Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1055
บทที่ 1055 ที่นี่จะเป็นบ้านของเธอตลอดไป
“ข่าวอะไรเหรอ” จ้าวจิ้งยังเด็กที่ไม่สามารถกลั้นอารมณ์ได้ เมื่อเห็นอานหยันอุบไว้แบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
อานหยันยิ้ม “มีคนส่งข้อความถึงพวกเขาว่าไม่ว่าใครก็ตามที่ทุ่มเงินซื้อรูปภาพ พวกเขาจะให้เงินเป็นสองเท่าเพื่อให้นักข่าวลงรูปถ่ายและเขียนรายงานออกมา”
เมื่อเธอพูดเช่นนี้ ฉินซีก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้
เธอยังจำข่าวที่ออกกันอย่างมืดฟ้ามัวดินในบ่ายวันนั้นได้ มีการจ่ายเงิน…เพื่อให้รายงานข่าวจริงๆอย่างนั้นเหรอ
อานหยันอ่านความคิดของเธอ เธอยิ้มพลางโบกมือ “ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับข้อเสนอที่ว่าจ่ายเงินเพื่อซื้อข่าวหรอกนะ แต่ถ้าอยากจะคำนวณจริงๆขึ้นมาล่ะก็ คาดว่าต้องจ่ายเงินไปไม่น้อยเลยล่ะ”
ฉินซีลดสายตามองต่ำ
วิธีแบบนี้ ด้วยเงินมากมายเช่นนี้ ไม่มีใครทำได้นอกจากลู่เซิ่น
เขาทำอะไรต่อมิอะไรมากมายลับหลังเธอ…
จ้าวจิ้งมองไม่ออกว่าอารมณ์ของฉินซีเปลี่ยนไป เธอจับอานหยันพลางเอ่ยถาม “งั้นกระแสสังคมในช่วงไม่กี่วันมานี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยเงินงั้นเหรอ”
อานหยันยิ้ม “แน่นอน เธอคิดว่าบริษัทประชาสัมพันธ์ราคาสูงพวกนั้นจะจ่ายเงินไปโดยเปล่าประโยชน์รึไง”
ไม่กี่วันมานี้ จ้าวจิ้งและฉินซียุ่งวุ่นวายอยู่กับเรื่องอื่นๆ ไม่มีเวลาสนใจข่าวตลอดเวลาหรือบางทีพวกเขาอาจจะยังไม่รู้
แต่อานหยันที่อยู่ในแวดวงการข่าว รู้ดีว่าไม่กี่วันมานี้ ตระกูลฉินถูกตราหน้าถึงความอัปยศจริงๆ
นับตั้งแต่รายงานในนิตยสารการเงินฉบับแรกเริ่มขึ้น ข่าวต่างๆที่เกี่ยวกับตระกูลฉินก็ไม่เคยหยุดนิ่งอีกเลย
แม้ว่ารายงานของนิตยสารทางการเงินจะสามารถเข้าใจได้ง่าย แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยสนใจอ่านบทความดังกล่าว พวกเขาอาจรู้เพียงว่าการฉ้อโกงเงินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจมาก
ซึ่งรายงานในวันที่สองก็ยังคงวนเวียนอยู่กับประเด็นนี้ คนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ตรวจสอบอย่างไรและพวกเขาตรวจพบอะไรบ้าง นอกจากนักลงทุนในตลาดแล้ว ประชาชนทั่วไปจะไม่สนใจติดตามข่าวดังกล่าวมากนักโดยเพียงอ่านๆแล้วก็ผ่านไป
แต่ในวันที่สาม ความคิดเห็นของชาวเน็ตก็เริ่มเปลี่ยนไป
ราคาหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปลดลงเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน แนวโน้มในอนาคตดูมืดมนมาก นักลงทุนสถาบันหลายรายได้ยื่นฟ้องเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยสำหรับการขาดทุนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ความอยากรู้อยากเห็นของประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น
ความขัดแย้งระหว่างบริษัทใหญ่เหล่านี้เป็นหัวข้อที่ทุกคนชอบที่ฟังมาโดยตลอด
เมื่อมาถึงวันที่สี่ จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดก็เกิดขึ้น
——ตระกูลฉินผิดนัดชำระเงินกับเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ได้เร่งรัดหลายต่อหลายครั้ง ตนเองถูกเจ้าหนี้ทวงเงินจึงกระโดดตึกเสียชีวิต
คราวนี้เป็นการโจมตีอย่างรุนแรง
เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์มักจะเป็นข่าวที่ชื่นชอบของสังคม
หัวข้อปลุกระดม ควบคู่ไปการร้องเรียนจากเจ้าหนี้ แค่ชั่วพริบตาเดียวก็ดึงบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปขึ้นไปจุดสูงสุดของปัญหา
ความสนใจของสาธารณชนล้วนจดจ่อไปที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป จะเห็นได้ว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเกิดเรื่องมากมายกับฉินซื่อกรุ๊ป
กระแสของชาวเน็ตเป็นตัวควบคุมที่ดีที่สุด เมื่อมีข่าวแบบนี้ออกไป บนโลกอินเทอร์เน็ตก็ล้วนด่าทอฉินซื่อกรุ๊ปแม้ว่าบริษัทจะจงใจลบมัน แต่ก็ไม่สามารถลบได้ซึ่งในทางกลับกันมันกลับทำให้ทุกคนโกรธมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นชาวเน็ตส่วนใหญ่จึงค้นหาข่าวต่างๆที่เกี่ยวกับฉินซื่อกรุ๊ป ส่วนเรื่องอื้อฉาวเก่าๆก็ถูกขุดขึ้นมาด้วย
ตระกูลฉินเป็นเหมือนรูปปั้นคุกเข่าฉินฮุ่ย ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินผ่านไปมาต่างก็พากันถ่มน้ำลายใส่
ตระกูลฉินใช้ความพยายามอย่างมากในการออกแถลงการณ์ต่างๆ เมื่อกระแสดูเหมือนจะสงบลง เรื่องของฉินซีก็ถูกโพสต์บนโลกอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
ภาพและข่าวลือต่างๆบนอินเทอร์เน็ตแพร่สะพัดมาตลอดหนึ่งวัน โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาจู่ๆสื่อกอสซิปชื่อดังก็ได้ออกมารายงานข่าว
โดยรายงานข่าวเขียนอย่างกำกวม ข่าวหลายข่าวมีความคลุมเครือซึ่งคนอื่นๆอาจไม่รู้ แต่แค่อานหยันอ่านก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่านี่เป็นวิธีการปิดบังข้อมูลสำคัญโดยเจตนาเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อื่น
ในรายงานกล่าวถึงสถานการณ์ของฉินซีในช่วงปีที่ผ่านมา เขียนบรรยายว่าเป็นอะไรที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง เธอดูเหมือนซินเดอเรลล่าที่ถูกแม่เลี้ยงรังแก เธอจึงหนีออกจากตระกูลฉินด้วยความเหลืออด แต่ครอบครัวฉินกล่าวหาเธอในข้อหาที่ไม่มีเหตุผล มีการลักพาตัวเธออีกทั้งยังฆ่าเธอด้วย
ภาพนั้นเปื้อนเลือดต่อให้มองยังไงก็ทำให้คนกลัว อีกทั้งยังทำให้ทุกคนมีอารมณ์ร่วมมากยิ่งขึ้น
จากเดิมที่ทุกคนโกรธกันอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเขาคิดว่าการด่าทอบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปในหลายวันที่ผ่านมานั้นไร้ประโยชน์ อีกทั้งบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปนั้นแท้จริงแล้วก็ไม่ใช่ของฉินซึ่งเทียน
ฉินซึ่งเทียนสามารถทำสิ่งที่โหดร้ายต่อเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้ ไม่น่าแปลกใจที่จะมีเรื่องอื้อฉาวมากมายในฉินซื่อกรุ๊ป
ดังนั้นปลายกระบอกปืนของชาวเน็ตจำนวนมากจึงเปลี่ยนตำแหน่งและหันไปทักทายฉินซึ่งเทียนแทน
อานหยันเชื่อว่า ในตอนนี้ฉินซึ่งเทียนคงจะซ่อนตัวอยู่ในบ้านของตัวเอง ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกอย่างเพื่อหลีกหนีการคุกคามจากชาวเน็ตที่กำลังโกรธแค้น
หลังจากฟังสิ่งที่อานหยันพูด ปากของจ้าวจิ้งก็เปิดขึ้นเล็กน้อยและเธอก็ดูประหลาดใจมาก “โอ้พระเจ้า…ฉันคาดไม่ถึงว่าความคิดเห็นของชาวเน็ตจะสามารถเอามาใช้แบบนี้ได้”
ฉินซีเองก็เพิ่งรู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย สีหน้าของเธอดูประหลาดใจไม่น้อยไปกว่า จ้าวจิ้งหลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดขึ้น “ฉัน…ไม่รู้อะไรเลย”
มิน่าล่ะฉินหว่านถึงได้รู้สึกโกรธมากจนต้องต่อสายตรงหาเธอ
บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปถูกผู้คนด่าทอ ในขณะที่ถูกสอบสวนหากผู้ตรวจสอบเหล่านี้เห็นข่าวบนอินเทอร์เน็ตคาดว่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะดำเนินการสอบสวนอย่างสมบูรณ์และเป็นธรรมโดยปราศจากความลำเอียงใดๆ
“ความคิดเห็นของผู้คนสามารถฆ่าคนได้จริงๆ” อานหยันกล่าวสรุป “แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปลุกปั่นอารมณ์ของผู้คนได้นานขนาดนี้ ตามที่ฉันรู้ บริษัทพีอาร์จะต้องเรียกเก็บเงินส่วนนี้ด้วย”
เธอเปรียบเทียบตัวเลขกับนิ้วของเธอ แม้แต่ฉินซีก็รู้สึกประหลาดใจ
มัน…มากเกินไป
จู่ๆเธอก็อยากจะขึ้นไปชั้นบนและโผเข้ากอดลู่เซิ่นทันที
แต่เพราะยังมีแขกสองคนอยู่ตรงหน้า เธอจึงต้องระงับอารมณ์เอาไว้
เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว จ้าวจิ้งได้พูดทุกอย่างที่ควรพูดแล้วและเธอต้องกลับไปก่อนเวลาเพื่อเตรียมตัวสำหรับคดีของเห้อเสียงดังนั้นเธอจึงขอตัวกลับก่อน
ฉินซีและอานหยันไปส่งเธอขึ้นรถ ส่วนอานหยันก็เดินไปที่รถของเธอ
ฉินซียืนอยู่ข้างประตู ดูเธอเปิดประตูรถที่จู่ๆก็หันมามองตัวเองพลางพูดขึ้น “เธออยากรู้รึเปล่าว่าวันที่เธอมาดื่มที่บ้านฉันจนเมา ตอนที่ลู่เซิ่นมารับเธอเขาพูดว่าอะไร”
ฉินซีไม่คาดคิดว่าจู่ๆเธอจะพูดถึงเรื่องนี้ “แน่นอนสิ ฉันอยากรู้มาตลอด แต่เธอไม่เคยบอกเลย”
อานหยันยิ้ม “อันที่จริงเพราะลู่เซิ่นส่งข้อความมาให้ฉันว่าไม่ให้บอกเธอน่ะ”
ฉินซีเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ลู่เซิ่นไม่ให้เธอพูด?”
ใบหน้าของอานหยันเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ฉันจะไม่ฟังเขา เขาห้ามฉันไม่ให้พูดแล้วคิดว่าฉันจะไม่พูดรึไงกัน” “งั้นเธอก็บอกมาสิ” สีหน้าของฉินซีเอือมระอาเต็มที
อานหยันยิ้มพลางขยับมาที่หูของเธอ “เขาพูดว่า รีสอร์ทชิงหยวนจะเป็นบ้านของเธอตลอดไปและเธอทั้งสองคนก็ไม่ได้หย่ากัน”