Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1076
บทที่ 1076 ลบไม่ออก
“คุณคือหลี่เหวย?” หัวหน้าบอดี้การ์ดเอ่ยถามขึ้น
หลี่เหวยขมวดคิ้วอย่างไปพอใจ “แกเป็นใคร? กล้าดียังไงมาเรียกชื่อฉันตรงๆ ฉินซีล่ะ เรียกมันออกมา ฉันจะพบเค้าด้วยตัวเอง!”
หัวหน้าบอดี้การ์ดผ่านอะไรมานักต่อนัก เขายังคงความนิ่งเมื่อถูกหลี่เหวยเยาะเย้ย เพียงเอ่ยเสียงเย็น : “คุณผู้หญิงให้เรามาหาคุณ”
หลี่เหวยได้ยินเช่นนั้น เธอยืดตัวขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าของตน : “เหอะ นับว่ามันยังฉลาดพอ”
ผู้คนที่รุมล้อมถูกบอดี้การ์ดไล่ออกไปจนหมด หลี่เหวยเล่นละครคนเดียวไร้ผู้ชมไร้ความหมายอะไร แถมเธอได้บรรลุเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อย เมื่อฉินซียอมพบเธอ จึงไม่เอ่ยใดๆให้มากความ เธอพยักหน้ารับ : “นำไปสิ”
บอดี้การ์ดหมุนตัวเดินนำไปอย่างว่าง่าย
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่เหวยได้มารีสอร์ทชิงหยวน ไม่คุ้นชินนัก เมื่อเห็นบอดี้การ์ดเดินนำไป เธอไม่รอช้า เร่งฝีเท้าตาม
ครู่หนึ่ง หลี่เหวยรู้สึกถึงความผิดปกติ
ทำไมพวกเขาถึงเดินอ้อมรอบนอกรีสอร์ท แม้ประตูใหญ่ยังไม่เข้า
“เห้ยเห้ย!” เธอเร่งฝีเท้าฉุดรั้งบอดี้การ์ดเอาไว้ “แกจะไปไหนกัน! ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเราไม่ได้เดินในรีสอร์ท”
บอดี้การ์ดไม่เอ่ยใดๆ
หลี่เหวยลังเล ไม่เดินตามอีกต่อไป : “พวกแกไปเรียกฉินซีออกมา!”
บอดี้การ์ดกลับหลังจ้องมองเธอ ไม่ยอมปริปากเช่นเคย
หลี่เหวยเห็นสีหน้านิ่งขรึมเย็นชา ในหัวจินตนาการไปต่างๆนาๆอย่างน่ากลัว
…..ทำไมถึงเดินอ้อม? ยิ่งเดินยิ่งไกลออกไป จะไปไหนกันแน่?
…..ฉินซีคิดทำมิดีมิร้ายต่อเธอหรือเปล่า? หรือจะลงมือกับเธอ?
หลี่เหวยตระหนกสั่นเทา จินตนาการไปต่างๆนาๆ จนตกใจกลัว เธอไม่มีทางเดินไปข้างหน้าเป็นอันขาด พลันโวยวายอยู่กับที่ : “พวกแกจะพาฉันไปไหน? ฉินซีอยู่ไหน? เรียกมันออกมา!”
เพียงแต่คราวนี้เธอเดินตามบอดี้การ์ดมาไกลพอสมควร รอบข้างไร้ซึ่งผู้คน ไม่ว่าเธอจะโวยวายอย่างไรก็ไม่มีใครได้ยิน
บอดี้การ์ดทั้งหลายยืนนิ่งราวรูปปั้น ไร้ปฏิกิริยาใดกับการโวยวายของเธอ
พวกเขานิ่งมากเท่าไหร่ ความกลัวของหลี่เหวยทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น เธอยืดตัวตรงหวังเดินไปข้างหน้า
แต่กลับถูกบอดี้การ์ดขวางทาง ไม่ให้ไปไหน
หลี่เหวยใบหน้าขาวซีด น้ำเสียงสูงขึ้นเรื่อยๆ : “พวกแกจะทำอะไร! ฉันเป็นนายหญิงของตระกูลฉิน พวกแกจะทำอะไรฉัน!”
เสมือนว่าบอดี้การ์ดบ้าใบ้ ไม่ปริปากแม้คำเดียว แถมยังไม่ยอมปล่อยเธอไป พวกเขาล้อมหลี่เหวยไว้ตรงกลาง ไม่ให้เธอไปไหนได้
หลี่เหวยตกใจกลัวกับจินตนาการของตน หัวใจเต้นรัวราวจะหลุดออกมา : “พวกแกคิดจะทำอะไรกันแน่…..ฉินซีสั่งให้พวกแกทำอะไร…..พวกแกจะทำอะไรฉันไม่ได้เด็ดขาด…..”
เธอร้องตะโกนอยู่อย่างนั้นราวเสียสติ ทันใดนั้นเหมือนว่าเธอนึกอะไรขึ้นได้ เธอเอื้อมมือลูบไล้กระเป๋า : “โทรศัพท์! โทรศัพท์ฉันล่ะ! ฉันจะโทรหาคนของตระกูลฉิน! พวกแกอย่าคิดจะทำอะไรฉันนะ!”
เธอตื่นตระหนก มือทั้งสองข้างคุ้ยเขี่ยไปมา ควานหาโทรศัพท์อยู่นานกว่าจะเจอ เธอกำโทรศัพท์แน่น กวาดสายตามองรอบตัวด้วยความระแวดระวัง เกรงถูกบอดี้การ์ดแย่งไปจากเธอ
แต่เหล่าบอดี้การ์ดกลับไม่สนใจโทรศัพท์ของเธอ ยังคงแน่นิ่งเช่นเคย
หลี่เหวยกดโทรหาฉินหว่านอย่างเร็ว : “หว่านหว่าน! แม่ติดอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน รีบมาเร็วเข้า!”
ไม่ทันที่ฉินหว่านจะได้เอ่ยถามใดๆ หลี่เหวยกดวางสายโทรศัพท์ สายตาเหลือบมองไปยังทิศทางที่ใครบางคนเดินเข้ามา
ฉินซีปรากฏตัวขึ้นเสียที
แต่ละก้าวที่เชื่องช้าของเธอ เสมือนเดินเล่นหลังอาหาร
ความกลัวเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เธอก้าวเดินอย่างโมโห มุ่งไปทางฉินซี
“ฉินซี!” หลี่เหวยกัดฟันกรอด “แกคิดจะทำอะไรกันแน่!”
ฉินซีนิ่งเฉย : “จะทำอะไร? ฉันต่างหากที่ต้องถามคุณ คุณแหกปากโวยวายหน้าบ้านฉัน รบกวนเวลาอาหารเที่ยงของฉัน”
หลี่เหวยใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ : “ฉินซี! แกอย่าคิดนะว่าแต่งเข้าบ้านผู้ดีแล้วจะกลายเป็นหงส์ขึ้นมาได้! อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้! ลู่เซิ่นหย่ากับแกไปแล้ว! แกนี่มันหน้าด้านจริงๆ ก็แค่ขอทานที่ไม่ยอมไปจากบ้านเค้าแค่นั้น!”
ฉินซีนิ่งเฉยกับประโยค เพียงแค่พยักหน้า : “ใช่ อย่างน้อยฉันสามารถอยู่ที่นี่ได้ ยังดีกว่าคุณที่ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมไปไหนอยู่ได้แค่หน้าบ้าน”
หลี่เหวยคิดตอบโต้ แต่กลับถูกฉินซีขัดขึ้น
“หลี่เหวย เธอจะทำอะไร รีบพูดเร็วเข้า ฉันไม่มีเวลาที่จะเสียกับเธอ” ฉินซีขมวดคิ้ว อย่างไร้ความอดทน
เธอโมโห แต่เมื่อนึกถึงเป้าหมายในการมาที่นี่ จึงอดกลั้นกลืนลูกไฟกลับลงคอพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : “ที่ฉันมา ไม่ได้มีอะไรมากหลอก ก็แค่เห็นว่า…..ไม่ได้เจอกันตั้งนาน พ่อเธอคิดถึงเธอมาก แต่ติดต่อเธอไม่ได้ เลยให้ฉันมาพูดกับเธอดู…..”
ท้ายประโยค หลี่เหวยเก้ๆกังๆ
หลายวันมานี้ เธอใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุข
บริษัทฉินถูกตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ท่าทางดุร้าย ไม่ว่าฉินซึ่งเทียนใช้แผนการอะไร ก็ไม่สามารถจบเรื่องนี้ได้เลย
ในโลกออนไลน์คำด่าสำหรับฉินซึ่งเทียนกองโตเป็นภูเขา ที่อยู่และเบอร์โทรของฉินซึ่งเทียนถูกแพร่กระจายว่อนเน็ต หลายวันมานี้ฉินซึ่งเทียนไม่กล้าเปิดเครื่อง เปิดเครื่องมีแต่จะต้องรับสายคนแปลกหน้าประโยคด่าทอไร้จุดจบ
ฉินซึ่งเทียนโมโหจนล้มป่วย
หลี่เหวยจับจ้องเรื่องราวทั้งหมด ด้วยความสลด
ไม่ใช่เพราะห่วงใยฉินซึ่งเทียนซะทีเดียว เธอเพียงแค่ห่วงอนาคตของตน
คิดไปคิดมา ผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ต้องเป็นฉินซี ตน….. คงต้องรองขอร้องเธอดู
หากฉินซียอมปล่อยพวกเขา หลี่เหวยรู้ดี ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งนั้น
อันที่จริงก่อนเธอจะมาที่นี่ เธอได้ทำใจเอาไว้แล้ว เธอรู้ดีฉินซีไม่ทางพบเธอ ฉะนั้นหากเธอโวยวายที่หน้าบ้านต้องได้ผลแน่ๆ เมื่อได้พบฉินซี เธอออดอ้อนเอาใจหน่อย ไม่แน่อาจบรรลุเป้าหมาย
ไม่คาดคิดฉินซีกลับทำเช่นนี้ เธอตระหนกตกใจ เมื่อเป็นเช่นนี้เธอยกเลิกแผนการในทันที
สถานการณ์ตรงหน้าอยู่เหนือการควบคุมของหลี่เหวย ยังไงซะเมื่อครู่เธอเพิ่งอ้าปากด่าฉินซีอยู่หมาดๆ คราวนี้จะให้เยินยอเอาใจ ต่อให้เป็นหลี่เหวย ก็ยากนักที่จะก้มหัวได้
“ถ้างั้นก็ช่วยไปบอกฉินซึ่งเทียนด้วย อย่าคิดถึงฉันง่ายๆ” ฉินซีนยกมุมปากอย่างเยาะเย้ย “เขาคิดถึงฉันขึ้นมาทีไร ต้องสั่งคนจับตัวฉันทุกที แถมยังเล่นกันถึงกับชีวิต ฉันคงไม่มีเกียรติรับไว้ได้”
“แก!” หลี่เหวยพูดไม่ออก เธอสูดหายใจเข้าลึกอยู่หลายรอบกว่าจะสงบอารมณ์ลงได้ เธอเอื้อมแขนคว้าชายเสื้อของฉินซี หวังลดระยะห่างของทั้งคู่ : “ฉินซี ยังไงซะ เขาก็เป็นพ่อของเธอ ไม่ว่าเธอจะโกรธแค่ไหน ก็ลบความจริงไม่ได้อยู่ดี…..”
ฉินซีสลัดชายเสื้อหลุดออกมามือของเธอ พร้อมยิ้มอย่างเย็นชา : “ไม่เห็นหรือไง? ฉินซึ่งเทียนบอกนักข่าวใส่ร้ายแม่ฉันมีชู้ ฉันอาจเป็นลูกชู้ ฉันไม่รู้สึกว่าความจริงข้อนี้จะลบทิ้งไม่ได้”