มีคอมเมนท์ทุกอย่างเลย บางคนจับเรื่อง”หนุ่มสาว” ไม่ปล่อย โดยคิดว่าฉินซีจะหนีกับผู้ชายคนอื่น และ ฉินซึ่งเทียนไม่เห็นด้วยเลยสั่งคนมาจับตัวเธอ บางคนเยาะเย้ยสภาพอากาศที่ปั่นป่วนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปในช่วงนี้ ฉินซึ่งเทียนยังมีอารมณ์ที่จะกังวลเรื่องของลูกสาวอีก แต่คนส่วนใหญ่จะนึกเรื่องเกิดขึ้นในหลายวันที่ผ่านมา คิดว่าฉินซึ่งเทียนเอาเรื่องถูกตรวจสอบอย่างกะทันหันของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป พานกับลูกสาวหรือเปล่า ถึงต้องรีบส่งคนไปไล่ตามเธอ
บทที่ 1049 อยู่เคียงข้างเธอโดยไม่พลาดสายตา
ทั้งสองลุกขึ้นจะเดินออกไปข้างนอก ลู่เซิ่นก็เดินอยู่ข้างๆฉินซี
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองเขา และมีความสงสัยอยู่ในใจของเธอ
เธอรู้สึกเสมอว่า หลังจากครั้งนี้เธอได้รับบาดเจ็บและเข้ารับรักษาในโรงพยาบาล ลู่เซิ่นก็อ่อนโยนกับเธอมาก
ฉินซีเจ็บแค่มือซ้าย แต่ลู่เซิ่นทำเหมือนว่าเธอเป็นตุ๊กตาเครื่องเคลือบ และยืนเคียงข้างเธอโดยไม่พลาดสายตาเลย
เธอจะมีลางสังหรณ์ว่า ความอ่อนโยนอย่างกะทันหันนี้เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บของเธอ มันก็เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่คืบหน้าอย่างรวดเร็วของพวกเขาด้วย แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุหลัก
ดูเหมือนว่า … มีเหตุผลอื่นๆ
แล้วเธอก็รู้ว่า ถ้าเธอไปถามลู่เซิ่น ต้องไม่ได้คำตอบแน่
และบางทีคำตอบนี้ … อาจอยู่กับหมอที่กำลังจะพบก็ได้
ลู่เซิ่นไม่รู้เธอคิดอะไรในใจอยู่ เมื่อเห็นเธอเงยหน้าขึ้น เขาก็ก้มหัวลงและยิ้มให้เธอ
……อีกแล้ว
ฉินซีพูดในใจ
หลายวันนี้เขายิ้มกับเธอเยอะเหลือเกิน
เมื่อคนที่เย็นชาอ่อนโยนขึ้นมา มันจะทำให้คนเราไม่ไหวจริงๆ
ห้องทำงานของคุณหมออยู่ไม่ไกล สองคนเดินแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว หมอกำลังรออยู่หน้าประตู หลังจากทักทายพวกเขาสองสั้นๆ ก็ให้ฉินซีเข้าไปคนเดียว
ลู่เซิ่นไม่ได้ตามไป เขารู้ว่าการตรวจสอบแบบนี้ไม่สะดวกให้คนอื่นเข้าไป
เขาแค่หันไปนั่งบนโซฟาในพื้นที่นั่งรอ และหยิบเอกสารออกมา
…
ฉินซีเดินเข้าไปในห้อง และประตูก็ค่อยๆปิดไป
เธอมองไปรอบๆ คงเพราะต้องการให้คนไข้ผ่อนคลายโดยเร็วที่สุด และเข้าใกล้กับหมอได้มากขึ้น ห้องทำงานของหมอได้ตกแต่งอย่างอบอุ่น ไม่ใช่สีขาวเย็นเหมือนห้องทำงานอื่นๆ แล้วมีเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ มากมายในโทนสีอบอุ่น
“นั่งลงเลย”
หมอดึงเก้าอี้นุ่มๆออกมา
ฉินซีพยักหน้าและนั่งลง
“เมื่อวานฉันเห็นCTด้านสมองสมองของคุณแล้ว ตอนแรกฉันสงสัยว่าคุณมีความจำเสื่อมบางส่วน เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันมีหลายคำถามที่อยากจะถามคุณ ขอตอบตามความจริงได้ไหม”
หมออายุ50กว่าแล้ว ดวงตาดูอ่อนโยนมาก ไม่มีความก้าวร้าวใดๆ
ฉินซีจ้องดวงตาของเขาและพยักหน้า
“ก่อนอื่น ฉันต้องแน่ใจว่าคุณมีโรคเครียดหลังเกิดบาดแผลหรือเปล่า”หมอถามอย่างอ่อนโยน”เมื่อวานตอนที่คุณเห็นเลือด นึกถึงอะไรบ้าง”
การแสดงออกของฉินซีดูมึนงงเล็กน้อย”เมื่อฉันเห็นเลือด .. มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นในหูของฉันค่ะ”
หมอเงยหน้าขึ้น”เสียงกรี๊ดเหรอ”
ฉินซีพยักหน้า
หมอครุ่นคิดอยู่สักพัก ถึงจะพูดต่อว่า”คุณ … เคยเห็นสภาพคล้ายๆกันมาก่อนไหม”
ใบหน้าของฉินซีซีดไป สับสนไปพักหนึ่ง ถึงค่อยๆพยักหน้า”ฉันเห็นกับตาว่า แม่ของฉันกระโดดลงจากตึก … ”
สีหน้าของหมอเริ่มจริงจัง”กระโดดจากตึกเหรอ คุณสามารถนึกขึ้นได้มากเท่าไหร่”
ฉินซีพยายามคิด แต่ดูเหมือนจะมีเสียงกรีดร้องเบาๆในหูของเธออีก
เธอขมวดคิ้ว”ฉัน …ฉันนึกขึ้นได้ไม่มาก ฉันแค่จำได้ว่ามีเลือดกองใหญ่อยู่ที่พื้น และมีเสียงกรีดร้องอยู่รอบ ๆ ฉัน ฉันยืนอยู่กับที่และมองทุกอย่าง … ”
เหงื่อเย็นๆไหลออกมาจากหน้าผากของเธอ หมอรีบขัดจังหวะการนึกภาพของเธอทันที”โอเค ดื่มน้ำก่อนนะ ไม่ต้องรีบ”
…
ลู่เซิ่นจัดการเสร็จเอกสารที่กองไว้เมื่อวาน และกำลังรับเอกสารของวันนี้อยู่ ก็เห็นประตูห้องทำงานของหมอเปิดแล้ว
ฉินซีตามหมอเดินออกมา หน้าซีดเบาๆ
“ฉินซี”เขาตื่นเต้นขึ้นมา รีบวิ่งเข้าไป
หมอยิ้มและปลอบใจว่า”ไม่มีอะไร เธอแค่ใช้พลังงานนึกภาพมากเกินไป แค่กลับไปทานอาหารกลางวันดีๆก็หายแล้ว”
ลู่เซิ่นมองฉินซีอย่างสงสัย เมื่อเห็นเธอพยักหน้า เขาก็ค่อยๆโล่งใจและถามด้วยเสียงต่ำ “แล้วอาการของเธอ … เป็นอย่างไรบ้าง”
หมอส่ายหัว”นี่คือความเป็นส่วนตัวของคนไข้ ฉันจะบอกง่ายๆไม่ได้ แต่คุณสามารถถามเธอเอง ถ้าเธอยอมบอกคุณ คุณก็จะรู้เอง”
ลู่เซิ่นแทบจะไม่เคยถูกปฏิเสธโดยตรงแบบนี้ สีหน้าไม่ดีขึ้นมาทันที แต่ฉินซีดึงแขนเสื้อของเขา”กลับไปค่อยว่ากันนะ”
ลู่เซิ่นก็เลยพยักหน้าให้หมอและเดินกลับไปที่หอผู้ป่วยกับฉินซี
สองคนกลับถึงที่ห้อง ลู่เซิ่นปิดประตูห้องไว้ เดินไปข้างๆฉินซี และพูดอย่างลังเล”คุณ … รู้สึกยังไงบ้าง”
ฉินซียิ้ม”คุณอยากถามฉันว่า ฉันลืมอะไรหรือเปล่าใช่มั้ย”
ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบ แต่สายตาของเขาชัดเจนมาก
มีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าฉินซี แต่เธอหนีสายตาไป”ใช่ค่ะ หมอแน่ใจว่า ฉัน.. ได้สูญเสียความทรงจำไปบ้างจริงๆ”
สีหน้าของลู่เซิ่นกลายเป็นซับซ้อนทันที
แต่ฉินซีมองไม่เห็น ยังพูดถึงตัวเองว่า”ฉัน…เห็นกับตาว่าแม่ของฉันกระโดดจากตึก แต่ฉันจำเรื่องอะไรของช่วงนั้นไม่ได้เลย คุณแม่กระโดดลงมาจากตึกได้ยังไง ฉันจะปรากฏตัวอยู่ที่นั่นได้ยังไง และเกิดอะไรขึ้นอีกหลังคุณแม่กระโดดลงตึก ฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย ความทรงจำบางส่วนของฉันว่างเปล่า ฉันแค่จำได้ว่าเธอกินยาฆ่าตัวตายด้วยครั้งแรก ฉันพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล และฉันจะไปที่ตระกูลฉินขอคำอธิบายจากฉินซึ่งเทียน ต่อมาก็คืองานศพของเธอแล้ว ระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันจำอะไรไม่ได้แล้ว”
สีหน้าของลู่เซิ่นดูเคร่งขรึม แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ฟังฉินซีพูดต่อ
“ฉันแค่จำได้กองเลือด เลือดที่กระเซ็น เมื่อฉันคิดถึงเรื่องนี้ หูของฉันจะมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันจำได้”มือของฉินซีกำแน่นเป็นกำปั้นโดยไม่รู้ตัว”หมอตัดสิน ฉันคงได้รับการกระตุ้นจากสภาพที่คุณแม่กระโดดลงจากตึก ดังนั้นฉันจึงเป็นโรคเครียดหลังบาดแผล เพื่อป้องกันตนเอง ฉันจึงปิดกั้นความทรงจำในช่วงเวลานั้นไว้”
ลู่เซิ่นยังไม่พูดอะไร แต่เอื้อมมือไปจับมือของฉินซี
มือของเขาอุ่นมาก และอุณหภูมิก็ไหลลงสู่ผิวของเธอเป็นยังถึงเลือด ทำให้เธอสติกลับมาหน่อย
“อีกอย่าง หมอบอกว่าฉันอาจจะไม่ใช่แค่สูญเสียความทรงจำในช่วงเวลานั้น”ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองดวงตาของลู่เซิ่น ลังเลอยู่สองสามวินาที และตัดสินใจสารภาพว่า”ฉันมีการกระทำโดยไม่รู้ตัวมากมาย แต่จำไม่ได้ว่าทำไมถึงมี หมอบอกว่านี่อาจเป็นเพราะสภาพจิตใจของฉันไม่มั่นคงพอ จึงมีความทรงจำอื่นๆมาเกี่ยวข้องกัน”
ลู่เซิ่นยกมือขึ้นและจับแก้มของเธอ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “สูญเสียก็ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้คุณดีมากแล้ว”
“ลู่เซิ่น”ฉินซีก็พูดขึ้นมา”หลังจากที่คุณรู้ว่าฉันสูญเสียความทรงจำ จู่ๆคุณก็อ่อนโยนกับฉันมาก เป็นเพราะว่า… ความทรงจำที่ฉันสูญเสียไป มีบางส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า”
สายตาของลู่เซิ่นฉายแววตื่นตระหนกเล็กน้อย ฉินซีอยู่ใกล้กับเขามาก ดังนั้นเขาจึงปกปิดไม่ทัน ถูกฉินซี มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ลู่เซิ่นวางมือลง ยืนขึ้นและถอนหายใจเบาๆว่า”ใช่”
ฉินซีฉลาดกว่าที่เขาคิดอีก และมันไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธ
“มันคืออะไร”ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองเขา
ลู่เซิ่นดึงรอยยิ้มที่มุมปากออกมา ส่ายหัว”เดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลกลับถึงรีสอร์ทชิงหยวนจะบอกคุณ”
ฉินซีอยากให้ความคิดเห็นไปทางที่รุนแรงอยู่แล้ว ตอนนั้นเธอคิดว่าถ้าเธอหายตัวไปจะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากขึ้น แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
“ฉันให้บริษัทประชาสัมพันธ์นำไปทางที่ดีแล้ว”ลู่เซิ่นยืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่ตอนไหนก็รู้ และพูดเบาๆว่า “ไม่ต้องกังวล มันจะนำไปทางที่กล่าวหาฉินซึ่งเทียน และคุณจะไม่เกี่ยวข้องแน่”
ฉินซีพยักหน้า
เมื่อลู่เซิ่นพูดเช่นนั้น เธอก็เลือกที่จะเชื่อเขาโดยสัญชาตญาณ
“ใกล้จะถึงเวลานัดหมายแล้ว เรา … ไปพบหมอกันนะ”น้ำเสียงของลู่เซิ่นดูระมัดระวังเล็กน้อย
ฉินซีคิดไปสักพัก ถึงจะนึกขึ้นได้
พวกเขาไม่ใช่ไปพบหมอธรรมดา แต่เป็นจิตแพทย์
แต่ฉินซีก็สงสัยมากว่าเธอสูญเสียความทรงจำไปหรือเปล่า เธอจึงพยักหน้า”ไปเถอะ